กิ้งก่าชนิดใหม่ที่อาจเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่เล็กที่สุดในโลก




กิ้งก่า Brookesia nana ตัวเมียที่ค้นพบในมาดากัสการ์ ซึ่งอาจเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่เล็กที่สุดในโลก 
ภาพถ่ายโดย FRANK GLAW, ZOOLOGISCHE STAATSSAMMLUNG MÜNCHEN



นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบกิ้งก่าชนิดใหม่ขนาดจิ๋วในพื้นที่ป่าฝนทางตอนเหนือของมาดากัสการ์ ซึ่งมีขนาดเท่ากับเมล็ดทานตะวัน และอาจเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดที่เล็กที่สุดในโลก โดยกิ้งก่าชนิดนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า " Brookesia nana " หรือ B. nana และความที่สัตว์ชนิดใหม่นี้มีขนาดเล็กมาก นักวิทยาศาสตร์จึงคิดว่า มันมีชีวิตรอดจากการกินเห็บไรหรือแมลงหางดีด ซึ่งหาได้ตามเศษใบไม้

Andolalao Rakotoarison ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลานในมาดากัสการ์ และผู้เขียนร่วมของงานศึกษาชิ้นใหม่ที่เผยแพร่ในวารสาร Scientific Report กล่าวว่า “เมื่อเราเห็นมันครั้งแรก เรารู้เลยว่านี่คือการค้นพบครั้งสำคัญ” ซึ่งมันมีขนาดลำตัวเพียงแค่ 13.5 มิลลิเมตรเทียบเท่ากับขนาดของเมล็ดพืช
ขณะที่ความยาวตั้งแต่หัวจรดหางอยู่ที่ 22 มิลลิเมตร ส่วนตัวเมียมีขนาดตัวใหญ่กว่าตัวผู้ ด้วยขนาดประมาณ 29 มิลลิเมตร

การค้นพบสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กนี้ทำให้เกิดคำถามที่น่าสนใจถึงขีดจำกัดของขนาดลำตัวสัตว์มีกระดูกสันหลัง และเน้นให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพที่น่าตื่นตะลึงและถูกคุกคามในเวลาเดียวกัน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดว่าอีกไม่นาน กิ้งก่าตัวนี้จะอยู่ในรายชื่อของสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

และเช่นเดียวกับกิ้งก่าประเภทอื่นๆ สัตว์เลื้อยคลานตัวจิ๋วนี้มีลิ้นลักษณะโค้งที่ใช้จับเหยื่อ, ล่าเหยื่อบนพื้นของป่าฝน และล่าถอยไปยังพื้นที่ปลอดภัยบนใบหญ้าในเวลากลางคืน

กิ้งก่า Brookesia nana ตัวผู้บนปลายนิ้วของนักวิจัย ซึ่งมีขนาดประมาณเมล็ดทานตะวัน 
ภาพถ่ายโดย FRANK GLAW, ZOOLOGISCHE STAATSSAMMLUNG MÜNCHEN
Mark Scherz นักชีววิทยาพัฒนาการแห่งมหาวิทยาลัยพอทสดัมในเยอรมนี และผู้เขียนร่วมในงานศึกษานี้ อธิบายถึงการอยู่รอดของมันว่า  หากมีสัตว์ชนิดที่ใหญ่กว่าเข้าหามันท่ามกลางความมืด ก้านของใบหญ้าที่สั่นไหวจะเตือนภัยที่กำลังจะเข้ามาที่ตัว จากนั้นมันก็จะหย่อนตัวหลบซ่อนอยู่ภายใต้พุ่มไม้ 

ซึ่งนักวิจัยสงสัยว่ากิ้งก่าจิ๋วชนิดนี้อาจได้รับตำแหน่งสัตว์เลื้อยคลานที่เล็กที่สุดในโลก และสัตว์ที่เป็นคู่แข่งความเล็กจิ๋วที่ใกล้เคียงที่สุดคือ Brookesia micra กิ้งก่าขนาดเล็กที่มีการค้นพบเมื่อปี 2012

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ทำการศึกษากิ้งก่าชนิดนี้ได้เพียงแค่ 2 ตัว เป็นตัวผู้หนึ่งตัวและตัวเมียหนึ่งตัว จึงเป็นเรื่องยากที่จะสรุปข้อมูลโดยทั่วไป
และมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะมีกิ้งก่าตัวอื่นในชนิดพันธุ์นี้ที่อาจจะเล็กกว่าหรือใหญ่กว่าตัวที่ค้นพบนี้ เช่นเดียวกับความสูงของมนุษย์ที่มีความแตกต่าง
นักวิทยาศาสตร์คาดว่ากิ้งก่าในวงศ์นี้มีแนวโน้มที่มีจะมีตัวเมียที่มีขนาดใหญ่กว่าหรือตัวผู้ที่มีขนาดเล็กกว่า หรือที่เรียกว่าความแตกต่างระหว่างเพศ (sexual dimorphism)

ซึ่ง Scherzระบุว่า เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินว่า สัตว์ที่มีขนาดเล็กเช่นนี้อยู่ในภาวะโตเต็มวัยแล้วหรือไม่ แต่เมื่อเขาได้นำกิ้งก่าตัวเมียไปผ่านกระบวนการไมโครซีทีสแกน จึงพบหลักฐานคือไข่ที่อยู่ในรังไข่ที่เป็นสิ่งที่มายืนยันได้


