ซื้อ Meso fat เมโสแฟตมาเองให้หมอเถื่อนฉีด เกือบตาย เข้า ICU !! (เตือนภัยอย่าเห็นแก่ค่าฉีดถูก) ปี 2564

สวัสดีค่ะ !  
ก่อนอื่นเราขอแจ้งก่อนว่าที่เรามาเขียนกระทู้นี้เพราะเราผ่านการเฉียดตายมาอย่างหวุดหวิด 
และก่อนที่เราจะหมดสติเราอธิฐานถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพทุกองค์ที่นับถือไว้ว่า 
หากเรามีชีวิตรอดผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้มาได้ เราจะเขียนกระทู้พันทิป เล่าประสบการณ์เกือบตายของตัวเอง 
เผื่อใครได้ผ่านมาอ่านอาจเป็นประโยชน์และอาจช่วยผู้ที่คิดจะทำแบบเราได้ 
 
          ตอนนี้เราอายุ 25 ปี ย่าง 26 แต่เหตุการณ์ที่เราจะมาเล่าคือเหตุการณ์สมัยตอนเราปี 1 อายุ 19
หลายคนก็อาจจะสงสัยว่า จะมาเล่าทำไมตอนนี้ ผ่านมาตั้งหลายปีเพิ่งจะมาเล่า
ต้องขอชี้แจงก่อนว่า เราสันดานไม่ดีค่ะผลัดเก่ง ผลัดมาตั้งแต่อายุ 19 จนมาถึงอายุ 25 ปี กว่าจะมาเขียนกระทู้
ที่เราเลือกจะมาเขียนตอนนี้เพราะเราไม่สบายใจ มันติดอยู่ในใจ เหมือนผิดคำสาบาน บนบานอะไรทำนองนี้ด้วย
และคิดว่าการมาเขียนมาครั้งนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับอีกหลายๆคน

 
*** เข้าเรื่องเลยนะคะเพี้ยนไม่อยากจะเล่า   
เราเป็นคนที่แก้มเยอะแต่กำเนิดค่ะ เป็นกรรมพันธุ์ ด้วยความอยากสวย และกระแสนิยมต่างๆ 
ทำให้เราเริ่มเข้าวงการศัลยกรรมตั้งแต่อยู่ช่วง ม.ปลาย ศัลยกรรมในที่นี้ 
คือ การ ฉีดโบท็อกซ์/เมโสแฟต/ร้อยไหม/ฟิลเล่อร์ ไม่รวมการลงมีดผ่าใดๆ
เราเริ่มฉีดเมโสแฟตตั้งแต่ ม.6 การฉีดครั้งแรก ไปฉีดที่คลินิกที่ได้มาตรฐานทุกครั้ง 
คุณหมอที่ฉีดเป็นหมอเฉพาะทางโดยตรง ฉีดแรกๆเห็นผลดีมาก หน้าเรียวเชียว แก้มเล็ก 
ดูดีขึ้นมีคนทัก ทีนี้มีครั้งแรกก็มีครั้งต่อมาเรื่อยๆ เริ่มเสพติด และทำให้เราคิดว่าถ้าเราฉีดบ่อยๆแบบนี้ต่อเราเงินหมด
ไม่มีเงินทำอย่างอื่นพอดี หลายคนอาจจะคิดว่าเราจะหยุดใช่ไหมล่ะคะ!!!!............เราไม่หยุดจ้า 
กลับหาทางออกโดยการไปซื้อยาเมโสแฟตเองจากเน็ต ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปง่ายมาก ราคาไม่แพง 
และไปหาคนรับฉีดคือหมอกระเป๋า พวกนี้มีเครือข่ายเถื่อนกระจ่ายอยู่ทุกจังหวัด 
บางคนก็เป็นพยาบาลวิชาชีพมารับฉีดกลูต้าเข้าเส้น ฉีดเมโสก็มี 
ปัจจุบันคนนิยมฉีดแบบเถื่อนกันเยอะมาก เพราะ 1.ราคาถูก 2.อัดยาได้เยอะเห็นผลเร็วกว่า  

