“เร่งหน่อยนักศึกษา เดี๋ยวจะขึ้นดอยไม่ทันดูพระอาทิตย์ตกดินนะครับ” พี่เกรียงวุฒิตะโกนบอกนักศึกษาฝึกงานคณะเกษตร กลุ่มฉันมีสามคนที่ไปฝึกงานด้วยกัน มีชิดชัย จิตอนงค์และฉันเรียววนา ช่วงนี้เป็นหน้าหนาว ชอบเลยอาจได้เห็นเหมยขาบ “เรียบร้อยแล้วค่ะพี่เกรียง ทุกคนพร้อมขึ้นดอยค่ะ” ฉันตะโกนบอกพี่เกรียงวุฒินักพัฒนาสังคมที่สูงคนที่จะดูแลพวกเราตลอดการฝึกงานนี้
ถึงที่พักบนดอยแจ่มจ้อง ยามเย็นใกล้พระอาทิตย์อัสดงนี่ช่างงดงามยิ่งนัก อาทิตย์หลบเหลี่ยมทิวเขาที่ทอดยาวสลับซับซ้อน แสงสีแดงอมส้ม กระจายเต็มท้องฟ้า เมฆก้อนสีขาวจางๆ เสียงนกกาบินกลับรัง ลมหนาวโชยพัดมา เป็นบรรยากาศที่ฉันชอบมาก รักจังธรรมชาติบนดอย เราร่วมวงกินข้าวเย็นด้วยกัน มีประชุมแนะนำงาน ที่พักและการใช้ชีวิตบนดอย เสียงคุยกันสนุกสนานท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ ฉันแอบดูพี่เกรียงหนุ่มนักพัฒนาฯ หนวดยาว ผมเป็นกระเซิง สไตล์หนุ่มเกษตร จะหาหนุ่มเกษตรที่หน้าขาวไร้หนวดเครา ยิ้มหวาน ผมเรียบดูเกลี้ยงเกลาจะมีมั้งไหมหนอ ชิดชัยที่มาด้วยกันก็แนวเดียวกับพี่เกรียงแถมผมยาวรุงรังกว่าเยอะ ฮ่าๆๆๆ เป็นอะไรที่แสนจะคุ้นเคยแท้เชียวหนุ่มสไตล์นี้
เช้ามาพี่เกรียงวุฒิพาไปแนะนำให้รู้จักนักพัฒนาฯอีกคน โอ้แม่เจ้า...สูงขาว หน้าใส แก้มมีลักยิ้มบุ๋ม ยิ้มออกมาเห็นเขี้ยวเสน่ห์ ว้าว..บอกตรงๆคนนี้แหละใช่สเป็คเลย พี่คฑาพรเป็นชื่อของเขา เพื่อนจิตอนงค์ที่ไปด้วยน่าจะใจตรงกันกับฉันแน่เลย เห็นเธอยิ้มหวานให้พี่คฑาพร ฉันช้ากว่าเธอไปก้าวหนึ่งหละ แต่ไม่เป็นไรขึ้นอยู่กับว่าใครจะหว่านเสน่ห์ได้เก่งกว่ากัน อิอิ.. เราต้องอยู่ฝึกงานบนดอยสองอาทิตย์ นี่เป็นโอกาสหละต้องใช้ช่วงนี้ให้เป็นประโยชน์ น้ำขึ้นต้องรีบตัก เจอหนุ่มหล่อให้รีบทัก อย่าได้ชักช้า เป็นคติพจน์ของสาวเกษตร ฮ่าๆๆๆ
ยายจิตรีบเดินเข้าไปหาพี่คฑาพร ขอดอกเบญจมาศเหลืองที่ปลูกไว้ในโรงเรือน เธอบอกจะเอาไปปักแจกันในบ้านพัก พี่คฑารีบตัดให้เธอทันทีได้มากำหนึ่ง และเขาหันมาถามฉันว่าจะเอาสีอะไร ฉันตอบไปว่าฉันชอบดอกไม้ทุกชนิดทุกสี แต่ขอให้ดอกไม้อยู่บนต้นของเขาจะดีกว่า จะชอบมากกว่าอยู่ในแจกัน โฮ...พี่คฑามองฉันแบบอึ้งในคำตอบของฉัน ส่งรอยยิ้มที่หวานซึ้งให้ฉัน ว้าว..ว้าว ทำให้ใจฉันบูมขึ้นมาเลย แฮ่ๆๆๆ มีแนวโน้มไหมเนี่ยแอบลุ้นๆอยู่น้าพี่
