แชร์ประสบการณ์ ทำงานได้ 2 วัน บริษัทให้ออก ไม่ให้เซ็นสัญญา ไม่จ่ายเงินเดือน

สวัสดีค่ะทุกท่าน ดิฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาและขอคำแนะนำจากผู้มีความรู้ รวมถึง ระบาย เตือนภัย และบอกเล่าประสบการณ์ให้คนกำลังหางานทุกท่านได้อ่านกัน

สรุป ข้อคิด เผื่อท่านใดขี้เกียจอ่าน

-  ก่อนรับงานต้องสอบถามบริษัทก่อนทุกครั้ง ว่ามีทำสัญญาจ้างให้วันแรกที่เริ่มงานเลยไหม ถ้าไม่ ถือว่าเข้าข่ายเอาเปรียบนะคะ
-  ย้ายไปทำงานต่างพื้นที่ อย่าพึ่งใช้เงินในการย้ายมาก เอาของไปให้น้อยที่สุด ให้ผ่านทดลองงานก่อนยิ่งดี จะได้ไม่ต้องย้ายไปย้ายมา เสียเงินฟรี
-  เชื่อในสัญชาตญาณตัวเองให้มากค่ะ อย่าให้คนอื่นมาเอาเปรียบง่ายๆ ใช้เงินและชีวิตอย่างรอบคอบ 

คำถาม
- บริษัทไม่ออกสัญญาจ้างให้ ได้หรือไม่
- และให้ไม่ผ่านงานโดยเหตุผลไม่หนักแน่นพอ โดยเราไม่ได้ทำให้บริษัทเสียหาย และจ่ายมาเพียง 3500 บาทเท่านั้น แบบนี้ทำได้หรือไม่

....ขออภัย เนื้อหาค่อนข้างละเอียดและยาวมาก.... จึงขอแยกเป็นตอนๆ ให้อ่านง่ายขึ้น

1. สัมภาษณ์งาน

ดิฉันเรียนจบปริญญาตรี มหาวิทยาลัยรัฐที่มีชื่อเสียง เมื่อไม่นานมานี้ได้สมัครงานตามประกาศรับสมัครตำแหน่งที่ตรงกับสายที่เรียนมาในเว็บหางาน
ประกาศรับสมัคร ระบุว่ายินดีรับแม้เด็กจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์ แค่มีความรู้พื้นฐานมาก็พอ ภาษาอังกฤษระดับพื้นฐาน และเห็นคุณค่าของงาน
โดยบริษัทระบุว่าเป็นสัญชาติแถบทวีปอเมริกาเหนือ เปิดสาขาที่ไทย แถวคลองสาน (กรุงเทพ) ได้ไม่นาน แต่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ที่ทำงาน easy environment 
ลองค้นหาชื่อบริษัทในเน็ตก็พบว่ามีตัวตน จดทะเบียนจริง มีเว็บไซต์จริง (เว็บร้านค้าออนไลน์)
ซึ่งดิฉัน มีประสบการทำงานที่ตรงสาย 2 ปี สื่อสารอังกฤษได้ระดับดี กำลังตกงาน และไม่เกี่ยงงาน
ผ่านไปไม่นานก็ได้รับอีเมลล์ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อนัดวันสัมภาษณ์ พร้อมระบุที่ตั้งบริษัท(ตั้งอยู่ที่ตึกสูงให้เช่าออฟฟิต) และช่วงเงินเดือน (ไม่ถึงกับสูง แต่พอสำหรับใช้ชีวิต 1x,xxx - 2x,xxx)
โดยที่ชื่ออีเมลล์ไม่ใช่ชื่อหรือโดเมนบริษัทตามที่ประกาศ เป็น xxxx@gmail.com พอลองนำชื่อไปค้นหา พบว่าเป็นร้านค้าออนไลน์ที่แพลทฟอร์มต่างๆ และสินค้าคล้ายกันมาก แม้ชื่อต่างกัน จึงคิดว่าคงเป็นเหมือนธุรกิจลูก

