เรื่องสั้น : ...ห่างไกล...

กระทู้สนทนา

...ห่างไกล...

          เมื่อสัญญาณเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยบนสายการบินไทย เที่ยวบินเชียงใหม่-ภูเก็ตดับลง หลังจากทะยานขึ้นบนท้องฟ้าได้สักพัก เกดจึงบอกกับชายหนุ่มที่นั่งด้านข้างเธอเพื่อขอทางเดินออก

          “ขอโทษทีนะคะ ฉันขอทางไปห้องน้ำหน่อยค่ะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับแย้มยิ้มตามมารยาท

          “โอ้ ครับ ๆ” ชายหนุ่มยิ้มตอบกลับพร้อมเอี้ยวตัวและขาหลีกทางให้

          ทำธุระเสร็จ เกดเดินกลับมานั่งตามเดิม ชายหนุ่มจึงชวนหญิงสาวคุยตามประสาหนุ่มอัธยาศัยดี

          “สวัสดีครับ ผมชื่อ รุจ ครับ ผมไปทำธุระที่เชียงใหม่มา เดี๋ยวว่าจะไปเที่ยวภูเก็ตหน่อยครับ”

          “อ้อ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ เกด ค่ะ เพิ่งไปเที่ยวเชียงใหม่ แต่ว่ากำลังจะไปทำธุระที่ภูเก็ตค่ะ ตลกดีนะคะ สลับกันเลย”

          “จริงด้วย ผมจองโรงแรม นิววี่ ครับ กะว่าจะอยู่สักสองวัน แล้วก็จะบินกลับอินเดียเลย”

          “บังเอิญจัง ฉันก็จองโรงแรมนี้ไว้เหมือนกันค่ะ จะอยู่สักสี่วัน แล้วก็จะบินกลับฝรั่งเศส”

          “ไม่ทราบว่าคุณจะไปไหนบ้างครับ เผื่อผมพอจะช่วยอะไรได้บ้าง”

          “ฉันมาตามหาโรงพยาบาลนี้ค่ะ” เกดหยิบภาพถ่ายออกมาหนึ่งใบ สีภาพค่อนข้างเก่าซีดเพราะเป็นภาพของตัวเธอตอนเป็นทารกอุ้มโดยพ่อและแม่บุญธรรม ด้านหลังมีชื่อสถานพยาบาลจาง ๆ พอให้อ่านออก

          “ผมรู้จักที่นี่ครับ เคยเห็นตอนมาครั้งที่แล้ว” รุจรีบบอกสิ่งที่เขาจำได้

          “ดีเลยค่ะ แม่จริง ๆ ของฉันคลอดฉันที่นี่ค่ะ แล้วพ่อกับแม่บุญธรรมก็ขอซื้อฉันไปเลี้ยง” 

          “จริงหรือครับนี่ บังเอิญจริง ๆ ผมก็ตามหาแม่จริง ๆ ของผมอยู่นะ” แล้วชายหนุ่มก็หยิบภาพถ่ายผู้หญิงผมสั้นอุ้มเด็กสองคนอยู่บนเตียง

          “โอ้ ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ แต่ทำไมมีเด็กสองคนคะ”

          “ผมมีพี่น้องฝาแฝดครับ ผมรู้แต่ว่าแม่ผมเป็นคนเชียงใหม่ ผมไปเชียงใหม่เพื่อตามหาแม่ของผมสองครั้งแล้ว แต่ยังไม่เจอเลย”

          สัญญาณเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยดังขึ้นอีกครั้ง เครื่องบินกำลังจะถึงที่หมาย หญิงสาวและชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจมากกับสิ่งที่พวกเขาได้รับรู้จากอีกฝ่าย และคิดว่ามันช่างบังเอิญจริง ๆ

          ทั้งสองเดินทางเข้าเช็คอินที่โรงแรมด้วยกัน และรีบนั่งรถรับจ้างไปสถานที่ตามภาพถ่าย เขาได้นำภาพให้เจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลดูพร้อมกับเล่าเรื่องราวให้ฟังหลายคน จนมีคุณป้าพยาบาลนางหนึ่งบอกว่า ได้รับรู้เหตุการณ์ครั้งนี้

