✨
.
✨ใบเสร็จรับเงินรุ่นเก่า ปี 2498 ✨
.
✨เงินค่าประกันการใช้ไฟฟ้าของพ่อ
พ่อมตะในปี 2528 อายุ 68 ปี
ส่วนแม่มตะในปี 2563 อายุ 102 ปี
ฤาเรียกว่าพ่อไปรอแม่นานถึง 35 ปี
แม่เป็นคนห้าแผ่นดินสยาม
สองจักรพรรดิ์จีน(ฟูยี) หยวนซื่อไข
หลายสิบประธานาธิบดีจีน
ตั้งแต่แผ่นดินจีนเดียวจนมี 2 แผ่นดินจีน
เพราะพ่อกับแม่อพยพมาจากเมืองจีน✨
✨ใบเสร็จนี้ของ บริษัท สาธารณูปโภค จำกัด
ค่าประกันมูลค่าเทียบเท่าทองคำ 1 สลึงในยุคนั้น
ถ้าเทียบค่ากับราคาปัจจุบันราว ๆ 6,750.-บาท
(เพราะทองคำในยุคนั้น บาทละ 400.-บาท
ถ้าทองคำทุกวันนี้ราว ๆ บาทละ 27,000.-บาท)
ราว ๆ 50-60 เท่าเมื่อเทียบกับค่าเงินปัจจุบัน✨
.
.
✨แต่เดิมการขายไฟฟ้า
เป็นกิจการผูกขาดสัมปทาน
บริษัทนี้ถ้าจำไม่ผิดตั้งขึ้น
สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม
ต่อเนื่องถึงจอมพลถนอม กิตติขจร
ผูกขาดสัมปทานหลายอย่าง
ก่อนที่จะมีการชำระบัญชี✨
✨กิจการขายไฟฟ้าเป็นของผู้รับสัมปทาน
เป็นธุรกิจผูกขาด Monopoly
ในหลายจังหวัดหลายอำเภอ
โดยผู้รับสัมปทานขายต่อให้กับเอกชน✨
✨ก่อนที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะมากินรวบทั้งหมด ✨
✨บริษัทนี้มีสถานที่ทำการ
และตั้งโรงไฟฟ้าอยู่ที่ถนนเสน่หานุสรณ์ (สาย 4)
มาจาก พระเสน่หามนตรี อดีตนายอำเภอหาดใหญ่
ชาวบ้านเรียกท่านว่า คุณพระ
ท่านคือ ผู้กล้ายืนหยัดในยุคหลังปฎิวัติปี 2475
ท่านยังคงจงรักภักดีต่อราชวงศ์อย่างแท้จริง
ท่านกล้ามอบที่พักบ้านของท่าน
ให้ในหลวงรัชกาลที่ 7 และพระบรมวงศานุวงศ์
พำนักที่บ้านท่านก่อนเดินทางกลับบางกอก
ทำให้ท่านถูกบีบให้ออกจากราชการ
ท่านจึงมีส่วนร่วมในการสร้างเมืองหาดใหญ่ในเวลาต่อมา✨
✨ในอดีต บ้านท่านอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้าไปราว 200 เมตร
ตอนนี้ พื้นที่บ้านท่านกลายเป็นโรงแรมไปแล้ว
คั่นด้วยโรงแรมอีกหลัง
และโรงแรมติดหัวมุมที่เคยเป็นข่าวใหญ่
เพราะโจรแขกก่อการร้ายวางระเบิด
โดยใช้รถยนต์ติดแก๊ส LPG
ในที่จอดรถยนต์ชั้นใต้ดิน
รถยนต์เสียหายหลายคัน
ถูกลากจูงขึ้นมาพิสูจน์หลักฐานบน
ถนนสายสี่ กับ ถนนประชาธิปัตย์
ดีที่อาคารโรงแรมไม่กลายเป็นกองรีรีข้าวสาร
ล่มสลายลงมาสู่พื้นดินทั้งหมด✨
✨จนเป็นปฐมบทและข้อพึงระวังในหาดใหญ่
ทำให้ตอนนี้รถยนต์ติดแก๊สทุกคัน
ต่อให้เป็นรถ Benz ถ้าติดแก๊สจากโรงงาน/ที่อื่น
จะห้ามจอดภายในอาคารหลายแห่ง✨
.
.
