สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ของการเป็นโรคผิวหนังอักเสบหรือ “เซ็บเดิร์ม” นั่นเอง โรคนี้เหมือนเป็นโรคเวรโรคกรรมค่ะ ไม่มีทางรักษาหายขาด แต่เราสามารถรักษาให้อาการดีขึ้น ไม่เป็นหนักได้ แต่ก่อนเราก็เป็นวัยรุ่นธรรมดาๆมีสิวบ้างตามฮอร์โมนของแต่ละเดือน ซึ่งเราไม่ซีเรียสค่ะ เป็นสิวก็แค่ทายาแล้วก็รักษารอยเท่านั้นเอง แต่เมื่อประมาณ2-3ปีที่ผ่านมาช่วงที่เราทำงานได้ใหม่ๆงานของเราต้องออกไปพบลูกค้า ออกไปดูสถานที่ เจอแดด เจอฝุ่นตลอดทั้งวัน อาทิตย์นึงต้องออกไปข้างนอก 3-4 วันเลยค่ะ แล้วก็ต้องยืนอยู่อย่างนั้นทั้งวัน เล่นเอาซะภูมิตกไปเลยซึ่งนี่แหละค่ะคือสาเหตุหลักๆของเราเลยตอนที่เราไปพบหมอครั้งแรกนี่แหละค่ะหมอบอกว่าเพราะสาเหตุนี้ ร่างกายคนเรามันถึกทนได้ไม่เท่ากัน และอีกอย่างก็คือภาวะความเครียดค่ะ
เราทุ่มเทกับงานมากวันไหนงานค้างไม่จบนี่ทำให้เรานอนไม่หลับเลย ยิ่งเราเครียดมากเท่าไหร่ เจ้าเซ็บเดิร์มก็จะยิ่งเติบโตได้ไวมากขึ้น เราเคยเป็นหนักจนถึงขั้นขึ้นหนังศรีษะค่ะ ทั้งแสบทั้งคัน ทรมานมากๆ ช่วงโหมงานหนัก เซ็บเดิร์มก็จะลามไปทั้งตัวขึ้นแขนขา จนเราไม่กล้าจะสู้หน้าใครเคยมีครั้งนึงเราไปพบลูกค้าเจ้าประจำ เค้าถึงกับทักเลยนะคะว่า เราไปทำอะไรมา ทำไมหน้าเป็นขนาดนี้…. เห้อออท้อใจมากค่ะขนาดตอนนั้นเราแต่งหน้าไปแล้วนะ ด้วยความที่คนเป็นโรคนี้ มันจะเหมือนเป็นสิว+ผิวแห้งลอกค่ะ บางทีก็ขึ้นมาเป็นเม็ด หนักๆก็จะผิวลอกเป็นแผ่นๆแบบในรูปเลย เราทรมานและแสบมาก
ใครเป็นแล้วจะรู้เลยค่ะว่ามันแย่มากจริงๆหนักกว่าการเป็นสิวอีก คนที่เป็นเซ็บเดิร์ม ต้องหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าด้วยนะคะ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีช่วงนึงเราไปหาคุณหมอมา เค้าได้จ่ายยามาให้เรา เป็นสเตียรอยด์ ซึ่งตอนใช้มันก็เวิร์คค่ะ แต่พอหยุดใช้มันก็กลับมาอย่างหนักเลย ซึ่งเราก็ได้เข้าไปหาข้อมูลจากเพจต่างๆ จากคนที่เคยเป็นโรคเดียวกับเราว่า เค้าดูแลรักษาตัวเองกันยังไงบ้าง ตอนนี้เราได้กลับมารักษาโรคนี้ด้วยตัวเอง หลังจากเราดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดเป็นเวลาประมาณปีกว่า ตอนนี้อาการ เซ็บเดิร์ม ของเราดีขึ้นมากๆเลยค่ะ ไม่ค่อยคันไม่ระคายเคือง อาการโดยรวมดีขึ้น ถึงแม้ว่าบางทีช่วงไหนอากกาศร้อนจัดๆอาจจะมีขึ้นมาบ้าง แต่ก็ถือว่าดีขึ้นจากแต่ก่อนเยอะมากๆ
