[CR] 🇹🇭 Signature Bangkok - ซิกเนเจอร์ แบงค็อก Signature Restaurant ของโรงแรม VIE Hotel Bangkok

👉🏻ก่อนเข้ารีวิวเราขอแนะนำแฟนเพจ FB ของเราสักนิด เราเปิดขึ้นมาเพื่อรวบรวมร้านอาหารทั้งในและต่างประเทศมากมาย มาแบ่งปันกัน ฝากกดไลค์ กดแชร เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะค้าาา
    📍 FB: ตามล่า Fine Dining
    📌 IG: Fine Dining lover 
     และช่องทางใหม่ทาง Youtube :  ตามล่า Fine Dining

🇹🇭 Signature Bangkok - ซิกเนเจอร์ แบงค็อก

🍴 French Contemporary - อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย

🎗 [Intro] กรุงเทพเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางด้านอาหารและวัฒนธรรม ทุกคนสามารถค้นหาห้องอาหารได้หลากหลายสัญชาติทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น และตะวันตก อย่างไรก็ตามสำหรับอาหารฝรั่งเศสชั้นสูงแล้วหากให้เขียนรายชื่อออกมาพบว่ามีเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถปรุงอาหารออกมาได้เทียบเคียงกับประเทศต้นตำรับทั้งในแง่ของการคัดเลือกวัตถุดิบ ขั้นตอนการปรุง ความสวยงามของการจัดจาน และความพิถีพิถันในการบริการ จนเมื่อไม่นานมานี้มีห้องอาหารเปิดใหม่อยู่แห่งหนึ่งที่ถูกพูดถึงกันปากต่อปากในหมู่นักชิมและสะดุดตาเราจนกลายเป็นที่มาของรีวิวในวันนี้

🎗 [The Place] Signature Bangkok เป็น Signature Restaurant ของโรงแรม VIE Hotel Bangkok โดดเด่นด้วยวิวมุมสูงของตึกและห้างสรรพสินค้าในย่านราชเทวีและปทุมวัน เมื่อขึ้นลิฟท์มาถึงชั้น 11 ลูกค้าจะมองเห็นเปียโนสีดำขลับพร้อมด้วยเลาจน์ที่ตกแต่งในสไตล์ Art Deco สำหรับนั่งพักก่อนที่จะเริ่มมื้ออาหารด้วย Welcome Drink และ Canapé จากนั้นพนักงานจะเชิญลูกค้าไปที่โต๊ะรับประทานอาหารหลักและเริ่มนำเสิร์ฟ Mise-en-Bouche อย่าลืมเลือกจองที่นั่งริมหน้าต่างเพื่อชมเส้นของฟ้าสุดตระการตาหรือขอนั่งติดผ่าม่านกำมะหยี่ซึ่งจะเปิดออกเมื่อถึงเวลาที่กำหนดเผยให้เห็นถึงห้องครัวแบบ Open Kitchen ที่แอบซ่อนอยู่หลังฉากราวกับเป็นเวทีการแสดงทางอาหารอันน่าตื่นตาตื่นใจ ลูกค้าสามารถชมทีมเชฟปรุงอาหารได้จากด้านหน้าหรือกระทั่งเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อชมการจัดแสดงวัตถุดิบไปจนถึงขั้นตอนการจัดแต่งจาน

🎗 [The Chef] Thierry Drapeau เกิดที่เมือง Nantes ประเทศฝรั่งเศส ด้วยแรงบันดาลใจทางด้านอาหารจากบิดาทำให้ชีวิตวัยรุ่นของเขาวนเวียนอยู่กับการฝึกงานในห้องอาหารชั้นนำอย่าง Le Central ในเมือง Guilvinec และ Le Manoir de la Comète  (1 Michelin Star) ในเมือง Saint-Sébastien sur Loire ส่วนเส้นทางสาย Professional Chef นั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาอายุได้ 18 ปีโดยเข้าทำงานในห้องอาหาร La Truffe Noire (1 Michelin Star) ในเมือง Neuilly-sur-Seine และ Le Grand Véfour ในกรุง Paris เชฟ Thierry Drapeau ยังผ่านประสบการณ์จากห้องอาหารชั้นนำมากมายเช่น Le Bateau Ivre (2 Michelin Stars) ใน Le Bourget du Lac, Gill ใน Rouen, Le Clos de la Violette ใน Aix-en-Provence และ L'Escale (2 Michelin Stars) ในเมือง Carry-le-Rouet