✨เดิมมักจะเรียกถนนเสน่หานุสรณ์ ว่า สาย 4
เพราะมีถนนเจียกีซี 1,2,3 (นิพัทธ์อุทิศ 1,2,3)
หรือสาย 1,2,3 สร้างก่อนแล้วโดย
นายเจียกีซี ขุนนิพัทธ์จีนนคร (จีนแคะ/ฮากกา)
ผู้รับเหมาช่วงสร้างทางรถไฟ
สายทุ่งสง-ปาดังเบซาร์ หาดใหญ่-โคกโพธิ์
ผลงานครั้งสำคัญ คือ ขุดเจาะอุโมงค์ชุมทางเขาชุมทอง
ที่มีวิศวกรเยอรมันเป็นนายช่างควบคุม
ด้วยแรงงานชาวจีนที่มาเป็นคนงาน
ที่อพยพเข้ามาในสยามยุครัชกาลที่ 5 ✨
✨ ท่านเจียกีซีริเริ่มพัฒนาเมืองหาดใหญ่
จัดสรรที่ดินขายในยุคตราจองทึ่ดิน
ที่ใครจะปักธงจับจองที่ดินเท่าใดก็ได้
แบบหนังคาวบอยแต่ต้องพัฒนาที่ดิน 3 ปีก่อน
จึงไปขอออกหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินได้
สยามรัฐห้ามคนต่างด้าวถือครองที่ดินในปี 2493
เพราะกลัวเงินทุนชาวต่างชาติมาก
แต่ตอนนี้ถ้านำเงินลงทุนเข้ามา 40 ล้านบาท
ก็ซื้อที่ดินได้ไม่เกิน 1 ไร่
เลยมี Nominee ต่างชาติเต็มไปหมด
จดทะเบียนเป็นรูปบริษัทในหลายจังหวัด
เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายที่ดินของไทย ✨
✨ท่านเจียกีซีมีแรงงานคนจีนในมือตนเองมาก
จึงทำการจับจองที่ดินได้มากกว่าคนอื่น ๆ
แล้วทำการตัดถนนหลายสายมากในหาดใหญ่
เพื่อพัฒนาที่ดินที่ท่านจับจองไว้
เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม/เพิ่มราคาที่ดิน
ในฝั่งหาดใหญ่ที่มีทางรถไฟขวางกั้นไว้
เดิมบังคับคนงานจีน/คนต่างด้าวอยู่ฝั่งนี้
ไม่ให้ปะปนกับชาวสยาม
นัยป้องกันการกบฏแบบอั้งยี่ภูเก็ต ระนอง ✨
✨ ฝั่งหาดใหญ่ในคือ ชุมชนเก่า มีโรงพัก
ที่ว่าการอำเภอ ที่ตั้งสถานีรถไฟ(ถนนหน้าสถานี)
ก่อนย้ายสถานีรถไฟมาที่ปัจจุบัน(ถนนสถานี)
มีตลาดชุมชน/ตลาดน้ำติดแม่น้ำอู่ตะเภา
แม่น้ำสายที่สั้นที่สุดในประเทศไทย
เดิมสถานีรถไฟหาดใหญ่ตั้งอยู่ที่อู่ตะเภา
แต่โดนน้ำท่วมทุกปีจึงย้ายมาที่โคกเสม็ดชุน
ที่ตั้งปัจจุบันและยังมีร่องรอยชั้นดินลูกรัง
ที่อุโมงค์ลอดทางรถไฟไปหาดใหญ่ใน✨
✨ ท่านเจียกีซีได้สร้างสุสานจีน
ให้คนงานคนจีนแคะ(ฮากกา)ฝังก่อน
ต่อมามีคนจีนภาษาอื่นขออนุญาตท่านฝังศพด้วย
ชื่อสุสานสถานสงเคราะห์คนชรา(จีน)/คนอนาถา
การตั้งสุสานจีนนั้นเป็นเรื่องใหญ่มากในอดีต
ต้องดูภูมิทำเล ฮวงจุ๊ย ทำพิธีกรรมต่าง ๆ นานา
ต้องอัญเชิญแป๊ะกง และสร้างหลุมกลาง
นัยว่านี่คือ ศพนิรนามศพแรกที่มาจึง(ฝัง) ณ ที่นี้
อาจจะไม่มีศพใดฝังอยู่ก่อน แต่ถือเคล็ดว่าใช่เลย
นับถือว่าเป็น เจ้าเปรว/หัวหน้าผีของป่าช้า
เวลาไปวันเชงเม้งของคนเชื้อสายจีน
ต้องไปไหว้แป๊ะกงก่อนแล้วไปไหว้หลุมกลาง
ก่อนไปไหว้บรรพบุรุษต่อไป ✨
✨ ต่อมามีสุสานท่งเซี่ยเซี่ยงตึ้ง
มาสร้างติดกันเป็นของพวกคนจีนแต๊จิ๋ว
เพราะคนจีนต่างภาษาสมัยก่อนค่อนข้างดูถูกกัน
ต่างมีภาษาวัฒนธรรมต่างกัน
กว่าจะหลอมรวมยอมรับความแตกต่างกันได้
ก็มักจะ 2-3 รุ่นขึ้นไปแล้ว
ในเบตงถึงกับต้องแยกฌาปนกิจสถาน/สุสาน
เป็นของคนจีนภาษาใครภาษามันในอดีต✨
✨ เมื่อรวมพื้นที่ป่าช้าทั้ง 2 แห่งแล้ว
กลายเป็นสุสานจีนที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้
มีศพฝังที่นี่มากที่สุดเช่นกัน
ราคาสุสานต่อหลุมที่ดีดีก็แพงมากเช่นกัน
มีบริเวณที่ฝังศพคนอนาถา/ไม่ทราบชื่อคนตาย
มากกว่า 200 หลุมรอการล้างป่าช้าทุก ๆ 2-5 ปี ✨
✨ ท่านเจียกีซียังตั้งสถานสงเคราะห์คนชรา
(คนจีน)คนอนาถา ที่สาย 3
ซึ่งมักจะเป็นคนงานจีนของท่านที่หมดสภาพแล้ว
ไร้ครอบครัวลูกหลานดูแลก็ให้มาอยู่ที่นี่
ปัจจุบันนี้คือ ที่ดินทองคำ ตรว.ละ 150,000.-บาท
มีเนื้อที่ราว 10 ไร่เศษ แต่ซื้อขายไม่ได้ง่าย ๆ
เพราะเป็นของมูลนิธิทั้งหมด✨
✨ ในยุคนั้นจัดว่าถนนเจียกีซีตัดกว้างมาก
ชาวบ้านบอกตัดให้ควายเดินไม่ชนกัน
ท่านยอมตัดกว้างเพราะไปดูถนนที่อีโปร์ ปีนัง
ก่อนมาพัฒนาถนนในหาดใหญ่✨
✨ต่อมา อำมาตย์จากเมืองหลวงมากินเมือง
กลับขี้ชิด(ขี้เหนียว)ตัดถนนให้แคบลง
เพราะมองไม่เห็นความจำเป็น
หรือยังไม่มีวิสัยทัศน์ยาวไกล
เหมือนกับถนนในเมืองเก่า ๆ ของสยาม✨
.
