สมพงษ์ นำส.ส.เพื่อไทย นำร่องสัมมนาเชียงใหม่ ดึงเยาวชน ยกระดับอาชีพสู่นักการเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2599706
สมพงษ์ นำส.ส.เพื่อไทย นำร่องสัมมนาเชียงใหม่ ดึงเยาวชน ยกระดับอาชีพสู่นักการเมือง ลั่นถอดบทเรียน-ระมัดระวังตัว หลังถูกยุบพรรค 2 ครั้งแล้ว
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ภัตตาคารตูลู่ ถ.นันทาราม ต.หายยา อ.เมืองจ.เชียงใหม่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธานเปิดกิจกรรมสัมมนา The Change Maker โดย THINK คิด เพื่อไทยที่ จ.เชียงใหม่ เป็นจังหวัดแรกเพื่อยกระดับอาชีพสู่นักการเมือง
มีนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้า พท. น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 นายนพคุณ รัฐผไท ส.ส.เชียงใหม่ เขต 2 นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 นายวิทยา ทรงคำ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 4 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ เขต 6 และตัวแทนนายศรีเรศ โกฎคำลือ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 9
รวมทั้ง นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ ผู้อำนวยการโครงการฯ น.ส.ชนิกา วงศ์นภาจันทร์ ผู้บริหารโครงการฯ พร้อมนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วม กว่า 100 คน ก่อนตัวแทนได้ยื่นหนังสือการพัฒนาเชิงนโยบายแก่นายสมพงษ์ เพื่อให้พรรคพิจารณาตามลำดับ โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าว ได้แบ่งกลุ่ม ๆ ละ 3 คน เพื่อระดมความคิดเห็นและนำเสนอแผนโครงการพัฒนาท้องถิ่นหรือชุมชน อาทิ การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่ ติดตั้งโซล่าเซลล์เพื่อการเกษตร ปรับภูมิทัศน์นำระบบไฟฟ้าลงใต้ดิน สร้างพื้นที่สีเขียวและสันทนาการ แก้ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ฝุ่น PM 2.5 เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยให้นำเสนอกลุ่มละ 5-10 นาที ก่อนสรุปความคิดเห็น เพื่อจำลองจัดทำเป็นนโยบายเชิงพัฒนาพื้นที่และระดับชาติตามลำดับ
นาย
สมพงษ์ กล่าวว่า การพัฒนาและยกระดับพรรคการเมือง ไม่ใช่ชนะเลือกตั้ง แล้วมี ส.ส.ในสภาเท่านั้น ต้องมองถึงอนาคต ดังนั้นโครงการดังกล่าว เพื่อพัฒนาเยาวชนเข้าสู่อาชีพนักการเมืองตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อพัฒนาและทำประโยชน์ให้ประชาชนมากที่สุด อยากเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าว
เพราะการเมืองค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อนพอสมควร ซึ่งการจัดทำนโยบาย เพื่อสนองตอบประชาชนนั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่ง พท.เป็นพรรคที่มีประสบการณ์และองค์ความรู้การเมือง แต่ยังไม่พอต้องคัดเลือกและสรรหาคนรุ่นใหม่ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และองค์ความรู้ดังกล่าวไปสู่คนรุ่นใหม่ เพื่อขยายผลและต่อยอดการพัฒนาและยกระดับพรรคสู่มาตรฐานสากลและยั่งยืนต่อไป
“
