หัวข้อนี้อยากจะมาเล่าเเละขอกำลังใจค่ะ
เราเข้าใจว่าคนเราเกิดมาว่าลำบากเเละเจออุปสรรค์เเล้วเเต่ยังมีคนที่ลำบากกว่าเราเยอะกว่านี้อีกตั้งเยอะ
ตัวเรานั้นเรียนจนโตมาอายุ 17 ยังไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับการช่วยเหลือครอบครัวมากมาย เเต่พอได้ลองทำงานในช่วงอายุ 18 ได้เงินเดือนทำให้ทัศนคติของเราพลิกไปเลยจากเเต่ก่อนเป็นคนไม่ค่อยอยากทำงานอยากเรียนสูงๆมีความฝันมากมาย ก็ได้เริ่มคิดถึงตรงนี้น้อยลงไปเรื่อยๆ ส่วนตัวการทำงานมันต้องใช้เเรงกาย ความคิด ต้องเจอสังคมในรูปเเบบของการทำงาน ต้องเจอผู้คนร้อยพ่อพันธ์เเม่อีกก เราทำได้เเต่ต้องใช้ความเข้าใจเเละพลังบวกในการให้กำลังใจตัวเองในการทำงาน ก็โอเคนะทำได้ พอทำงานเเล้วได้เงินเดือนมันรู้สึกว่าทำงานดีกว่ามั้งไม่ต้องเรียนก็ได้เพราะได้เงินซึ่งส่วนตัวเราก็ขยันอีกด้วย(ไม่ได้อวดนะคะเเค่ประมาณว่าเป็นคนทำจริงไม่หยุดเลยถึงเเม้ว่าบางวันไม่ได้อยากไปทำงานเเต่ก็ต้องทำ)
นั่นเเหละช่วงก่อนม.6พอได้ทำงานก็ได้มีความคิดที่เปลี่ยนไป พอตัวเองเริ่มอายุ 19 เเม่เป็นโรคซึมเศร้าหนักมาก ส่วนพ่อเราก็เป็น เบาหวาน ความดัน ไตระยะที่ 3 ซึ่งเราก็พยายามประคับประคองอย่างเต็มที่ดูเเลท่าน โดยเฉพาะเเม่พยายามไม่อยู่ห่างเลยเพราะท่านจะทำร้ายตัวเอง ทุกๆครั้งที่พาเเม่ไปพบจิตเเพทย์เวลาเเม่พูดว่าเบื่อ เราอยู่ด้านหลังน้ำตาเราไหลทุกครั้งโดยที่เเม่ไม่รู้เราไม่อยากให้เเม่ไม่สบายใจกับเรา ซึ่งหมอก็เห็นเเละทิ้งท้ายพูดไว้ว่าอย่าให้คนรอบข้างทรุดโทรมตามไปด้วยดูเเลคนที่รักเเล้วก็อย่าลืมดูเเลตัวเองด้วย ในทุกๆเดือน 2 เดือนเราก็พยายามพาพ่อไปตามหมอนัด เราไม่ได้เหนื่อยนะหรืออาจเหนื่อยบ้าง เเต่เราอยากอยู่กับเขาไปด้วยกันนานๆเท่าที่ตัวเองจะรักษาได้ ตอนนี้ติดมหาลัยติดทุน ซึ่ง ณ ตอนนั้นดีใจทั้งครอบครัวที่คว้ามันมาได้เเต่พอได้มองครอบครัวเเล้วเราอยากสละสิทธิ์มาทำงานเลี้ยงครอบครัวเเล้ว เพราะดูเเล้วท่านคงไม่ไหวเเล้วเราเเอบร้องไห้ทุกๆคืน ท่านอยากให้เราเรียนมากๆซึ่งเราไม่อยากเห็นครอบครัวตัวเองลำบากเลย ตัวเองเรียนสบายเเต่พ่อเเม่ต้องทำงานเพื่อส่งเราอย่างเหน็ดเหนื่อย สุดท้ายเราก็มานั่งคิดทบทวนหลายรอบ เราจะเรียนเราไม่ได้หวังใบปริญญานั่นเลยเราจะเรียนเพื่อคว้าอนาคตที่ฝันไว้มาให้ได้ เราจะเป็นเเบบอย่างให้น้องสาวของเรา เราจะสู้เพราะมีโอกาสส่งให้เราเเล้วเราคิดว่าโอกาสเเละทุนที่เราได้เรียนนี้มันกำลังจะบอกให้เราสู้ต่อ
###เราไม่ทราบเลยว่าทุกคนมีมุมมองอย่างไรกันบ้างถ้ามีเหตุการณ์เเบบนี้เเต่คนเราต่างคนก็ต่างความคิดต่างประสบการณ์ต่างพ่อเเม่ เราหวังว่าในเรื่องนี้อาจเป็นข้อคิดให้กับคนหลายๆคนไม่มากก็น้อย ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านค่ะ🙏🙏🙏
ส่วนตัวเราก็อยากเห็นมุมมองเเละความคิดเห็นของทุกๆคนเหมือนกันมาเเสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ
เเม่กับพ่อป่วยในช่วงชีวิตที่เพิ่งติดมหาลัย
เราเข้าใจว่าคนเราเกิดมาว่าลำบากเเละเจออุปสรรค์เเล้วเเต่ยังมีคนที่ลำบากกว่าเราเยอะกว่านี้อีกตั้งเยอะ
ตัวเรานั้นเรียนจนโตมาอายุ 17 ยังไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับการช่วยเหลือครอบครัวมากมาย เเต่พอได้ลองทำงานในช่วงอายุ 18 ได้เงินเดือนทำให้ทัศนคติของเราพลิกไปเลยจากเเต่ก่อนเป็นคนไม่ค่อยอยากทำงานอยากเรียนสูงๆมีความฝันมากมาย ก็ได้เริ่มคิดถึงตรงนี้น้อยลงไปเรื่อยๆ ส่วนตัวการทำงานมันต้องใช้เเรงกาย ความคิด ต้องเจอสังคมในรูปเเบบของการทำงาน ต้องเจอผู้คนร้อยพ่อพันธ์เเม่อีกก เราทำได้เเต่ต้องใช้ความเข้าใจเเละพลังบวกในการให้กำลังใจตัวเองในการทำงาน ก็โอเคนะทำได้ พอทำงานเเล้วได้เงินเดือนมันรู้สึกว่าทำงานดีกว่ามั้งไม่ต้องเรียนก็ได้เพราะได้เงินซึ่งส่วนตัวเราก็ขยันอีกด้วย(ไม่ได้อวดนะคะเเค่ประมาณว่าเป็นคนทำจริงไม่หยุดเลยถึงเเม้ว่าบางวันไม่ได้อยากไปทำงานเเต่ก็ต้องทำ)
นั่นเเหละช่วงก่อนม.6พอได้ทำงานก็ได้มีความคิดที่เปลี่ยนไป พอตัวเองเริ่มอายุ 19 เเม่เป็นโรคซึมเศร้าหนักมาก ส่วนพ่อเราก็เป็น เบาหวาน ความดัน ไตระยะที่ 3 ซึ่งเราก็พยายามประคับประคองอย่างเต็มที่ดูเเลท่าน โดยเฉพาะเเม่พยายามไม่อยู่ห่างเลยเพราะท่านจะทำร้ายตัวเอง ทุกๆครั้งที่พาเเม่ไปพบจิตเเพทย์เวลาเเม่พูดว่าเบื่อ เราอยู่ด้านหลังน้ำตาเราไหลทุกครั้งโดยที่เเม่ไม่รู้เราไม่อยากให้เเม่ไม่สบายใจกับเรา ซึ่งหมอก็เห็นเเละทิ้งท้ายพูดไว้ว่าอย่าให้คนรอบข้างทรุดโทรมตามไปด้วยดูเเลคนที่รักเเล้วก็อย่าลืมดูเเลตัวเองด้วย ในทุกๆเดือน 2 เดือนเราก็พยายามพาพ่อไปตามหมอนัด เราไม่ได้เหนื่อยนะหรืออาจเหนื่อยบ้าง เเต่เราอยากอยู่กับเขาไปด้วยกันนานๆเท่าที่ตัวเองจะรักษาได้ ตอนนี้ติดมหาลัยติดทุน ซึ่ง ณ ตอนนั้นดีใจทั้งครอบครัวที่คว้ามันมาได้เเต่พอได้มองครอบครัวเเล้วเราอยากสละสิทธิ์มาทำงานเลี้ยงครอบครัวเเล้ว เพราะดูเเล้วท่านคงไม่ไหวเเล้วเราเเอบร้องไห้ทุกๆคืน ท่านอยากให้เราเรียนมากๆซึ่งเราไม่อยากเห็นครอบครัวตัวเองลำบากเลย ตัวเองเรียนสบายเเต่พ่อเเม่ต้องทำงานเพื่อส่งเราอย่างเหน็ดเหนื่อย สุดท้ายเราก็มานั่งคิดทบทวนหลายรอบ เราจะเรียนเราไม่ได้หวังใบปริญญานั่นเลยเราจะเรียนเพื่อคว้าอนาคตที่ฝันไว้มาให้ได้ เราจะเป็นเเบบอย่างให้น้องสาวของเรา เราจะสู้เพราะมีโอกาสส่งให้เราเเล้วเราคิดว่าโอกาสเเละทุนที่เราได้เรียนนี้มันกำลังจะบอกให้เราสู้ต่อ
###เราไม่ทราบเลยว่าทุกคนมีมุมมองอย่างไรกันบ้างถ้ามีเหตุการณ์เเบบนี้เเต่คนเราต่างคนก็ต่างความคิดต่างประสบการณ์ต่างพ่อเเม่ เราหวังว่าในเรื่องนี้อาจเป็นข้อคิดให้กับคนหลายๆคนไม่มากก็น้อย ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านค่ะ🙏🙏🙏
ส่วนตัวเราก็อยากเห็นมุมมองเเละความคิดเห็นของทุกๆคนเหมือนกันมาเเสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