หลังอาหารเย็นก็กาแฟ ผลไม้บนดอย บรรยากาศแบบนี้ต้องนี่เลย..ฉันหยิบเอาขลุ่ยที่พกมาด้วยขึ้นมาเป่า บนดอยตกค่ำมาจะเงียบ มองลงมาเห็นแสงไฟจากหมู่บ้านที่มีไม่กี่หลังที่อยู่ใกล้ศูนย์พัฒนาแห่งนี้ เสียงขลุ่ยดังก้องไปทั่วดอย เป่าไปห้าหกเพลงลมเริ่มหมด พอหยุดเป่าก็ได้ยินเสียงปรบมือจากทีมงานที่ฟังอยู่ ฉันมองออกไปทุกคนมองมาที่ฉัน พี่คฑาส่งยิ้มหวานมาอีก อึม..ถ้าพี่ชอบฉันก็จะเป่าให้ฟังต่อ ชีวิตนี้พลีเพื่อพี่ได้..เข้าทางเลยไหมหละเรา แอบฝันก่อนนอน
เช้ามาทีมฝึกงานพร้อมพี่เกรียงวุฒิ พี่คฑาพร เดินลัดเลาะลงมาจากที่พักเพื่อไปดูงานการปลูกไม้ดอกในหมู่บ้าน พี่เกรียงวุฒิแนะนำผู้นำหมู่บ้านให้รู้จัก กรี๊ด...ผู้นำคนนี้หล่อแนวพระเอกซีรี่ย์หนังจีนเลย ฉันชอบดูซีรี่ย์หนังจีนเป็นประจำ ยายจิตมองหน้าฉัน ใจตรงกันอีกหละซิ ฮ่าๆๆสาวๆนี่น้าเห็นหนุ่มๆเป็นดอกไม้ริมทางเลยนะ ใครหน้าตาดีไม่ได้ต้องแอบชอบด้วย เป็นเรื่องธรรมดาเนอะ หนุ่มหน้าตาหล่อใครๆก็ชอบทั้งนั้น
ซาเลอะเป็นชื่อของผู้นำหมู่บ้าน ท่าทางเขาจะเก่งด้านการปลูกไม้ดอกมาก เขาคล่องแคล้วว่องไวดูการสาธิตของเขาแล้วเพลินเลย ยายจิตจ้องเขาตาเป็นมันทำท่าเหมือนจะตั้งใจฟังอย่างสุดๆ จริงๆแล้วยายจิตอนงค์แอบจินตนาการไปไกลแล้ว มองตาก็รู้ใจกันจ้ายายจิต ทำเนียนเลยนะเธอ ถึงเวลาต้องปฏิบัติจริงแล้วซิ ฉันก็มัวแต่มองยายจิตแอบเพ้อ ฉันเผลอทำต้นกล้าเล็กๆร่วงลงพื้น ซาเลอะกับพี่คฑาพรก้มลงเก็บพร้อมกัน เสียงดัง “โป๊ก” ก็หัวพวกเขาชนกันอย่างจัง พี่เกรียงวุฒิบ่นพึมพำ แต่ฉันได้ยินชัดเพราะอยู่ใกล้กัน “ ใจตรงกันเลยเนอะ” เอาแล้วซิคำพูดของพี่เกรียงวุฒิทำให้ฉันได้คิดขึ้นมานิดๆ ใจตรงกันเรื่องอะไรกันแน่นะ น่าสงสัย.. ต้องติดตามตอนต่อไป
หลังจากฝึกงานเสร็จก็เย็นหละ ซาเลอะชวนพวกเราไปกินข้าวเย็นที่บ้าน เขาบอกมีต้มไก่ดำ ยำหมูกับเหล้าข้าวโพดซึ่งเขาทำเอง พี่เกรียงวุฒิกับชิดชัยได้ยินต่อมอยากดื่มเหล้าข้าวโพดเริ่มทำงาน บรรยากาศหนาวๆแบบนี้ต้องแอลกอฮอล์จะช่วยทำให้อุ่นขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่พี่ๆที่ทำงานบนดอยจะชอบดื่มกัน เขามีเหตุผลของพวกเขาอยู่ ฉันก็เข้าใจนะเพราะฉันก็ชอบดื่มเหมือนกัน