พรรคเริ่มตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และมาสู่ เพื่อไทย ทำให้ผู้มีอำนาจหรือผู้บริหารพรรค ต้องมองจุดอ่อนและสิ่งผิดพลาดที่ผ่านมา เพื่อถอดบทเรียนแก้ปัญหาและหาทางออกให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะถูกยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง และมีผู้พยายามยุบพท.อีกครั้ง แต่พวกเราระมัดระวังตัว ไม่อยากทำอะไรให้เกิดปัญหาและยุบพรรคได้
ซึ่งพรรคได้ก้าวมา 3 รุ่นแล้ว ต้องสร้างนักการเมืองรุ่นที่ 4 โดยถ่ายทอดองค์ความรู้ประสบการณ์สู่เยาวชนที่มีความสนใจเป็นนักการเมือง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองต่อไป” นาย
สมพงษ์ กล่าว
“สุทิน” ชี้ทางบิ๊กตู่ แก้รธน.หรือยุบสภา เชื่อรบ.ร้าวแบบนี้ ปรับครม.ก็อยู่ไม่เกิน 3เดือน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2599721
‘สุทิน’ เผย ฝ่ายค้านเตรียมตั้งรับยุบสภา ชี้ ปรับครม. เท่ากับนับถอยหลัง เหตุสัมพันธ์พรรคร่วมรบ.ร้าวลึก จำนน อนาคตปชช.เป็นลูกไก่ในกำมือ ‘นายกฯ’
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (ประธานวิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อสังเกตว่า อาจเกิดการยุบสภา แล้วจัดเลือกตั้งใหม่โดยใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดิมจะทำให้มีกระบวนการคัดเลือกนายกรัฐมนตรีแบบเดิม และเป็นการรักษาอำนาจของรัฐบาลชุดเดิมไว้ ว่า ก็อยู่ที่พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ที่จะเลือกสร้างโอกาสให้ประเทศ หรือจะปิดโอกาสประเทศ วันนี้เมื่อเดินมาถึงจุดนี้ โอกาสที่จะเดินต่อก็ยากเต็มที ถ้าจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใต้โครงสร้างเดิม และพรรคเดิม ตนคิดว่า หลังจากปรับครม. แล้วก็จะนับถอยหลัง แต่ถ้ายุบสภา ภายใต้กฎหมายและเงื่อนไขเดิม ในที่สุดก็จะได้นายกฯ และการเมืองมุมเดิม ประชาชนไม่ได้มีโอกาสที่ดีขึ้นเลย ประเทศจึงย่ำอยู่กับที่ นายกฯ จึงต้องตัดสินใจว่า ถ้าจะยุบสภา ก็ต้องรีบแก้รัฐธรรมนูญ และสร้างกติกาการเลือกตั้งแบบใหม่ อีกวิธีคือนายกฯ ต้องลาออก และมีนายกฯคนใหม่ ตนคิดว่า การเมืองก็เดินยาก แต่ไม่ถึงกับตัน ทั้งนี้ ก็อยู่ที่นายกฯ ว่าจะทำให้ตัน หรือไม่ตัน
เมื่อถามว่า มีแนวโน้มว่าจะเกิดการยุบสภาหรือไม่ นาย
สุทิน กล่าวว่า ตนไม่รู้ แต่รู้ว่า รัฐบาลกำลังนับถอยหลัง หากปรับครม. ภายใต้โครงสร้างเดิม และพรรคการเมืองเดิม รัฐบาลก็คงจะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน เพราะความบาดหมาง ในพรรคร่วมรัฐบาลนับวันจะยิ่งทวีคูณ และความแตกแยกของพรรคแกนนำก็จะรุนแรงยิ่งขึ้น
เมื่อถามว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมตั้งรับไว้แล้วใช่หรือไม่ นาย
สุทิน กล่าวว่า เราก็เตรียมตั้งรับ แต่ก็คงทำอะไรได้ไม่มาก เพราะอำนาจอยู่ที่นายกฯ ว่า จะยุบสภา หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฝ่ายค้านและประชาชนก็เหมือนลูกไก่ในกำมือ
นักวิชาการ ยก การเมืองยุครบ.ประยุทธ์ เป็น “การเมืองแบบงูเห่ากินกล้วย”
https://www.matichon.co.th/politics/news_2599698
นักวิชาการ ยก การเมืองยุครบ.ประยุทธ์ เป็น “การเมืองแบบงูเห่ากินกล้วย”
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. รศ.ดร.
พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สาถบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และเป็นประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) โพสต์ข้อความแสดงความเห็น ประเด็นการเมืองไทยในสมัยรัฐบาล
ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดย ระบุว่า
กล่าวได้ว่าการเมืองในยุครัฐบาลประยุทธ์เป็น “การเมืองแบบงูเห่ากินกล้วย” นี่ออกพิสดารไปสักนิด
แต่มาจากความเป็นจริงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเชิงอุปมาอุปไมย
งูเห่า คือนักการเมืองที่ย้ายพรรคจากพรรคเดิมที่ทำให้เขาหรือเธอได้รับเลือกตั้ง
แต่เมื่อเป็น ส.ส. แล้วกลับลืมตัว ไม่สำนึกบุญคุณที่ทำให้มีโอกาสเข้าไปนั่งในสภา
เรียกว่า แม้แต่พรรคตนเองก็ยังไม่สำนึกบุญคุณ แล้วจะไปคาดหวังให้คนเหล่านั้นสำนึกบุญคุณประชาชนอย่างไร
กล้วย เป็นคำที่รัฐมนตรีคนหนึ่งเคยใช้ในการเปรียบเปรย มีนัยหมายถึงผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะเงินที่นักการเมืองผู้เป็นเจ้ามือหรือนายทุนพรรคจ่ายแก่ ส.ส. ทั้งในพรรคของตนเอง หรือต่างพรรค
กล้วยมาจากไหน แน่นอนไม่ได้มาจากสวนกล้วยเพราะไม่มีนายทุนพรรคคนใดที่ให้กล้วยที่ตนเองปลูกด้วยน้ำพักน้ำแรงแก่งูเห่า
แต่มาจากส่วยบ่อนบ้าง ตู้ม้าบ้าง คอรัปชั่นบ้าง หรือธุรกิจผิดกฎหมายบ้าง หรือขอมาจากนายทุนผูกขาดบ้าง
ยุคงูเห่ากินกล้วยจึงเป็นยุคที่วิปริตโดยแท้
https://www.facebook.com/PhichainaBhuket/posts/260309192217993
JJNY : 5in1 พท.นำร่องสัมมนาเชียงใหม่│สุทินชี้ทางตู่│การเมืองแบบงูเห่ากินกล้วย│วอนช่วยภาคท่องเที่ยว│ชูวิทย์โพสต์ถึงกปปส.
https://www.matichon.co.th/politics/news_2599706
สมพงษ์ นำส.ส.เพื่อไทย นำร่องสัมมนาเชียงใหม่ ดึงเยาวชน ยกระดับอาชีพสู่นักการเมือง ลั่นถอดบทเรียน-ระมัดระวังตัว หลังถูกยุบพรรค 2 ครั้งแล้ว
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ภัตตาคารตูลู่ ถ.นันทาราม ต.หายยา อ.เมืองจ.เชียงใหม่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธานเปิดกิจกรรมสัมมนา The Change Maker โดย THINK คิด เพื่อไทยที่ จ.เชียงใหม่ เป็นจังหวัดแรกเพื่อยกระดับอาชีพสู่นักการเมือง
มีนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้า พท. น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 นายนพคุณ รัฐผไท ส.ส.เชียงใหม่ เขต 2 นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 นายวิทยา ทรงคำ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 4 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ เขต 6 และตัวแทนนายศรีเรศ โกฎคำลือ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 9
