คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 44
นายกฯ ตอบข้อสงสัยเรื่องการจัดซื้อและแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19
> สาเหตุใดประเทศไทยจึงไม่มีการจัดซื้อวัคซีนที่ครอบคลุมจำนวนประชากรอย่างเหมาะสม ขณะที่แผนฉีดวัคซีนในประเทศไทยมีความล่าช้าเกินไปหรือไม่ และในอนาคตรัฐบาลมีแผนงานแจกจ่ายวัคซีนระยะยาว ในประเทศไทยอย่างไร
- ตอบ ความพยายามและดำเนินการในการจัดหาวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุขและสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้เริ่มในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2563 ภายหลังจากที่ได้เห็นเงื่อนไขต่าง ๆ จากทั้งผู้ผลิตวัคซีน และ COVAX ในลักษณะเป็นการจองวัคซีนล่วงหน้าโดยที่ยังไม่ทราบผลการทดลองวัคซีนเฟส 3 ประเทศไทยในขณะนั้นยังไม่มีกลไกการจัดหาวัคซีนที่มีเงื่อนไขในการจ่ายเงินก่อนโดยที่มีโอกาสไม่ได้รับวัคซีนหากการวิจัยล้มเหลว สถาบันวัคซีนแห่งชาติและกรมควบคุมโรคได้ดำเนินการประสานขอคำปรึกษาหน่วยงานด้านกฎหมายของประเทศได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง ก็ได้รับข้อแนะนำและหนังสือตอบกลับจากกรมบัญชีกลางว่าไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง 2560 ได้ จึงได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ตามมาตรา 18 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ 2561 เพื่อให้สามารถดำเนินการจองวัคซีนล่วงหน้าได้ตามกฎหมายที่มี http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/239/T_0017.PDF แผนการฉีดวัคซีนได้มีการเตรียมการไว้เพื่อการกระจายวัคซีนในทุกกลุ่มประชากร ตามลำดับความสำคัญที่สอดคล้องกับปริมาณวัคซีนที่จะส่งมอบ
> การจัดซื้อวัคซีนมีการเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มทุนบางรายอย่างไม่เหมาะสมหรือไม่
- ตอบ การจัดซื้อวัคซีนเป็นการพิจารณาตามคุณลักษณะของวัคซีนซึ่งได้แก่
• รูปแบบการวิจัย พัฒนา และการผลิต ของวัคซีนนั้น
• ผลการวิจัย ทั้งด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ
• ระยะเวลาในการส่งมอบ
• การบริหารจัดการวัคซีนที่ต้องใช้ในวงกว้าง การจัดเก็บ การขนส่ง และความชำนาญของบุคลากรที่จะดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน
• ประโยชน์ระยะยาวที่มีผลต่อความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศ เช่น มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตที่เราสามารถต่อยอดการวิจัยพัฒนาในประเทศได้ต่อไป
> สาเหตุใดรัฐบาลจึงไม่มีการจัดซื้อวัคซีนจากหลายบริษัท แต่เน้นซื้อเพียง 2 บริษัท คือบริษัท แอสตราเซเนกา และซิโนแวคเท่านั้น ถือเป็นความประมาทของรัฐบาลหรือไม่
- ตอบ การจองซื้อวัคซีนล่วงหน้าเป็นการแบกรับความเสี่ยง ซึ่งการที่เราได้มีการจองซื้อวัคซีน AstraZeneca เป็นบริษัทแรกได้นั้น เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการประกาศผลวัคซีนของ 3 บริษัทในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน (Pfizer, Moderna และ AstraZeneca) ทำให้เราคาดการณ์ได้ว่าจะมีวัคซีนอีกหลายรูปแบบที่จะทยอยประกาศผลสำเร็จในการวิจัย โดยที่เราจะมีข้อมูลพิจารณาการจองซื้อวัคซีนที่ประเทศไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงทั้งในเรื่องความปลอดภัย ประสิทธิผลในการป้องกัน การบริหารจัดการวัคซีนบางชนิดที่ต้องดูแลเป็นพิเศษและอาจเป็นภาระต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ต้องแบกรับภาระการดูแลสุขภาพประชาชนในทุกมิติอยู่แล้ว
> การคัดเลือกบริษัทเอกชนที่รัฐบาลจะให้เงินงบประมาณสนับสนุน มีวิธีการและขั้นตอนอย่างไร มีสัญญาจ้างและแผนดำเนินการเช่นไร
- ตอบ สถาบันวัคซีนแห่งชาติมีการประเมินศักยภาพผู้ผลิตวัคซีนในประเทศทุกแห่ง และมีอนุกรรมการวิชาการพิจารณาข้อเสนอของเอกชนก่อนให้กรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติเห็นชอบ และในส่วนงบประมาณตาม พรก.เงินกู้ฯ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะเป็นผู้พิจารณากลั่นกรองก่อนการเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
> แผนการฉีดวัคซีนเพียงร้อยละ 21.5 ของจำนวนประชากร ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้แก่สังคมได้ถือเป็นการใช้งบฯ ไม่คุ้มค่า และไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างแท้จริง หรือไม่
- ตอบ การจัดหาวัคซีนในขณะนี้ จำนวน 63 ล้านโด๊ส ครอบคลุมประชากร 31.5 ล้านคน และจะสามารถจัดหาได้เพิ่มเติมอีกจนครอบคลุมประชากรทุกกลุ่มเป้าหมายตามความสมัครใจ
> หากบริษัท แอสตรา เซเนกา ไม่สามารถส่งวัคซีนได้ตามข้อตกลง รัฐบาลมีแผนการดำเนินการเช่นไรต่อไป
- ตอบ การจัดหาวัคซีนจากบริษัทอื่นสามารถดำเนินการได้และกำลังดำเนินการอยู่บนข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศมากที่สุด อีกทั้งสายการผลิตที่ AstraZeneca สามารถจัดหาวัคซีนจากแหล่งผลิตที่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในแหล่งการผลิต เป็นการบริหารความเสี่ยงที่ดีอีกทางหนึ่งด้วย