อาหารมื้อค่ำนี้นอกจากจะได้ชิมอาหารบนดอย เหล้าข้าวโพดดีกรีแรง ยังมีทีเด็ดจากซาเลอะ เขาดีดซึงได้เก่งมาก สายลมหนาวพัดโชยมาเป็นระลอก ถ้าไม่ได้เหล้าข้าวโพดคงหนาวกระดูกลั่นแน่ พี่เกรียงวุฒิกับชิดชัยชื่นชมรสชาติของเหล้าข้าวโพดที่ซาเลอะทำ พี่คฑาพรคออ่อนหน่อยบอกเริ่มเมา ยายจิตรอนงค์นั่งตาหวานฟังซาเลอะดีดซึงเพลินไป บรรยากาศแบบนี้ต้องสร้างอารมณ์ให้ครึ้นเครง ฉันหยิบขลุ่ยออกมาเป่า ถามซาเลอะว่าเล่นเพลงอะไรได้บ้าง พอนัดแนะกันเสร็จก็เล่นพร้อมกัน ฉันเป่าขลุ่ยซาเลอะดีดซึง โอ้ยสุดยอด...บรรยากาศหนาวเหน็บกับเสียงเพลงจากขลุ่ยและซึง ดังไปทั่วหมู่บ้าน แสงไฟสลัวๆจากในบ้านลอดออกมา ส่องให้เห็นหน้าของซาเลอะชัดขึ้น ตอนเขาดีดซึงนี่ดูช่างหล่อน่ารักมาก ชวนให้น่าหลงใหลยิ่งนัก เสียงเพลงผสมกับกลิ่นเหล้าข้าวโพด มันเข้ากันได้ดีจริง รู้สึกประทับใจบรรยากาศวันนี้สุดๆ
วันเวลาฝึกงานผ่านไปหลายวันหลายสัปดาห์ เร็วแบบติดจรวด เพราะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพี่คฑาพรทุกวัน เหนื่อยแค่ไหนหนักแค่ไหนก็ทนได้ ซาเลอะก็มาหาช่วยแนะนำในทุกเรื่อง เราเริ่มคุ้นเคยกัน ฉันหัดดีดซึง ซาเลอะสอนให้ได้หลายเพลง ความใกล้ชิดของฉันกับซาเลอะ มีชิดชัยสังเกตเห็นและแอบบอกฉันว่าพี่คฑาพรแอบมีงอนฉันด้วย เอ..หนุ่มๆงอนมีอาการเป็นอย่างไรรึอยากเห็นจัง ฮ่าๆๆคงน่ารักดีนะ ฉันแอบยิ้มอยู่ในใจ พี่เกรียงวุฒิบอกพรุ่งนี้จะมีการเลี้ยงส่งน้องๆที่มาฝึกงาน จะเชิญคนในหมู่บ้านมาร่วมสนุกด้วย ให้ทางเราเตรียมการแสดงไว้ด้วย
คืนวันนี้ดาวเต็มท้องฟ้า อากาศหนาวเย็นกว่าทุกวัน สายลมหนาวพัดโชยมาปะทะใบหน้า รู้สึกเย็นจนหน้าชา พรุ่งนี้แล้วซินะฉันจะได้กลับมหาวิทยาลัยแล้ว คงคิดถึงที่นี่ไปอีกนาน สองอาทิตย์ที่นี่ได้ทั้งความรู้ทางการเกษตรบนที่สูง และได้วิชาดีดซึงเพิ่มด้วย ส่วนวิชารักไม่ต้องพูดถึงตามมาติดๆ ชอบอันหลังมากสุด ฮ่าๆๆ กำไรชีวิตนะซิว่าเข้าไปนั่น