หลายท่านคงจะเคยได้ยินข่าวการรุกล้ำที่ดินสาธารณะมาแล้วหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นที่ป่า ทะเล หรือแม่น้ำ และมีการจัดการตามกฎหมายจนเสร็จภายในเวลาไม่ถึงปี แต่ในกรณีของผมนั้น อยู่ในพื้นที่อำเภอ เมือง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งไม่ห่างจากกรุงเทพมากนัก แต่การดำเนินการไม่เป็นดังที่ผมคาดหวัง ที่คิดไว้ว่าหากพบหลักฐานที่ชัดเจนแล้วการนำเสนอต่อภาคเอกชนในพื้นที่ หรือหน่วยงานภาครัฐจะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ผมจึงขอเปิดเผยเรื่องราวที่ผมพยายามนำคลองสาธารณะกลับสู่สมบัติของแผ่นดินครับ
ต้องขอเล่าที่มาก่อนครับว่าผมพบคลองสาธารณะเส้นนี้ได้อย่างไร ผมและครอบครัวเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทดูแลของเสียจากอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ที่ได้ร่วมใช้คลองสาธารณะเส้นนี้โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าได้รุกคลองสาธารณะมานานมากกว่า 50 ปี ถึงจะเคยได้ยินว่ามีอยู่ในบริเวณใกล้เคียงซอยที่อาศัยแต่ก็ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหน จนกระทั่งได้มาตรวจสอบที่ดินของบริษัทเมื่อ กันยายน พ.ศ. 2559
โดยตอนที่ขอบริษัทดูที่โฉนดที่ดินนั้นก็วางอยู่บนโต๊ะให้ผมนั่งเปิดดูกับแม่ปกติ แต่พอเปิดไปได้ไม่กี่ฉบับก็พบว่ารูปแผนที่นั้นมีคลองสาธารณะอยู่แม่ผมจึงถามพนักงานที่นำโฉนดมาว่าคลองมันอยู่ตรงไหน พนักงานได้ยินจึงดึงโฉนดกลับไปและเปิดเพียงหน้าผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ว่าเป็นบริษัทเป็นเจ้าของ และเดินออกมาด้วยความงงว่า”บริเวณบริษัทมีคลองด้วยเหรอ”
สิ่งที่เห็นในโฉนดครับ
จึงมาหาในอินเตอร์เน็ตจนได้ทราบว่ากรมที่ดินมีเว็บไซต์ที่ใช้ในการตรวจผังระวาง(ขอขอบคุณพันทิปด้วยครับ จำได้แม่นเลยว่าเจอภาพถ่ายระวางจากเว็บพันทิป)นั่นก็คือ
http://dolwms.dol.go.th/tvwebp/ และนำเลขโฉนดที่ดินของที่บ้านใส่ลงไป ทำให้ผมและที่บ้านเพิ่งจะรู้อย่างชัดเจนว่ามีคลองสาธารณะผ่ากลางซอยที่อาศัยอยู่
เส้นขนานเล็กๆในเส้นสีเขียวผมเข้าใจว่าเป็นคลองหรือลำลางสาธารณะครับ
และนำปัญหานี้เข้าถามกรรมการบริษัทช่วงปลายปี พ.ศ. 2559 ในการประชุมกรรมการ แต่คำตอบที่ได้ทำเอามึนมากขึ้นไปอีกเพราะกรรมการบอกกับผมว่า ปัญหายังไม่เกิดก็ยังไม่ต้องแก้อะไร ผมทำได้เพียงพยายามถามกรรมการนอกการประชุม เพราะอยากให้ตระหนักถึงปัญหาที่มีแต่ไม่ได้แก้ไขมานานตั้งแต่รุ่นก่อนเพราะหากทางภาครัฐต้องการคลองเส้นดังกล่าวคืนกรรมการบริษัทจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับผิดชอบโดยตรงและอาจส่งผลต่อกรรมการในอนาคตซึ่งก็คือลูกหลานของกลุ่มอุตสาหกรรมกันเองแต่ก็ไม่มีผล แม้เอาเข้าที่ประชุมใหญ่ของบริษัทเมื่อปี พ.ศ. 2561 ก็ได้คำตอบว่า “มันเป็นเรื่องของบ้านเมือง อย่าไปยุ่งเค้าเลย”