          “จำได้ ๆ ป้าจำคนไข้คนนี้ได้ แกไม่สบาย เพิ่งคลอดลูกจากที่อื่นแล้วไม่สบาย เลยมาโรงพยาบาล อุ้มลูกมาด้วย แต่ก็แปลกใจว่า ตอนจะกลับ มีฝรั่งชายหญิง น่าจะสองคนนี้ล่ะมารับเด็กกลับไป แล้วแกก็กลับไปแค่คนเดียว” หญิงชราพูดอย่างครุ่นคิด

          “งั้นรูปแม่ของคุณก็เป็นแม่ของฉันนะหรอ อะไรกันนี่ฉันงงไปหมดแล้ว” หญิงสาวแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้รับรู้

          “หรือว่าคุณก็คือพี่น้องฝาแฝดของผม” ชายหนุ่มพูดอย่างตื่นเต้นแต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น

          “แต่เราหน้าตาไม่เหมือนกันเลยนะคะ” หญิงสาวเห็นด้วยแต่ก็ยังสงสัยข้อนี้อยู่

          “ฝาแฝดหน้าตาไม่เหมือนกันก็เป็นไปได้นะคุณ แม่ผมอาจจะคลอดลูกแฝดที่เชียงใหม่ แล้วขายผมให้พ่อแม่อินเดีย แล้วเดินทางไปภูเก็ตนะ” ชายหนุ่มรีบแย้งและสาธยายความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่นึกออก

          “ฉันว่า เราเล่าเรื่องนี้ลงในโซเชียลดีกว่า เผื่อมีใครรู้จักแม่จะได้มาบอกนะ เราจะได้รู้กันว่า ทำไมแม่ถึงขายเรา”

          ชายหนุ่มเห็นด้วยกับข้อเสนอของหญิงสาว เขาอาสาลงเรื่องราวอันวุ่นวายนี้ให้เอง

          ในที่สุดความจริงก็ปรากฏ เมื่อมีชายและหญิงชราสองคู่ ออกมาบอกว่า พวกเขาเป็นเพื่อนที่รักกันมาก และไม่สามารถมีลูกได้เหมือนกัน จึงอยากจะอุ้มบุญกับผู้หญิงคนเดียวกัน จึงไปทำเด็กหลอดแก้วพร้อมกัน และฝังเด็กในผู้หญิงที่รับจ้างคนเดียวกัน โดยจ่ายเงินล่วงหน้าทั้งหมดแล้ว แต่ผู้หญิงคนนั้นติดหนี้พนันเยอะ จึงโกงพวกเขา โดยแอบไปคลอดลูกที่อื่นและขายลูกของพวกเขาให้คนอื่นไป พวกเขาก็คือ พ่อกับแม่ของเกดคู่หนึ่งและพ่อกับแม่ของรุจอีกคู่หนึ่งนั่นเอง

          ชายหนุ่มและหญิงสาวในวัยยี่สิบแปด หลังจากได้รู้ความจริง ก็ทั้งดีใจและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าชีวิตพวกเขาจะพลิกผันต้อง ห่างไกล จากพ่อแม่ที่แท้จริง ต้อง ห่างไกล จากแฝดร่วมท้องเดียวกันมานานหลายปี แต่เมื่อได้รู้เรื่องจริงทุกอย่างแล้ว ต่อไปนี้ก็คงต้องแบ่งสันปันส่วนวิถีชีวิตใหม่ อยู่เมืองไทยกับพ่อแม่จริง ๆ และกลับไปต่างประเทศอยู่กับพ่อแม่บุญธรรม เพราะทั้งสองฝ่ายต่างมีพระคุณยิ่งทั้งให้กำเนิดและเลี้ยงดู แม้ตอนนี้แม่อุ้มบุญจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็คงยังรำลึกถึงและให้ความเคารพในฐานะที่ช่วยให้ชีวิตพวกเขาเกิดขึ้นมา แม้ว่าจะทำสิ่งที่ผิดก็ตาม

          “รู้สึกยังไงบ้างเมื่อได้รู้ความจริง” ชายหนุ่มถามหญิงสาว

          “ก็ดีนะ ได้พี่ชายมาหนึ่งคน” หญิงสาวยิ้ม ๆ

          “ไม่เอาอะ ไม่อยากเป็นพี่ชาย อยากเป็นอย่างอื่น” ชายหนุ่มอมยิ้ม

          “ได้ ๆ ให้เป็นน้องชายละกัน” หญิงสาวเอามือแตะที่บ่า ในใจรู้ว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร

          ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวที่บ่ามากุมไว้ในมือ แล้วบอกว่า “เราเป็นแฟนกันนะ...”

- จบ -
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่