พิธีเริ่มหละ มีการแสดงของชนเผ่า สนุกสนานมาก พวกเราออกไปเต้นตามพวกเขา เหล้าข้าวโพดหอมกริ่นฝีมือซาเลอะ กลิ่นควันไฟจากกองฟืนลอยมา ถึงเวลาแสดงร่วมกันแล้วซินะ ซาเลอะดีดซึงส่วนฉันเป่าขลุ่ย เสียงเพลงดังก้องอยู่ในใจฉันตลอดเวลา ความทรงจำในวันนี้คงฝังลึกลงไปในบาดาลแห่งหัวใจ ฉันจะเก็บความทรงจำดีๆเอาไว้ไม่มีวันลืม
เช้าที่แสนจะเหงาหงอย ซาเลอะมาส่ง ก่อนขึ้นรถยนต์กลับ ซาเลอะส่งกำไลข้อมือที่เขาสวมใส่อยู่ซึ่งทำด้วยเงินให้ฉัน อ้า...จะรับดีไหมนะ พี่เกรียงวุฒิกระซิบบอกให้รับด้วยเพราะเป็นน้ำใจจากเขา ฉันเข้าไปสวัสดีพี่คฑาพรและส่งขลุ่ยให้เขา บอกจะส่งโน้ตเพลงขลุ่ยมาให้ พี่คฑาพรยิ้มหวานแต่แววตาไม่ยิ้มเหมือนรอยยิ้ม ปกติเขาจะยิ้มเห็นเขี้ยวเสน่ห์ แต่วันนี้ริมฝีปากแห้ง รถยนต์แล่นออกไป และค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ ซาเลอะโบยมือให้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่แววตาเศร้าเหลือเกิน ความรู้สึกของฉันเกิดขึ้นแปลกๆในใจ สับสนนะตอนนี้ ในใจว้าวุ่นชอบกล พี่เกรียงวุฒิกระซิบข้างหูว่า “ ตกลงเธอจะเลือกใครระหว่างเราสามคนนี้ “ อ่านะ...หมายความว่าอย่างไรเนี่ย...ได้มากเกินความคาดหมายซะแล้วฉัน กับการฝึกงานครั้งนี้
ครั้งหนึ่ง..เมื่อไปฝึกงาน
ถึงที่พักบนดอยแจ่มจ้อง ยามเย็นใกล้พระอาทิตย์อัสดงนี่ช่างงดงามยิ่งนัก อาทิตย์หลบเหลี่ยมทิวเขาที่ทอดยาวสลับซับซ้อน แสงสีแดงอมส้ม กระจายเต็มท้องฟ้า เมฆก้อนสีขาวจางๆ เสียงนกกาบินกลับรัง ลมหนาวโชยพัดมา เป็นบรรยากาศที่ฉันชอบมาก รักจังธรรมชาติบนดอย เราร่วมวงกินข้าวเย็นด้วยกัน มีประชุมแนะนำงาน ที่พักและการใช้ชีวิตบนดอย เสียงคุยกันสนุกสนานท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ ฉันแอบดูพี่เกรียงหนุ่มนักพัฒนาฯ หนวดยาว ผมเป็นกระเซิง สไตล์หนุ่มเกษตร จะหาหนุ่มเกษตรที่หน้าขาวไร้หนวดเครา ยิ้มหวาน ผมเรียบดูเกลี้ยงเกลาจะมีมั้งไหมหนอ ชิดชัยที่มาด้วยกันก็แนวเดียวกับพี่เกรียงแถมผมยาวรุงรังกว่าเยอะ ฮ่าๆๆๆ เป็นอะไรที่แสนจะคุ้นเคยแท้เชียวหนุ่มสไตล์นี้
