ครั้งหนึ่ง..เมื่อไปฝึกงาน

กระทู้สนทนา
“เร่งหน่อยนักศึกษา  เดี๋ยวจะขึ้นดอยไม่ทันดูพระอาทิตย์ตกดินนะครับ”  พี่เกรียงวุฒิตะโกนบอกนักศึกษาฝึกงานคณะเกษตร  กลุ่มฉันมีสามคนที่ไปฝึกงานด้วยกัน  มีชิดชัย  จิตอนงค์และฉันเรียววนา  ช่วงนี้เป็นหน้าหนาว  ชอบเลยอาจได้เห็นเหมยขาบ  “เรียบร้อยแล้วค่ะพี่เกรียง  ทุกคนพร้อมขึ้นดอยค่ะ”  ฉันตะโกนบอกพี่เกรียงวุฒินักพัฒนาสังคมที่สูงคนที่จะดูแลพวกเราตลอดการฝึกงานนี้
                         ถึงที่พักบนดอยแจ่มจ้อง  ยามเย็นใกล้พระอาทิตย์อัสดงนี่ช่างงดงามยิ่งนัก  อาทิตย์หลบเหลี่ยมทิวเขาที่ทอดยาวสลับซับซ้อน  แสงสีแดงอมส้ม  กระจายเต็มท้องฟ้า  เมฆก้อนสีขาวจางๆ  เสียงนกกาบินกลับรัง  ลมหนาวโชยพัดมา  เป็นบรรยากาศที่ฉันชอบมาก  รักจังธรรมชาติบนดอย  เราร่วมวงกินข้าวเย็นด้วยกัน  มีประชุมแนะนำงาน  ที่พักและการใช้ชีวิตบนดอย  เสียงคุยกันสนุกสนานท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ  ฉันแอบดูพี่เกรียงหนุ่มนักพัฒนาฯ  หนวดยาว  ผมเป็นกระเซิง  สไตล์หนุ่มเกษตร  จะหาหนุ่มเกษตรที่หน้าขาวไร้หนวดเครา ยิ้มหวาน ผมเรียบดูเกลี้ยงเกลาจะมีมั้งไหมหนอ  ชิดชัยที่มาด้วยกันก็แนวเดียวกับพี่เกรียงแถมผมยาวรุงรังกว่าเยอะ  ฮ่าๆๆๆ  เป็นอะไรที่แสนจะคุ้นเคยแท้เชียวหนุ่มสไตล์นี้
                       เช้ามาพี่เกรียงวุฒิพาไปแนะนำให้รู้จักนักพัฒนาฯอีกคน  โอ้แม่เจ้า...สูงขาว  หน้าใส  แก้มมีลักยิ้มบุ๋ม ยิ้มออกมาเห็นเขี้ยวเสน่ห์  ว้าว..บอกตรงๆคนนี้แหละใช่สเป็คเลย  พี่คฑาพรเป็นชื่อของเขา  เพื่อนจิตอนงค์ที่ไปด้วยน่าจะใจตรงกันกับฉันแน่เลย  เห็นเธอยิ้มหวานให้พี่คฑาพร  ฉันช้ากว่าเธอไปก้าวหนึ่งหละ  แต่ไม่เป็นไรขึ้นอยู่กับว่าใครจะหว่านเสน่ห์ได้เก่งกว่ากัน  อิอิ..  เราต้องอยู่ฝึกงานบนดอยสองอาทิตย์  นี่เป็นโอกาสหละต้องใช้ช่วงนี้ให้เป็นประโยชน์  น้ำขึ้นต้องรีบตัก  เจอหนุ่มหล่อให้รีบทัก อย่าได้ชักช้า  เป็นคติพจน์ของสาวเกษตร  ฮ่าๆๆๆ
                      ยายจิตรีบเดินเข้าไปหาพี่คฑาพร  ขอดอกเบญจมาศเหลืองที่ปลูกไว้ในโรงเรือน  เธอบอกจะเอาไปปักแจกันในบ้านพัก  พี่คฑารีบตัดให้เธอทันทีได้มากำหนึ่ง  และเขาหันมาถามฉันว่าจะเอาสีอะไร  ฉันตอบไปว่าฉันชอบดอกไม้ทุกชนิดทุกสี  แต่ขอให้ดอกไม้อยู่บนต้นของเขาจะดีกว่า  จะชอบมากกว่าอยู่ในแจกัน  โฮ...พี่คฑามองฉันแบบอึ้งในคำตอบของฉัน  ส่งรอยยิ้มที่หวานซึ้งให้ฉัน  ว้าว..ว้าว  ทำให้ใจฉันบูมขึ้นมาเลย  แฮ่ๆๆๆ มีแนวโน้มไหมเนี่ยแอบลุ้นๆอยู่น้าพี่
