สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาขอรีวิวภาพยนต์แอนิเมชั่นเรื่องใหม่ของดิสนีย์ นั่นก็คือ Raya and The Last Dragon หรือ รายา กับ มังกรตัวสุดท้ายค่ะ
เกรื่นก่อนว่า เราอยู่ปนะเทศอักฤษ และโรงหนังปืดเพราะฉะนั้นวิธีเดียวจะได้ดูรายาก็คือแอพ Disney+ ซึ่งเสียรายเดือน £7.99 ประมาณ 341บาท แถมตยังต้องเสียค่าซื้อหนังแบบ Premium Access อีกถ้าอยากดูก่อนที่จะเข้าแอพดูฟรี ราคา £19.99 หรือ ราคาประมาณ 850บาท

(Source:
https://rayaandthelastdragon.fandom.com/wiki/Raya_and_the_Last_Dragon)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เนื้อเรื่องเปืดมาด้วยข้อมูลก่อนปัจจุบันในเรื่องด้วยการเล่าเรื่องประกอบลายเส้นแบบฝั่งเอเชียตะวันออกซึ่งสวยมากๆ กล่าวที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไร ทำไมถึงเหลือมังกรตัวสุดท้าย จากนั้นหลังจากเล่าจบก็จะเข้าสู่ด้านย้อนอดีต ต้นเรื่องจะกล่าวถึงรายา6ปีก่อนปัจจุบัน ที่น่าจะถูกฝึกมาเพื่อปกป้องมณีมังกรมาตั้งแต่แรกแล้ว ก็ได้แอบลอบเข้าไปในถ้ำที่เก็บมณีมังกรไว้ในเมืองหัวใจ และได้ต่อสู้กับหัวหน้าเมืองชื่อเบญจา เราจะยังไม่รู้มากว่ารายาเป็นใครจนกว่าจะจบการต่อสู้จึงได้รู้ว่า รายากับเบญจาเป็นพ่อลูกกัน เบญจาเชื่อมั่นว่าทั้ง5เมืองสามารถกลับมาเป็นคุมันตราได้ นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมมณีมังกรถึงอยู่ที่หมูบ้านหัวใจ เราจะได้เห็นฉากของเมืองหัวใจกับความสวยของวังที่รายาอยู่ มีการสีข้าว วาดลายลงบนผ้า สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างดี เราจะได้รู้ประวัติคร่าวๆของอีก4เมืองที่เหลือจากรายาคือ
หาง
เก่งด้านการลอบสังหารศัตรู
Talon (ไม่รู้ภาษาไทยแปลว่าอะไร)
เก่งด้านลักขโมยและมีเล่เหลี่ยมจัด
กระดูกสันหลัง
เก่งด้านการใช้กำลัง และมี กองกำลังที่ตัสใหญ่
กรงเล็บ
เป็นเมืองที่ร้ายกาจที่สุดในบรรดา5เมือง พร้อมด้วยแมวนืสัยดุร้าย
จุดแตกหักครั้งร้ายแรงเมื่อเบญจาเชิญอีก4เผ่ามาทานอาหาร ที่เมือง เริ่มต้นได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ รายาเลยเริ่มเป็นคนชวนถามว่าใครหิวบ้าง นี่เป็นการสะท้อนวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ชัดมากๆอีกจุดนึงคือ คนแถบนี้ไม่ว่าใครจะไปไหนมาไหนจะชวนกินข้าก่อน แล้วรายาก็เริ่มคุยกับนามารีลูกสาวของเมืองกรงเล็บจนไว้ใจเลยพาไปดูที่เก็บมณี แต่สุดท้ายโดนนามารีหักหลัง ทุกเผ่าตามนางมาจากพลุที่นางยิงแล้วแย่งมณีกันจนอัญมณีแตก ดรูนกลับมา รายาพ่อโยนลงน้ำ และก็เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัย
ทั้งเรื่องเราจะเห็นได้ว่ารายาไม่ไว้ใจใครอีกเลยนอกจากตุ๊กๆ แม้แต่ชีซูนางยังไม่รู้สึกไว้ใจเลย จากหลายๆฉากที่ไม่ยอมให้ชีซูช่วย หนังจะค่อยๆเล่าว่า รายาเริ่มไว้ใจคนอื่นจากเมืองอื่นมากขึ้นจากกรที่นางได้ออกผจญภัยเก็บเศษมณีมังกร ซึ่งตอนแรกนางไม่ไว้ใจแม้กระทั่งบุญที่เป็นเด็ก นางเริ่มเชื่อใจคนอื่นมากขึ้นจากคำพูดที่นางพูดกับนามารีฉากสุดท้ายที่สู้กัน นางพูดว่า 'เพื่อนของฉัน' ให้นามารีฟัง ทำให้เรารู้ว่า รายาไว้ใจคนพวกนั้นและมองเห็นเป็นพวกพ้อง
ตอนจบที่มังกรทุกตัวกลับมา เราขอตีความว่า ที่ตอนแรกมังกรไม่ยอมกลับมา อาจะเป็นเพราะมนุษย์ ไม่เชื่อใจกัน ทำให้พลังของมณีมีผลกับแค่คนและสัตว์ที่โดนดรูนมำให้กลายเป็นหิน ไม่มีผลกับมังกรที่เป็นหิน จนตอนจบนามารีเอามณีที่แตกมารวมกัน แต่พลังหายไปแล้ว จนสุดท้ายพลังของมณ๊ก็กลับมา เป็นเพราะความเชื่อใจของทั้ง5เผ่ามันแสดงออกมาผ่านตัวรายาและพวกพ้องทำให้คราวนี้ มังกรทุกตัวกลับมา
- เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องเป็นเนื่อเรื่องที่เดาง่าน เพราะเป็นแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก จึงทำให้เนื้อเรื่องไม่ได้มีความซับซ้อยมากนัก แต่ไม่ได้ทำให้ตัวหนังน่าเบื่อแต่อย่างใด เพราะถึงแม้เนื้อเรื่องจะเดาได้และไม่ซับซ้อน แต่เนื้อเรื่องนั้นเข้มข้นมาก และมันมีอะไรหลายๆอย่างมาทำเบี่ยงเบนข้อด้วยของเนื้อเรื่องออกไป
- ด้านภาพและแอนิเมชั่น
ยอกเลยว่าดิสนีย์พัฒนาแอนิเมชั่นทุกเรื่องที่ดิสนีย์ผลิตออกมา จาก Moana และ Frozen 2 ที่ทำการเคลื่อนไหวของทะเลได้สมจริงมากๆ มาเรื่องรายา ทั้งรายละเอียดของหิน ฝน หญ้าและทุกๆฉากรวมถึงเสื้อ้าระเอียดยิบมาก โดยเฉพาะฉากที่ฝนตกเพื่อล้างความเป็นหินออกจากรายา น้ำฝนที่รวมเป็นแอ่งในมือรายาและเม็ดฝนที่ตกลงมาในมือ รวมถึงที่หยดลงบนหินรายา และรายละเอียดหิน สวยมาก สวจริงมากๆ หรือแม้แต่ความสมจริงของน้ำตกในเมืองกรงเล็บก็สวยไม่แพ้กัน หรือจะฉากที่ชีซูดำลงไปในน้ำ แม้แต่เส้นขนของชีซู ผมของรายา ผมรายาที่เปียกน้ำ เอาง่ายๆคือสวยสมจริงไปหมด อีกส่วนนึงที่ตราตรึงใจไม่แพ้กันเลยคือฉากต่อสู้ สมจริงมาก การผสมผสานศิลปะการต่อสู้แบบตะวันออกเฉียงใต้นั้นทำได้อย่างลงตัว กระบี่กระบอง มวยไทย หอก ดาบ โดยเฉพาะดาบของรายาคือ OP มาก เป็นทั้งดาบ เป็นทั้งแซ่ แถมคมจนสามารถใช้เป็นที่เกาะไว้โดนข้ามหน้าผาได้ด้วย
- บรรยากาศของหนัง
บรรยากาศโดยรวมของหนังทำให้เราเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และวัฒนธรรมต่างๆที่ผสมผสานอย่างลงตัว เราได้เห็นโจ๊ก เห็น ต้มยำ ในหนัง
- รายาไม่ร้องเพลง