> สาเหตุใดถึงไม่ให้องค์การเภสัชกรรมที่มีโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นผู้ผลิตวัคซีน แทนบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ที่ต้องทำโรงงานวัคซีนฯ ให้พร้อมก่อน ซึ่งใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 เดือน กว่าจะผลิตวัคซีนได้จริง
- ตอบ องค์การเภสัชกรรมไม่สามารถผลิตวัคซีนชนิดไวรัลเวคเตอร์ได้ และ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ไม่ได้รอการทำโรงงานวัคซีนให้พร้อม แต่เวลาที่รอคือรอการผลิตจริงตามมารตฐาน AstraZeneca ที่ได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่ ธันวาคม 2563 เพื่อการขึ้นทะเบียนโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
> สาเหตุใดถึงให้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ (ที่มีผลขาดทุน 581 ล้านบาท) ผูกขาดในการผลิตวัคซีนในประเทศไทยเพียงรายเดียวแล้วจะสามารถผลิตวัคซีนได้ทันเวลาหรือไม่
- ตอบ AstraZeneca เป็นผู้คัดเลือกเอกชนที่จะร่วมดำเนินการกับทางเค้า พิจารณาจากความสามารถและศักยภาพของทั้งบุคลากรและเครื่องมือที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีของทาง AstraZeneca ซึ่งไม่เกี่ยวกับผลประกอบการเดิม ซึ่งบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ นั้นถูกจัดตั้งขึ้นอันเนื่องมากจากวิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนที่จำเป็นและไม่ได้แสวงผลกำไรแต่อย่างใด
> บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ลงทุนผลิตวัคซีนร่วมกับบริษัทแอสตรา เซเนกา อีกทั้งยังใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตแต่สาเหตุใดวัคซีนที่ประเทศไทยจะได้รับ จึงมีราคาสูงเท่ากับราคาที่บริษัทแอสตรา เซเนกา ขายให้กับประเทศที่ไม่ได้ลงทุนร่วม
- ตอบ AstraZeneca เป็นผู้กำหนดราคา ที่พิจารณาจากต้นทุนการวิจัย การผลิต และยึดนโยบายราคาเดียวในทุกประเทศที่อยู่ใน Supply Chain ที่จะผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ประเทศไทยได้ประโยชน์มากอยู่แล้วในการได้เทคโนโลยีการผลิตที่จะมีอยู่ในประเทศไทยไปตลอด
> เมื่อผลิตวัคซีนสำเร็จแล้ว สิทธิบัตรวัคซีนจะเป็นของบริษัทเอกชนทั้งหมดหรือไม่ และสัญญาร่วมทุนกำหนดให้บริษัทเอกชนมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสิทธิบัตรวัคซีน ให้กับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ หรือองค์การเภสัชกรรมเพื่อน ามาผลิตในราคาถูกให้กับคนไทยทั่วประเทศหรือไม่ พร้อมตั้งคำถามว่าหากสิทธิบัตรและเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนเป็นสิทธิของบริษัทเอกชนเท่านั้น การร่วมลงทุนจะเป็นการสูญเปล่างบประมาณหรือไม่
- ตอบ สิทธิบัตรเป็นของ AstraZeneca โดยประเทศไทยซื้อวัคซีนจาก AstraZeneca ส่วนเทคโนโลยีที่ได้จะเป็นความรู้สำหรับการพัฒนาวัคซีนของเราเองในประเทศที่เราต้องมาดำเนินการเอง
> จะเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือไม่
- ตอบ ผลข้างเคียงจากวัคซีนเกิดขึ้นได้จากทุกวัคซีน ไม่ใช่จากวัคซีนโควิด-19 การพิจารณาอย่างรอบคอบจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่จะต้องดูจากข้อมูลการวิจัยอย่างครบถ้วนมากที่สุด และมีหน่วยงานที่ดูแลด้านความปลอดภัยตั้งแต่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกระทรวงสาธารณสุข ที่จะดำเนินการอย่างรอบคอบตามมาตรฐานการให้วัคซีนที่ดี
> รัฐบาลมีการกีดกันไม่ให้บริษัทเอกชนนำเข้าวัคซีนเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนหรือไม่
- ตอบ ไม่ได้กีดกัน และรัฐบาลโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในฐานะผู้รับผิดชอบ ยินดีให้ทุกบริษัทมาขอขึ้นทะเบียนโดยเปิดช่องทางพิเศษ ปัจจุบันมีผู้มายื่นคำขอ ขึ้นทะเบียน 3 ราย และได้รับทะเบียนแล้ว 1 ราย คือ บริษัทแอสตราเซนเนกา (ประเทศไทย) จำกัด หากมีผู้มายื่นคำขอและผ่านหลักเกณณ์ที่กำหนดก็จะได้รับการขึ้นทะเบียนในระยะต่อไป
> ความจำเป็นในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่าต้องฉีดทุกคนหรือไม่
- ตอบ การฉีดวัคซีนนั้นเป็นการกระตุ้นเพื่อสร้างภูมิต้านทานให้มากกว่าร้อยละ 95 แต่การมีภูมิต้านทานนั้นไม่ได้หมายความว่าจะสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ซึ่งหลักการของวัคซีนโควิด-19 มีหลักการที่เหมือนกับวัคซีนโรคไข้หวัด เพียงแต่วัคซีนไข้หวัดจะทดลองจนครบตามกระบวนการทางการแพทย์ที่กำหนดไว้คือฉีดและติดตามผลอย่างน้อย 1 ปี เพื่อดูผลสุดท้ายว่าผลลัพธ์คือป้องกันได้จริงหรือไม่ แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้ทำให้ไม่สามารถรอได้เนื่องจากมียอดผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการอนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิด-19 แบบฉุกเฉิน