                     หลังอาหารเย็นก็กาแฟ  ผลไม้บนดอย  บรรยากาศแบบนี้ต้องนี่เลย..ฉันหยิบเอาขลุ่ยที่พกมาด้วยขึ้นมาเป่า  บนดอยตกค่ำมาจะเงียบ  มองลงมาเห็นแสงไฟจากหมู่บ้านที่มีไม่กี่หลังที่อยู่ใกล้ศูนย์พัฒนาแห่งนี้  เสียงขลุ่ยดังก้องไปทั่วดอย  เป่าไปห้าหกเพลงลมเริ่มหมด  พอหยุดเป่าก็ได้ยินเสียงปรบมือจากทีมงานที่ฟังอยู่  ฉันมองออกไปทุกคนมองมาที่ฉัน  พี่คฑาส่งยิ้มหวานมาอีก  อึม..ถ้าพี่ชอบฉันก็จะเป่าให้ฟังต่อ  ชีวิตนี้พลีเพื่อพี่ได้..เข้าทางเลยไหมหละเรา  แอบฝันก่อนนอน
                    เช้ามาทีมฝึกงานพร้อมพี่เกรียงวุฒิ  พี่คฑาพร  เดินลัดเลาะลงมาจากที่พักเพื่อไปดูงานการปลูกไม้ดอกในหมู่บ้าน  พี่เกรียงวุฒิแนะนำผู้นำหมู่บ้านให้รู้จัก  กรี๊ด...ผู้นำคนนี้หล่อแนวพระเอกซีรี่ย์หนังจีนเลย  ฉันชอบดูซีรี่ย์หนังจีนเป็นประจำ  ยายจิตมองหน้าฉัน  ใจตรงกันอีกหละซิ  ฮ่าๆๆสาวๆนี่น้าเห็นหนุ่มๆเป็นดอกไม้ริมทางเลยนะ  ใครหน้าตาดีไม่ได้ต้องแอบชอบด้วย  เป็นเรื่องธรรมดาเนอะ  หนุ่มหน้าตาหล่อใครๆก็ชอบทั้งนั้น
                    ซาเลอะเป็นชื่อของผู้นำหมู่บ้าน  ท่าทางเขาจะเก่งด้านการปลูกไม้ดอกมาก  เขาคล่องแคล้วว่องไวดูการสาธิตของเขาแล้วเพลินเลย  ยายจิตจ้องเขาตาเป็นมันทำท่าเหมือนจะตั้งใจฟังอย่างสุดๆ  จริงๆแล้วยายจิตอนงค์แอบจินตนาการไปไกลแล้ว  มองตาก็รู้ใจกันจ้ายายจิต  ทำเนียนเลยนะเธอ  ถึงเวลาต้องปฏิบัติจริงแล้วซิ  ฉันก็มัวแต่มองยายจิตแอบเพ้อ   ฉันเผลอทำต้นกล้าเล็กๆร่วงลงพื้น  ซาเลอะกับพี่คฑาพรก้มลงเก็บพร้อมกัน  เสียงดัง “โป๊ก”  ก็หัวพวกเขาชนกันอย่างจัง  พี่เกรียงวุฒิบ่นพึมพำ  แต่ฉันได้ยินชัดเพราะอยู่ใกล้กัน “ ใจตรงกันเลยเนอะ”  เอาแล้วซิคำพูดของพี่เกรียงวุฒิทำให้ฉันได้คิดขึ้นมานิดๆ  ใจตรงกันเรื่องอะไรกันแน่นะ  น่าสงสัย.. ต้องติดตามตอนต่อไป 
                   หลังจากฝึกงานเสร็จก็เย็นหละ  ซาเลอะชวนพวกเราไปกินข้าวเย็นที่บ้าน  เขาบอกมีต้มไก่ดำ  ยำหมูกับเหล้าข้าวโพดซึ่งเขาทำเอง  พี่เกรียงวุฒิกับชิดชัยได้ยินต่อมอยากดื่มเหล้าข้าวโพดเริ่มทำงาน   บรรยากาศหนาวๆแบบนี้ต้องแอลกอฮอล์จะช่วยทำให้อุ่นขึ้น  ไม่แปลกใจเลยที่พี่ๆที่ทำงานบนดอยจะชอบดื่มกัน  เขามีเหตุผลของพวกเขาอยู่  ฉันก็เข้าใจนะเพราะฉันก็ชอบดื่มเหมือนกัน
                  อาหารมื้อค่ำนี้นอกจากจะได้ชิมอาหารบนดอย  เหล้าข้าวโพดดีกรีแรง  ยังมีทีเด็ดจากซาเลอะ  เขาดีดซึงได้เก่งมาก  สายลมหนาวพัดโชยมาเป็นระลอก  ถ้าไม่ได้เหล้าข้าวโพดคงหนาวกระดูกลั่นแน่  พี่เกรียงวุฒิกับชิดชัยชื่นชมรสชาติของเหล้าข้าวโพดที่ซาเลอะทำ  พี่คฑาพรคออ่อนหน่อยบอกเริ่มเมา  ยายจิตรอนงค์นั่งตาหวานฟังซาเลอะดีดซึงเพลินไป  บรรยากาศแบบนี้ต้องสร้างอารมณ์ให้ครึ้นเครง  ฉันหยิบขลุ่ยออกมาเป่า  ถามซาเลอะว่าเล่นเพลงอะไรได้บ้าง  พอนัดแนะกันเสร็จก็เล่นพร้อมกัน  ฉันเป่าขลุ่ยซาเลอะดีดซึง  โอ้ยสุดยอด...บรรยากาศหนาวเหน็บกับเสียงเพลงจากขลุ่ยและซึง  ดังไปทั่วหมู่บ้าน  แสงไฟสลัวๆจากในบ้านลอดออกมา  ส่องให้เห็นหน้าของซาเลอะชัดขึ้น  ตอนเขาดีดซึงนี่ดูช่างหล่อน่ารักมาก  ชวนให้น่าหลงใหลยิ่งนัก  เสียงเพลงผสมกับกลิ่นเหล้าข้าวโพด  มันเข้ากันได้ดีจริง  รู้สึกประทับใจบรรยากาศวันนี้สุดๆ