ใช่แล้ว สำหรับใครยังไม่ได้ดู บอกเลยว่าอย่าคาดหวังว่าจะมีเพลงฮิตติดชาร์ตเหมือนLet it go ของเอลซ่า เพราะเรื่องนี้ รายาไม่ร้องเพลงจ้า บอกเลยว่าดิสนีย์กล้าเสี่ยงมากที่ไม่ใส่เพลงมาให้รายาร้อง แต่ข้อดูก็คือเราได้ดูเนื่อเรื่องชัดๆเน้นๆ ไม่ต้องมานั่งดูเนื้อเรื่องผ่านเพลงเหมือนหนังดิสนีย์เรื่องอื่นๆ แต่แทนการร้องเพลงของรายาด้วยดนตรีประกอบที่ขอเรียกว่า Epic เลยดีกว่า เพราะดนตรีทำออกมาได้ดีมาก James Newton Howard คนที่เป็นคนทำเพลงประกอบทำเพลงได้มันสุดๆ ทำให้นึกถึงแอนิเมชั่นเรื่อง Rise of Guardian ที่มีดนตรีประกอบชวนฝันและสนุก
- ความเชื่อใจเป็นบ่อเกิดแห่งสันติที่แท้จริง
ตัวหนังตั้งแต่ต้นจนจบ เราจะได้ยินตัวละครพูดเกี่ยวกับความเชื่อใจเยอะมากตลอดทั้งเรื่อง เพราะความเชื่อใจทำให้เกิดสันติภาพ แต่เรื่องความเชื่อใจมันขเกับคววามคิดของรายาเพราะมันโดนทำลายทิ้งไปหมดแล้วเมื่อ6ปีก่อน แต่รายาก็ค่อยๆเรียกรู้ที่จะเชื่อใจ ชีซูเป็นตัวละครที่ย้ำเรื่องความเชื่อใจให้รายาฟังตลอดทั้งเรื่องและนางยึดมั่นมากว่าความเชื่อใจเป็นสิ่งที่ทำให้คุมันดราสงบสุข ซึ่งแอนิเมชั่นดิสนีย์ยุคปัจจุบันมักจะแทรกข้อคิดเอาไว้อยู่แล้วเช่น Moana คือการยอมรับในตัวตนของตัวเอง Frozen ความรักในครอบครัวที่ไม่จำเป็นจะต้องมาจากคนรัก Frozen 2 ที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการแก้ไขในสิ่งที่ผิดผลาด รายาคือความเชื่อใจ เป็นข้อคิดที่ดีมากๆและสามารถปลูกฝังเด็กได้
-ตัวละคร และ บท
เราว่าถึงแม้เรื่องนี้จะเดินเรื่องด้วยรายา แต่บทนั้นไม่ได้เทมาที่รายาเพียงคนเดียว เอาง่ายๆคือรายาไม่ใช่คนแบกหนังเรื่องนี้ ตัวละครมราสำคัญๆของทั้งเรื่องก็มี รายา ตุ๊กตุ๊ก ชีซู บุญ ทอง นามารี เบบี้น้อยและสามลิง โดยตัวละครกลุ่มของรายามีจุดหมายเดียวกันคือทำลายดรูนและปลดปล่อยคนที่เป็นหินทั้งหมด ชีซูเป็นตัวละครที่ตลกที่สุด เป็นสีสันให้กับเรื่องได้ดีทำให้หนังไม่ดูเครียดจนเกินไป ด้วยความบ๊องๆของนางที่ให้เราดูได้เพลิน รวมถึงสีสันของชีซูทำให้หนังดูไม่แห้งเกินไป เพราะทั้งเรื่องตัวละครจะใส่ชุดสีเข้มๆทุกตัว แต่มีชีซูที่เป็นตัวสีฟ้าๆ ทำให้องค์ประกอบอะไรหลายๆสำหรับเรามันลงตัวส่วนตัวละครอื่นๆก็ได้รับบทที่พอดี ไม่เยอะเกินจนแย่งความเด่นรายา หรือไม่น้อยเกินจนรายาเด่นเกินไป และ ไฮไลท์เลย คือเราจะได้เห็นความน่ารักของเบบี้น้อยกับสามลิงของน้อง
- Lead the Way
เพลงเพราะมาก ได้ Jhena Aiko เสียงหวานๆมาร้อง ตัวเนื่อเพลงเราจะเน้นเกี่ยวกับความเชื่อใจซึ่งเป็นประเด็นหลักของเรื่อง และดนตรีผสมระหว่างเอเชียกับสากลทำออกมาได้ลงตัว เราเป็นคนฟังเพลงแล้วชอบเก็บรายละเอียดเสียงดนตรี เราจะได้ยินเสียงเหมือนเสียงตีระฆังวัดตลอดทั้งเพลง และมีเสียงบีทแบบสากลผสมอยู่ และจะมีช่วงท่อนที่Jhena ร้อง อาาอ๊า อา เราจะได้ยินเสียงกลอง ซึ่งทำให้เรานึกถึงกลองสะบัดชัย และเรายังได้ยินเสียงเหมือนเครื่องเป่าในเพลงตรงช่วงท่อนฮุกและช่วงตีกลองอีกด้วย