🎗 [The Restaurant] เมื่อสั่งสมประสบการณ์ได้มากพอ เชฟ Thierry Deapeau จึงเปิดห้องอาหารแห่งแรกเป็นของตัวเองขึ้นที่เมือง Les Sables d'Olonne ในปี 1996 โดยใช้ชื่อว่า Auberge Robinson ตัวร้านได้รับรางวัล Bib Gourmand จาก Michelin Guide France ต่อมาในปี 2004 เชฟได้เข้าร่วมการแข่งขัน Meilleur Ouvrier de France ซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ 4 ปีและผ่านเข้าไปลึกถึงรอบชิงชนะเลิศ หมุดหมายสำคัญชีวิตเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีถัดมาเมื่อเชฟตัดสินใจเปิดห้องอาหารระดับกูร์เมท์ที่เมือง Sulpice-le-Verdon โดยใช้ชื่อว่า Restaurant Thierry Drapeau à la Chabotterie ตัวร้านได้รับรางวัล ⭐️ 1 Michelin Star ในปี 2010 ต่อด้วย ⭐️⭐️ 2 Michelin Stars ในปี 2011 หลังจากประสบความสำเร็จมานานเกือบ 9 ปี เชฟ Thierry Drapeau ได้บรรลุข้อตกลงกับ VIE Hotel Bangkok เพื่อย้ายมารับตำแหน่ง Executive Chef ให้กับ Signature Bangkok เมื่อปลายปีที่ผ่านมาจนสร้างเสียงฮือฮาขึ้นทั้งในกรุงเทพและประเทศฝรั่งเศสอยู่พักใหญ่

🎗 [The Food] Signature Bangkok นำเสนอ Set Menu 3 รูปแบบคือเซ็ตมื้อกลางวันจำนวน 3 คอร์ส ที่ราคา 1,250++/p และเซ็ตมื้อกลางคืนจำนวน 3 คอร์สที่ราคา 1,990++/p โดยลูกค้าแต่ละคนสามารถเลือกทาน Starter, Main Course และ Dessert ได้แตกต่างกันออกไป หรือจะเป็นเซ็ตเมนูมื้อกลางคืนจำนวน 5 คอร์สที่ราคา 2,990++/p ยังไม่นับรวม Canapé, Mise-en-bouche และ Mignardise ที่จะได้รับแตกต่างกันออกไปตามแต่ละเซ็ตจำนวนมากที่สุดนับ 10 อย่าง โดยเราขอยกตัวอย่างเมนูที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ จนหาใครเทียบได้ยากมาเล่าให้ฟังตรงนี้สัก 3 อย่างคือ

✨ Blue Lobster
From Brittany – Cucumber Variation – Oxalis Flower
สุดยอดเมนู Signature Dish คอร์สแรก เชฟนำล็อบสเตอร์ไป Slow cooked ต่อด้วยการนำไปทอดกับข้าวกรอบจนออกมาคล้ายกับเทมปุระ สิ่งที่แสดงถึงความสามารถของเชฟคือการทอดล็อบสเตอร์ให้มีความกรอบนอก นุ่มใน ทั้งยังคงความฉ่ำของเนื้อส่วนกลางเอาไว้ได้อย่างไร้ที่ติ ไม่แห้งจนเกินไป มีรสชาติหวาน เด้ง ตัดกับความกรอบของผิวด้านนอก ซอสสีส้มด้านล่างเชฟทำมาจากมันหัวกุ้งให้ความหอมมันรวมไปถึงรสออกขมเบา ๆ เป็นอาฟเตอร์เทสช่วยบาลานซ์โทนรสชาติหวาน นอกจากนี้ยังมี Celery & Cucumber เสิร์ฟมาในหลากหลายรูปแบบหรือ Different Variation โดยเริ่มจากเซเลอรี่และแตงกวาดองหรือ Pickled โรยมาด้านบนเนื้อกุ้งช่วยดึงรสชาติหวานของกุ้งให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น วงล้อมด้านนอกมีหลากหลายองค์ประกอบเริ่มจาก Crème Brûlée ทำมาจากเซเลอรี่และแตงกวาเช่นกัน ตักทานแล้วจะได้ความนุ่มเนียนด้านล่าง และความกรอบของแตงกวาด้านบน เราประทับใจที่แตงกวาที่ใส่มาไม่มีกลิ่นเขียวแม้แต่น้อย องค์ประกอบขวาล่างคือ Pickled Marshmallow เนื้อนุ่มหนึบ องค์ประกอบขวาบนคือส่วนมันจากหัวกุ้งรูปแบบเดียวกันกับคอร์สย่อยที่สองโดยในที่นี้เชฟวางทอปมาบนพาเมซานและเจลลี่แตงกวาทอปมาด้านบนอีกทีหนึ่ง สำหรับคอร์สย่อยที่สองคือส่วนมันจากหัวกุ้งเชฟนำไปทำเป็นซุปแล้วค่อย ๆ รีดัคชั่นจนงวด จากนั้นใส่ครีมแล้วรอให้เซ็ตตัวดูคล้ายกับเจลลี่ แม้รสชาติอาจไม่เด่นแต่แนะนำให้ทานสลับกับคอร์สย่อยแรกเพื่อสัมผัสความนุ่ม มัน และครีมมี่ของส่วนมันจากหัวกุ้งบลูล็อบสเตอร์ เชฟเลือกเสิร์ฟขนมปังโรสแมรี่ที่มีจุดเด่นคือกลิ่นหอมของสมุนไพรคู่มากับบลูล็อบสเตอร์ ข้างกันคือเนยสองชนิดเช่นเดิม ถือเป็นจานที่มีความซับซ้อนทั้งในแง่รสชาติและเทคนิคชนิดที่หาใครเทียบได้ยากเลยทีเดียว (17/20)