เช้ามาพี่เกรียงวุฒิพาไปแนะนำให้รู้จักนักพัฒนาฯอีกคน โอ้แม่เจ้า...สูงขาว หน้าใส แก้มมีลักยิ้มบุ๋ม ยิ้มออกมาเห็นเขี้ยวเสน่ห์ ว้าว..บอกตรงๆคนนี้แหละใช่สเป็คเลย พี่คฑาพรเป็นชื่อของเขา เพื่อนจิตอนงค์ที่ไปด้วยน่าจะใจตรงกันกับฉันแน่เลย เห็นเธอยิ้มหวานให้พี่คฑาพร ฉันช้ากว่าเธอไปก้าวหนึ่งหละ แต่ไม่เป็นไรขึ้นอยู่กับว่าใครจะหว่านเสน่ห์ได้เก่งกว่ากัน อิอิ.. เราต้องอยู่ฝึกงานบนดอยสองอาทิตย์ นี่เป็นโอกาสหละต้องใช้ช่วงนี้ให้เป็นประโยชน์ น้ำขึ้นต้องรีบตัก เจอหนุ่มหล่อให้รีบทัก อย่าได้ชักช้า เป็นคติพจน์ของสาวเกษตร ฮ่าๆๆๆ
ยายจิตรีบเดินเข้าไปหาพี่คฑาพร ขอดอกเบญจมาศเหลืองที่ปลูกไว้ในโรงเรือน เธอบอกจะเอาไปปักแจกันในบ้านพัก พี่คฑารีบตัดให้เธอทันทีได้มากำหนึ่ง และเขาหันมาถามฉันว่าจะเอาสีอะไร ฉันตอบไปว่าฉันชอบดอกไม้ทุกชนิดทุกสี แต่ขอให้ดอกไม้อยู่บนต้นของเขาจะดีกว่า จะชอบมากกว่าอยู่ในแจกัน โฮ...พี่คฑามองฉันแบบอึ้งในคำตอบของฉัน ส่งรอยยิ้มที่หวานซึ้งให้ฉัน ว้าว..ว้าว ทำให้ใจฉันบูมขึ้นมาเลย แฮ่ๆๆๆ มีแนวโน้มไหมเนี่ยแอบลุ้นๆอยู่น้าพี่
หลังอาหารเย็นก็กาแฟ ผลไม้บนดอย บรรยากาศแบบนี้ต้องนี่เลย..ฉันหยิบเอาขลุ่ยที่พกมาด้วยขึ้นมาเป่า บนดอยตกค่ำมาจะเงียบ มองลงมาเห็นแสงไฟจากหมู่บ้านที่มีไม่กี่หลังที่อยู่ใกล้ศูนย์พัฒนาแห่งนี้ เสียงขลุ่ยดังก้องไปทั่วดอย เป่าไปห้าหกเพลงลมเริ่มหมด พอหยุดเป่าก็ได้ยินเสียงปรบมือจากทีมงานที่ฟังอยู่ ฉันมองออกไปทุกคนมองมาที่ฉัน พี่คฑาส่งยิ้มหวานมาอีก อึม..ถ้าพี่ชอบฉันก็จะเป่าให้ฟังต่อ ชีวิตนี้พลีเพื่อพี่ได้..เข้าทางเลยไหมหละเรา แอบฝันก่อนนอน
เช้ามาทีมฝึกงานพร้อมพี่เกรียงวุฒิ พี่คฑาพร เดินลัดเลาะลงมาจากที่พักเพื่อไปดูงานการปลูกไม้ดอกในหมู่บ้าน พี่เกรียงวุฒิแนะนำผู้นำหมู่บ้านให้รู้จัก กรี๊ด...ผู้นำคนนี้หล่อแนวพระเอกซีรี่ย์หนังจีนเลย ฉันชอบดูซีรี่ย์หนังจีนเป็นประจำ ยายจิตมองหน้าฉัน ใจตรงกันอีกหละซิ ฮ่าๆๆสาวๆนี่น้าเห็นหนุ่มๆเป็นดอกไม้ริมทางเลยนะ ใครหน้าตาดีไม่ได้ต้องแอบชอบด้วย เป็นเรื่องธรรมดาเนอะ หนุ่มหน้าตาหล่อใครๆก็ชอบทั้งนั้น