ดิฉันบ้านอยู่ต่างจังหวัด ช่วงนั้นเดินทางไม่สะดวก เนื่องจากโควิดและต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
จึงส่งอีเมลล์ไปขอสัมภาษณ์ออนไลน์ผ่านช่องทางใดก็ได้ที่บริษัทสะดวก (อีเมลล์ใช้ภาษาอังกฤษสุภาพทางการ สำหรับติดต่อธุรกิจ)
ทางบริษัทตอบกลับมาว่าได้เลย ไม่มีปัญหา มีวันเวลามาให้เลือก ระบุว่าสัมภาษณ์ผ่าน Whatsapp พร้อมถามเงินเดือนที่คาดหวัง
ดิฉันทราบดีว่างานช่วงนี้หายาก ไม่ควรเกี่ยงเงินเดือน จึงตอบไปว่า เราคาดหวังตามเรทเงินเดือนที่เสนอมา เรารับได้ (ตำแหน่งเก่า ดิฉันระดับผู้จัดการ ได้เลื่อนขั้นตั้งแต่ปีแรกที่ทำ)

นัดวันเรียบร้อย สัมภาษณ์งาน ทางบริษัทคอลมาช้าครึ่งชั่วโมง
ระหว่างสัมภาษณ์ เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด Voice Call ตั้งแต่ต้นจนจบ คนสัมภาษณ์ไม่ได้เปิดกล้อง หรือขอให้เปิดกล้อง
คนสัมภาษณ์เป็นผู้ชายต่างชาติ สำเนียงไม่สตรอง แต่ฟังออกว่ามีเชื้อสายทางอินเดีย ดิฉันไม่ได้ติดใจอะไรมาก เนื่องจากเดาออกจากชื่อเขาแล้ว และสายงานนี้เป็นธรรมดาที่จะมีบุคคลากรเชื้อสายนี้ (อัญมณีและเครื่องประดับ) เขาไม่ได้แนะนำตัว เราจึงต้องถาม พบว่าเป็นคนเดียวกับที่โต้ตอบอีเมลล์กันก่อนหน้า คาดว่าจะเป็นระดับหัวหน้า เนื่องจากเขาไม่ได้แจ้งตำแหน่ง แจ้งแค่ชื่อต้น โดยไม่ระบุนามสกุล (ส่วนนี้คิดว่าไม่ค่อยเป็นมืออาชีพ แต่เขาระบุแต่แรกว่า easy environment เลยโอเค)

จากนั้นเขาแจงลักษณะงาน หน้าที่ต่างๆ ซึ่งตรงตามที่ระบุในประกาศ ว่าเราโอเคไหม
ซึ่งที่ระบุมา เราทำได้ทุกอย่าง ได้แก่ ดูแลจัดการพลอยในคลัง โดยใช้โปรแกรม excel เป็นหลัก
และเดินทางไปจัดซื้อจัดหาพลอยกับซับพลายเออร์ (daily) โดยทางบริษัทจะออกค่าเดินทางให้

เขาถามว่าที่ทำงานเก่าเราทำอะไรบ้าง ทำไมถึงออก (เขาดูเหมือนจะรู้จักบริษัทเก่าดิฉัน ซึ่งไม่แปลกเพราะเป็นบริษัทใหญ่นานาชาติ และเจ้าของเชื้อสายอินเดีย) ดิฉันก็ตอบไปตามความจริงทุกประการ (ลดพนักงาน และหยุดกิจการชั่วคราว)
และถามเล็กน้อยเกี่ยวกับใบเซอร์จากสถาบันเฉพาะทางที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งหนึ่ง ซึ่งดิฉันไปเรียนเสริมจนจบคอร์สมาด้วย
เขาบอกโอเคเลย งานเป็น full time/permanent  นะเขาต้องการคนมาทำงานด้วยนานๆ ไม่อยู่ๆลาออกเพราะได้งานใหม่ คุณจะไม่ทำอย่างนั้นใช่ไหม
ดิฉันไม่ได้ต้องการเปลี่ยนงานบ่อยๆ ตั้งใจอยู่ยาวอยู่แล้ว จึงแจ้งไปตามตรง และพร้อมย้ายถิ่นฐานไปอยู่กรุงเทพ

เขาตอบว่าต้องการเสนองานนี้ให้ โดยให้เรทสูงสุด จากเรทที่แจ้งตอนแรก พร้อมถามว่าเท่านี้พอใจจริงๆ ใช่ไหม
ดิฉันยืนยันว่าใช่ เขาพอใจและถามว่าเรามีคำถามอะไรไหม ดิฉันถามเรื่องสวัสดิการต่างๆ และข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับบริษัท
พบว่าบริษัทมีพนักงานน้อยกว่า 30 คน กำลังขยาย บริษัทแม่ที่ต่างประเทศมีประมาณ 80 คน ที่แผนกจะมีรวมเรา เป็น 3 คน แต่ละคนจะทำงานคนละหน้าที่กัน (แบบ independent) ระยะเวลาทดลองงาน 2เดือน (หรือช่วงโปร probation period) การสัมภาษณ์สิ้นสุดลง

ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงได้รับอีเมลล์เสนองาน ดิฉันตอบรับทันที และเขาก็ตอบกลับอีกครั้งว่าขอบคุณ และเจอกันวันเริ่มงาน
(เริ่มงานประมาณ 25 วัน หลังวันสัมภาษณ์)
////////////////////////////////////////////////////

หลังจากนั้นดิฉันมองหาที่พักทันที จองที่พักและเตรียมตัวย้ายบ้าน เพื่อไปทำงานที่กรุงเทพ ซึ่งใช้เงินเก็บไปมากพอสมควร
หลังจากรับข้อเสนอไปหนึ่งสัปดาห์ บริษัทเมลล์มาถามว่ามีการเปลี่ยนแพลนไหม มาเร็วกว่านี้ได้หรือเปล่า ยิ่งมาเร็วได้ยิ่งดี
แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่เมลล์มาเช็คเฉยๆ
ดิฉันมีธุระต้องจัดการ และต้องการเวลา settle แต่ยังรู้สึกเกรงใจ จึงแจ้งว่าไปได้เร็วขึ้นสองสามวัน (ระบุวันที่ไป) เขาบอกไม่เป็นไร ให้มาวันเดิม

 2. เริ่มงาน

- เริ่มงานวันแรก ดิฉันไปแต่เช้า ยืนรอหน้าประตู สักพักมีคนเดินมาข้างหลัง
ปรากฏว่าเป็นรุ่นพี่ที่รู้จัก พบว่ามาเริ่มงานวันแรกเหมือนกัน ตำแหน่งเดียวกัน แปลกใจเล็กน้อย แต่คิดว่าคงรับสองตำแหน่งละมั้ง
ไม่นาน มีคนมาเปิดประตูและทักทาย เป็นชายหน้าตาไปทางแขกอินเดีย ผิวสีน้ำตาล ดูสะอาดสะอ้าน แต่งตัวเสื้อยืดลายสกรีน กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ
เป็นคนๆ เดียวกับที่สัมภาษณ์ เขาถามว่ามาเป็นเพื่อนกัน หรือมาเริ่มงานกันทั้งสองคนเลย ดิฉันแม้สับสนเล็กน้อย เพราะเขาน่าจะทราบว่าใครจะมา แต่ก็ตอบไปว่าเราทั้งคู่มาเริ่มงาน
เขาให้เข้าไปในออฟฟิสเขาทีละคน (ดูแล้วเขานี่แหละจะเป็นบอสใหญ่สุด) ดิฉันเข้าไปคนแรก เขาถามว่าชื่ออะไร
ดิฉันตอบไปเป็นชื่อจริง เขาให้พิมชื่อลงในกล่องอีเมลล์ ดิฉันพิม พร้อมแจ้งว่าเมลล์นี้คือฉันเอง
เขาว่าโอเค คนนี้ใช่ไหม คนที่คุยทางออนไลน์ และบอกว่า โทษทีนะ พอดีช่วงนี้ผมจ้างคนใหม่เยอะ
หลังจากใช้เวลาสักพักหน้าจอคอม เขาจากนั้นเขาพูดว่า " คุณย้ายมากรุงเทพแล้วใช่ไหม เงินเดือนคุณสูงกว่าคนอื่นๆ แถวนี้นะ ฉะนั้นเก็บไว้เป็นความลับด้วย"
(ซึ่งตอนแรกดิฉันไม่ค่อยเชื่อ คิดว่าเขาแค่บลัฟ เพราะว่ามันไม่ได้สูง 2x,ooo)
(เขาพูดน้ำเสียงสุภาพ ดูเป็นคนดี ใช้ please บ่อยๆ) จากนั้นเขายื่นกล่องแลปทอปให้ บอกว่าให้ไปเซ็ทที่โต๊ะนี้ แล้วมาเริ่มกันเลย