เราอาจจะรีวิวผิดผลาด หรือ ไม่ตรงตามความเป็นจริงก็ขออภัยด้วย เพราะเรารีวิวจากคววามรู้สึกและสิ่งที่เราจำได้ภายในเรื่องมา มาแร์ความรู้สึกกันได้นะคะ
ปล. MVเพลง Lead the way สวยมาก ไปดูกันด้วยนะ
Review รายา กับ มังกรตัวสุดท้าย ฉบับคนติดล็อคดาวน์(อาจมีสปอย)
เกรื่นก่อนว่า เราอยู่ปนะเทศอักฤษ และโรงหนังปืดเพราะฉะนั้นวิธีเดียวจะได้ดูรายาก็คือแอพ Disney+ ซึ่งเสียรายเดือน £7.99 ประมาณ 341บาท แถมตยังต้องเสียค่าซื้อหนังแบบ Premium Access อีกถ้าอยากดูก่อนที่จะเข้าแอพดูฟรี ราคา £19.99 หรือ ราคาประมาณ 850บาท
(Source: https://rayaandthelastdragon.fandom.com/wiki/Raya_and_the_Last_Dragon)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องเป็นเนื่อเรื่องที่เดาง่าน เพราะเป็นแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก จึงทำให้เนื้อเรื่องไม่ได้มีความซับซ้อยมากนัก แต่ไม่ได้ทำให้ตัวหนังน่าเบื่อแต่อย่างใด เพราะถึงแม้เนื้อเรื่องจะเดาได้และไม่ซับซ้อน แต่เนื้อเรื่องนั้นเข้มข้นมาก และมันมีอะไรหลายๆอย่างมาทำเบี่ยงเบนข้อด้วยของเนื้อเรื่องออกไป
- ด้านภาพและแอนิเมชั่น
ยอกเลยว่าดิสนีย์พัฒนาแอนิเมชั่นทุกเรื่องที่ดิสนีย์ผลิตออกมา จาก Moana และ Frozen 2 ที่ทำการเคลื่อนไหวของทะเลได้สมจริงมากๆ มาเรื่องรายา ทั้งรายละเอียดของหิน ฝน หญ้าและทุกๆฉากรวมถึงเสื้อ้าระเอียดยิบมาก โดยเฉพาะฉากที่ฝนตกเพื่อล้างความเป็นหินออกจากรายา น้ำฝนที่รวมเป็นแอ่งในมือรายาและเม็ดฝนที่ตกลงมาในมือ รวมถึงที่หยดลงบนหินรายา และรายละเอียดหิน สวยมาก สวจริงมากๆ หรือแม้แต่ความสมจริงของน้ำตกในเมืองกรงเล็บก็สวยไม่แพ้กัน หรือจะฉากที่ชีซูดำลงไปในน้ำ แม้แต่เส้นขนของชีซู ผมของรายา ผมรายาที่เปียกน้ำ เอาง่ายๆคือสวยสมจริงไปหมด อีกส่วนนึงที่ตราตรึงใจไม่แพ้กันเลยคือฉากต่อสู้ สมจริงมาก การผสมผสานศิลปะการต่อสู้แบบตะวันออกเฉียงใต้นั้นทำได้อย่างลงตัว กระบี่กระบอง มวยไทย หอก ดาบ โดยเฉพาะดาบของรายาคือ OP มาก เป็นทั้งดาบ เป็นทั้งแซ่ แถมคมจนสามารถใช้เป็นที่เกาะไว้โดนข้ามหน้าผาได้ด้วย
- บรรยากาศของหนัง
บรรยากาศโดยรวมของหนังทำให้เราเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และวัฒนธรรมต่างๆที่ผสมผสานอย่างลงตัว เราได้เห็นโจ๊ก เห็น ต้มยำ ในหนัง
- รายาไม่ร้องเพลง
ใช่แล้ว สำหรับใครยังไม่ได้ดู บอกเลยว่าอย่าคาดหวังว่าจะมีเพลงฮิตติดชาร์ตเหมือนLet it go ของเอลซ่า เพราะเรื่องนี้ รายาไม่ร้องเพลงจ้า บอกเลยว่าดิสนีย์กล้าเสี่ยงมากที่ไม่ใส่เพลงมาให้รายาร้อง แต่ข้อดูก็คือเราได้ดูเนื่อเรื่องชัดๆเน้นๆ ไม่ต้องมานั่งดูเนื้อเรื่องผ่านเพลงเหมือนหนังดิสนีย์เรื่องอื่นๆ แต่แทนการร้องเพลงของรายาด้วยดนตรีประกอบที่ขอเรียกว่า Epic เลยดีกว่า เพราะดนตรีทำออกมาได้ดีมาก James Newton Howard คนที่เป็นคนทำเพลงประกอบทำเพลงได้มันสุดๆ ทำให้นึกถึงแอนิเมชั่นเรื่อง Rise of Guardian ที่มีดนตรีประกอบชวนฝันและสนุก