เวลาผ่านไปจน พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ผมไม่พบการแก้ไขของภาคเอกชนในพื้นที่แต่อย่างใด ตรงนี้ผมยอมรับว่าพลาดที่รอภาคเอกชนนานเกินไปเพราะด้วยความเกรงใจและเป็นบุคคลที่เคยเคารพ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าแม้จะทราบถึงปัญหาแล้วแต่ก็ไม่มีความสนใจที่จะแก้แต่อย่างใด จึงนำเรื่องร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย โดยเอกสารที่ผมได้นำส่งไปพร้อมกับคำร้องนั้นประกอบด้วย
1. สำเนาโฉนดที่แสดงรูปที่ดินว่ามีคลองสาธารณะในบริเวณติดกัน
2. สำเนาระวางคัดถ่ายจากสำนักงานที่ดินในพื้นที่ (ภาพอยู่ในสปอยครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. ภาพที่แคปจากเว็บไซต์
http://dolwms.dol.go.th/tvwebp/ ของกรมที่ดิน
4.
พระราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเป็นประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เล่ม ๑๑๐ ตอน ๘๓ ง ฉบับพิเศษ วันที่ประกาศ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๖ หน้า ๗๒ ที่แสดงการมีอยู่ของคลองสาธารณะ
โดยการร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมครั้งนั้น ได้รับหนังสือตอบกลับตอน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ว่าไม่พบการขุดบ่อและต่อท่อปล่อยน้ำเสียรุกล้ำที่ดินสาธารณประโยชน์ และได้ตรวจคุณภาพน้ำเท่านั้น ไม่มีการตรวจสอบแนวคลองที่ถูกล้ำตามที่ร้องเรียน ผมจึงทำคำร้องต่อเทศบาลในพื้นที่โดยตรง เมื่อเดือน เมษายน พ.ศ. 2563 โดยใช้เอกสารลักษณะเดียวกันกับที่ส่งศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย และได้เพิ่มเติมรายการที่
5. สำเนาภาพถ่ายทางอากาศคัดถ่ายจากกรมแผนที่ทหาร ซึ่งมีภาพถ่ายตั้งแต่ พ.ศ. 2495 จนถึง ปีพ.ศ. 2561
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากภาพถ่ายเมื่อ พ.ศ.2510 ทำให้เห็นว่า คลองสาธารณะเริ่มถูกรุกล้ำแล้ว ซึ่งหากดู google map ณ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ก็ยังคงเป็นสภาพที่ถูกรุกล้ำเช่นเดิมครับ
จากภาพถ่ายเมื่อ พ.ศ.2510 ทำให้เห็นว่า คลองสาธารณะเริ่มถูกรุกล้ำแล้ว ซึ่งหากดู google map ณ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ก็ยังคงเป็นสภาพที่ถูกรุกล้ำเช่นเดิมครับ
และมีหนังสือคำร้องตามเรื่องทุก 2 เดือน จนมีหนังสือตอบกลับเมื่อเดือน กันยายน พ.ศ. 2563 ว่ามีการนัดรังวัดกับสำนักงานที่ดินในพื้นที่แล้ว และทำการรังวัดเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2563