       ยกตัวอย่าง   เราไปฉีดคลินิก เข็มละ 3500 บาท เข็มนึง 10 cc. เป็นตัวยาจริงแค่ 5 cc. อีก 5cc. คือน้ำเกลือ 
ผสมแล้วก็ฉีด  (ราคาแพง และเห็นผลช้า) เพราะใช้ตัวยาน้อย   

แต่ถ้าเราซื้อยามาเองยาตัวเดียวกับคลินิก 1ขวดมีตัวยา 10 cc. เฉลี่ยขวดละ 450 บาท (แต่ละยี่ห้อราคาไม่เท่ากัน) 
ไม่ต้องผสมน้ำเกลือฉีดเพรียวๆ ค่าฉีดครั้งละ 1000 บาท รวมๆแล้วถ้าซื้อยามาเองแล้วไปจ้างหมอกระเป๋าฉีดแค่เข็มละ 1450 บาท 
ถูกกว่าไปฉีดคลินิกเกินครึ่ง !!!  และนี่แหละค่ะมันคือที่มาที่เราเกือบตายเพราะความโง่ที่เห็นแก่ของถูก และของเถื่อน  

ตั้งแต่นั้นมาเราฉีดแบบเถื่อนๆมาโดยตลอด มากกว่า 10 ครั้ง เราไม่มีอาการอะไร แก้มลดปกติเหมือนไปฉีดคลินิก 
เปลี่ยนคนฉีดหลายคนมาก พอเป็นแบบนี้ยิ่งได้ใจค่ะ เพิ่มโดสด้วย  เพิ่มโดสคือ สมมุติเวลาไปฉีดกับคุณหมอที่คลินิก
คุณหมอจะฉีดให้ไม่เกินครั้งละ 3 เข็ม เพราะถ้าเกินจะเสี่ยงอันตรายโอเว่อร์โดสอาจช็อคได้ แต่เราฉีดกับหมอเถื่อนตามใจเรา 
เราโลภอย่างสวยเร็ว ลงเร็ว จัดไป 10 เข็มเลยวันนั้น
     *** อ่อลืมเล่า ขอเล่าถึงคนที่มาฉีดก่อนนะคะ ได้มาจากในเน็ตบ้านนางอยู่ใกล้หอเราค่ะ
นางบอกว่านางเป็นนักศึกษาแพทย์ ปี 6ใกล้จบแล้ว หน้าดูเหมือนรุ่นพี่เรา เราก็เลยตกลงจ้างนางมาฉีด
คิดในใจว่าดีเลยเป็นนักศึกษาแพทย์ความปลอดภัย ไม่มีไรต้องห่วงคงมีการฝึก มีประสบการณ์จากการเรียนของเขามา  
พอมาถึงวันที่ฉีด เราโลภอย่างสวยเร็ว ลงเร็ว จัดไป 10 เข็มเลยวันนั้น เพราะคิดว่าคงไม่เป็นไรก่อนหน้านี้ก็เคยฉีดปริมาณเยอะบ่อยๆ  
พอคนฉีดจิ้มเขียวไปที่หน้าและที่พุง เรารู้สึกเขาจับเข็มแปลกๆ แล้วยิ่งตอนเดินยาก็ยิ่งแปลกไปใหญ่
ปกติการฉีดเมโสแฟตสลายไขมัน จะไม่ฉีดยาอัดตำแหน่งเดียวกันในปริมาณที่เยอะจนเป็นก้อน ต้องแบ่งฉีดกระจาย
เพื่อให้ตัวยากระจายตัวได้ดี และไม่ให้ตัวยาจับตัวกัน (ที่เรารู้เพราะเราเรียนคณะที่เกี่ยวกับการแพทย์ ไม่อยากระบุ
กลัวดราม่าลง เพราะความโง่ ว่าเรียนคณะนี้โดยตรงแท้ๆยิ้มไปฉีดหมอเถื่อน) มาต่อเลยนะคะ.....สรุปว่าพอหลังฉีดเสร็จ
ขณะที่คนฉีดเตรียมตัวเก็บของจะกลับ เราเริ่มมีอาการแปลกๆคือมึนๆหัว เวียนหัว ใจสั่น เดินเซๆ
เราเลยบอกเขาว่าไม่ลงไปส่งข้างล่างนะ ให้เขาลงไปเอง พอเรารู้สึกไม่ดี เราเลยรีบดื่มน้ำ 1 แก้ว แล้วมานอนบนที่นอน
เพื่อหวังว่าตื่นมาอาการเวียนหัว ใจสั่น จะได้ดีขึ้น   พอ
นอนลงบนที่นอนได้ 5 นาที ปวดฉี่ แต่เดินไปไม่ไหว เวียนหัว โลกหมุน ใจสั่น และตาฟ้า จะเป็นลม 
ตาพร่ามองไม่ชัด ตีกันไปหมด จนต้องคลานไปเข้าห้องน้ำ เสร็จแล้วคลานออกมาเพื่อที่จะมานอนต่อ 
แต่หมดแรงไปไม่ถึงที่นอน นอนอ้วกแตกอยู่หน้าห้องน้ำ ลุกไม่ไหว ....................ตอนนั้นนะ ใจเราสั่นหนักมาก
เหมือนกินกาแฟ 20 กระป๋อง มันสั่นแรง เต้นแรง จนสร้ายพระที่เราใส่กระเพื่อมตามจังหวะหัวใจ  
ตาเรายังคงมองไม่เห็นอะไร เราลืมตาไม่ได้เลย พอลืมตาแล้วเราอ้วก เป็นลม เราจึงหลับตาอยู่ตลอด
 และวินาทีนั้นเรารู้ตัวว่าเราต้องตายแน่ เราพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดคลานกึ่งนอนไสพื้น 
ไสมาตรงปลายเตียงเพื่อเอื้อมมือหยิบมือถือ และกดโทรออก กดโทรโดยที่เราไม่รู้ว่าเราโทรหาใคร 
(ใช่ค่ะ ! ในขณะที่เราโทรเรายังคงไม่ลืมตา) เบอร์ที่นิ้วเรากดโทรไปไม่รู้เบอร์ใคร นิ้วกดไปมั่วๆไปติดสายเบอร์นึง 
ยังไม่มีคนรับสาย  ตอนนั้นเราภาวนามากให้ปลายสายรับสายด้วย และไม่กี่วิต่อมา เขาก็รับ 