✨ My Fisherman’s Friend
‘’Laurent Daniel’’
"A la Grenobloise" – Spinach – Parsley essence
คอร์สที่ดีที่สุดในวันนี้คือเมนูปลาที่เชฟ Thierry Drapeau รับมาจากเพื่อนผู้ทำอาชีพเป็นชาวประมงท้องถิ่นอยู่ในแคว้น Brittany นามว่า ‘’Laurent Daniel’’ โดยคุณ Laurent จะหาปลาจากมหาสมุทร Atlantic แล้วคัดปลาที่ดีที่สุดส่งมาให้ที่ Restaurant Signature โดยตรง สำหรับปลาที่เราได้ทานในวันนี้คือ Atlantic Cod เชฟได้นำปลาค็อดไปคลุกกับเกล็ดขนมปังโดยมีส่วนผสมของเลมอนและเคเปอร์ จากนั้นนำไปแพนเซียจนได้ที่ โดยเราเรียกเทคนิคการปรุงแบบนี้ว่า A la Grenobloise ตามชื่อเมือง Grenoble ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศสนั่นเอง ไฮไลท์คือการที่เชฟสามารถรีดศักยภาพของปลาค็อดซึ่งเป็นปลาที่มีเนื้อสัมผัสดีมาก ๆ อยู่แล้วไปได้จนถึงขีดสุด มีความนุ่ม ละมุน แต่ไม่นิ่มจนเกินไปตัดกันกับความกรอบของเกล็ดขนมปังด้านบน ซอสสีน้ำตาลคือ Hazelnut Truffle Cream Sauce มีกลิ่นหอมของทรัฟเฟิลเข้ากันกับถั่วฮาเซลนัทได้อย่างไร้ที่ติ องค์ประกอบอื่น ๆ ด้านหลังคือ Sauteed Sponach หรือผักโขมที่ผัดจนนุ่ม ข้าง ๆ กันคือ Spinach Pudding ยังมี Caper และ Caper Jelly เสิร์ฟให้ทานสลับกับขนมปัง Pain au Levain ถือเป็นจานปลาที่ดีที่สุดจานหนึ่งเท่าที่เราเคยทานมาในกรุงเทพเทียบเคียงได้กับห้องอาหารชั้นนำในประเทศฝรั่งเศสก็ว่าได้ (17/20)

✨ The King of Vandée
Cherry – Pistachio – Bell Pepper Chutney
“เดอะคิง ออฟ วองเดย์” เป็นจานที่เชฟจับคู่เนื้อเป็ดกับองค์ประกอบสำคัญอีกสองอย่างคือถั่วพิสตาชิโอและเชอร์รี่เสิร์ฟมาเป็นสองคอร์สย่อย เริ่มต้นคอร์สแรกด้วยการนำเนื้อเป็ดไปคลุกกับถั่วพิสตาชิโอ้ จากนั้นจึงจำไปแพนเซียจนสุกระดับมีเดียมแรร์ หนังเป็ดกรอบ เนื้อเป็ดนุ่ม ชุ่มฉ่ำซ้ายมือมีราวิโอลีจิ๋ว ด้านในมีองค์ประกอบของ Cherry Jelly และ Cherry Chutney และ White Chocolate องค์ประกอบเหนือชิ้นเนื้อเป็ดคือผลเชอร์รี่ที่นำไป Sautéed จากนั้นยัดไส้ด้านในด้วย Cherry Jam จบด้วยการวางถั่วพิสตาชิโอเอาไว้ด้านบน องค์ประกอบใต้ลูก Cherry อีกทีคือผล Cherry ที่รองด้านล่างด้วย Pistachio Biscuit สุดท้ายคือองค์ประกอบฝั่งซ้ายมือในจานคือ Chutney ที่มีส่วนผสมของ Cherry และ Bell Pepper ทอปด้วยแผ่นกรอบรูปดอกไม้ทำจากมันบดฉลุลายแล้วใช้สีแดงจาก Cherry โดยให้กลิ่นและรสชาติของพริกหวานไปตัดกับกลิ่นของเชอร์รี่จากองค์ประกอบอื่น ๆ ไม่ให้เด่นจนเกินไป เมื่อยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะพนักงานจะตักซอสร้อน ๆ ราดลงไปบน Cherry Jam ที่รองอยู่ใต้เนื้อเป็ดเพื่อให้ความร้อนจากตัวซอส Cooked แยมให้มีระดับความสุกเพิ่มมากขึ้น ในคอร์สย่อยที่สองของจานนี้เชฟเสิร์ฟมาเป็น Rissole หรือแป้งนุ่มๆสอดไส้ Duck Leg หรือน่องเป็ดเอาไว้ด้านใน ด้านบนทอปด้วยเนื้อเป็ดและ Pistachio Powder ตักทานในคำเดียวชวนนึกถึงเมนูน่องเป็ดกงฟีสุดคลาสสิค สังเกตได้ว่าอาหารแต่ละคอร์สของที่นี่มีองค์ประกอบที่หลากหลายมาก ๆ แม้จะเลือกใช้วัตถุดิบหลักเพียง 2-3 ชนิด (17/20)