ซาเลอะเป็นชื่อของผู้นำหมู่บ้าน ท่าทางเขาจะเก่งด้านการปลูกไม้ดอกมาก เขาคล่องแคล้วว่องไวดูการสาธิตของเขาแล้วเพลินเลย ยายจิตจ้องเขาตาเป็นมันทำท่าเหมือนจะตั้งใจฟังอย่างสุดๆ จริงๆแล้วยายจิตอนงค์แอบจินตนาการไปไกลแล้ว มองตาก็รู้ใจกันจ้ายายจิต ทำเนียนเลยนะเธอ ถึงเวลาต้องปฏิบัติจริงแล้วซิ ฉันก็มัวแต่มองยายจิตแอบเพ้อ ฉันเผลอทำต้นกล้าเล็กๆร่วงลงพื้น ซาเลอะกับพี่คฑาพรก้มลงเก็บพร้อมกัน เสียงดัง “โป๊ก” ก็หัวพวกเขาชนกันอย่างจัง พี่เกรียงวุฒิบ่นพึมพำ แต่ฉันได้ยินชัดเพราะอยู่ใกล้กัน “ ใจตรงกันเลยเนอะ” เอาแล้วซิคำพูดของพี่เกรียงวุฒิทำให้ฉันได้คิดขึ้นมานิดๆ ใจตรงกันเรื่องอะไรกันแน่นะ น่าสงสัย.. ต้องติดตามตอนต่อไป
หลังจากฝึกงานเสร็จก็เย็นหละ ซาเลอะชวนพวกเราไปกินข้าวเย็นที่บ้าน เขาบอกมีต้มไก่ดำ ยำหมูกับเหล้าข้าวโพดซึ่งเขาทำเอง พี่เกรียงวุฒิกับชิดชัยได้ยินต่อมอยากดื่มเหล้าข้าวโพดเริ่มทำงาน บรรยากาศหนาวๆแบบนี้ต้องแอลกอฮอล์จะช่วยทำให้อุ่นขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่พี่ๆที่ทำงานบนดอยจะชอบดื่มกัน เขามีเหตุผลของพวกเขาอยู่ ฉันก็เข้าใจนะเพราะฉันก็ชอบดื่มเหมือนกัน
อาหารมื้อค่ำนี้นอกจากจะได้ชิมอาหารบนดอย เหล้าข้าวโพดดีกรีแรง ยังมีทีเด็ดจากซาเลอะ เขาดีดซึงได้เก่งมาก สายลมหนาวพัดโชยมาเป็นระลอก ถ้าไม่ได้เหล้าข้าวโพดคงหนาวกระดูกลั่นแน่ พี่เกรียงวุฒิกับชิดชัยชื่นชมรสชาติของเหล้าข้าวโพดที่ซาเลอะทำ พี่คฑาพรคออ่อนหน่อยบอกเริ่มเมา ยายจิตรอนงค์นั่งตาหวานฟังซาเลอะดีดซึงเพลินไป บรรยากาศแบบนี้ต้องสร้างอารมณ์ให้ครึ้นเครง ฉันหยิบขลุ่ยออกมาเป่า ถามซาเลอะว่าเล่นเพลงอะไรได้บ้าง พอนัดแนะกันเสร็จก็เล่นพร้อมกัน ฉันเป่าขลุ่ยซาเลอะดีดซึง โอ้ยสุดยอด...บรรยากาศหนาวเหน็บกับเสียงเพลงจากขลุ่ยและซึง ดังไปทั่วหมู่บ้าน แสงไฟสลัวๆจากในบ้านลอดออกมา ส่องให้เห็นหน้าของซาเลอะชัดขึ้น ตอนเขาดีดซึงนี่ดูช่างหล่อน่ารักมาก ชวนให้น่าหลงใหลยิ่งนัก เสียงเพลงผสมกับกลิ่นเหล้าข้าวโพด มันเข้ากันได้ดีจริง รู้สึกประทับใจบรรยากาศวันนี้สุดๆ