.
✨ที่ตั้งบริษัท สาธารณูปโภค จำกัด
บนสาย 4 (ถนนเสน่หานุสรณ์)
ยังเป็นโรงงานปั่นไฟฟ้า ใช้เครื่องจักรดีเซล
ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงในยุคนั้น
เวลาเดินผ่านเสียงดังสนั่น สะเทือนเลือนลั่น
หนวกหูมาก ถ้าไม่เคยชิน ✨
✨ต่อมาบริษัทแห่งนี้ได้ยื่นขอชำระบัญชี
เพื่อปิดกิจการ/ยกเลิกบริษัท ตามกฎหมาย
แบบจะเซ้งจะเจ๊งเหลืออะไรให้ผู้ถือหุ้นบ้าง
ดังนั้น เมื่อประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว
ลูกหนี้เจ้าหนี้ต้องไปติดต่อภายใน 30 วัน
นับแต่วันที่ทราบข่าวประกาศในหนังสือพิมพ์
และเมื่อไปติดต่อขอรับชำระหนี้
แล้วก็ขอไปขยายเวลาได้อีก 30 วัน ✨
✨แต่ส่วนมากชาวบ้านไม่ค่อยรู้เรื่องกัน
หรือหาใบเสร็จรับเงินไม่เจอ
(จริง ๆ ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ว่า
ขอลงบันทึกประจำวันไม่เกี่ยวกับคดี
ปจว. ว่าเอกสารสำคัญหาย แล้วไปติดต่อก็ได้)
หรือบางคนก็คิดว่าเป็นเงินก็เพียงเล็กน้อย
ทำให้ใบเสร็จนี้กลายใบเสร็จเป็นกำพร้า
ใช้การไม่ได้อีกต่อไป ✨
✨ เงินประกันส่วนทึ่ไม่มีคนมาขอรับคืน
ก็กลายเป็นทรัพย์สินบริษัททึ่รอการจัดการ
ตามสมการบัญชี สินทรัพย์ = หนี้สิน+ทุน✨
✨บริษัทนี้หลังจากชำระบัญชีเสร็จแล้ว
ได้ขายที่ดินที่ตั้งโรงงานให้กับโรงแรมบีพี
คาดว่าบริษัทนี้ชำระบัญชีช่วงก่อนหน้าปี 2520
เพราะผมยังทันเห็นการขนย้ายเครื่องปั่นไฟฟ้า
ออกไปจากที่ตั้งโรงงาน นัยว่าขายต่อให้กับ
โรงงานแถวภาคกลาง หรือบริษัททำเหมืองแร่ดีบุก
ที่เป็นธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงกำไรดีมากในช่วงนั้น
ก่อนจะกลายเป็นดาวตกจมดินจมโคลนไป✨
.
.
✨ในปี 2513 ตอนนั้นพ่อของเพื่อนสนิทผม
ยังมีกิจการขายไฟฟ้าในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา
ชื่อ บริษัท ไฟฟ้าเบตง จำกัด
เป็นข่าวดังในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า
คนขายไฟฟ้าทำไฟฟ้าติดติดดับดับ
เพราะคนขายไฟฟ้ากลั่นแกล้ง/ไม่ชอบขึ้หน้าตน
ทำให้ธุรกิจของคนร้องเรียนเสียหาย✨
✨แต่พอทางการ/การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ไปสอบสวนหาข้อเท็จจริง
นัยว่าผิดจริงจะได้ยึดคืนเป็นของหลวง
ปรากฏว่าคนร้องเรียนใช้ไฟฟ้าเกินกว่า
ข้อตกลงที่ใช้ไฟฟ้าในบ้านห้ามเกินกี่วัตต์
นัยว่ามีการแอบใช้เครื่องจักรเพื่อผลิตสินค้า
ซึ่งทำผิดสัญญาอย่างแรง เรื่องจึงจบ✨
✨ปัญหาของบริษัท ไฟฟ้าเบตง จำกัด คือ
เครื่องปั่นไฟฟ้ารุ่นเก่าแก่มากแล้ว
ประสิทธิภาพจึงต่ำกว่าเครื่องรุ่นใหม่
พอกะว่าจะลงทุนซื้อเครื่องจักรชุดใหม่✨
✨ก็เจอ Jackpot ในปี 2516
ที่แขก Opec รวมตัวกันฮั้วราคาน้ำมัน
ประกาศขึ้นราคาน้ำมันกันถล่มทะลาย
จากเดิมเบนซีน/ดีเซลลิตรละไม่เกิน 1- 2 บาท
ดีดขึ้นไปเป็น 5- 10-12 บาท และขึ้นไปเรื่อย ๆ ✨
✨แต่ค่าไฟฟ้าของผู้รับสัมปทานมา
รัฐบาลไม่ยอมให้ขึ้นราคา
ไม่ยอมให้ปรับราคาตามราคาน้ำมันมหาโหด
ผู้รับสัมปทานต่างเจ๊งกันหมด
เพราะสู้กับราคาน้ำมันที่ขึ้นราคาไม่ไหว
ยิ่งขายไฟฟ้า ยิ่งปั่นไฟฟ้า ออกมาขาย
ยิ่งขาดทุน ยิ่งกินเลือดกินเนื้อตนเอง
ทำให้ต้องยอมยกเลิกสัมปทานขายไฟฟ้า
ขายกิจการทั้งหมดทิ้งไปเลยหลายแห่งมาก
เพราะเหตุนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจึงถือโอกาส
เข้ามา Take Over กิจการไฟฟ้าไปทั้งหมด
เพราะตอนนั้นทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทั้งสองแห่ง
เริ่มมีเงินสดในมือมากแล้ว
จากธุรกิจผูกขาดด้านพลังงานไฟฟ้า
จึงเริ่มคันไม้คันมืออยากจะใช้เงินมากขึ้น✨
.