โดยหลังจากที่มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วก็จะมีการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในขณะนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าวัคซีนโควิด-19 นั้นสามารถป้องกันการติดเชื้อได้จริงจนกว่าจะครบอย่างน้อย 1 ปี แต่มีผลเบื้องต้นที่สามารถยอมรับได้คือฤทธิ์ข้างเคียงไม่เยอะ เป็นไปตามธรรมชาติ อย่างเช่นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฤทธิ์ข้างเคียงที่มีข้อมูลคือ เมื่อฉีดไป 1 ล้านคน มีผู้เสียชีวิต 1.1 คน แต่ข้อมูลปัจจุบันของวัคซีนโควิด-19 ถ้านับเป็น 1 ล้านคนมีผู้เสียชีวิต 11 คน ในทางการแพทย์ถือว่ายอมรับได้ หากได้รับการวัคซีนโควิด-19 อาจยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อ แต่โอกาสที่จะป่วยก็มีน้อยลง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะต้องการผ่านการทบทวน กลั่นกรอง และยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญ โดยวัคซีน Pfizer และ Moderna ได้ผลร้อยละ 95 วัคซีน AstraZeneca ได้ผลร้อยละ 90 ของ Sinavac และ Sinopharm ได้ผลร้อยละ 70 ซึ่งหลักเกณฑ์ทั้งหมดถูกกำหนดโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งประเทศไทยถือมาตรฐานวัคซีนที่ยอมรับได้ร้อยละ 50 เช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ฉีดกันเป็นประจำทุกปี
> กลุ่มที่ควรได้รับวัคซีนโควิด-19 ก่อนและหลัง
- ตอบ กลุ่มที่จะต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ก่อนตามลำดับความจำเป็น คือ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มคนที่มีโรคร่วม เบาหวาน ความดัน และกลุ่มผู้สูงวัย เนื่องจากผู้สูงอายุหากติดเชื้อจะมีอาการรุนแรงมากและมีอัตราการเสียชีวิตสูง ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยง โดยเฉพาะคนที่มีโรคร่วม หลังจากนั้นก็จะดูความเสี่ยงในพื้นที่ เช่น จ.สมุทรสาคร ที่ในตอนนี้มีความเสี่ยงสูงกว่าพื้นที่อื่น และถึงแม้ว่าในประเทศไทยจะมีอัตราผู้ติดเชื้อโควิด-19 น้อย แต่การได้รับวัคซีนโควิด-19 มานั้นไม่ได้แปลว่าจะเป็นการป้องกันร้อยเปอร์เซนต์ กว่าที่ทั่วโลกจะได้รับการฉีดวัคซีนครบทั้งหมดอาจใช้เวลาถึง 2 ปี จึงจะรอวัคซีนอย่างเดียวไม่ได้ ทุกคนจึงต้องปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข การใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ การเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งสามารถทำได้เลยไม่ต้องรอและควรทำอย่างต่อเนื่อง เพราะการปฏิบัติทั้งหมดนั้นเปรียบเหมือนเป็นวัคซีนที่เราทำได้ด้วยกันป้องกันตนเอง
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/5706316022727204
****************************
ไขข้อสงสัย ไขข้อข้องใจ "วัคซีนโควิด-19"
ถามมา - ตอบไป เพื่อคลายข้อกังขา...ไปดูกัน
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/882401735925891
สวัสดีวันอาทิตย์
PODCAST กับนายกรัฐมนตรีวันนี้
ชวนฟังเรื่องสำคัญ
"วัคซีนโควิด-19 ที่ต้องปลอดภัย
และเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม”
นายกฯ ตอบข้อสงสัยเรื่องการจัดซื้อและแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19
> สาเหตุใดประเทศไทยจึงไม่มีการจัดซื้อวัคซีนที่ครอบคลุมจำนวนประชากรอย่างเหมาะสม ขณะที่แผนฉีดวัคซีนในประเทศไทยมีความล่าช้าเกินไปหรือไม่ และในอนาคตรัฐบาลมีแผนงานแจกจ่ายวัคซีนระยะยาว ในประเทศไทยอย่างไร
- ตอบ ความพยายามและดำเนินการในการจัดหาวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุขและสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้เริ่มในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2563 ภายหลังจากที่ได้เห็นเงื่อนไขต่าง ๆ จากทั้งผู้ผลิตวัคซีน และ COVAX ในลักษณะเป็นการจองวัคซีนล่วงหน้าโดยที่ยังไม่ทราบผลการทดลองวัคซีนเฟส 3 ประเทศไทยในขณะนั้นยังไม่มีกลไกการจัดหาวัคซีนที่มีเงื่อนไขในการจ่ายเงินก่อนโดยที่มีโอกาสไม่ได้รับวัคซีนหากการวิจัยล้มเหลว สถาบันวัคซีนแห่งชาติและกรมควบคุมโรคได้ดำเนินการประสานขอคำปรึกษาหน่วยงานด้านกฎหมายของประเทศได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง ก็ได้รับข้อแนะนำและหนังสือตอบกลับจากกรมบัญชีกลางว่าไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง 2560 ได้ จึงได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ตามมาตรา 18 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ 2561 เพื่อให้สามารถดำเนินการจองวัคซีนล่วงหน้าได้ตามกฎหมายที่มี http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/239/T_0017.PDF แผนการฉีดวัคซีนได้มีการเตรียมการไว้เพื่อการกระจายวัคซีนในทุกกลุ่มประชากร ตามลำดับความสำคัญที่สอดคล้องกับปริมาณวัคซีนที่จะส่งมอบ
> การจัดซื้อวัคซีนมีการเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มทุนบางรายอย่างไม่เหมาะสมหรือไม่
- ตอบ การจัดซื้อวัคซีนเป็นการพิจารณาตามคุณลักษณะของวัคซีนซึ่งได้แก่