ดิฉันนำแลปทอปใหม่เอี่ยมออกจากกล่อง และเปิดเครื่อง ระหว่างรอเขาพูดกับรุ่นพี่
เขาถามชื่อเล่น และมอบหมายงานให้รุ่นพี่ พร้อมอธิบายงานอย่างละเอียด โดยเป็นงานที่ระบุไว้แต่แรก
ดิฉันนั่งรออยู่หลายนาที จะในที่สุดเขาเดินมาหาพร้อมพนักงานท่านหนึ่ง เขาแนะนำชื่อพนักงานท่านนี้ และสั่งให้เธอมอบหมายงานให้ฉัน
โดยที่ไม่ได้ถามชื่อเล่นฉัน หรืออธิบายอะไรต่อเลย ฉันไหว้ทักทาย และเธอก็พาไปที่โต๊ะเธอ ข้างๆกัน ซึ่งอยู่ในห้องเดียวกับบอสใหญ่

หลังทำสแกนนิ้ว เพื่อเข้าออฟฟิส ฉันใช้เวลาทั้งวันเรียนรู้งานของพนักงานท่านนี้ เป็นงานในสายช่าง ที่ไม่ใช่งานถนัดดิฉันและไม่ได้เรียนมาทางนี้
แต่ดิฉันพร้อมเรียนรู้งานใหม่ๆ และพยายามเรียนรู้ให้เร็ว เธอเก่งและใจดี และอธิบายงานให้ฟัง มันไม่ใช่งานยาก เพียงแต่ต้องเรียนรู้นิดหน่อย บางอย่างดิฉันไม่เคยทำมาก่อน รู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย แต่ดิฉันพยายามเต็มที่ และพยายามไม่แย้งสิ่งที่เธอสอน เนื่องจากเธอจบสายช่าง ดิฉันเป็นสายวิทย์ วิธีการทำงานบางอย่างต่างกันเล็กน้อย แต่เข้าใจได้ว่ามัน practical กว่า แต่เมื่อพบความผิดพลาดอะไร ดิฉันแจ้งทันที ซึ่งเธอก็เห็นด้วยกับฉันทุกครั้ง ดิฉันตั้งใจจะทำตามคำสั่งและงานด้วยดี ให้คุ้มกับค่าจ้าง รวมถึงสุภาพกับทุกคนด้วย คิดว่าตัวเองทำได้ดีพอสมควร
ในขณะที่อีกคน บอสเข้ามาสั่งงานเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นงานที่ตรงกับตำแหน่ง
แน่นอนดิฉันย่อมเห็นความแตกต่าง แต่ยังคิดว่านี่อาจเป็นการมาช่วยงานที่ล้นมือ ชั่วคราว หรือเขาอยากให้เราเรียนรู้ส่วนนี้ก็เป็นได้ ไม่ได้คิดอะไรมาก
ถือว่าได้ประสบการณ์ และรู้ระบบงานไปในตัว ช่วงพักดิฉันกับรุ่นพี่ได้คุยกัน และเห็นตรงกันว่าที่นี่แปลกๆ เนอะ
เราทั้งคู่ ยังไม่ได้เซ็นสัญญาจ้างใดๆ หรือเรียกให้ไปส่งเอกสารยืนยันตัวตนเลย มาถึงก็ทำงาน
แต่ก็คิดในแง่ดีว่า วันนี้คงยุ่งกัน และดูเหมือนว่าบริษัทจะไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล หลังเลิกงานบอสใหญ่แจ้งว่า พรุ่งนี้ให้นำเอกสารมาด้วยนะ โดยดูจะเน้นไปที่รุ่นพี่มากกว่า (วันนี้ทั้งวัน ดิฉันไม่ได้รับคำสั่งว่าให้ทำอะไรกับแลปทอปที่ได้มาเลย) 

สรุปวันแรกดิฉันยอมรับว่ารู้สึกไม่ค่อยดี เนื่องจากว่าถูกละเลย ไม่ให้ความสำคัญ บอสไม่สนใจว่าจะเรียกดิฉันว่าอะไร (ไม่ถามชื่อเล่นและไม่เคยชื่อเรียกฉัน หรือมาพูดคุย สั่งงานด้วยอีกเลย แม้จะนั่งอยู่ในห้องเดียวกับเขา เหมือนกับว่าดิฉันไม่มีตัวตน) งานที่ทำไม่ตรงตามที่สมัคร แถมไม่ได้เซ็นสัญญาจ้าง หรือแจ้งถึงข้อกำหนดอะไรเพิ่มเติมเลย