.
✨แต่เรื่องนี้ บางคนสรุปบทเรียนว่า
เจ็บนี้อีกนาน เจ็บนี้ไม่ลืม
บอกเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเรื่องสมคบคิด
ระหว่างหน่วยงานรัฐกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
ในการที่ไม่ยอมให้คนขายไฟฟ้าขึ้นค่าไฟฟ้า
คือ การทำลายทุนเดิม ทุนผูกขาด
แบบช่วยกระหน่ำซ้ำเติมทุบให้น่วม
ทำให้ขาดทุนป่นปี้ จนต้องยอมถอดใจเอง
ตัองยอมขอเลิกกิจการ/ยอมขายกิจการทิ้ง
แล้วเดินมาให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
เคาะกระโหลกคนขายไฟฟ้า
โดยรับซื้อไปในราคาที่คิดว่าสมเหตุสมผล✨
.
✨
เจ็บนี้อีกนาน
✨
.
.
✨ปัญหาราคาน้ำมันในช่วงนั้น
ในวิกฤตก็มีโอกาส
ธุรกิจค้าน้ำมัน ขายวัสดุก่อสร้าง
ร่ำรวยไปหลายคนจากการแกว่งของราคา
เพราะมีการกักตุนสินค้า ซื้อถูกขายแพง
หรือชุบ(จอง)สินค้าไว้ในราคาเก่า ต้นทุนต่ำ
มาขายราคาใหม่ได้กำไรอื้อซ่า✨
✨ส่วนผู้รับจ้างขนส่ง รับเหมาก่อสร้าง
เจ๊งกันระนาว แบบตอกสนิทปิดฝาโลง(ศพ)
เพราะค่าขนของ/ค่าสินค้าขึ้นราคาแบบบ้าเลือด
อ้างอิงตามราคาน้ำมันที่ขึ้นราคา
แต่เพราะติดที่ทำสัญญารับจ้างในราคาเก่า
ครั้นจะขอยกเลิกสัญญาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
เว้นแต่ชิ่งหนี/ชักดาบฟันสัญญาทิ้งไปเลย✨
✨ราคาทองคำก็เขยิบขึ้นจากเดิมมาก
เพราะอ้างว่าต้องอิงกับราคาน้ำมัน✨
✨อาคารราชการโครงการสาธารณูปโภคต่าง ๆ
ถูกผู้รับเหมาทิ้งงานกันบานตะไท/กันเป็นว่าเล่น
เพราะยิ่งทำยิ่งเข้าเนื้อยิ่งขาดทุนหนักกว่าเก่า
จากการที่สินค้าขึ้นราคาอยู่เรื่อย ๆ
จนทางราชการยอมออกข้อสัญญาที่มีค่า K
เงินชดเชยค่างานก่อสร้าง
ที่ปรับเพิ่มราคาได้ ถ้าได้รับผลกระทบจาก
ปัญหาด้านกลไกราคาท้องตลาด
แม้ว่าจะได้ยากพอสมควรในการใช้ค่า K
แต่การที่ทางการยอมให้มีค่า K
ทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างเริ่มอุ่นใจ
กล้าที่จะเข้ารับงานประมูลก่อสร้างส่วนงานต่าง ๆ
เพราะถ้าไม่มีค่า K จะไม่มีใครกลัาประมูลรับงาน
ก่อสร้างอาคารราชการ/สาธารณูปโภค✨
.
.
✨ปัจจุบันเวลาขายบ้าน/ออกจากบ้านเช่าแล้ว
ถ้าเป็นเจ้าของมิเตอร์ ควรรีบไปขอคืนเงินประกันค่าไฟฟ้า
หรือไม่ก็จัดการขอโอนเปลี่ยนชื่อให้คนใหม่ที่เข้ามาอยู่แทน
ตัดปัญหาเรื้อรังเวลาใช้ไฟฟ้าเกิน หรือถูกตัดมิเตอร์ไฟฟ้า
จะได้ไม่ต้องกลายเป็นลูกหนี้การไฟฟ้าตามชื่อในมิเตอร์✨
.
✨ใบเสร็จรับเงินตัองปิดอากรแสตมป์ในยุคนั้น✨
.
✨ราคาทองคำปี 2508 เฉลี่ยบาทละ 416.-บาท
ถ้ายัอนหลังไป 10 ปี น่าจะไม่เกินบาทละ 400.-บาท✨
.
✨ที่มา✨
ราคาทองคำ
.