• รูปแบบการวิจัย พัฒนา และการผลิต ของวัคซีนนั้น
• ผลการวิจัย ทั้งด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ
• ระยะเวลาในการส่งมอบ
• การบริหารจัดการวัคซีนที่ต้องใช้ในวงกว้าง การจัดเก็บ การขนส่ง และความชำนาญของบุคลากรที่จะดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน
• ประโยชน์ระยะยาวที่มีผลต่อความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศ เช่น มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตที่เราสามารถต่อยอดการวิจัยพัฒนาในประเทศได้ต่อไป
> สาเหตุใดรัฐบาลจึงไม่มีการจัดซื้อวัคซีนจากหลายบริษัท แต่เน้นซื้อเพียง 2 บริษัท คือบริษัท แอสตราเซเนกา และซิโนแวคเท่านั้น ถือเป็นความประมาทของรัฐบาลหรือไม่
- ตอบ การจองซื้อวัคซีนล่วงหน้าเป็นการแบกรับความเสี่ยง ซึ่งการที่เราได้มีการจองซื้อวัคซีน AstraZeneca เป็นบริษัทแรกได้นั้น เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการประกาศผลวัคซีนของ 3 บริษัทในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน (Pfizer, Moderna และ AstraZeneca) ทำให้เราคาดการณ์ได้ว่าจะมีวัคซีนอีกหลายรูปแบบที่จะทยอยประกาศผลสำเร็จในการวิจัย โดยที่เราจะมีข้อมูลพิจารณาการจองซื้อวัคซีนที่ประเทศไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงทั้งในเรื่องความปลอดภัย ประสิทธิผลในการป้องกัน การบริหารจัดการวัคซีนบางชนิดที่ต้องดูแลเป็นพิเศษและอาจเป็นภาระต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ต้องแบกรับภาระการดูแลสุขภาพประชาชนในทุกมิติอยู่แล้ว
> การคัดเลือกบริษัทเอกชนที่รัฐบาลจะให้เงินงบประมาณสนับสนุน มีวิธีการและขั้นตอนอย่างไร มีสัญญาจ้างและแผนดำเนินการเช่นไร
- ตอบ สถาบันวัคซีนแห่งชาติมีการประเมินศักยภาพผู้ผลิตวัคซีนในประเทศทุกแห่ง และมีอนุกรรมการวิชาการพิจารณาข้อเสนอของเอกชนก่อนให้กรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติเห็นชอบ และในส่วนงบประมาณตาม พรก.เงินกู้ฯ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะเป็นผู้พิจารณากลั่นกรองก่อนการเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
> แผนการฉีดวัคซีนเพียงร้อยละ 21.5 ของจำนวนประชากร ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้แก่สังคมได้ถือเป็นการใช้งบฯ ไม่คุ้มค่า และไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างแท้จริง หรือไม่
- ตอบ การจัดหาวัคซีนในขณะนี้ จำนวน 63 ล้านโด๊ส ครอบคลุมประชากร 31.5 ล้านคน และจะสามารถจัดหาได้เพิ่มเติมอีกจนครอบคลุมประชากรทุกกลุ่มเป้าหมายตามความสมัครใจ
> หากบริษัท แอสตรา เซเนกา ไม่สามารถส่งวัคซีนได้ตามข้อตกลง รัฐบาลมีแผนการดำเนินการเช่นไรต่อไป
- ตอบ การจัดหาวัคซีนจากบริษัทอื่นสามารถดำเนินการได้และกำลังดำเนินการอยู่บนข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศมากที่สุด อีกทั้งสายการผลิตที่ AstraZeneca สามารถจัดหาวัคซีนจากแหล่งผลิตที่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในแหล่งการผลิต เป็นการบริหารความเสี่ยงที่ดีอีกทางหนึ่งด้วย
> สาเหตุใดถึงไม่ให้องค์การเภสัชกรรมที่มีโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นผู้ผลิตวัคซีน แทนบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ที่ต้องทำโรงงานวัคซีนฯ ให้พร้อมก่อน ซึ่งใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 เดือน กว่าจะผลิตวัคซีนได้จริง
- ตอบ องค์การเภสัชกรรมไม่สามารถผลิตวัคซีนชนิดไวรัลเวคเตอร์ได้ และ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ไม่ได้รอการทำโรงงานวัคซีนให้พร้อม แต่เวลาที่รอคือรอการผลิตจริงตามมารตฐาน AstraZeneca ที่ได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่ ธันวาคม 2563 เพื่อการขึ้นทะเบียนโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
> สาเหตุใดถึงให้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ (ที่มีผลขาดทุน 581 ล้านบาท) ผูกขาดในการผลิตวัคซีนในประเทศไทยเพียงรายเดียวแล้วจะสามารถผลิตวัคซีนได้ทันเวลาหรือไม่
- ตอบ AstraZeneca เป็นผู้คัดเลือกเอกชนที่จะร่วมดำเนินการกับทางเค้า พิจารณาจากความสามารถและศักยภาพของทั้งบุคลากรและเครื่องมือที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีของทาง AstraZeneca ซึ่งไม่เกี่ยวกับผลประกอบการเดิม ซึ่งบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ นั้นถูกจัดตั้งขึ้นอันเนื่องมากจากวิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนที่จำเป็นและไม่ได้แสวงผลกำไรแต่อย่างใด
> บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ลงทุนผลิตวัคซีนร่วมกับบริษัทแอสตรา เซเนกา อีกทั้งยังใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตแต่สาเหตุใดวัคซีนที่ประเทศไทยจะได้รับ จึงมีราคาสูงเท่ากับราคาที่บริษัทแอสตรา เซเนกา ขายให้กับประเทศที่ไม่ได้ลงทุนร่วม
