การแพ้ เชลซี 0-1 คารัง แอนฟิลด์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับช่วงเวลาที่เลวร้ายต่อไป
เพราะมันส่งผลให้พวกเขาหล่นไปอยู่ในอันดับ 7 ของตารางคะแนน ซ้ำร้ายมันยังเป็นการแพ้ในลีกคาบ้าน 5 นัดติดต่อกันของ "หงส์แดง" ด้วย
ซึ่งมันถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่พวกเขาแพ้เกมลีกสูงสุดคาบ้าน 5 เกมรวด
เรื่องดังกล่าวทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ต้องปวดหัวมากขึ้นไปอีก
เพราะที่ผ่านมา เขาก็พยายามแก้สถานการณ์อย่างเต็มที่แล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถหาทางแก้ไขในระยะยาวที่เหมาะสมได้สักที
ทั้งนี้ ที่จริงแล้ว นอกจากการแพ้ในลีก คาแอนฟิลด์ 5 นัดติดต่อกันแล้วนั้น
เกมเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา ยังทำให้ ลิเวอร์พูล สร้างสถิติที่เลวร้ายแบบอื่นๆ เอาไว้ด้วย
โดยมีอันหนึ่งที่เป็นสถิติสุดเลวร้ายในรอบราว 11 ปี เลยทีเดียว
- ไร้ความสร้างสรรค์ในการเล่น
นาทีที่ 85 คือช่วงเวลาที่ ลิเวอร์พูล มีจังหวะยิงตรงกรอบใส่ เชลซี เป็นครั้งแรกในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา
ใช่แล้ว ทั้งที่ส่ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ลงเล่นเป็นตัวจริง แต่ก็ไม่มีใครที่ยิงตรงกรอบให้ทีมได้ก่อนถึงนาทีที่ 85 เลย
ทั้งนี้ ครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้ที่พลพรรค "หงส์แดง" ต้องใช้เวลานานจนถึงช่วงท้ายเกม
กว่าที่จะทำให้ผู้รักษาประตูของคู่แข่งต้องออกแรงเซฟได้นั้น เกิดขึ้นเมื่อปี 2010
โดยเกมนั้น กว่าที่พวกเขาจะยิงตรงกรอบได้เป็นครั้งแรก ก็ต้องรอจนถึงนาทีที่ 90 เลยทีเดีย แถมยังเป็นการเล่นใน แอนฟิลด์ เหมือนกันด้วย
ใครคือคู่แข่งในวันนั้นงั้นหรือ ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น เชลซี นี่แหละ โดยวันนั้น ลิเวอร์พูล แพ้ไป 0-2
ก่อนที่สุดท้ายพวกเขาจะจบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับ 7 ของตารางคะแนน
- แต้มหกเป็นว่าเล่น
นับตั้งแต่ที่เข้าสู่ปี 2021 เป็นต้นมา ลิเวอร์พูล ลงเล่นในลีกไปแล้ว 11 เกม แต่แทนที่จะเก็บได้ 33 แต้มหรือใกล้เคียงในระดับนั้น
ทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ กลับทำได้แค่ 10 คะแนนเท่านั้น แบ่งเป็นการชนะ 3 เกม กับเสมอ 1 หน และแพ้ 7 นัด
เชื่อหรือไม่ว่า นับตั้งแต่ที่เข้าสู่ปีวัวหนนี้นั้น ลิเวอร์พูล เก็บแต้มในเกม พรีเมียร์ลีก ได้มากกว่าเพียงแค่ 3 ทีมเท่านั้น
โดยทีมที่ว่าได้แก่ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ เซาธ์แฮมป์ตัน
ใช่ ขนาด เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมในอันดับสุดท้ายของตารางคะแนนก็ยังเก็บแต้มในปี 2021 ได้มากกว่าพวกเขาเลย จากการที่ทำไป 12 แต้ม
ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่น่าแปลกใจที่ ลิเวอร์พูล จะหล่นมาอยู่ถึงอันดับ 7 ของตารางคะแนนในปัจจุบัน
- ความคมที่หายไป
นี่เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงมากพอตัวในฤดูกาลนี้ จนถึงปัจจุบัน คนที่ยิงในลีกให้ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้แตะเลข 2 หลักก็คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทำไป 17 ประตู
ขณะที่ ซาดิโอ มาเน่ ที่เคยเล่นได้โดดเด่นกลับเพิ่งยิงในลีกไปเพียง 7 ลูกเท่านั้น
หากเจาะลึกลงไปอีก ก็จะพบว่าที่จริงในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยจังหวะยิงต่อ 1 นัดสูงเป็นอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก
ที่จำนวน 15.0 ครั้งต่อเกม เป็นรอง แมนฯ ซิตี้ ที่ทำไป 15.5 ครั้งต่อเกม เพียงแค่ทีมเดียวเท่านั้น
แต่ที่เลวร้ายก็คือ ลิเวอร์พูล มีผลงานด้านการเปลี่ยนจังหวะยิงให้เป็นประตูอยู่ที่ 11.6 และถือว่าเป็นอันดับ 10 เท่านั้น ในชาร์ตนี้
ขณะที่อันดับ 1 ในชาร์ตนี้คือ เอฟเวอร์ตัน ที่เปลี่ยนจังหวะยิงให้เป็นประตูได้เฉลี่ยถึง 15.5
ที่จริงไม่ต้องไปเปรียบเทียบไกลๆ ก็ได้ เพราะในฤดูกาลก่อนที่ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ลีกไปครองนั้น
พวกเขาก็มีค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนจังหวะยิงให้เป็นประตูได้ถึง 14.4
ขณะที่ หากย้อนไปในซีซั่น 2018-19 ที่ทีมของ คล็อปป์ ได้รองแชมป์แบบแพ้ แมนฯ ซิตี้ ไปแบบหวุดหวิดแล้วล่ะก็
พวกเขาก็มีค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนจังหวะยิงให้เป็นประตูได้มากถึงระดับ 15.5 เลยทีเดียว
🔎 ไม่ใช่แค่แพ้คาบ้าน 5 นัดติด❗️
นาทีที่ 85 คือช่วงเวลาที่ ลิเวอร์พูล มีจังหวะยิงตรงกรอบใส่ เชลซี เป็นครั้งแรกในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา
นับตั้งแต่ที่เข้าสู่ปี 2021 เป็นต้นมา ลิเวอร์พูล ลงเล่นในลีกไปแล้ว 11 เกม แต่แทนที่จะเก็บได้ 33 แต้มหรือใกล้เคียงในระดับนั้น
นี่เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงมากพอตัวในฤดูกาลนี้ จนถึงปัจจุบัน คนที่ยิงในลีกให้ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้แตะเลข 2 หลักก็คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทำไป 17 ประตู