ปลายสาย  : ฮัลโหลจ้า 
เรา : ฮัลโหล นั่นใครคะ 
ปลายสาย : พี่ไง 
เรา : อ๋อพี่... ที่มาฉีดให้หนูใช่มั๊ย (เสียงเราแบบคนจะหมดลมแค่พูดยังไม่มีแรง กระหายน้ำมากตอนนั้น)
ปลายสาย : ใช่ๆ น้องเป็นไร ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น
เรา : พี่ช่วยหนูด้วย หนูหายใจจะไม่ออก ใจสั่นและเต้นแรงมากเลย หนูจะไม่ไหวแล้ว พี่ช่วยโทรหาคนดูแลหนูให้ทีให้เขามาช่วยหนู
ปลายสาย พี่คนฉีด : เบอร์อะไรคะ 
เรา : หนูไม่รู้หนูเมมในมือถือ แต่ตอนนี้หนูลืมตาดูในมือถือไม่ได้หนูลืมตาแล้วจะวูบ  พี่เสริชชื่อหอหนูใน google นะพี่แล้วมันจะมีเบอร์ติดต่อขึ้นมาพี่ดทรไปบอกเขาให้เอาคีย์การ์ดมาเปิดห้องหนูและพาหนูไปส่ง รพ.
ปลายสาย : ได้ๆแป็ปนึงนะจ้ะ