วันเวลาฝึกงานผ่านไปหลายวันหลายสัปดาห์ เร็วแบบติดจรวด เพราะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพี่คฑาพรทุกวัน เหนื่อยแค่ไหนหนักแค่ไหนก็ทนได้ ซาเลอะก็มาหาช่วยแนะนำในทุกเรื่อง เราเริ่มคุ้นเคยกัน ฉันหัดดีดซึง ซาเลอะสอนให้ได้หลายเพลง ความใกล้ชิดของฉันกับซาเลอะ มีชิดชัยสังเกตเห็นและแอบบอกฉันว่าพี่คฑาพรแอบมีงอนฉันด้วย เอ..หนุ่มๆงอนมีอาการเป็นอย่างไรรึอยากเห็นจัง ฮ่าๆๆคงน่ารักดีนะ ฉันแอบยิ้มอยู่ในใจ พี่เกรียงวุฒิบอกพรุ่งนี้จะมีการเลี้ยงส่งน้องๆที่มาฝึกงาน จะเชิญคนในหมู่บ้านมาร่วมสนุกด้วย ให้ทางเราเตรียมการแสดงไว้ด้วย
คืนวันนี้ดาวเต็มท้องฟ้า อากาศหนาวเย็นกว่าทุกวัน สายลมหนาวพัดโชยมาปะทะใบหน้า รู้สึกเย็นจนหน้าชา พรุ่งนี้แล้วซินะฉันจะได้กลับมหาวิทยาลัยแล้ว คงคิดถึงที่นี่ไปอีกนาน สองอาทิตย์ที่นี่ได้ทั้งความรู้ทางการเกษตรบนที่สูง และได้วิชาดีดซึงเพิ่มด้วย ส่วนวิชารักไม่ต้องพูดถึงตามมาติดๆ ชอบอันหลังมากสุด ฮ่าๆๆ กำไรชีวิตนะซิว่าเข้าไปนั่น พิธีเริ่มหละ มีการแสดงของชนเผ่า สนุกสนานมาก พวกเราออกไปเต้นตามพวกเขา เหล้าข้าวโพดหอมกริ่นฝีมือซาเลอะ กลิ่นควันไฟจากกองฟืนลอยมา ถึงเวลาแสดงร่วมกันแล้วซินะ ซาเลอะดีดซึงส่วนฉันเป่าขลุ่ย เสียงเพลงดังก้องอยู่ในใจฉันตลอดเวลา ความทรงจำในวันนี้คงฝังลึกลงไปในบาดาลแห่งหัวใจ ฉันจะเก็บความทรงจำดีๆเอาไว้ไม่มีวันลืม
เช้าที่แสนจะเหงาหงอย ซาเลอะมาส่ง ก่อนขึ้นรถยนต์กลับ ซาเลอะส่งกำไลข้อมือที่เขาสวมใส่อยู่ซึ่งทำด้วยเงินให้ฉัน อ้า...จะรับดีไหมนะ พี่เกรียงวุฒิกระซิบบอกให้รับด้วยเพราะเป็นน้ำใจจากเขา ฉันเข้าไปสวัสดีพี่คฑาพรและส่งขลุ่ยให้เขา บอกจะส่งโน้ตเพลงขลุ่ยมาให้ พี่คฑาพรยิ้มหวานแต่แววตาไม่ยิ้มเหมือนรอยยิ้ม ปกติเขาจะยิ้มเห็นเขี้ยวเสน่ห์ แต่วันนี้ริมฝีปากแห้ง รถยนต์แล่นออกไป และค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ ซาเลอะโบยมือให้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่แววตาเศร้าเหลือเกิน ความรู้สึกของฉันเกิดขึ้นแปลกๆในใจ สับสนนะตอนนี้ ในใจว้าวุ่นชอบกล พี่เกรียงวุฒิกระซิบข้างหูว่า “ ตกลงเธอจะเลือกใครระหว่างเราสามคนนี้ “ อ่านะ...หมายความว่าอย่างไรเนี่ย...ได้มากเกินความคาดหมายซะแล้วฉัน กับการฝึกงานครั้งนี้