- ตอบ AstraZeneca เป็นผู้กำหนดราคา ที่พิจารณาจากต้นทุนการวิจัย การผลิต และยึดนโยบายราคาเดียวในทุกประเทศที่อยู่ใน Supply Chain ที่จะผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ประเทศไทยได้ประโยชน์มากอยู่แล้วในการได้เทคโนโลยีการผลิตที่จะมีอยู่ในประเทศไทยไปตลอด
> เมื่อผลิตวัคซีนสำเร็จแล้ว สิทธิบัตรวัคซีนจะเป็นของบริษัทเอกชนทั้งหมดหรือไม่ และสัญญาร่วมทุนกำหนดให้บริษัทเอกชนมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสิทธิบัตรวัคซีน ให้กับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ หรือองค์การเภสัชกรรมเพื่อน ามาผลิตในราคาถูกให้กับคนไทยทั่วประเทศหรือไม่ พร้อมตั้งคำถามว่าหากสิทธิบัตรและเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนเป็นสิทธิของบริษัทเอกชนเท่านั้น การร่วมลงทุนจะเป็นการสูญเปล่างบประมาณหรือไม่
- ตอบ สิทธิบัตรเป็นของ AstraZeneca โดยประเทศไทยซื้อวัคซีนจาก AstraZeneca ส่วนเทคโนโลยีที่ได้จะเป็นความรู้สำหรับการพัฒนาวัคซีนของเราเองในประเทศที่เราต้องมาดำเนินการเอง
> จะเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือไม่
- ตอบ ผลข้างเคียงจากวัคซีนเกิดขึ้นได้จากทุกวัคซีน ไม่ใช่จากวัคซีนโควิด-19 การพิจารณาอย่างรอบคอบจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่จะต้องดูจากข้อมูลการวิจัยอย่างครบถ้วนมากที่สุด และมีหน่วยงานที่ดูแลด้านความปลอดภัยตั้งแต่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกระทรวงสาธารณสุข ที่จะดำเนินการอย่างรอบคอบตามมาตรฐานการให้วัคซีนที่ดี
> รัฐบาลมีการกีดกันไม่ให้บริษัทเอกชนนำเข้าวัคซีนเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนหรือไม่
- ตอบ ไม่ได้กีดกัน และรัฐบาลโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในฐานะผู้รับผิดชอบ ยินดีให้ทุกบริษัทมาขอขึ้นทะเบียนโดยเปิดช่องทางพิเศษ ปัจจุบันมีผู้มายื่นคำขอ ขึ้นทะเบียน 3 ราย และได้รับทะเบียนแล้ว 1 ราย คือ บริษัทแอสตราเซนเนกา (ประเทศไทย) จำกัด หากมีผู้มายื่นคำขอและผ่านหลักเกณณ์ที่กำหนดก็จะได้รับการขึ้นทะเบียนในระยะต่อไป
> ความจำเป็นในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่าต้องฉีดทุกคนหรือไม่
- ตอบ การฉีดวัคซีนนั้นเป็นการกระตุ้นเพื่อสร้างภูมิต้านทานให้มากกว่าร้อยละ 95 แต่การมีภูมิต้านทานนั้นไม่ได้หมายความว่าจะสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ซึ่งหลักการของวัคซีนโควิด-19 มีหลักการที่เหมือนกับวัคซีนโรคไข้หวัด เพียงแต่วัคซีนไข้หวัดจะทดลองจนครบตามกระบวนการทางการแพทย์ที่กำหนดไว้คือฉีดและติดตามผลอย่างน้อย 1 ปี เพื่อดูผลสุดท้ายว่าผลลัพธ์คือป้องกันได้จริงหรือไม่ แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้ทำให้ไม่สามารถรอได้เนื่องจากมียอดผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการอนุมัติให้ใช้วัคซีนโควิด-19 แบบฉุกเฉิน โดยหลังจากที่มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วก็จะมีการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในขณะนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าวัคซีนโควิด-19 นั้นสามารถป้องกันการติดเชื้อได้จริงจนกว่าจะครบอย่างน้อย 1 ปี แต่มีผลเบื้องต้นที่สามารถยอมรับได้คือฤทธิ์ข้างเคียงไม่เยอะ เป็นไปตามธรรมชาติ อย่างเช่นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฤทธิ์ข้างเคียงที่มีข้อมูลคือ เมื่อฉีดไป 1 ล้านคน มีผู้เสียชีวิต 1.1 คน แต่ข้อมูลปัจจุบันของวัคซีนโควิด-19 ถ้านับเป็น 1 ล้านคนมีผู้เสียชีวิต 11 คน ในทางการแพทย์ถือว่ายอมรับได้ หากได้รับการวัคซีนโควิด-19 อาจยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อ แต่โอกาสที่จะป่วยก็มีน้อยลง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะต้องการผ่านการทบทวน กลั่นกรอง และยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญ โดยวัคซีน Pfizer และ Moderna ได้ผลร้อยละ 95 วัคซีน AstraZeneca ได้ผลร้อยละ 90 ของ Sinavac และ Sinopharm ได้ผลร้อยละ 70 ซึ่งหลักเกณฑ์ทั้งหมดถูกกำหนดโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งประเทศไทยถือมาตรฐานวัคซีนที่ยอมรับได้ร้อยละ 50 เช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ฉีดกันเป็นประจำทุกปี
> กลุ่มที่ควรได้รับวัคซีนโควิด-19 ก่อนและหลัง