นี่คือผิวหน้าของเราหลังรักษาได้ประมาณ 2-3เดือนค่ะ จะเห็นได้เลยว่าดีขึ้นเยอะ แล้วบริเวณที่แห้งลอกก็ไม่แห้งอีกแล้ว เหลือแต่แผลและรอย
ข้อควรปฎิบัติของคนที่เป็น Sebderm
- งดแต่งหน้าไปสักระยะจนกว่าผิวหน้าจะกลับมาดีขึ้น
- หลักเลี่ยงหาอาหารจำพวก แป้ง ยีสต์ น้ำตาล ผลไม้รสหวาน
- ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรงทุกประเภท
- งดทานอาหารรสจัด น้ำอัดลม
- ทานอาหารที่ดีมีประโยชน์
- จิบน้ำเยอะๆ
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด
- หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่น ควัน
- ออกกำลังกายเบาๆ
- พยายามไม่เครียด (วิธีนี้ทำได้จะดีมากค่ะ)
ทั้งหมดที่เราลิสท์มานั้นเป็นวิธีที่เราพยายามทำอย่างเคร่งครัดในช่วงที่ตั้งใจจะกลับมารักษาโรคนี้ด้วยตัวเองค่ะ ซึ่งมันก็เห็นผลที่น่าพอใจมากๆ ช่วงที่หนังศีรษะลอกเป็นแผ่นๆ เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลจากเซ็บเดิร์ม นอกจากมันจะทำให้เราหน้าแหกแล้ว ความทรมานที่สุดก็คงจะเป็นเอฟเฟคที่ทั้งคันทั้งแสบผิวไปหมด ใช้อะไรก็ไม่ได้ โฟมล้างหน้า ครีมต่างๆที่เราเคยใช้ ก็ต้องทิ้งกลายเป็นคนผิวอ่อนแอเพราะว่าเคยใช้สเตรอยด์รักษามาตลอด ทุกคนรู้มั้ยอาการที่เราเป็นยังอยู่ในขั้นปานกลางนะคะ เพราะเห็นบางคนบอกว่าอาการหนักถึงขั้นผิวแตก น้ำเหลืองซึมกันเลยทีเดียว อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเป็นอยู่สู้ๆนะคะ อาการของโรคนี้ถ้าทำตามเรารับรองว่าต้องดีขึ้นมากๆแน่นอน แต่ต้องใจเย็นๆนะคะ การรักษาของเรา เราจะดูแลตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอกเลยค่ะ
ส่วนพวกแผลจากSebdermเดี๋ยวเราจะแยกไปให้ด้านล่างอีกนะคะว่าช่วงที่เรารักษา เราใช้สกินแคร์ตัวไหนบ้าง
1.คลีนซิ่งที่เราใช้ได้ในตอนนี้จะเป็นของ Smith Prive' Aesthetique Basi Clear One-Step Deep Cleansing ค่ะ อันนี้จะอ่อนโยนมากๆ ช่วงที่เป็นหนักๆใช้ยี่ห้อไหนไม่ได้เลยขนาดใช้แบบสูตรไมเซล่ายังแสบผิวมาก มีตัวนี้ที่รอด เช็ดสะอาดอยู่ค่ะ ช่วงนั้นเราพักหน้าไม่แต่งหน้าด้วย
2.โทนเนอร์ที่เราใช้ได้ในตอนนั้นจะเป็น ORIGINS Mega-Mushroom Relief & Resilience Soothing Treatment Lotion อันนี้คืองงมากเราเห็นบางคนบอกว่าคนหน้าแพ้ง่ายห้ามใช้ แต่ปรากฎว่าเราใช้ได้ แล้วก็เวิร์คด้วยค่ะ ช่วยปรับสมดุลผิว พวกผดผื่นร้อนๆก็ดีขึ้น แผลจากเซ็บเดิร์ม เวลาโดนโทนเนอร์ตัวนี้ก็ไม่แสบ ไม่ปะทุ ปลอบประโลมผิวได้ดีเลย