หลังจากกำหนดการรังวัดที่ดินประมาณ 1 เดือนผมจึงทำหนังสือติดตามเรื่องอีกครั้งแต่จนถึง เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ยังไม่มีหนังสือตอบกลับจากทางเทศบาลแต่อย่างใด ผมจึงทำหนังสือสอบถามเจ้าพนักงานที่ดิน และได้ความจากการพูดคุยกับเจ้าพนักงานที่ดินว่า เหตุที่ดำเนินการช้าเพราะติดปัญหาโควิด 19 และรังวัดเบื้องต้นบางส่วนได้ทำเสร็จแล้ว และจากการพูดคุยกับเจ้าพนักงานเทศบาล ได้ความว่ายังต้องรอผังการรังวัดจากสำนักงานที่ดินในพื้นที่ ผมจึงมีความสงสัยว่าผังระวางนั้นตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ จึงทำการตรวจสอบที่ดินแปลงหนึ่ง พบว่าไม่ตรงกับที่หน้าเว็บไซต์ระบุ
ซึ่งอาจเป็นอีกเหตุที่สำนักงานที่ดินทำงานได้ล่าช้าเพราะต้องมีการเขียนผังใหม่ทั้งหมด
แม้ผมได้ร้องเรียนจากหน่วยงานราชการไปแล้ว แต่ผมยังคงติดตามเรื่องนี้กับกรรมการบริหารบริษัท เพราะผมพอเห็นแบบอย่างการแก้ไขกรณีเช่นนี้ คือการทำในลักษณะของนิคมอุตสาหกรรมบางปู ที่มีการทำคลองระบายน้ำแยกกับทางระบายน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้สามารถระบายน้ำฝน ได้ระดับหนึ่ง แต่กรรมการกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “อยู่ที่หลวงหลวงทำมา อยากได้อะไร ถึงอะไรทำตามหลวง คุณไปเร่ง ไปเร่งรัดหลวงเอาเอง” เมื่อเดือนพฤษจิกายน พ.ศ. 2563 คำตอบที่ได้นั้นทำผมหมดหวังที่ภาคเอกชนภายในพื้นที่
เป็นเวลากว่า 4 ปีที่ผมได้พยายามนำเรื่องคลองสาธารณะให้กับภาคเอกชนทราบถึงปัญหา และ 1 ปีกว่าที่ได้ดำเนินการกับหน่วยงานราชการ ทำให้ได้รู้ว่าการนำสาธารณะสมบัติคืนนั้นไม่ได้ง่ายเลย เป็นเหตุให้ผมอยากนำเรื่องนี้เผยแพร่ต่อสาธารณะ ขอให้เพื่อนๆที่อ่านช่วยเหลือผมโดยการแสดงความคิดเห็นหรือคำชี้แนะ และเผยแพร่บทความนี้ไปให้ถึงผู้ที่มีอำนาจจัดการโดยเร็ว ผมและครอบครัวยินดีให้ข้อมูลเพื่อสาธารณประโยชน์เป็นอย่างยิ่งครับ
***ทิ้งท้ายครับ***
เกล็ดความรู้ที่ได้จากการหาหลักฐานเรื่องคลองสาธารณะครับ
1. คัดระวางที่มีการรับรองนั้น ที่ดินหนึ่งช่องหรือหนึ่งแปลงในผังระวางนั้น ณ วันที่ผมไปคัด ทางสำนักงานที่ดินคิดที่ดินแปลงละ 5 บาท หากในผังระวางนั้นมีเยอะก็ คูณ 5 เข้าไปครับ หากต้องการผังระวางให้ไปคัดที่ กรมธนารักษ์ ซึ่งมีผังที่ดินเช่นกัน เท่าที่ผมจำได้จะถูกกว่าพอสมควรเลยครับ
2. ภาพถ่ายทางอากาศนั้น วันเวลาที่มีจะประมาณตามที่ผมขอคัดครับ ผมได้คัดเท่าที่กรมแผนที่ทหารมี ส่วนราคาและพื้นที่ที่ได้ถ่ายไว้นั้นต้องโทรสอบถามอีกครั้งครับ
3. ความเคารพและความเกรงใจไม่ได้ช่วยอะไร อย่าได้ให้น้ำหนักมาก ให้ดูที่จุดประสงค์ของตัวเองเป็นหลักครับ
****อัพเดท 06-06-2564****
มีหนังสือจากสำนักงานที่ดินว่ามีการรุกล้ำจริง แต่ไม่สามารถเข้ารังวัดได้เพราะคนในพื้นที่ให้ความร่วมมือไม่มาก และติดปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด19 จึงต้องเลื่อนการรังวัดออกไปครับ