🎗 เชฟ Thierry Drapeau สามารถยกระดับ Signature Bangkok ให้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในห้องอาหารฝรั่งเศสที่ดีที่สุดในกรุงเทพ อาหารแต่ละจานมีความสมบูรณ์แบบในทุกขั้นตอนตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบชั้นดีและหาทานได้ยากประกอบกับเทคนิคการปรุงที่มักนำเสนอวัตถุดิบแต่ละชนิดออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกันจนเกิดเป็นความซับซ้อนและความน่าตื่นตาตื่นใจรวมไปถึงการจัดจานอันปราณีตและสวยงามตามแบบฉบับห้องอาหารฝรั่งเศสระดับ Haute Cuisine การบริการเป็นไปอย่างลื่นไหล พนักงานเสิร์ฟทุกคนมีความรู้ความเข้าใจในอาหารทุกจานอย่างถ่องแท้และสามารถตอบคำถามเชิงลึกได้เป็นอย่างดี เราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองพาคนรู้ใจหรือคนในครอบครัวมาลิ้มลองมื้ออาหารที่นี่ให้ได้สักครั้ง (หรือมากกว่านั้น) รับรองว่าจะต้องประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน

📃 February L'Amour (2,990++/p)

Discovery & Heritage by Thierry Drapeau
Canapé
Mise-en-Bouche
 
Blue Lobster
From Brittany – Cucumber Variation – Oxalis Flower
 
Foie Gras From South West
Pan Fried – Butternut pumpkin variation
 
My Fisherman’s Friend
‘’Laurent Daniel’’
"A la Grenobloise" – Spinach – Parsley essence
 
The King of Vandée
Cherry – Pistachio – Bell Pepper Chutney
 
Le Nougat
Rose Flower - Marmalade
 
Strawberry Delicacy
Lemon - French Basil
Mignardise

🏵 Score:
👍 สุดยอดร้านอาหารฝรั่งเศสที่ดีที่สุดในกรุงเทพในบรรยากาศสุดโรแมนติคและราคาสุดคุ้มค่า

อาหาร : 16/20
ราคา : 🌟🌟🌟🌟
ความคุ้มค่า : 🌟🌟🌟🌟
เทคนิค : 🌟🌟🌟🌟
อัตลักษณ์ : 🌟🌟🌟🌟
บรรยากาศ : 🌟🌟🌟🌟
บริการ : 🌟🌟🌟🌟
ความประทับใจโดยรวม : 17/20

📍 Visit: Feb 2020

🏠 Location: 117, 39-40 Phayathai Rd, Ratchathewi, Bangkok THAILAND

🚗 Parking: จอดรถที่ VIE Hotel Bangkok

🕛 Operating Time: พฤหัส-อาทิตย์ 12.00-15.00, 18.00-21.00 ปิดวันจันทร์-พุธ

💰 Price: 1,250-2,990++ /p

📞 Tel: 02-309-3939

🧥 Dress Code: Smart Casual

🖥 Website: https://signaturebangkok.com

🥰 ฝากเพื่อนๆช่วยกดไลค์และติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆ โดยเราตั้งใจนำเสนองานรีวิวร้านอาหาร Fine Dining ชั้นนำและห้องอาหารระดับ Michelin Guide ทั่วโลก

👍 Facebook: “ตามล่า Fine Dining” และ “Pakiin by ตามล่า Fine Dining”

👍 Instagram: finedining_lovers

👍 Youtube: ตามล่า Fine Dining

ชื่อสินค้า:   🇹🇭 Signature Bangkok - ซิกเนเจอร์ แบงค็อก
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่