หลังจากวางสายไป เราหมดสติไปเลย แบบไม่ทันตั้งตัว
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมเราถึงไม่ให้เขาโทรเรียกรถพยาบาล ที่ไม่ให้เขาโทรเรียกรถก็เพราะต่อให้รถมา
ก็เข้าห้องเราไม่ได้ อย่างที่เราบอกเราไม่มีแรง และไม่สามารถลืมตาได้เลย จึงไม่สามารถไปเปิดประตูได้
และหอเราเป็นระบบล็อคแบบคีย์การ์ดเท่านั้น คนที่จะเปิดได้มีแค่เรา กับผู้ดูแลหอ
เราจึงบอกให้เขาโทรหาคนดูแลหอให้ ............เราเริ่มมีสติอีกทีก็ตอนอยู่ในรถมูลนิธิ พี่ที่หอเล่าว่าเขาแบกเราลงมา
และเรียกรถมูลนิธิมารับเรา  เมื่อเรามาถึงรพ.หมอพยายามซักประวัติเราว่าเราไปฉีดยาตัวไหนมา ฉีดไปกี่โมง
ฉีดไปเท่าไหร่ ซึ่งเราอยากตอบมากแต่ตอบไม่ได้ปากไม่อ้าเลย ไม่มีแรงที่จะอ้าปากพูด ตอนนั้นก็ยังลืมตาไม่ได้นะ
และอ้วกไม่หยุดเลย จากหลังฉีดมา รพ.อ้วกเกิน 10 รอบ และเมื่อเราให้ข้อมูลหมอไม่ได้หมอก็ไม่สามารถรักษาเราได้
ได้แต่รักษาตามอาการก่อน คือเจาะน้ำเกลือ วัดความดันต่างๆ จนเรารู้สึกตัวอีกที รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีพูดออกไปเบาๆว่า
ช่วยโทรไปเบอร์ล่าสุดในมือถือแล้วถามเขาคนนั้นคนฉีด หลังจากนั้นหมอก็โทรหาคนฉีดตามที่เราบอก
ถึงได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด และยังเค้นคนฉีดให้เรา จนทราบความจริงมาอีกว่า
คนที่ฉีดให้เราไม่ใช่นักศึกษาแพทย์ ปี 6 นะ ความจริงคือเขาอยู่ปี 1 เท่าเรา และเรียนคณะแพทย์แผนไทย !!!! OMG +++
และเขายังสารภาพกับหมอเคสเราอีกว่า เขาฉีดไม่เป็น ฉีดเราคนแรก........  
เรานี่ช็อคหนักเลยวินาทีนั้นที่ได้ยิน!!!
หมอสรุปเคสเราก็คือ ฉีดยาโอเว่อร์โดสเกินขนาด / ปกติต้องฉีดเมโสแฟตชั้นไขมันใช่มั๊ย 
แต่แม่นางคนฉีดใช้เข็มผิดเบอร์ฉีดทั้งชั้นไขมัน และเข้าเส้นเลือด 
**** สรุปวันนั้นแอดมิน ICU นะ อยู่ ICU อยู่เกือบ 1 อาทิตย์ เสียเงินค่ารักษาไปเกือบห้าหมื่น
พ่อแม่และแฟน ก็ต้องรีบขับรถมาหาจากต่างจังหวัด เดือนร้อนคนอื่นมาก

เหตุการณ์ในครั้งนั้นเราจำไม่มีลืม
       พ่อกับแม่มาเยี่ยมเรา เราคิดในใจว่ากูต้องโดนด่าสารพัดแน่ๆเลยหาเรื่องเสียเงิน ทำไรไม่คิด
เรากลัวมากกลัวพ่อมาก เพราะพ่ออารมณ์ร้าย พอพ่อกับแม่เดินมาถึงเตียงเราใน ICU พ่อกับแม่ไม่ดุด่าว่าเราสักคำ
แต่กลับร้องไห้และจับมือเราแน่น บอกกับเราว่าไม่เป็นไรแล้วนะลูก หลังจากแม่พูดจบเราน้ำตาไหลเป็นเขื่อนแตก
เรารู้สึกผิดและเกลียดตัวเองมากที่โง่ขนาดนั้น ไม่อยากให้ม่พูดกับเราแบบนั้นเลย อยากให้ด่าเราซะดีกว่า  
เราหดหู่จนไม่รู้จะอธิบายยังไง เราทำคนที่เรารัก ตกใจ และเสียใจมาก เรานอนอยู่บนเตียงร้องไห้เกือบทุกวันที่ รพ.  
จนหลังจากออกจาก รพ.มา เราไม่ได้ไปเรียนต่อนะคะ เทอมนั้นเราดรอปทั้งเทอม สภาวะจิตใจย่ำแย่มาก รู้สึกผิด
เราไม่มีกระจิตกะใจจะไปเจอใคร หรือไปเรียน เราเลยตัดสินใจดรอป 1 เทอม อยู่แต่หอคนเดียว ในระยะเวลาที่เราเก็บตัว
เราก็ได้แต่คิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆว่า เราทำแบบนั้นไปทำไม ทำไมโง่ขนาดนี้ ถ้าวันนั้นเราไม่รอด
โทรหาไม่มีใครรับสายเราตายแน่ๆ คนข้างหลังเราจะอยู่ยังไง เราคิดไปไกลมากออกนอกทะเล กว่าเราจะดีขึ้น
ใช้ระยะเวลาเป็นเดือนๆ เราได้รับบทเรียนจากครั้งนี้อย่างแสนสาหัด จึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนได้ทราบ
 