- วันที่สอง ดิฉันมาถึงเป็นคนแรก เห็นบอสนั่งทำอะไรสักอย่างอยู่ในออฟฟิส จึงไม่รบกวน และเข้าไปนั่งที่เดิมของตัวเองที่อีกห้อง
สักพักบอสใหญ่ชะโงกหัวเข้ามา(Hey) ดิฉันจึงทักทายกลับไปตามมารยาท (Morning) เขาหายไปและกลับมาใหม่ พร้อมแจ้งว่า อย่าพึ่งตั้งรหัสล็อคแลปทอปนะ ดิฉันก็โอเครับทราบ (ดิฉันไม่ได้ทำอะไรกับแลปทอปเลย แค่เปิดและปิดเครื่อง) จนถึงเวลางาน คุณพี่พนักงานท่านเดิมก็ให้งานตามปกติ โดยวันนี้สอนเรื่องใหม่บ้าง งานเก่าดิฉันเริ่มชำนาญแล้ว ทำได้เร็วขึ้น และรู้แล้วว่าต้องจำตรงไหนเป็นพิเศษ และจดบันทึกทุกอย่างที่ต้องจำให้ได้ ดิฉันทำงานอย่างกระตือรืนร้น พยายามไม่นั่งอยู่เฉย แม้จะมีตอนที่ว่างจากงานที่ได้รับมอบหมายช่วงสั้นๆ บ้าง
วันนี้ทั้งวันบอสใหญ่ไม่มายุ่งเกี่ยวใดๆกับดิฉันเหมือนเคย แต่ว่าให้งาน ตรวจงานรุ่นพี่อยู่เรื่อยๆ

ดิฉันเริ่มรู้สึกตะหงิดๆ แต่พยายามหาเหตุผล คิดว่าบางที่รุ่นพี่อาจจะถูกจ้างมาในตำแหน่งสูงกว่าดิฉันก็ได้ ดิฉันอาจไม่ได้สำคัญอะไร
จึงไม่ได้รับคำสั่งโดยตรง ซึ่งอาจเป็นเรื่องปกติ ไม่ควรคิดมาก เป็นพนักงานใหม่ควรเจียมตัว

อย่างไรก็ตาม ช่วงสายๆ ฉันแอบได้ยินบอสเรียกขอเอกสารจากรุ่นพี่ เพื่อใช้ยืนยันตัวตน ฉันรอพักใหญ่ว่าเมื่อไหร่จะเรียก
แต่เขาไม่เรียกเลย ฉันจึงเดินเอาไปให้พนักงานคนที่ทำหน้าที่รับเอกสารนี้ด้วยตนเอง
สักพัก ตอนที่เห็นว่าเขาไม่ยุ่งมาก ดิฉันได้แจ้งบอสใหญ่ว่า เรายังไม่ได้เซ็นสัญญาจ้างงานกันเลย
เขาตอบดิฉันมาว่า บริษัทจะให้เซ็นก็ต่อเมื่อผ่านโปร (สองเดือน หรือเร็วกว่านั้น) แล้วเท่านั้น
ดิฉันอึ้งไปสองวิได้ เพราะโดยตามมารยาทควรจะทำสัญญาจ้างก่อนเริ่มงานด้วยซ้ำ เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท และของลูกจ้างเอง (คิดว่าบริษัทต้องจ่ายเงินเดือนเท่าจำนวนเดือนโปร หากพนักงานไม่ได้ถูกออก เพราะทำความผิดร้ายแรง (หรือเปล่าคะ))
แต่ด้วยความที่ไม่มีความรู้ด้านกฎหมายแน่นจึงไม่มีอะไรไปแย้ง ได้แต่พยักหน้าเบาๆ อออ ในใจคิดว่า แบบนี้ถูกกฎหมายจริงหรอออ
เท่ากับว่าตอนนี้ดิฉันเป็นแรงงานเถื่อนๆหรือ กระนั้นดิฉันยังคงทำงานต่อตามปกติ เพราะดิฉันเห็นคุณค่าของงาน และยังคงเชื่อใจบริษัทระดับนึง

///////////////////////////////////////
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
3. เหตุผลที่ไม่ผ่านงาน