ใบเสร็จรับเงินปี 2498
✨
.
✨ใบเสร็จรับเงินรุ่นเก่า ปี 2498 ✨
.
✨เงินค่าประกันการใช้ไฟฟ้าของพ่อ
พ่อมตะในปี 2528 อายุ 68 ปี
ส่วนแม่มตะในปี 2563 อายุ 102 ปี
ฤาเรียกว่าพ่อไปรอแม่นานถึง 35 ปี
แม่เป็นคนห้าแผ่นดินสยาม
สองจักรพรรดิ์จีน(ฟูยี) หยวนซื่อไข
หลายสิบประธานาธิบดีจีน
ตั้งแต่แผ่นดินจีนเดียวจนมี 2 แผ่นดินจีน
เพราะพ่อกับแม่อพยพมาจากเมืองจีน✨
✨ใบเสร็จนี้ของ บริษัท สาธารณูปโภค จำกัด
ค่าประกันมูลค่าเทียบเท่าทองคำ 1 สลึงในยุคนั้น
ถ้าเทียบค่ากับราคาปัจจุบันราว ๆ 6,750.-บาท
(เพราะทองคำในยุคนั้น บาทละ 400.-บาท
ถ้าทองคำทุกวันนี้ราว ๆ บาทละ 27,000.-บาท)
ราว ๆ 50-60 เท่าเมื่อเทียบกับค่าเงินปัจจุบัน✨
.
.
✨แต่เดิมการขายไฟฟ้า
เป็นกิจการผูกขาดสัมปทาน
บริษัทนี้ถ้าจำไม่ผิดตั้งขึ้น
สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม
ต่อเนื่องถึงจอมพลถนอม กิตติขจร
ผูกขาดสัมปทานหลายอย่าง
ก่อนที่จะมีการชำระบัญชี✨
✨กิจการขายไฟฟ้าเป็นของผู้รับสัมปทาน
เป็นธุรกิจผูกขาด Monopoly
ในหลายจังหวัดหลายอำเภอ
โดยผู้รับสัมปทานขายต่อให้กับเอกชน✨
✨ก่อนที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะมากินรวบทั้งหมด ✨
✨บริษัทนี้มีสถานที่ทำการ
และตั้งโรงไฟฟ้าอยู่ที่ถนนเสน่หานุสรณ์ (สาย 4)
มาจาก พระเสน่หามนตรี อดีตนายอำเภอหาดใหญ่
ชาวบ้านเรียกท่านว่า คุณพระ
ท่านคือ ผู้กล้ายืนหยัดในยุคหลังปฎิวัติปี 2475
ท่านยังคงจงรักภักดีต่อราชวงศ์อย่างแท้จริง
ท่านกล้ามอบที่พักบ้านของท่าน
ให้ในหลวงรัชกาลที่ 7 และพระบรมวงศานุวงศ์
พำนักที่บ้านท่านก่อนเดินทางกลับบางกอก
ทำให้ท่านถูกบีบให้ออกจากราชการ
ท่านจึงมีส่วนร่วมในการสร้างเมืองหาดใหญ่ในเวลาต่อมา✨
✨ในอดีต บ้านท่านอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้าไปราว 200 เมตร
ตอนนี้ พื้นที่บ้านท่านกลายเป็นโรงแรมไปแล้ว
คั่นด้วยโรงแรมอีกหลัง
และโรงแรมติดหัวมุมที่เคยเป็นข่าวใหญ่
เพราะโจรแขกก่อการร้ายวางระเบิด
โดยใช้รถยนต์ติดแก๊ส LPG
ในที่จอดรถยนต์ชั้นใต้ดิน
รถยนต์เสียหายหลายคัน
ถูกลากจูงขึ้นมาพิสูจน์หลักฐานบน
ถนนสายสี่ กับ ถนนประชาธิปัตย์
ดีที่อาคารโรงแรมไม่กลายเป็นกองรีรีข้าวสาร
ล่มสลายลงมาสู่พื้นดินทั้งหมด✨
✨จนเป็นปฐมบทและข้อพึงระวังในหาดใหญ่
ทำให้ตอนนี้รถยนต์ติดแก๊สทุกคัน
ต่อให้เป็นรถ Benz ถ้าติดแก๊สจากโรงงาน/ที่อื่น
จะห้ามจอดภายในอาคารหลายแห่ง✨
.
.