         ****การศัลยกรรมหรือการฉีดสารต่างๆลงบนใบหน้าหรือร่างกาย ทุกอย่างมันมีความเสี่ยงอยู่แล้วนะคะ
ควรเลือกฉีดกับหมอเฉพาะทางเท่านั้น หมอเฉพาะทางสาขานั้นๆนะคะ ไม่ใช่หมอที่จบมาทั่วไป
แล้วไม่ได้ต่อเฉพาะทาง  การที่ฉีดกับหมอเฉพาะทางโอกาสพลาดก็ยังมีไม่ใช่ว่าไม่มี แต่มันก็เป็นวิธีปลอดภัยที่สุด 
อย่าทำแบบเราเลยค่ะ อย่าเห็นกับราคาที่ถูก หมอใช้ระยะเวลาเรียนมาหลายปีนะคะเกือบ10ปี  และโอกาสพลาดยังมี  
เคสหลุดยังมี แล้วนับประสาอะไรกับไปฉีดกับคนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นหมอ ฉีดกับหมอเถื่อน หมอกระเป๋า 
สำหรับบางคนที่ได้อ่านเรื่องของเรา และคิดจะทำแบบเราเมื่อก่อน หลังจากได้อ่านแล้วอาจจะยังคิดไม่ได้ก็มีค่ะ 
เพราะคิดว่าฉีดมาหลายครั้งไม่เห็นเป็นไร เจ้าของกระทู้อาจจะโง่เอง ซวยเอง  ............ คุณจะคิดแบบนั้นก็ได้ค่ะ 
แต่ที่เราอยากจะบอกคือ ทุกอย่างมีความเสี่ยงต่อให้คุณฉีดกับหมอจริงๆโอกาสพลาดหรือเอฟเฟคต่างๆก็อาจเกิดขึ้นได้ 
นับประสาอะไรกับหมอเถื่อน....... “ ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่กลัว ยังคิดไม่ได้ ทำต่อไปเรื่อยๆแบบผิดๆ 
แต่ถ้าวันไหนคุณโชคร้ายเจอเหตุการณ์เดียวกับกรณีเรา คุณอาจจะไม่โชคดีรอดชีวิตมาเหมือนเราก็ได้นะคะ

 ” ชีวิตเรามีชีวิตเดียวนะคะ ตายแล้วฟื้นไม่ได้พลาดแล้วอาจไม่โชคดีทุกครั้ง อย่าเอาเรื่องแบบนี้มาเสี่ยงกับชีวิตเลย  
ถ้าคุณยังไม่รักชีวิตตัวเองมากพอ ก็ขอให้คุณนึกถึงชีวิตที่ยังอยู่ ครอบครัว และคนที่รักที่ ที่เป็นห่วงคุณ 
หากคุณเป็นอะไรไปคนที่ตายไม่ได้ทรมานนะคะ คนที่อยู่จะทรมานมากกว่า ถึงเวลานั้นมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วค่ะ "

((( มีต่ออีกในคอมเม้นท์  )))            เพี้ยนเผือก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่