สุดท้าย หลังเลิกงาน บอสใหญ่เรียกฉันเข้าไปคุย แจ้งว่า **คุณไม่ผ่านช่วงทดลองงาน** ดิฉันอึ้ง (แต่ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะใจนึงก็คิดไว้แล้วว่ามีโอกาส ดูจากวิธีที่ดิฉันถูกปฏิบัติมาตลอดสองวัน)

บอส // เขาให้เหตุผลว่า พบว่าดิฉันไม่เหมาะกับงานนี้ แต่เหมาะกับ(งานเก่าดิฉัน) มากกว่า แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ต้องการ(งานเก่าดิฉัน) จะติดต่อไปทันที งานนี้มันเป็นงานสายแมนนวล เขาต้องการคนที่ทำงานเป็นเลย มีประสบการณ์ ไม่ต้องมาสอน ดิฉันช้า เขาไม่ต้องการเสียเวลามาสอนงานดิฉัน โดยที่พรุ่งนี้ไม่ต้องมาแล้ว (ขอย้ำอีกครั้ง งานที่ให้ดิฉันทำเป็นงานสายช่าง และไม่ใช่งานที่ดิฉันสมัครไปเลย)

ฉัน// ดิฉันบอกเขาว่าคุณต้องการประสบการณ์สายช่างใช่ไหม แต่คุณรู้แต่แรกแล้ว ว่าดิฉันไม่ได้มีประการณ์ทางนี้ และมันพึ่งวันที่สองเอง

บอส // ผมรู้ว่ามันพึ่งวันที่สอง แต่ผมพูดจากประสบการณ์ การฝึกงานคนใหม่มันทำได้จริง แต่เสียเวลา เราต้องคนที่ไม่ต้องสอน ทำได้เลย เพราะงานเราอย่างที่คุณเห็น มันยุ่งมาก และที่ผมแจ้งทันที เพราะไม่อยากเสียเวลา รวมถึงเวลาของคุณด้วย ดีกว่าให้คุณทำไปๆ จนคุณ settle แล้ว และผมรู้ว่าทำให้คุณต้องย้ายมาที่นี่ ผมจึงให้ extra money สำหรับค่าแรงคุณสัปดาห์นี้ (วางเงินบนโต๊ะ 3500 บาท ไม่มีซอง หรือใบเสร็จ ให้ด้วย) และ It's nothing personal

ฉัน//  แล้วก็งานที่คุณให้ทำ ไม่ตรงกับที่ระบุไว้ตอนสมัครเลย

บอา// ดูสตั้นไปเล็กน้อย และพูดยิ้มๆ อันนี้จำค่อยได้ว่าเขาพูดว่าอะไร ประมาณว่า ใช่ ตอนแรกเราคิดว่าจะลองดู เพราะมันเป็นอะไรที่บริษัทเรายังไม่เคยทำ แต่ตอนนี้ยุ่งๆ เราเลยเปลี่ยนแผน (แล้วเขาดูเหมือนจะไปต่อไม่ได้)

ฉัน// สบตาเขา หยิบเงิน แล้วลุกขึ้น พร้อมบอกว่า รักษาตัวด้วยค่ะ (ไม่พูดขอบคุณค่ะ เพราะรู้สึกถูกเอาเปรียบอย่างแรง รู้สึกแย่มาก ไม่อยากฟังเขาแล้ว ใจนึงก็คิดว่าเขาอาจพูดถูก และถ้าเป็นงั้นจริงเราก็ไม่คู่ควรกับเงินเดือน (ตอนนั้น self-esteem ต่ำ) จึงรับเงินจำนวนนั้นมา แต่ยังพยายามรักษามารยาทอยู่)
ก่อนเดินออกจากห้องไปหยิบกระเป๋า พบว่ารุ่นพี่ดิฉันรออยู่ เลยเดินกลับพร้อมกัน พร้อมเล่าให้ฟังว่าไม่ผ่านงาน

ระหว่างเดินดิฉันยังคงโทษตัวเองในหัวอยู่พักนึง ว่าทำงานไม่ดีพอหรือ หรือเราทำอะไรผิดตรงไหน ถึงถูกปฏิบัติแบบนี้ แต่พอได้คุยกับรุ่นพี่ ก็ได้ข้อมูลมาว่าเขาสัมภาษณ์หนึ่งสัปดาห์หลังจากดิฉัน (วันที่บอสใหญ่เมลล์มาถามว่าเริ่มงานได้เร็วกว่านี้ไหม) และเงินเดือนของรุ่นพี่อาจจะได้เรทถูกกว่า (ไม่ได้ถามพี่แกนะคะ และไม่ได้บอกของเราเป็นตัวเลข เพราะดิฉันรู้ว่ามันเสียมารยาท พี่เขาบอกเรามาเอง) 