✨เดิมมักจะเรียกถนนเสน่หานุสรณ์ ว่า สาย 4
เพราะมีถนนเจียกีซี 1,2,3 (นิพัทธ์อุทิศ 1,2,3)
หรือสาย 1,2,3 สร้างก่อนแล้วโดย
นายเจียกีซี ขุนนิพัทธ์จีนนคร (จีนแคะ/ฮากกา)
ผู้รับเหมาช่วงสร้างทางรถไฟ
สายทุ่งสง-ปาดังเบซาร์ หาดใหญ่-โคกโพธิ์
ผลงานครั้งสำคัญ คือ ขุดเจาะอุโมงค์ชุมทางเขาชุมทอง
ที่มีวิศวกรเยอรมันเป็นนายช่างควบคุม
ด้วยแรงงานชาวจีนที่มาเป็นคนงาน
ที่อพยพเข้ามาในสยามยุครัชกาลที่ 5 ✨
✨ ท่านเจียกีซีริเริ่มพัฒนาเมืองหาดใหญ่
จัดสรรที่ดินขายในยุคตราจองทึ่ดิน
ที่ใครจะปักธงจับจองที่ดินเท่าใดก็ได้
แบบหนังคาวบอยแต่ต้องพัฒนาที่ดิน 3 ปีก่อน
จึงไปขอออกหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินได้
สยามรัฐห้ามคนต่างด้าวถือครองที่ดินในปี 2493
เพราะกลัวเงินทุนชาวต่างชาติมาก
แต่ตอนนี้ถ้านำเงินลงทุนเข้ามา 40 ล้านบาท
ก็ซื้อที่ดินได้ไม่เกิน 1 ไร่
เลยมี Nominee ต่างชาติเต็มไปหมด
จดทะเบียนเป็นรูปบริษัทในหลายจังหวัด
เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายที่ดินของไทย ✨
✨ท่านเจียกีซีมีแรงงานคนจีนในมือตนเองมาก
จึงทำการจับจองที่ดินได้มากกว่าคนอื่น ๆ
แล้วทำการตัดถนนหลายสายมากในหาดใหญ่
เพื่อพัฒนาที่ดินที่ท่านจับจองไว้
เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม/เพิ่มราคาที่ดิน
ในฝั่งหาดใหญ่ที่มีทางรถไฟขวางกั้นไว้
เดิมบังคับคนงานจีน/คนต่างด้าวอยู่ฝั่งนี้
ไม่ให้ปะปนกับชาวสยาม
นัยป้องกันการกบฏแบบอั้งยี่ภูเก็ต ระนอง ✨
✨ ฝั่งหาดใหญ่ในคือ ชุมชนเก่า มีโรงพัก
ที่ว่าการอำเภอ ที่ตั้งสถานีรถไฟ(ถนนหน้าสถานี)
ก่อนย้ายสถานีรถไฟมาที่ปัจจุบัน(ถนนสถานี)
มีตลาดชุมชน/ตลาดน้ำติดแม่น้ำอู่ตะเภา
แม่น้ำสายที่สั้นที่สุดในประเทศไทย
เดิมสถานีรถไฟหาดใหญ่ตั้งอยู่ที่อู่ตะเภา
แต่โดนน้ำท่วมทุกปีจึงย้ายมาที่โคกเสม็ดชุน
ที่ตั้งปัจจุบันและยังมีร่องรอยชั้นดินลูกรัง
ที่อุโมงค์ลอดทางรถไฟไปหาดใหญ่ใน✨
✨ ท่านเจียกีซีได้สร้างสุสานจีน
ให้คนงานคนจีนแคะ(ฮากกา)ฝังก่อน
ต่อมามีคนจีนภาษาอื่นขออนุญาตท่านฝังศพด้วย
ชื่อสุสานสถานสงเคราะห์คนชรา(จีน)/คนอนาถา
การตั้งสุสานจีนนั้นเป็นเรื่องใหญ่มากในอดีต
ต้องดูภูมิทำเล ฮวงจุ๊ย ทำพิธีกรรมต่าง ๆ นานา
ต้องอัญเชิญแป๊ะกง และสร้างหลุมกลาง
นัยว่านี่คือ ศพนิรนามศพแรกที่มาจึง(ฝัง) ณ ที่นี้
อาจจะไม่มีศพใดฝังอยู่ก่อน แต่ถือเคล็ดว่าใช่เลย
นับถือว่าเป็น เจ้าเปรว/หัวหน้าผีของป่าช้า
เวลาไปวันเชงเม้งของคนเชื้อสายจีน
ต้องไปไหว้แป๊ะกงก่อนแล้วไปไหว้หลุมกลาง
ก่อนไปไหว้บรรพบุรุษต่อไป ✨
✨ ต่อมามีสุสานท่งเซี่ยเซี่ยงตึ้ง
มาสร้างติดกันเป็นของพวกคนจีนแต๊จิ๋ว
เพราะคนจีนต่างภาษาสมัยก่อนค่อนข้างดูถูกกัน
ต่างมีภาษาวัฒนธรรมต่างกัน
กว่าจะหลอมรวมยอมรับความแตกต่างกันได้
ก็มักจะ 2-3 รุ่นขึ้นไปแล้ว
ในเบตงถึงกับต้องแยกฌาปนกิจสถาน/สุสาน
เป็นของคนจีนภาษาใครภาษามันในอดีต✨
✨ เมื่อรวมพื้นที่ป่าช้าทั้ง 2 แห่งแล้ว
กลายเป็นสุสานจีนที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้
มีศพฝังที่นี่มากที่สุดเช่นกัน
ราคาสุสานต่อหลุมที่ดีดีก็แพงมากเช่นกัน
มีบริเวณที่ฝังศพคนอนาถา/ไม่ทราบชื่อคนตาย
มากกว่า 200 หลุมรอการล้างป่าช้าทุก ๆ 2-5 ปี ✨
✨ ท่านเจียกีซียังตั้งสถานสงเคราะห์คนชรา
(คนจีน)คนอนาถา ที่สาย 3
ซึ่งมักจะเป็นคนงานจีนของท่านที่หมดสภาพแล้ว
ไร้ครอบครัวลูกหลานดูแลก็ให้มาอยู่ที่นี่
ปัจจุบันนี้คือ ที่ดินทองคำ ตรว.ละ 150,000.-บาท
มีเนื้อที่ราว 10 ไร่เศษ แต่ซื้อขายไม่ได้ง่าย ๆ
เพราะเป็นของมูลนิธิทั้งหมด✨
✨ ในยุคนั้นจัดว่าถนนเจียกีซีตัดกว้างมาก
ชาวบ้านบอกตัดให้ควายเดินไม่ชนกัน
ท่านยอมตัดกว้างเพราะไปดูถนนที่อีโปร์ ปีนัง
ก่อนมาพัฒนาถนนในหาดใหญ่✨
✨ต่อมา อำมาตย์จากเมืองหลวงมากินเมือง
กลับขี้ชิด(ขี้เหนียว)ตัดถนนให้แคบลง
เพราะมองไม่เห็นความจำเป็น
หรือยังไม่มีวิสัยทัศน์ยาวไกล
เหมือนกับถนนในเมืองเก่า ๆ ของสยาม✨
.
