คนไข้ หรือ ลูกค้ามองภายนอก เป็นคนซอร์ฟบอก ดูท่าทางใจดี พอเข้าไปปรึกษาว่ามีปัญหากับคนในครอบครัว
ก็จะหลงตีความจากภาพลักษณ์ภายนอกว่า คงจะใจดีจนเหลิง เลยแนะนำว่าให้เด็ดขาดใส่ เล่นบทโหดใส่
ทั้งๆที่ลูกค้า หรือ คนไข้ ก็พูดย้ำแล้วว่า พี่ทำมาหมดแล้วก็จะมองว่า ยังโหดไม่พอ ยังเด็ดขาดไม่พอ โดยเอาภาพลักษณ์ที่เห็นตรงหน้ามาช่วยในการตัดสินด้วย (โดยไม่รู้ตัว)
ลูกค้า/คนไข้ = เห็นยังงั้นเวลาโหดน่ากลัวใช้ได้เลย แต่คนในบ้านในครอบครัวไม่ฟังเอง
กลายเป็นว่าจิตแพทย์/นักจิตวิทยาให้คำปรึกษา มองลูกค้า/คนไข้พลาดคิดว่าใจดีเกินไป แนะให้โหดเข้าไว้ (ทั้งๆที่เขาบอกว่าเขาโหดอยู่แล้ว แต่กลับตัดสินจากการคุยแค่ 2-3 ชั่วโมงว่ายังซอร์ฟเกินไป)
แบบเขาคุยกับคนนอกจะดูใจดีมาก คุยกับคนในจะโหดกว่า คนละบุคลิกทำให้มองพลาด
สุดท้าย ด้วยความโหดของลูกค้า/คนไข้ ที่มีอยู่แล้ว + แรงยุของหมอจิตแพทย์/นักจิตวิทยา
ผลลัพธ์ = กลายเป็นแรงคูณ 2 คูณ 3 กลายเป็นเกินกว่าเหตุ และ บ้านแตกในที่สุด
จิตแพทย์ หรือ นักจิตวิทยา เคยพลาดกรณีแบบนี้บ้างไหมครับ ที่เรามองนิสัยคนไข้พลาดไปเยอะเลย ทำให้แนะนำแล้วแย่กว่าเดิม
หมอจิตแพทย์ นักจิตวิทยา เคยมองลูกค้า หรือ คนพลาดบ้างไหมครับ
ก็จะหลงตีความจากภาพลักษณ์ภายนอกว่า คงจะใจดีจนเหลิง เลยแนะนำว่าให้เด็ดขาดใส่ เล่นบทโหดใส่
ทั้งๆที่ลูกค้า หรือ คนไข้ ก็พูดย้ำแล้วว่า พี่ทำมาหมดแล้วก็จะมองว่า ยังโหดไม่พอ ยังเด็ดขาดไม่พอ โดยเอาภาพลักษณ์ที่เห็นตรงหน้ามาช่วยในการตัดสินด้วย (โดยไม่รู้ตัว)
ลูกค้า/คนไข้ = เห็นยังงั้นเวลาโหดน่ากลัวใช้ได้เลย แต่คนในบ้านในครอบครัวไม่ฟังเอง
กลายเป็นว่าจิตแพทย์/นักจิตวิทยาให้คำปรึกษา มองลูกค้า/คนไข้พลาดคิดว่าใจดีเกินไป แนะให้โหดเข้าไว้ (ทั้งๆที่เขาบอกว่าเขาโหดอยู่แล้ว แต่กลับตัดสินจากการคุยแค่ 2-3 ชั่วโมงว่ายังซอร์ฟเกินไป)
แบบเขาคุยกับคนนอกจะดูใจดีมาก คุยกับคนในจะโหดกว่า คนละบุคลิกทำให้มองพลาด
สุดท้าย ด้วยความโหดของลูกค้า/คนไข้ ที่มีอยู่แล้ว + แรงยุของหมอจิตแพทย์/นักจิตวิทยา
ผลลัพธ์ = กลายเป็นแรงคูณ 2 คูณ 3 กลายเป็นเกินกว่าเหตุ และ บ้านแตกในที่สุด
จิตแพทย์ หรือ นักจิตวิทยา เคยพลาดกรณีแบบนี้บ้างไหมครับ ที่เรามองนิสัยคนไข้พลาดไปเยอะเลย ทำให้แนะนำแล้วแย่กว่าเดิม