รวมทั้ง นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ ผู้อำนวยการโครงการฯ น.ส.ชนิกา วงศ์นภาจันทร์ ผู้บริหารโครงการฯ พร้อมนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วม กว่า 100 คน ก่อนตัวแทนได้ยื่นหนังสือการพัฒนาเชิงนโยบายแก่นายสมพงษ์ เพื่อให้พรรคพิจารณาตามลำดับ โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าว ได้แบ่งกลุ่ม ๆ ละ 3 คน เพื่อระดมความคิดเห็นและนำเสนอแผนโครงการพัฒนาท้องถิ่นหรือชุมชน อาทิ การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่ ติดตั้งโซล่าเซลล์เพื่อการเกษตร ปรับภูมิทัศน์นำระบบไฟฟ้าลงใต้ดิน สร้างพื้นที่สีเขียวและสันทนาการ แก้ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ฝุ่น PM 2.5 เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยให้นำเสนอกลุ่มละ 5-10 นาที ก่อนสรุปความคิดเห็น เพื่อจำลองจัดทำเป็นนโยบายเชิงพัฒนาพื้นที่และระดับชาติตามลำดับ
นายสมพงษ์ กล่าวว่า การพัฒนาและยกระดับพรรคการเมือง ไม่ใช่ชนะเลือกตั้ง แล้วมี ส.ส.ในสภาเท่านั้น ต้องมองถึงอนาคต ดังนั้นโครงการดังกล่าว เพื่อพัฒนาเยาวชนเข้าสู่อาชีพนักการเมืองตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อพัฒนาและทำประโยชน์ให้ประชาชนมากที่สุด อยากเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าว
เพราะการเมืองค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อนพอสมควร ซึ่งการจัดทำนโยบาย เพื่อสนองตอบประชาชนนั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่ง พท.เป็นพรรคที่มีประสบการณ์และองค์ความรู้การเมือง แต่ยังไม่พอต้องคัดเลือกและสรรหาคนรุ่นใหม่ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และองค์ความรู้ดังกล่าวไปสู่คนรุ่นใหม่ เพื่อขยายผลและต่อยอดการพัฒนาและยกระดับพรรคสู่มาตรฐานสากลและยั่งยืนต่อไป
“พรรคเริ่มตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และมาสู่ เพื่อไทย ทำให้ผู้มีอำนาจหรือผู้บริหารพรรค ต้องมองจุดอ่อนและสิ่งผิดพลาดที่ผ่านมา เพื่อถอดบทเรียนแก้ปัญหาและหาทางออกให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะถูกยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง และมีผู้พยายามยุบพท.อีกครั้ง แต่พวกเราระมัดระวังตัว ไม่อยากทำอะไรให้เกิดปัญหาและยุบพรรคได้
ซึ่งพรรคได้ก้าวมา 3 รุ่นแล้ว ต้องสร้างนักการเมืองรุ่นที่ 4 โดยถ่ายทอดองค์ความรู้ประสบการณ์สู่เยาวชนที่มีความสนใจเป็นนักการเมือง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองต่อไป” นายสมพงษ์ กล่าว
“สุทิน” ชี้ทางบิ๊กตู่ แก้รธน.หรือยุบสภา เชื่อรบ.ร้าวแบบนี้ ปรับครม.ก็อยู่ไม่เกิน 3เดือน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2599721
‘สุทิน’ เผย ฝ่ายค้านเตรียมตั้งรับยุบสภา ชี้ ปรับครม. เท่ากับนับถอยหลัง เหตุสัมพันธ์พรรคร่วมรบ.ร้าวลึก จำนน อนาคตปชช.เป็นลูกไก่ในกำมือ ‘นายกฯ’
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (ประธานวิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อสังเกตว่า อาจเกิดการยุบสภา แล้วจัดเลือกตั้งใหม่โดยใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดิมจะทำให้มีกระบวนการคัดเลือกนายกรัฐมนตรีแบบเดิม และเป็นการรักษาอำนาจของรัฐบาลชุดเดิมไว้ ว่า ก็อยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ที่จะเลือกสร้างโอกาสให้ประเทศ หรือจะปิดโอกาสประเทศ วันนี้เมื่อเดินมาถึงจุดนี้ โอกาสที่จะเดินต่อก็ยากเต็มที