.
✨ที่ตั้งบริษัท สาธารณูปโภค จำกัด
บนสาย 4 (ถนนเสน่หานุสรณ์)
ยังเป็นโรงงานปั่นไฟฟ้า ใช้เครื่องจักรดีเซล
ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงในยุคนั้น
เวลาเดินผ่านเสียงดังสนั่น สะเทือนเลือนลั่น
หนวกหูมาก ถ้าไม่เคยชิน ✨
✨ต่อมาบริษัทแห่งนี้ได้ยื่นขอชำระบัญชี
เพื่อปิดกิจการ/ยกเลิกบริษัท ตามกฎหมาย
แบบจะเซ้งจะเจ๊งเหลืออะไรให้ผู้ถือหุ้นบ้าง
ดังนั้น เมื่อประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว
ลูกหนี้เจ้าหนี้ต้องไปติดต่อภายใน 30 วัน
นับแต่วันที่ทราบข่าวประกาศในหนังสือพิมพ์
และเมื่อไปติดต่อขอรับชำระหนี้
แล้วก็ขอไปขยายเวลาได้อีก 30 วัน ✨
✨แต่ส่วนมากชาวบ้านไม่ค่อยรู้เรื่องกัน
หรือหาใบเสร็จรับเงินไม่เจอ
(จริง ๆ ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ว่า
ขอลงบันทึกประจำวันไม่เกี่ยวกับคดี
ปจว. ว่าเอกสารสำคัญหาย แล้วไปติดต่อก็ได้)
หรือบางคนก็คิดว่าเป็นเงินก็เพียงเล็กน้อย
ทำให้ใบเสร็จนี้กลายใบเสร็จเป็นกำพร้า
ใช้การไม่ได้อีกต่อไป ✨
✨ เงินประกันส่วนทึ่ไม่มีคนมาขอรับคืน
ก็กลายเป็นทรัพย์สินบริษัททึ่รอการจัดการ
ตามสมการบัญชี สินทรัพย์ = หนี้สิน+ทุน✨
✨บริษัทนี้หลังจากชำระบัญชีเสร็จแล้ว
ได้ขายที่ดินที่ตั้งโรงงานให้กับโรงแรมบีพี
คาดว่าบริษัทนี้ชำระบัญชีช่วงก่อนหน้าปี 2520
เพราะผมยังทันเห็นการขนย้ายเครื่องปั่นไฟฟ้า
ออกไปจากที่ตั้งโรงงาน นัยว่าขายต่อให้กับ
โรงงานแถวภาคกลาง หรือบริษัททำเหมืองแร่ดีบุก
ที่เป็นธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงกำไรดีมากในช่วงนั้น
ก่อนจะกลายเป็นดาวตกจมดินจมโคลนไป✨
.
.
✨ในปี 2513 ตอนนั้นพ่อของเพื่อนสนิทผม
ยังมีกิจการขายไฟฟ้าในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา
ชื่อ บริษัท ไฟฟ้าเบตง จำกัด
เป็นข่าวดังในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า
คนขายไฟฟ้าทำไฟฟ้าติดติดดับดับ
เพราะคนขายไฟฟ้ากลั่นแกล้ง/ไม่ชอบขึ้หน้าตน
ทำให้ธุรกิจของคนร้องเรียนเสียหาย✨
✨แต่พอทางการ/การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ไปสอบสวนหาข้อเท็จจริง
นัยว่าผิดจริงจะได้ยึดคืนเป็นของหลวง
ปรากฏว่าคนร้องเรียนใช้ไฟฟ้าเกินกว่า
ข้อตกลงที่ใช้ไฟฟ้าในบ้านห้ามเกินกี่วัตต์
นัยว่ามีการแอบใช้เครื่องจักรเพื่อผลิตสินค้า
ซึ่งทำผิดสัญญาอย่างแรง เรื่องจึงจบ✨
✨ปัญหาของบริษัท ไฟฟ้าเบตง จำกัด คือ
เครื่องปั่นไฟฟ้ารุ่นเก่าแก่มากแล้ว
ประสิทธิภาพจึงต่ำกว่าเครื่องรุ่นใหม่
พอกะว่าจะลงทุนซื้อเครื่องจักรชุดใหม่✨
✨ก็เจอ Jackpot ในปี 2516
ที่แขก Opec รวมตัวกันฮั้วราคาน้ำมัน
ประกาศขึ้นราคาน้ำมันกันถล่มทะลาย
จากเดิมเบนซีน/ดีเซลลิตรละไม่เกิน 1- 2 บาท
ดีดขึ้นไปเป็น 5- 10-12 บาท และขึ้นไปเรื่อย ๆ ✨
✨แต่ค่าไฟฟ้าของผู้รับสัมปทานมา
รัฐบาลไม่ยอมให้ขึ้นราคา
ไม่ยอมให้ปรับราคาตามราคาน้ำมันมหาโหด
ผู้รับสัมปทานต่างเจ๊งกันหมด
เพราะสู้กับราคาน้ำมันที่ขึ้นราคาไม่ไหว
ยิ่งขายไฟฟ้า ยิ่งปั่นไฟฟ้า ออกมาขาย
ยิ่งขาดทุน ยิ่งกินเลือดกินเนื้อตนเอง
ทำให้ต้องยอมยกเลิกสัมปทานขายไฟฟ้า
ขายกิจการทั้งหมดทิ้งไปเลยหลายแห่งมาก
เพราะเหตุนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจึงถือโอกาส
เข้ามา Take Over กิจการไฟฟ้าไปทั้งหมด
เพราะตอนนั้นทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทั้งสองแห่ง
เริ่มมีเงินสดในมือมากแล้ว
จากธุรกิจผูกขาดด้านพลังงานไฟฟ้า
จึงเริ่มคันไม้คันมืออยากจะใช้เงินมากขึ้น✨
.