- ตอบ กลุ่มที่จะต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ก่อนตามลำดับความจำเป็น คือ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มคนที่มีโรคร่วม เบาหวาน ความดัน และกลุ่มผู้สูงวัย เนื่องจากผู้สูงอายุหากติดเชื้อจะมีอาการรุนแรงมากและมีอัตราการเสียชีวิตสูง ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยง โดยเฉพาะคนที่มีโรคร่วม หลังจากนั้นก็จะดูความเสี่ยงในพื้นที่ เช่น จ.สมุทรสาคร ที่ในตอนนี้มีความเสี่ยงสูงกว่าพื้นที่อื่น และถึงแม้ว่าในประเทศไทยจะมีอัตราผู้ติดเชื้อโควิด-19 น้อย แต่การได้รับวัคซีนโควิด-19 มานั้นไม่ได้แปลว่าจะเป็นการป้องกันร้อยเปอร์เซนต์ กว่าที่ทั่วโลกจะได้รับการฉีดวัคซีนครบทั้งหมดอาจใช้เวลาถึง 2 ปี จึงจะรอวัคซีนอย่างเดียวไม่ได้ ทุกคนจึงต้องปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข การใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ การเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งสามารถทำได้เลยไม่ต้องรอและควรทำอย่างต่อเนื่อง เพราะการปฏิบัติทั้งหมดนั้นเปรียบเหมือนเป็นวัคซีนที่เราทำได้ด้วยกันป้องกันตนเอง
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/5706316022727204
****************************
ไขข้อสงสัย ไขข้อข้องใจ "วัคซีนโควิด-19"
ถามมา - ตอบไป เพื่อคลายข้อกังขา...ไปดูกัน
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/882401735925891
สวัสดีวันอาทิตย์
PODCAST กับนายกรัฐมนตรีวันนี้
ชวนฟังเรื่องสำคัญ
"วัคซีนโควิด-19 ที่ต้องปลอดภัย
และเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม”
แสดงความคิดเห็น
🅾️ตะละแม่มาลาริน/ไทยคงไม่รอนานนะคะ...แอสตราเซเนกาส่งมอบวัคซีนถึงมืออียู จบปัญหาล่าช้า/ลุงตู่ชี้แจงเรื่องวัคซีนชัดๆ
😁&ท้ายที่สุดแล้ววัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของแอสตราเซเนกาก็กำลังเดินทางถึงบรรดาประเทศต่างๆในสหภาพยุโรป ในขณะที่ทางกลุ่มพยายามเร่งรีบโครงการฉีดวัคซีนให้แก่พลเรือน หวังทิ้งช่วงเวลาแห่งวิกฤตไว้เบื้องหลัง
ฝรั่งเศสเริ่มใช้วัคซีนในวันเสาร์(6ก.พ.) ด้วยมีบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณ สุขเป็นกลุ่มเป้าหมายลำดับต้นๆ หลังจากวัคซีนชุดแรกเดินทางมาถึงในช่วงเย็นวันศุกร์(5ก.พ.) ส่วนเยอรมนี ไอร์แลนด์ สเปนและออสเตรีย ก็เริ่มฉีดวัคซีนไปแล้วเช่นกัน ขณะที่ ฝรั่งเศส จะได้รับการส่งมอบในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
วัคซีนส่วนใหญ่เป็นการส่งมอบโดยบรถบรรทุกผ่านศูนย์กลางต่างๆทั่วทวีป และการเดินทางมาถึงของวัคซีนคือพัฒนาการที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งของอียู
ซึ่งช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีปัญหาโต้เถียงกับแอสตราเซเนกาอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับเป้าหมายการส่งมอบวัคซีน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็ลุกลามเข้าสู่เกมกล่าวโทษกันไปมา คำขู่กีดกันทางการค้า และความผิดพลาดทางการเมืองใหญ่หลวงที่คุกคามข้อตกลงเบร็กซิตระหว่างสหราชอาณาจักรกับอียู
แม้สถานการณ์การแจกจ่ายวัคซีนเริ่มดีขึ้น แต่รัฐบาลชาติต่างๆยังคงกังวลว่าความล่าช้าในโครงการฉีดวัคซีน อาจทำให้ประชาชนต้องเสียชีวิตหลายพันคนในแต่ละวัน หลายประเทศยังต้องบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อันเข้มข้นต่อไปเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรากฏตัวของตัวกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยว่ามีความเป็นไปได้ที่เยอรมนีจะขยายข้อจำกัดสกัดโควิด-19 ต่อไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ด้วยนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล และมุขมนตรีของรัฐต่างๆ มีกำหนดประชุมกันเมื่อตัดสินใจในประเด็นดังกล่าวในสัปดาห์หน้า ส่วน กรีซ เมื่อวันศุกร์(5ก.พ.) ยกระดับความเข้มงวดข้อจำกัดต่างๆด้านความเคลื่อนไหวและการจับจ่ายซื้อของ
จากการติดตามของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก Bloomberg Vaccine Tracker พบว่ากระบวนการฉีดวัคซีนของอียูยังคงล้าหลัง สหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตามแม้เริ่มต้นอย่างล่าช้า แต่คณะกรรมาธิการยุโรปยังคงยึดมั่นในแผนจะฉีดวัคซีนประชากรวัยผู้ใหญ่ให้ได้ 70% ในช่วงปลายฤดูร้อน ท่ามกลางความคาดหมายว่าอัตราการฉีดวัคซีนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยจะมีการส่งมอบวัคซีนอย่างน้อยๆ 300 ล้านโดสในไตรมาส 2
ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับปัญหาล่าช้า บรรดากลุ่มผู้นำของชาติสมาชิกอียู เรียกร้อง อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ให้หาข้อสรุปในการเจรจากับบรรดาผู้พัฒนาวัคซีนเจ้าอื่นๆโดยเร็ว อย่างเช่นโนโวแว็กซ์และวาลเนวา
วัคซีนของแอสตราเซเนกา ถือเป็นวัคซีนโควิด-19 ตัวที่ 3 ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของอียู หลังจากไฟเขียววัคซีนของไบโอเอ็นเทคกับไฟเซอร์ในเดือนธันวาคม และของโมเดอร์นา เมื่อเดือนที่แล้ว
หลายประเทศออกคำแนะนำให้ระมัดระวังในการใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา โดยแนะนำให้ใช้เฉพาะกับบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปี แต่ก็ยังมีรัฐบาลอีกหลายชาติที่ยังคงใช้มันกับกลุ่มผู้สูงวัย ในความพยายามเร่งรัดโครงการฉีดวัคซีน
(ที่มา:บลูมเบิร์ก)
https://mgronline.com/around/detail/9640000012138