เพิ่มเติม ภาพถ่ายทางอากาศประกอบระวางเทียบระหว่าง 2564 กับ 2517 ครับ
****แก้ไขและเพิ่มเติมข้อมูล 20-08-2564****
ได้ตรวจสอบโฉนดที่ดินหมายเลข 9868 ที่ได้ใช้เครื่องมือจากเว็บระวางของกรมที่ดินวัดได้ 1 งาน 77 วานั้น พบว่าเดิมเคยมีขนาด 1 งาน 81 วา แต่ถูกแก้เหลือ 37 วาเมื่อ กันยายน พ.ศ. 2542
และพบว่าเคยมี
ประกาศ สอบราคาจ้างเหมาก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองตาแสง จากเทศบาล เมื่อ พฤษภาคม พ.ศ. 2555 มาก่อน
****อัปเดท 21-11-2564****
จังหวัดสมุทรปราการมีหนังสือ แจ้งว่าอยู่ระหว่างการติดตามเรื่องร้องเรียน และจากการติดตามเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติม พบว่าจะมีการรังวัดในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 นี้
****อัปเดท 24-12-2564****
เริ่มมีการรังวัดคลองตาแสงอย่างหยาบบางส่วน และจะมีการรังวัดละเอียดโดยการวัดตำแหน่งจาก GPS อีกครั้ง
และมีการรังวัดทางน้ำสาธารณะอื่นในพื้นที่ใกล้เคียง
****อัปเดท 25-03-2565****
มีการดำเนินการเรื่องรังวัดคลองตาแสงต่อจากที่เคยรังวัดไว้ตั้งแต่ก่อนประสบปัญหาารแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
****อัปเดท 30-05-2565****
จากการสอบถามติดตาม ได้ความว่าการรังวัดจากถนนสุขุมวิทจนถึงบริเวณโรงงานที่อยู่ในซอยเทศบาลบางปู 52 ได้รังวัดเรียบร้อย อยู่ระหว่างการทำผังของสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนที่ต่อจากนั้นไม่สามารถรังวัดได้เนื่องจากไม่พบหมุด ทำให้ลำรางสาขาของคลองตาแสงที่ต่อจากากส่วนที่ไม่พบหมุดนี้ไม่สามารถทำการรังวัดได้เช่นกัน
สอบถามเพิ่มเติมถึงการรังวัดพื้นที่อื่นในอัปเดทของวันที่ 24-12-2564 เป็นการรังวัดของเอกชนที่ติดเขตคลอง
เริ่มรุกล้ำคลองสาธารณะมากว่า 50 ปี และยังคงใช้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ต้องขอเล่าที่มาก่อนครับว่าผมพบคลองสาธารณะเส้นนี้ได้อย่างไร ผมและครอบครัวเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทดูแลของเสียจากอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ที่ได้ร่วมใช้คลองสาธารณะเส้นนี้โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าได้รุกคลองสาธารณะมานานมากกว่า 50 ปี ถึงจะเคยได้ยินว่ามีอยู่ในบริเวณใกล้เคียงซอยที่อาศัยแต่ก็ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหน จนกระทั่งได้มาตรวจสอบที่ดินของบริษัทเมื่อ กันยายน พ.ศ. 2559
โดยตอนที่ขอบริษัทดูที่โฉนดที่ดินนั้นก็วางอยู่บนโต๊ะให้ผมนั่งเปิดดูกับแม่ปกติ แต่พอเปิดไปได้ไม่กี่ฉบับก็พบว่ารูปแผนที่นั้นมีคลองสาธารณะอยู่แม่ผมจึงถามพนักงานที่นำโฉนดมาว่าคลองมันอยู่ตรงไหน พนักงานได้ยินจึงดึงโฉนดกลับไปและเปิดเพียงหน้าผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ว่าเป็นบริษัทเป็นเจ้าของ และเดินออกมาด้วยความงงว่า”บริเวณบริษัทมีคลองด้วยเหรอ”