.
✨แต่เรื่องนี้ บางคนสรุปบทเรียนว่า
เจ็บนี้อีกนาน เจ็บนี้ไม่ลืม
บอกเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเรื่องสมคบคิด
ระหว่างหน่วยงานรัฐกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
ในการที่ไม่ยอมให้คนขายไฟฟ้าขึ้นค่าไฟฟ้า
คือ การทำลายทุนเดิม ทุนผูกขาด
แบบช่วยกระหน่ำซ้ำเติมทุบให้น่วม
ทำให้ขาดทุนป่นปี้ จนต้องยอมถอดใจเอง
ตัองยอมขอเลิกกิจการ/ยอมขายกิจการทิ้ง
แล้วเดินมาให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
เคาะกระโหลกคนขายไฟฟ้า
โดยรับซื้อไปในราคาที่คิดว่าสมเหตุสมผล✨
.
เจ็บนี้อีกนาน
✨
.
.
✨ปัญหาราคาน้ำมันในช่วงนั้น
ในวิกฤตก็มีโอกาส
ธุรกิจค้าน้ำมัน ขายวัสดุก่อสร้าง
ร่ำรวยไปหลายคนจากการแกว่งของราคา
เพราะมีการกักตุนสินค้า ซื้อถูกขายแพง
หรือชุบ(จอง)สินค้าไว้ในราคาเก่า ต้นทุนต่ำ
มาขายราคาใหม่ได้กำไรอื้อซ่า✨
✨ส่วนผู้รับจ้างขนส่ง รับเหมาก่อสร้าง
เจ๊งกันระนาว แบบตอกสนิทปิดฝาโลง(ศพ)
เพราะค่าขนของ/ค่าสินค้าขึ้นราคาแบบบ้าเลือด
อ้างอิงตามราคาน้ำมันที่ขึ้นราคา
แต่เพราะติดที่ทำสัญญารับจ้างในราคาเก่า
ครั้นจะขอยกเลิกสัญญาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
เว้นแต่ชิ่งหนี/ชักดาบฟันสัญญาทิ้งไปเลย✨
✨ราคาทองคำก็เขยิบขึ้นจากเดิมมาก
เพราะอ้างว่าต้องอิงกับราคาน้ำมัน✨
✨อาคารราชการโครงการสาธารณูปโภคต่าง ๆ
ถูกผู้รับเหมาทิ้งงานกันบานตะไท/กันเป็นว่าเล่น
เพราะยิ่งทำยิ่งเข้าเนื้อยิ่งขาดทุนหนักกว่าเก่า
จากการที่สินค้าขึ้นราคาอยู่เรื่อย ๆ
จนทางราชการยอมออกข้อสัญญาที่มีค่า K
เงินชดเชยค่างานก่อสร้าง
ที่ปรับเพิ่มราคาได้ ถ้าได้รับผลกระทบจาก
ปัญหาด้านกลไกราคาท้องตลาด
แม้ว่าจะได้ยากพอสมควรในการใช้ค่า K
แต่การที่ทางการยอมให้มีค่า K
ทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างเริ่มอุ่นใจ
กล้าที่จะเข้ารับงานประมูลก่อสร้างส่วนงานต่าง ๆ
เพราะถ้าไม่มีค่า K จะไม่มีใครกลัาประมูลรับงาน
ก่อสร้างอาคารราชการ/สาธารณูปโภค✨
.
.
✨ปัจจุบันเวลาขายบ้าน/ออกจากบ้านเช่าแล้ว
ถ้าเป็นเจ้าของมิเตอร์ ควรรีบไปขอคืนเงินประกันค่าไฟฟ้า
หรือไม่ก็จัดการขอโอนเปลี่ยนชื่อให้คนใหม่ที่เข้ามาอยู่แทน
ตัดปัญหาเรื้อรังเวลาใช้ไฟฟ้าเกิน หรือถูกตัดมิเตอร์ไฟฟ้า
จะได้ไม่ต้องกลายเป็นลูกหนี้การไฟฟ้าตามชื่อในมิเตอร์✨
.
✨ใบเสร็จรับเงินตัองปิดอากรแสตมป์ในยุคนั้น✨
.
✨ราคาทองคำปี 2508 เฉลี่ยบาทละ 416.-บาท
ถ้ายัอนหลังไป 10 ปี น่าจะไม่เกินบาทละ 400.-บาท✨
.
✨ที่มา✨
ราคาทองคำ
.