- ความเชื่อใจเป็นบ่อเกิดแห่งสันติที่แท้จริง
ตัวหนังตั้งแต่ต้นจนจบ เราจะได้ยินตัวละครพูดเกี่ยวกับความเชื่อใจเยอะมากตลอดทั้งเรื่อง เพราะความเชื่อใจทำให้เกิดสันติภาพ แต่เรื่องความเชื่อใจมันขเกับคววามคิดของรายาเพราะมันโดนทำลายทิ้งไปหมดแล้วเมื่อ6ปีก่อน แต่รายาก็ค่อยๆเรียกรู้ที่จะเชื่อใจ ชีซูเป็นตัวละครที่ย้ำเรื่องความเชื่อใจให้รายาฟังตลอดทั้งเรื่องและนางยึดมั่นมากว่าความเชื่อใจเป็นสิ่งที่ทำให้คุมันดราสงบสุข ซึ่งแอนิเมชั่นดิสนีย์ยุคปัจจุบันมักจะแทรกข้อคิดเอาไว้อยู่แล้วเช่น Moana คือการยอมรับในตัวตนของตัวเอง Frozen ความรักในครอบครัวที่ไม่จำเป็นจะต้องมาจากคนรัก Frozen 2 ที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการแก้ไขในสิ่งที่ผิดผลาด รายาคือความเชื่อใจ เป็นข้อคิดที่ดีมากๆและสามารถปลูกฝังเด็กได้
-ตัวละคร และ บท
เราว่าถึงแม้เรื่องนี้จะเดินเรื่องด้วยรายา แต่บทนั้นไม่ได้เทมาที่รายาเพียงคนเดียว เอาง่ายๆคือรายาไม่ใช่คนแบกหนังเรื่องนี้ ตัวละครมราสำคัญๆของทั้งเรื่องก็มี รายา ตุ๊กตุ๊ก ชีซู บุญ ทอง นามารี เบบี้น้อยและสามลิง โดยตัวละครกลุ่มของรายามีจุดหมายเดียวกันคือทำลายดรูนและปลดปล่อยคนที่เป็นหินทั้งหมด ชีซูเป็นตัวละครที่ตลกที่สุด เป็นสีสันให้กับเรื่องได้ดีทำให้หนังไม่ดูเครียดจนเกินไป ด้วยความบ๊องๆของนางที่ให้เราดูได้เพลิน รวมถึงสีสันของชีซูทำให้หนังดูไม่แห้งเกินไป เพราะทั้งเรื่องตัวละครจะใส่ชุดสีเข้มๆทุกตัว แต่มีชีซูที่เป็นตัวสีฟ้าๆ ทำให้องค์ประกอบอะไรหลายๆสำหรับเรามันลงตัวส่วนตัวละครอื่นๆก็ได้รับบทที่พอดี ไม่เยอะเกินจนแย่งความเด่นรายา หรือไม่น้อยเกินจนรายาเด่นเกินไป และ ไฮไลท์เลย คือเราจะได้เห็นความน่ารักของเบบี้น้อยกับสามลิงของน้อง
- Lead the Way
เพลงเพราะมาก ได้ Jhena Aiko เสียงหวานๆมาร้อง ตัวเนื่อเพลงเราจะเน้นเกี่ยวกับความเชื่อใจซึ่งเป็นประเด็นหลักของเรื่อง และดนตรีผสมระหว่างเอเชียกับสากลทำออกมาได้ลงตัว เราเป็นคนฟังเพลงแล้วชอบเก็บรายละเอียดเสียงดนตรี เราจะได้ยินเสียงเหมือนเสียงตีระฆังวัดตลอดทั้งเพลง และมีเสียงบีทแบบสากลผสมอยู่ และจะมีช่วงท่อนที่Jhena ร้อง อาาอ๊า อา เราจะได้ยินเสียงกลอง ซึ่งทำให้เรานึกถึงกลองสะบัดชัย และเรายังได้ยินเสียงเหมือนเครื่องเป่าในเพลงตรงช่วงท่อนฮุกและช่วงตีกลองอีกด้วย
เราอาจจะรีวิวผิดผลาด หรือ ไม่ตรงตามความเป็นจริงก็ขออภัยด้วย เพราะเรารีวิวจากคววามรู้สึกและสิ่งที่เราจำได้ภายในเรื่องมา มาแร์ความรู้สึกกันได้นะคะ
ปล. MVเพลง Lead the way สวยมาก ไปดูกันด้วยนะ