ถ้าจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใต้โครงสร้างเดิม และพรรคเดิม ตนคิดว่า หลังจากปรับครม. แล้วก็จะนับถอยหลัง แต่ถ้ายุบสภา ภายใต้กฎหมายและเงื่อนไขเดิม ในที่สุดก็จะได้นายกฯ และการเมืองมุมเดิม ประชาชนไม่ได้มีโอกาสที่ดีขึ้นเลย ประเทศจึงย่ำอยู่กับที่ นายกฯ จึงต้องตัดสินใจว่า ถ้าจะยุบสภา ก็ต้องรีบแก้รัฐธรรมนูญ และสร้างกติกาการเลือกตั้งแบบใหม่ อีกวิธีคือนายกฯ ต้องลาออก และมีนายกฯคนใหม่ ตนคิดว่า การเมืองก็เดินยาก แต่ไม่ถึงกับตัน ทั้งนี้ ก็อยู่ที่นายกฯ ว่าจะทำให้ตัน หรือไม่ตัน
เมื่อถามว่า มีแนวโน้มว่าจะเกิดการยุบสภาหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ตนไม่รู้ แต่รู้ว่า รัฐบาลกำลังนับถอยหลัง หากปรับครม. ภายใต้โครงสร้างเดิม และพรรคการเมืองเดิม รัฐบาลก็คงจะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน เพราะความบาดหมาง ในพรรคร่วมรัฐบาลนับวันจะยิ่งทวีคูณ และความแตกแยกของพรรคแกนนำก็จะรุนแรงยิ่งขึ้น
เมื่อถามว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมตั้งรับไว้แล้วใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เราก็เตรียมตั้งรับ แต่ก็คงทำอะไรได้ไม่มาก เพราะอำนาจอยู่ที่นายกฯ ว่า จะยุบสภา หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฝ่ายค้านและประชาชนก็เหมือนลูกไก่ในกำมือ
นักวิชาการ ยก การเมืองยุครบ.ประยุทธ์ เป็น “การเมืองแบบงูเห่ากินกล้วย”
https://www.matichon.co.th/politics/news_2599698
นักวิชาการ ยก การเมืองยุครบ.ประยุทธ์ เป็น “การเมืองแบบงูเห่ากินกล้วย”
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สาถบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และเป็นประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) โพสต์ข้อความแสดงความเห็น ประเด็นการเมืองไทยในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา โดย ระบุว่า
กล่าวได้ว่าการเมืองในยุครัฐบาลประยุทธ์เป็น “การเมืองแบบงูเห่ากินกล้วย” นี่ออกพิสดารไปสักนิด
แต่มาจากความเป็นจริงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเชิงอุปมาอุปไมย
งูเห่า คือนักการเมืองที่ย้ายพรรคจากพรรคเดิมที่ทำให้เขาหรือเธอได้รับเลือกตั้ง
แต่เมื่อเป็น ส.ส. แล้วกลับลืมตัว ไม่สำนึกบุญคุณที่ทำให้มีโอกาสเข้าไปนั่งในสภา
เรียกว่า แม้แต่พรรคตนเองก็ยังไม่สำนึกบุญคุณ แล้วจะไปคาดหวังให้คนเหล่านั้นสำนึกบุญคุณประชาชนอย่างไร
กล้วย เป็นคำที่รัฐมนตรีคนหนึ่งเคยใช้ในการเปรียบเปรย มีนัยหมายถึงผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะเงินที่นักการเมืองผู้เป็นเจ้ามือหรือนายทุนพรรคจ่ายแก่ ส.ส. ทั้งในพรรคของตนเอง หรือต่างพรรค
กล้วยมาจากไหน แน่นอนไม่ได้มาจากสวนกล้วยเพราะไม่มีนายทุนพรรคคนใดที่ให้กล้วยที่ตนเองปลูกด้วยน้ำพักน้ำแรงแก่งูเห่า
แต่มาจากส่วยบ่อนบ้าง ตู้ม้าบ้าง คอรัปชั่นบ้าง หรือธุรกิจผิดกฎหมายบ้าง หรือขอมาจากนายทุนผูกขาดบ้าง
ยุคงูเห่ากินกล้วยจึงเป็นยุคที่วิปริตโดยแท้
https://www.facebook.com/PhichainaBhuket/posts/260309192217993