///////////////////////////////////////////////////////////////
++++++++ดิฉันจึงสันนิษฐานว่า+++++++++

-  บริษัทเสนองานให้ดิฉัน และดิฉันรับงานแล้ว แต่ยังคงมองหาคนอยู่ และเจอคนที่เรทถูกกว่า จึงต้องกำจัดดิฉัน
-  บริษัทมีเวลามากกว่า 15 วัน ที่จะแจ้งยกเลิกดิฉัน แต่ไม่ทำ ปล่อยให้ดิฉันย้ายมา เสียค่าที่พัก (ต้องมีค่าแรกเข้า ค่าเช่าล่วงหน้า ประกัน) และค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นจำนวนเงินหลายหมื่นบาท ดิฉันกะอยู่ยาว เพราะเชื่อมั่นในความพยายามของตัวเอง และบริษัทดูต้องการคนจริงๆ และอยู่นาน
- บริษัทมีเจตนา มอบหมายงานที่ไม่เกี่ยวข้อง และไม่ถนัดให้ดิฉันทำ เพื่อหาความชอบธรรมในการให้ดิฉันไม่ผ่านงาน เพราะไม่อยากจ่ายเงินแพงกว่าเพื่อจ้างดิฉัน
-  บริษัทมีเจตนาเอาเปรียบลูกจ้าง โดยไม่ทำสัญญาจ้างให้ และเนียนไม่แจ้งด้วย ดิฉันต้องถามถึงรู้

ก่อนสรุปดิฉันคิดแล้วคิดอีก ว่านี่ดิฉันคิดเข้าข้างตัวเองเพราะ bitter ที่ไม่ผ่านงานหรือเปล่า
แต่ว่ามันมีหลายเหตุการณ์และเหตุผล ที่รองรับข้อสันนิษฐานของดิฉันอยู่ จึงคิดว่าใช่แล้วแหละ

จากกรณีข้างต้นนี้  ถามผู้รู้ ว่าดิฉัน สามารถทำอะไรได้บ้างคะ
บริษัททำแบบนี้ เข้าข่ายผิดกฎหมาย หรือไม่ หรือดิฉันเข้าใจผิดไปเอง แย้งได้ค่ะ

ยอมรับว่าประสบการณ์น้อย และประมาทเองด้วยส่วนหนึ่ง
ดิฉันควรสอบถามก่อนรับงานมา ว่ามีสัญญาจ้างให้เลยไหม คิดว่าเด็กจบใหม่หลายคนก็ไม่ทราบจุดนี้เหมือนกัน
ดิฉันกลัวเสียมารยาท จึงไม่เข้าไปสอบถามตรงๆ ในข้อข้องใจหลายๆ ข้อ ใจนึงก็กลัวไม่มีงานทำ

ดิฉันหาข้อมูลมาบ้างแล้วว่าถ้าจะฟ้องเอาค่าจ้าง ไม่ต้องมีสัญญาก็ได้ แต่ต้องมีใบเสร็จเงินเดือน ซึ่งก็ไม่มี
ตอนแรกดิฉันโกรธ และคิดว่าทางบริษัทหลอกลวง น่ารังเเกียจ และเห็นแก่ตัวมาก ที่ทำแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ผู้คนจำนวนมากลำบาก และตกงาน
ตอนนี้ดิฉันเย็นลงแล้ว กลับมาบ้านที่ต่างจังหวัด มีครอบครัวให้กำลังใจ (และมีค่าครองชีพถูกกว่าด้วย) ยังดีที่พอมีเงินเก็บจากงานเก่าอยู่บ้าง ไม่ต้องเป็นภาระของครอบครัว คิดว่าถ้านั่นเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ใช้ย้ายไปกรุงเทพ คงต้องแย่แน่ๆ  และตัวเองโชคดีที่ไม่ต้องทำงานให้บริษัทที่ไม่มีเกียรติ ไม่มีคุณธรรม เช่นนี้ 


หวังว่าทุกท่านจะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ ไม่มากก็น้อย 
หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วย
ขอบคุณที่รับฟังค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่