สิ่งที่เห็นในโฉนดครับ
จึงมาหาในอินเตอร์เน็ตจนได้ทราบว่ากรมที่ดินมีเว็บไซต์ที่ใช้ในการตรวจผังระวาง(ขอขอบคุณพันทิปด้วยครับ จำได้แม่นเลยว่าเจอภาพถ่ายระวางจากเว็บพันทิป)นั่นก็คือ http://dolwms.dol.go.th/tvwebp/ และนำเลขโฉนดที่ดินของที่บ้านใส่ลงไป ทำให้ผมและที่บ้านเพิ่งจะรู้อย่างชัดเจนว่ามีคลองสาธารณะผ่ากลางซอยที่อาศัยอยู่
เส้นขนานเล็กๆในเส้นสีเขียวผมเข้าใจว่าเป็นคลองหรือลำลางสาธารณะครับ
และนำปัญหานี้เข้าถามกรรมการบริษัทช่วงปลายปี พ.ศ. 2559 ในการประชุมกรรมการ แต่คำตอบที่ได้ทำเอามึนมากขึ้นไปอีกเพราะกรรมการบอกกับผมว่า ปัญหายังไม่เกิดก็ยังไม่ต้องแก้อะไร ผมทำได้เพียงพยายามถามกรรมการนอกการประชุม เพราะอยากให้ตระหนักถึงปัญหาที่มีแต่ไม่ได้แก้ไขมานานตั้งแต่รุ่นก่อนเพราะหากทางภาครัฐต้องการคลองเส้นดังกล่าวคืนกรรมการบริษัทจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับผิดชอบโดยตรงและอาจส่งผลต่อกรรมการในอนาคตซึ่งก็คือลูกหลานของกลุ่มอุตสาหกรรมกันเองแต่ก็ไม่มีผล แม้เอาเข้าที่ประชุมใหญ่ของบริษัทเมื่อปี พ.ศ. 2561 ก็ได้คำตอบว่า “มันเป็นเรื่องของบ้านเมือง อย่าไปยุ่งเค้าเลย”
เวลาผ่านไปจน พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ผมไม่พบการแก้ไขของภาคเอกชนในพื้นที่แต่อย่างใด ตรงนี้ผมยอมรับว่าพลาดที่รอภาคเอกชนนานเกินไปเพราะด้วยความเกรงใจและเป็นบุคคลที่เคยเคารพ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าแม้จะทราบถึงปัญหาแล้วแต่ก็ไม่มีความสนใจที่จะแก้แต่อย่างใด จึงนำเรื่องร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย โดยเอกสารที่ผมได้นำส่งไปพร้อมกับคำร้องนั้นประกอบด้วย
1. สำเนาโฉนดที่แสดงรูปที่ดินว่ามีคลองสาธารณะในบริเวณติดกัน
2. สำเนาระวางคัดถ่ายจากสำนักงานที่ดินในพื้นที่ (ภาพอยู่ในสปอยครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. ภาพที่แคปจากเว็บไซต์ http://dolwms.dol.go.th/tvwebp/ ของกรมที่ดิน
4. พระราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเป็นประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เล่ม ๑๑๐ ตอน ๘๓ ง ฉบับพิเศษ วันที่ประกาศ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๖ หน้า ๗๒ ที่แสดงการมีอยู่ของคลองสาธารณะ