                วันเวลาฝึกงานผ่านไปหลายวันหลายสัปดาห์  เร็วแบบติดจรวด  เพราะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพี่คฑาพรทุกวัน  เหนื่อยแค่ไหนหนักแค่ไหนก็ทนได้  ซาเลอะก็มาหาช่วยแนะนำในทุกเรื่อง  เราเริ่มคุ้นเคยกัน  ฉันหัดดีดซึง  ซาเลอะสอนให้ได้หลายเพลง  ความใกล้ชิดของฉันกับซาเลอะ  มีชิดชัยสังเกตเห็นและแอบบอกฉันว่าพี่คฑาพรแอบมีงอนฉันด้วย  เอ..หนุ่มๆงอนมีอาการเป็นอย่างไรรึอยากเห็นจัง  ฮ่าๆๆคงน่ารักดีนะ  ฉันแอบยิ้มอยู่ในใจ  พี่เกรียงวุฒิบอกพรุ่งนี้จะมีการเลี้ยงส่งน้องๆที่มาฝึกงาน  จะเชิญคนในหมู่บ้านมาร่วมสนุกด้วย  ให้ทางเราเตรียมการแสดงไว้ด้วย  
                คืนวันนี้ดาวเต็มท้องฟ้า  อากาศหนาวเย็นกว่าทุกวัน  สายลมหนาวพัดโชยมาปะทะใบหน้า  รู้สึกเย็นจนหน้าชา  พรุ่งนี้แล้วซินะฉันจะได้กลับมหาวิทยาลัยแล้ว  คงคิดถึงที่นี่ไปอีกนาน  สองอาทิตย์ที่นี่ได้ทั้งความรู้ทางการเกษตรบนที่สูง  และได้วิชาดีดซึงเพิ่มด้วย  ส่วนวิชารักไม่ต้องพูดถึงตามมาติดๆ  ชอบอันหลังมากสุด  ฮ่าๆๆ  กำไรชีวิตนะซิว่าเข้าไปนั่น  พิธีเริ่มหละ  มีการแสดงของชนเผ่า  สนุกสนานมาก  พวกเราออกไปเต้นตามพวกเขา  เหล้าข้าวโพดหอมกริ่นฝีมือซาเลอะ  กลิ่นควันไฟจากกองฟืนลอยมา  ถึงเวลาแสดงร่วมกันแล้วซินะ  ซาเลอะดีดซึงส่วนฉันเป่าขลุ่ย  เสียงเพลงดังก้องอยู่ในใจฉันตลอดเวลา  ความทรงจำในวันนี้คงฝังลึกลงไปในบาดาลแห่งหัวใจ  ฉันจะเก็บความทรงจำดีๆเอาไว้ไม่มีวันลืม
               เช้าที่แสนจะเหงาหงอย  ซาเลอะมาส่ง  ก่อนขึ้นรถยนต์กลับ  ซาเลอะส่งกำไลข้อมือที่เขาสวมใส่อยู่ซึ่งทำด้วยเงินให้ฉัน  อ้า...จะรับดีไหมนะ  พี่เกรียงวุฒิกระซิบบอกให้รับด้วยเพราะเป็นน้ำใจจากเขา  ฉันเข้าไปสวัสดีพี่คฑาพรและส่งขลุ่ยให้เขา  บอกจะส่งโน้ตเพลงขลุ่ยมาให้  พี่คฑาพรยิ้มหวานแต่แววตาไม่ยิ้มเหมือนรอยยิ้ม  ปกติเขาจะยิ้มเห็นเขี้ยวเสน่ห์  แต่วันนี้ริมฝีปากแห้ง รถยนต์แล่นออกไป  และค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ  ซาเลอะโบยมือให้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่แววตาเศร้าเหลือเกิน  ความรู้สึกของฉันเกิดขึ้นแปลกๆในใจ  สับสนนะตอนนี้  ในใจว้าวุ่นชอบกล  พี่เกรียงวุฒิกระซิบข้างหูว่า “ ตกลงเธอจะเลือกใครระหว่างเราสามคนนี้ “  อ่านะ...หมายความว่าอย่างไรเนี่ย...ได้มากเกินความคาดหมายซะแล้วฉัน  กับการฝึกงานครั้งนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่