"บิ๊กตู่" แจงไม่ได้หาวัคซีนบริษัทเดียว สยามไบโอฯพร้อมผลิต ชี้ผลข้างเคียงเกิดได้ ไม่ขวางเอกชนนำเข้า
นายกฯ แจงข้อสงสัยวัคซีนโควิด ลั่น เดือดเนื้อร้อนใจตลอด ไม่เคยหยุดนิ่ง จัดหาบริษัทอื่นๆไม่ได้มีแค่ตัวเดียว แจง สยามไบโอไซเอนซ์พร้อมผลิต ชี้ผลข้างเคียงเกิดได้ บอกไม่ได้ป้องกันได้หรือไม่ ยันวัคซีนจีนการแพทย์ยอมรับ ปัดขวางเอกชนนำเข้า
วันนี้ (7ก.พ.) เวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ผ่าน PM POSCAST นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง ทางเพจไทยคู่ฟ้า ว่า นอกจากชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนแล้ว มีเรื่องการจัดซื้อและแจกจ่ายวัคซีนของประเทศไทยที่หลายคนติดตามและกังวล เจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตนเดือดเนื้อร้อนใจ ยิ่งกว่าท่านอีก เพราะมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ คำถามที่ว่าเหตุใดประเทศไทยไม่จัดซื้อวัคซีนครอบคลุมจำนวนที่เหมาะสม และแผนฉีดวัคซีนในประเทศไทยล่าช้าเกินไปหรือไม่ รัฐบาลมีแผนแจกจ่ายวัคซีนในระยะยาวอย่างไรนั้น ขอเรียนว่าความพยายามในการจัดหาวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ริเริ่มตั้งแต่ ส.ค.63 ภายหลังเห็นเงี่อนไขต่างๆ ของผู้ผลิตวัคซีน Covax ในลักษณะการจองวัคซีนล่วงหน้า โดยที่ยังไม่ทราบผลการทดลองในมนุษย์ ประเทศไทยขณะนั้นยังไม่มีกลไกลจัดหาวัคซีนที่มีเงื่อนไขจ่ายเงินก่อนและมีโอกาสไม่ได้วัคซีนหากการวิจัยล้มเหลว สถาบันวัคซีนแห่งชาติและกรมควบคุมโรคได้ปรึกษาหน่วยงานด้านกฎหมายในประเทศ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อัยการสูงสุด สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง ได้รับหนังสือตอบกลับจากกรมบัญชีกลางว่าไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ได้ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีอยู่แล้ว จึงมีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ตามมาตรา 18 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ.2561 เพี่อให้สามารถจองวัคซีนล่วงหน้าได้ตามกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แผนการฉีดวัคซีนจะกระจายทุกกลุ่มประชากรตามลำดับ เพื่อให้สอดคล้องกับวัคซีนที่มีจะการส่งมอบ เพราะเมื่อจองไปแล้วไม่สามารถมาได้พร้อมกัน และเป็นความต้องการของหลายประเทศทั่วโลก ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าฉีดวัคซีนเพี่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนบางรายไม่เหมาะสมหรือไม่นั้น เรามองว่าการจัดซื้อวัคซีนจะพิจารณาตามคุณสมบัติของวัคซีน ได้แก่ การวิจัย พัฒนา และการผลิตของวัคซีนนั้นๆ ผลการวิจัยต้องได้คุณภาพ ประสิทธิภาพ และระยะเวลาในการส่งมอบ การบริหารวัคซีนที่ต้องใช้ในวงกว้าง การจัดเก็บ การขนส่ง รวมถึงการฉีดที่ต้องใช้ความชำนาญของบุคลากรในการฉีดให้กับประชาชนอย่างปลอดภัย ผลประโยชน์ระยะยาวที่มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ เช่น มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต ให้เราสามารถต่อยอดต่อไปได้ในอนาคต เพราะอาจจะมีโรคระบาดอื่นๆ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เราต้องเตรียมการไว้
🔻พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีคำถามว่าเหตุใดรัฐบาลไม่จัดซื้อวัคซีนจากหลายบริษัท จะจัดซื้อแค่แอสตราเซเนกาและซิโนแวคเท่านั้นเป็นความประมาทของรัฐบาลหรือไม่นั้น
ถ้าเราไม่มีการตรวจสอบ คัดกรอง ติดตาม ประเมินผล นั่นคือ สิ่งที่ประมาทมากกว่า เนื่องจากจะมีผู้ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงนั้นสูงมาก การจองวัคซีนล่วงหน้าเป็นการแบกรับความเสี่ยง ที่เราจองวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นครั้งแรกนั้น เป็นช่วงที่มีการประกาศความพร้อมของ 3 บริษัทในช่วงไล่เลี่ยกัน คือ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และแอสตราเซเนกา ทำให้คาดการณ์ได้ว่าจะมีวัคซีนอีกหลายรูปแบบที่จะทยอยประกาศผลสำเร็จในการวิจัย โดยที่เราต้องมีข้อมูลพิจารณาจองซื้อที่ประเทศไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัย รวมถึงประสิทธิผลในการป้องกันการบริหารจัดการวัคซีนบางชนิดที่ต้องดูแลเป็นพิเศษในเรื่องอุณหภูมิจัดเก็บ ในเรื่องการขนส่งที่อาจจะต้องเป็นภาระการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่แบกรับภาระการดูแลสุขภาพประชาชนในทุกมิติอยู่แล้ว เราต้องดูประเทศเราด้วย เป็นข้อพิจารณาข้อหนึ่ง
🔻ส่วนคำถามที่ว่าการคัดเลือกบริษัทเอกชนที่รัฐบาลจะให้เงินสนับสนุนมีวิธีการ ขั้นตอนอย่างไร มีสัญญาจ้างอย่างไรนั้น คำตอบคือ เรามอบสถาบันวัคซีนแห่งชาติประเมินศักยภาพผู้ผลิตวัคซีนในประเทศทุกแห่ง มีอนุกรรมการพิจารณาข้อเสนอของเอกชน ก่อนให้คณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติเห็นชอบ ในส่วนของงบประมาณใช้ตาม พ.ร.ก.เงินกู้ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกลั่นกรองก่อนเสนอเข้า ครม.