โดยการร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมครั้งนั้น ได้รับหนังสือตอบกลับตอน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ว่าไม่พบการขุดบ่อและต่อท่อปล่อยน้ำเสียรุกล้ำที่ดินสาธารณประโยชน์ และได้ตรวจคุณภาพน้ำเท่านั้น ไม่มีการตรวจสอบแนวคลองที่ถูกล้ำตามที่ร้องเรียน ผมจึงทำคำร้องต่อเทศบาลในพื้นที่โดยตรง เมื่อเดือน เมษายน พ.ศ. 2563 โดยใช้เอกสารลักษณะเดียวกันกับที่ส่งศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย และได้เพิ่มเติมรายการที่
5. สำเนาภาพถ่ายทางอากาศคัดถ่ายจากกรมแผนที่ทหาร ซึ่งมีภาพถ่ายตั้งแต่ พ.ศ. 2495 จนถึง ปีพ.ศ. 2561
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากภาพถ่ายเมื่อ พ.ศ.2510 ทำให้เห็นว่า คลองสาธารณะเริ่มถูกรุกล้ำแล้ว ซึ่งหากดู google map ณ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ก็ยังคงเป็นสภาพที่ถูกรุกล้ำเช่นเดิมครับ
และมีหนังสือคำร้องตามเรื่องทุก 2 เดือน จนมีหนังสือตอบกลับเมื่อเดือน กันยายน พ.ศ. 2563 ว่ามีการนัดรังวัดกับสำนักงานที่ดินในพื้นที่แล้ว และทำการรังวัดเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2563
หลังจากกำหนดการรังวัดที่ดินประมาณ 1 เดือนผมจึงทำหนังสือติดตามเรื่องอีกครั้งแต่จนถึง เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ยังไม่มีหนังสือตอบกลับจากทางเทศบาลแต่อย่างใด ผมจึงทำหนังสือสอบถามเจ้าพนักงานที่ดิน และได้ความจากการพูดคุยกับเจ้าพนักงานที่ดินว่า เหตุที่ดำเนินการช้าเพราะติดปัญหาโควิด 19 และรังวัดเบื้องต้นบางส่วนได้ทำเสร็จแล้ว และจากการพูดคุยกับเจ้าพนักงานเทศบาล ได้ความว่ายังต้องรอผังการรังวัดจากสำนักงานที่ดินในพื้นที่ ผมจึงมีความสงสัยว่าผังระวางนั้นตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ จึงทำการตรวจสอบที่ดินแปลงหนึ่ง พบว่าไม่ตรงกับที่หน้าเว็บไซต์ระบุ
ซึ่งอาจเป็นอีกเหตุที่สำนักงานที่ดินทำงานได้ล่าช้าเพราะต้องมีการเขียนผังใหม่ทั้งหมด
แม้ผมได้ร้องเรียนจากหน่วยงานราชการไปแล้ว แต่ผมยังคงติดตามเรื่องนี้กับกรรมการบริหารบริษัท เพราะผมพอเห็นแบบอย่างการแก้ไขกรณีเช่นนี้ คือการทำในลักษณะของนิคมอุตสาหกรรมบางปู ที่มีการทำคลองระบายน้ำแยกกับทางระบายน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้สามารถระบายน้ำฝน ได้ระดับหนึ่ง แต่กรรมการกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “อยู่ที่หลวงหลวงทำมา อยากได้อะไร ถึงอะไรทำตามหลวง คุณไปเร่ง ไปเร่งรัดหลวงเอาเอง” เมื่อเดือนพฤษจิกายน พ.ศ. 2563 คำตอบที่ได้นั้นทำผมหมดหวังที่ภาคเอกชนภายในพื้นที่
เป็นเวลากว่า 4 ปีที่ผมได้พยายามนำเรื่องคลองสาธารณะให้กับภาคเอกชนทราบถึงปัญหา และ 1 ปีกว่าที่ได้ดำเนินการกับหน่วยงานราชการ ทำให้ได้รู้ว่าการนำสาธารณะสมบัติคืนนั้นไม่ได้ง่ายเลย เป็นเหตุให้ผมอยากนำเรื่องนี้เผยแพร่ต่อสาธารณะ ขอให้เพื่อนๆที่อ่านช่วยเหลือผมโดยการแสดงความคิดเห็นหรือคำชี้แนะ และเผยแพร่บทความนี้ไปให้ถึงผู้ที่มีอำนาจจัดการโดยเร็ว ผมและครอบครัวยินดีให้ข้อมูลเพื่อสาธารณประโยชน์เป็นอย่างยิ่งครับ