3.มอยส์เจอไรเซอร์เราจะใช้เป็น Kindness Happy Glow Antioxidant Radiance Moisturizer คนที่เป็นเซ็บเดิร์ม จะรู้เลยว่าผิวของเราจะแห้งระคายเคืองอักเสบง่ายมาก ต้องหาครีมที่เค้าช่วยเรื่องผิวชุ่มชื้นแบบว่ายังคงความอ่อนโยนให้ผิวของเรางี้ ตั้งแต่เราเริ่มเป็นโรคนี้เราก็ลอง moisturizer มาหลายตัวค่ะสุดท้ายมาจบที่ตัวนี้เวลาทาลงไปแล้วผิวมันจะดูฉ่ำๆด้วย ช่วยทำให้หน้าเราดูอิ่มน้ำขึ้น เป็นสกินแคร์1ในไม่กี่ตัวที่ช่วงนั้นใช้เเล้วรอด ปัจจุบันเราก็ยังใช้ตัวนี้อยู่ด้วยค่ะ หมดไป3หลอดแล้ว ทาเช้า-เย็น เลย
4.ตัวยาตัวนี้เราซื้อตามมาจากในเพจของคนที่เป็นเซ็บเดิร์ม หลายๆคนที่เป็นโรคนี้70-80%เลยแนะนำว่าให้ใช้ ตัวยาชื่อ Sebclair Cream เป็นยารักษาเซ็บเดิร์มที่แพทย์ชอบจ่ายให้ แต่ตอนเราไปรักษาเราไม่ได้ตัวนี้มานะ เราก็เลยโอเคหลายคนแนะนำก็ลองซื้อมา สรุปก็คือดีจริงค่ะรักษาได้ดีเลยแต่พอเราทาแล้วผิวมันจะแห้งๆค่ะ คนอื่นไม่รู้เป็นมั้ย เราก็เลยต้องเสริม moisturizer ของ kindness ทาก่อน1ชั้นแล้วค่อยทายาตัวนี้ทับค่ะไม่งั้นหน้าจะแห้งมาก
5.ในส่วนของยาสระผมเราใช้ Nizoral shampoo Ketoconazole 2% ค่ะตัวนี้คนในเพจก็แนะนำมาหลายคนเหมือนกัน เราใช้เเล้วไม่ระคายเคืองค่ะช่วงที่เราเป็นหนักๆที่ขึ้นหนังศรีษะเราก็ใช้ตัวนี้ แต่จะไม่สระนานค่ะสระแปปๆเเล้วรีบล้างออก เป็นตัวเดียวที่เราใช้แล้วไม่ระคายเคืองเลย แต่ที่ไม่ชอบก็คือใช้เเล้วผมแข็งมาก ด้วยความที่เค้าเป็นยาอะนะ ต้องเข้าใจในส่วนนี้ แต่โอเคสระสะอาดอยู่ค่ะ
6.แล้วนี่ก็คือครีมอาบน้ำที่เราใช้คือ Eucerin pH5 wash lotion เค้าค่อนข้างที่จะอ่อนโยนเลยค่ะ ช่วยปรับค่า pH ให้ผิวเรา ให้ความชุ่มชื่นที่ผิวได้ดีมากๆผิวไม่แห้ง ไม่แสบเลย หลายๆคนที่เป็นเซ็บเดิร์ม ก็ใช้กัน ปัจจุบันเราก็ยังใช้ตัวนี้อยู่เรื่อยๆค่ะ ยังไม่เจอตัวไหนที่ถูกใจ ไม่กล้าใช้อย่างอื่นด้วยแหละประเด็นTT
ทั้งหมดนี่คือสกินแคร์ที่เราใช้ค่ะ ก็จะเน้นไปที่อะไรที่มั้น อ่อนโยนมากๆ ผิวเซนซิทีฟใช้ได้อย่างแน่นอน กว่าจะมาเจอพวกนี้เราก็เหงื่อซ่กอยู่เหมือนกัน กลัวไปหมดกลัวซื้อมาแล้วเเพ้หน้าแย่กว่าเดิม 6 ตัวนี้ถือเป็นฮีโร่ช่วยกอบกู้หน้าของเราเลยค่ะ แล้วอีกอย่างที่สำคัญมากๆเลยนะก็คือการดื่มน้ำเยอะๆค่ะ เรากินน้ำทีวันละ2เกือบ3ลิตรเลยร่างกายจะได้สะอาดๆ ชับสารพิษออก พยายามเลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์