วิดีโอ Brookesia nana – World’s Smallest Reptile จาก SciNews
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
นอกเหนือไปจากความน่ารัก นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า การค้นพบกิ้งก่าขนาดจิ๋วนี้ได้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับ ‘ขีดจำกัดของความเล็กของสัตว์มีกระดูกสันหลัง’ ว่าสามารถมีขนาดเล็กได้มากเท่าใด  ยกตัวอย่างเช่น B. nana นั้นมีขนาดเล็กกว่านกหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กที่สุด แต่ก็ยังมีสัตว์ประเภทกบที่ยังมีขนาดเล็กกว่านี้

อย่างไรก็ตาม อนาคตของกิ้งก่าขนาดจิ๋วชนิดนี้ยังคงมืดหม่น โดยป่าภูเขาแห่งที่สัตว์ชนิดนี้ถูกค้นพบนั้น อยู่ในภาวะเสื่อมโทรมอย่างรุนแรง เพราะปัญหาความยากจนและประชากรที่เพิ่มขึ้นในมาดากัสการ์ ทำให้เกิดการทำลายพื้นที่ป่าเพื่อการเกษตรและปศุสัตว์จำนวนมาก ทำให้พื้นที่ที่อยู่อาศัยของพวกมันกำลังลดน้อยลง

ด้วยเหตุนี้ ทำให้กิ้งก่าชนิดใหม่นี้ถูกกำหนดเป็นชนิดพันธุ์นี้อยู่ในภาวะที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง จากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature) แต่ปัจจุบันเป็นข่าวดีที่พื้นที่อาศัยของกิ้งก่าพันธุ์นี้ ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ของมาดากัสการ์แล้ว
ในขณะเดียวกัน การค้นพบชนิดพันธุ์ใหม่ๆ ได้ย้ำเตือนให้นักวิทยาศาสตร์และบุคคลทั่วไปรับรู้ว่า มาดากัสการ์เป็นเกาะแห่งความหลากหลายทางธรรมชาติอย่างยิ่ง


 brookesia micra กิ้งก่าตัวนี้มาจากเกาะเล็กๆ Nosy Hara ในมาดากัสการ์ ซึ่งโตเต็มวัยจะมีความยาว 1.1″ นิ้ว


Mini mum อาศัยอยู่ในซากใบไม้บริเวณชายฝั่งตะวันออกของมาดากัสการ์
ภาพถ่าย DR. ANDOLALAO RAKOTOARISON


Mini mum, Mini ature, และ Mini scule ล้วนเป็นชื่อทางวิทยาศาสตร์ของกบสายพันธุ์ใหม่ที่มีขนาดเล็กที่สุด โดย Mark Scherz ได้ระบุลักษณะของกบจิ๋วสายพันธุ์ใหม่ไว้ในผลการศึกษาชิ้นล่าสุด ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ลงวารสาร PLoS ONE เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2019 

โดยสายพันธุ์ที่เล็กที่สุดจากทั้ง 3 สายพันธุ์ได้แก่ Mini mum ซึ่งมีขนาดเท่ากับลวดเย็บกระดาษขนาดมาตรฐาน หรือความยาวราวๆ 8-10 มิลลิเมตร
ส่วนสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ Mini ature ขนาด 14.9 มิลลิเมตร หรือเทียบเท่ากับความยาวของการ์ด Micro SD แต่สัตว์กลุ่มกบที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกนั้นมีชื่อว่า Paedophryne amauensis มีความยาวเพียง 7.7 มิลลิเมตร อันเทียบเท่าได้กับขนาดของแมลงวัน

สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกทั้ง 3 ชนิดนี้อาศัยอยู่ในประเทศมาดากัสการ์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น โดยเฉพาะ Mini mum ที่มีประชากรจำนวนน้อยมาก ซึ่งผู้เขียนงานวิจัยต่างระบุให้เป็นหนึ่งในรายชื่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์


Mini mum เพศผู้ หนึ่งในสายพันธุ์ของ กบจิ๋ว ซึ่งวางอยู่บนเล็บมือของมนุษย์



Paedophryne amauensis
นี่คือกบที่เล็กที่สุดในโลก Paedophryne amauensis ไม่เพียง แต่เป็นกบที่เล็กที่สุดและยังเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่เล็กที่สุดอีกด้วย
และไม่เพียง แต่เป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่เล็กที่สุด แต่กบขนาดเล็กนี้ยังเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่เล็กที่สุดในโลกอีกด้วย


กบตัวน้อยนี้ถูกค้นพบในปี 2009 แต่ไม่ได้รับการอธิบายอย่างเป็นทางการจนถึงปี 2012 ด้วยความยาว. 3 นิ้ว (7.7 มม.) Paedophryne amauensis
อาศัยอยู่ในป่าของปาปัวนิวกินี พวกมันไม่ได้ถูกฟักจากลูกอ๊อดแต่ออกมาจากไข่แทน กบตัวเล็ก ๆนี้สามารถกระโดดได้ในระยะทางเกือบหนึ่งฟุต
ซึ่งฟังดูอาจไม่ไกลมากนัก แต่จริงๆแล้วมันเป็นระยะทางถึงสามสิบเท่าเมื่อเทียบกับความยาวของลำตัว



(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่