1. คัดระวางที่มีการรับรองนั้น ที่ดินหนึ่งช่องหรือหนึ่งแปลงในผังระวางนั้น ณ วันที่ผมไปคัด ทางสำนักงานที่ดินคิดที่ดินแปลงละ 5 บาท หากในผังระวางนั้นมีเยอะก็ คูณ 5 เข้าไปครับ หากต้องการผังระวางให้ไปคัดที่ กรมธนารักษ์ ซึ่งมีผังที่ดินเช่นกัน เท่าที่ผมจำได้จะถูกกว่าพอสมควรเลยครับ
2. ภาพถ่ายทางอากาศนั้น วันเวลาที่มีจะประมาณตามที่ผมขอคัดครับ ผมได้คัดเท่าที่กรมแผนที่ทหารมี ส่วนราคาและพื้นที่ที่ได้ถ่ายไว้นั้นต้องโทรสอบถามอีกครั้งครับ
3. ความเคารพและความเกรงใจไม่ได้ช่วยอะไร อย่าได้ให้น้ำหนักมาก ให้ดูที่จุดประสงค์ของตัวเองเป็นหลักครับ
****อัพเดท 06-06-2564****
มีหนังสือจากสำนักงานที่ดินว่ามีการรุกล้ำจริง แต่ไม่สามารถเข้ารังวัดได้เพราะคนในพื้นที่ให้ความร่วมมือไม่มาก และติดปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด19 จึงต้องเลื่อนการรังวัดออกไปครับ
เพิ่มเติม ภาพถ่ายทางอากาศประกอบระวางเทียบระหว่าง 2564 กับ 2517 ครับ
****แก้ไขและเพิ่มเติมข้อมูล 20-08-2564****
ได้ตรวจสอบโฉนดที่ดินหมายเลข 9868 ที่ได้ใช้เครื่องมือจากเว็บระวางของกรมที่ดินวัดได้ 1 งาน 77 วานั้น พบว่าเดิมเคยมีขนาด 1 งาน 81 วา แต่ถูกแก้เหลือ 37 วาเมื่อ กันยายน พ.ศ. 2542
และพบว่าเคยมีประกาศ สอบราคาจ้างเหมาก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองตาแสง จากเทศบาล เมื่อ พฤษภาคม พ.ศ. 2555 มาก่อน
****อัปเดท 21-11-2564****
จังหวัดสมุทรปราการมีหนังสือ แจ้งว่าอยู่ระหว่างการติดตามเรื่องร้องเรียน และจากการติดตามเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติม พบว่าจะมีการรังวัดในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 นี้
****อัปเดท 24-12-2564****
เริ่มมีการรังวัดคลองตาแสงอย่างหยาบบางส่วน และจะมีการรังวัดละเอียดโดยการวัดตำแหน่งจาก GPS อีกครั้ง
และมีการรังวัดทางน้ำสาธารณะอื่นในพื้นที่ใกล้เคียง
****อัปเดท 25-03-2565****
มีการดำเนินการเรื่องรังวัดคลองตาแสงต่อจากที่เคยรังวัดไว้ตั้งแต่ก่อนประสบปัญหาารแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
****อัปเดท 30-05-2565****
จากการสอบถามติดตาม ได้ความว่าการรังวัดจากถนนสุขุมวิทจนถึงบริเวณโรงงานที่อยู่ในซอยเทศบาลบางปู 52 ได้รังวัดเรียบร้อย อยู่ระหว่างการทำผังของสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนที่ต่อจากนั้นไม่สามารถรังวัดได้เนื่องจากไม่พบหมุด ทำให้ลำรางสาขาของคลองตาแสงที่ต่อจากากส่วนที่ไม่พบหมุดนี้ไม่สามารถทำการรังวัดได้เช่นกัน
สอบถามเพิ่มเติมถึงการรังวัดพื้นที่อื่นในอัปเดทของวันที่ 24-12-2564 เป็นการรังวัดของเอกชนที่ติดเขตคลอง