และอีกอย่างที่สำคัญก็คือการรักษาความสะอาดค่ะ เราพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ ที่มีฝุ่น ขยันซักผ้าปูที่นอนเปลี่ยนปลอกหมอนบ่อยๆค่ะ เรียกง่ายๆว่าหันมาดูแลตัวเองมากๆ จนตอนนี้ติดนิสัยกลายเป็นคนที่รักความสะอาดสุดๆไปเลย
และนี่คือผิวหน้าของเราในตอนนี้ค่ะ ยังไม่หายสนิทแต่ดีขึ้นเยอะมากๆ ส่วนเรื่องงานตอนนี้ก็โอเคราบรื่นดีค่ะ หลังจากอาการดีขึ้นแล้ว บอสก็ให้เราทำงานหลักๆในออฟฟิศเลยค่ะ ไม่ต้องออกไปเจออะไรที่จะมากระตุ้นเซ็บเดิร์มอีก ต้องขอขอบคุณคนรอบข้างเราจริงๆค่ะ พวกเค้าก็คืออีก1ตัวช่วยที่ทำให้อาการของเราดีขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่หายขาดแต่ก็ยังดีที่อาการเราไม่หนักแบบแต่ก่อน
อยากเป็นกำลังใจให้คนที่เป็นโรคนี้กันอยู่นะคะ ขอให้ทุกคนผ่านมันไปให้ได้ ถ้าเราศึกษากับโรคนี้ดีๆดูแลตัวเองดีๆ เราเชื่อว่าทุกคนจะสามารถอยู่กับมันได้แบบไม่เครียดค่ะ เราเข้าใจความรู้สึกเพราะเราก็เคยเป็นคนที่ดิ่งกับโรคนี้มาแล้วเหมือนกันสู้ๆนะคะทุกคน
วันนี้เราก็ขอจบแค่นี้นะคะ ใครมีอะไรดีๆเกี่ยวกับเซ็บเดิร์มมาแชร์กันได้เลยนะคะ รออ่านน้า ♥
[CR] แชร์วิธีอยู่กับโรคเซ็บเดิร์ม (Sebderm) หรือผิวหนังอักเสบพร้อมวิธีดูแลรักษาด้วยตัวเอง
เราทุ่มเทกับงานมากวันไหนงานค้างไม่จบนี่ทำให้เรานอนไม่หลับเลย ยิ่งเราเครียดมากเท่าไหร่ เจ้าเซ็บเดิร์มก็จะยิ่งเติบโตได้ไวมากขึ้น เราเคยเป็นหนักจนถึงขั้นขึ้นหนังศรีษะค่ะ ทั้งแสบทั้งคัน ทรมานมากๆ ช่วงโหมงานหนัก เซ็บเดิร์มก็จะลามไปทั้งตัวขึ้นแขนขา จนเราไม่กล้าจะสู้หน้าใครเคยมีครั้งนึงเราไปพบลูกค้าเจ้าประจำ เค้าถึงกับทักเลยนะคะว่า เราไปทำอะไรมา ทำไมหน้าเป็นขนาดนี้…. เห้อออท้อใจมากค่ะขนาดตอนนั้นเราแต่งหน้าไปแล้วนะ ด้วยความที่คนเป็นโรคนี้ มันจะเหมือนเป็นสิว+ผิวแห้งลอกค่ะ บางทีก็ขึ้นมาเป็นเม็ด หนักๆก็จะผิวลอกเป็นแผ่นๆแบบในรูปเลย เราทรมานและแสบมาก
- งดแต่งหน้าไปสักระยะจนกว่าผิวหน้าจะกลับมาดีขึ้น
- หลักเลี่ยงหาอาหารจำพวก แป้ง ยีสต์ น้ำตาล ผลไม้รสหวาน
- ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรงทุกประเภท
- งดทานอาหารรสจัด น้ำอัดลม
- ทานอาหารที่ดีมีประโยชน์
- จิบน้ำเยอะๆ
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด
- หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่น ควัน
- ออกกำลังกายเบาๆ
- พยายามไม่เครียด (วิธีนี้ทำได้จะดีมากค่ะ)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้