🔻นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนคำถามที่ว่าแผนการฉีดวัคซีนเพียงร้อยละ 21.5 ของจำนวนประชากร ไม่สามารถภูมิคุ้มกันหมู่ให้แก่สังคมได้ ถือเป็นการใช้งบไม่คุ้มค่า และไม่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงหรือไม่นั้น
ขอเรียนว่าวันนี้เราจะจัดหาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งเป้าไว้เท่านั้น ตอนนี้เราได้มาเท่าไหร่ก็ฉีดไปเท่านั้นก่อน เราไม่หยุดยั้งในการหายี่ห้ออื่น ที่จะจัดหาได้เพิ่มเติม วันนี้เราจัดหาได้จำนวน 63 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรประมาณ 31.5 ล้านคน และจะจัดหาเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมประชากรทุกกลุ่มเป้าหมายตามความสมัครใจ ไม่ใช่ว่าไม่คิดอะไร ไม่ทำอะไรต่อเลย แต่คิดตลอดเวลา
🔻ส่วนที่ว่าหากบริษัทแอสตราเซเนกาไม่สามารถส่งมอบวัคซีนได้ทำตามข้อตกลงมีแผนดำเนินการอะไรต่อไปนั้น
คำตอบคือ การจัดหาวัคซีนจากบริษัทอื่นสามารถดำเนินการได้ และกำลังดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่วนข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทยมากที่สุด อีกทั้งสายการผลิตที่แอสตราเซเนกาสามารถจัดหาวัคซีนจากแหล่งผลิตที่มีอยู่ทั่วโลก ประเทศไทยเป็นแหล่งหนึ่งเท่านั้นของบริษัทนี้ นี่คือ การบริหารความเสี่ยงที่ดีอีกทางหนึ่งด้วย
🔻นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนคำถามที่ว่าเหตุใดไม่ให้องค์การเภสัชกรรมที่มีโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นผู้ผลิตวัคซีนแทนบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ที่ต้องรอโรงงานให้พร้อมก่อนผลิต ซึ่งใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4 เดือนนั้น
ขอชี้แจงว่าเป็นสิ่งที่เข้าใจผิดกันหรือไม่ เพราะองค์การเภสัชกรรมไม่สามารถผลิตวัคซีนชนิด Viral vector ได้ เนื่องจากวัคซีนไม่เหมือนกัน และสยามไบโอไซเอนซ์ไม่ได้รอเพื่อทำโรงงานให้พร้อม แต่ที่รอคือการผลิตจริงตามมาตรฐานแอสตราเซเนกา ซึ่งเริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่ ธ.ค.63 เพื่อให้มีการขึ้นทะเบียนโดย อย.ไทย และเตรียมความพร้อมของบริษัท ที่วันนี้เขาพร้อมทั้งหมด เมื่อได้วัคซีนมาจะดำเนินการได้ทันที เราก็จะเป็นสายการผลิตหนึ่งในประเทศไทยและอาเซียนของแอสตราเซเนกา และยังมีบริษัทอื่นที่ร่วมมือกับแอสตราเซเนกาในการผลิตที่ภูมิภาคอื่นอีกด้วย
ส่วนสาเหตุที่ให้สยามไบโอไซเอนซ์ที่มีผลประกอบการขาดทุน 500 กว่าล้านบาทผูกขาดการผลิตวัคซีนในประเทศไทยรายเดียว จะสามารถผลิตได้ทันเวลาหรือไม่นั้น ต้องเข้าใจว่าการที่เราจะเอาวัคซีนมาผลิตเองในประเทศ ต้องขึ้นอยู่แอสตราเซเนกาซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้คัดเลือกเอกชนที่จะร่วมดำเนินการกับเขา เขาจะพิจารณาความสามารถ บุคลากร และเครื่องมือที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีของแอสตราเซเนกา ไม่เกี่ยวกับผลประกอบการเดิม และท่านทราบดีอยู่แล้วว่าสยามไบโอไซเอนซ์ตั้งมาเมื่อไหร่ เป็นวิสัยทัศน์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงตั้งไว้ เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีวัคซีนที่จำเป็น ไม่ได้หวังผลกำไร กำไรคือประชาชนได้ประโยชน์ เรื่องขาดทุนหรือกำไร อย่านำตรงนั้นมากังวล รัฐบาลได้ให้หลายบริษัทเข้ามาเสนอแล้ว แต่แอสตราเซเนกาเขาเลือกที่นี่ เราไปสามารถล็อคเขาได้อยู่แล้ว และสยามไบโอไซเอนซ์ลงทุนร่วมกับแอสตราเซเนกา โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต
https://mgronline.com/politics/detail/9640000012170
ข่าวดีที่แอสตราเซเนก้า ผลิตวัคซีนทันส่งให้อียูทันเวลาเป็นข่าวดีมากค่ะ
ประเทศอื่นๆรวมทั้งไทยก็คงจะได้รับวัคซีนต่อไปในไม่ช้า
อ่านที่ลุงตู่ชี้แจงเรื่องวัคซีนชัดๆนะคะ
ปัญหาเริ่มคลี่คลาย พวกมือไม่พาย จะหันไปโจมตีเรื่องอะไรอีกก็ตาม
แต่ประชาชนเชื่อมั่นในสธ.ไทยที่ได้ชื่อเสียงระดับต้นๆของโลกมากกว่าพวกอ่อนประสบการณ์ที่วิจารณ์เลอะเทอะทุกวันค่ะ