"อาการหูทิพย์ ตาทิพย์"
ปี 2550 หลังจากที่ผมปฏิบัติธรรม ถือศิล 8 ที่วัดท่าซุง 7 วัน ได้ฝึกกฐินสีแดงตามเทปเสียงหลวงพ่อฤาษี ลิงดำ ที่ทางวัดเปิดให้ฟังในช่วงเที่ยงและเย็น จนดวงกสิณเปลี่ยนเป็นแก้วประกายพฤกษ์ ผมและเพื่อนๆไปกราบหลวงพี่สมปอง ที่บ้านสบายใจ อยู่ข้างๆวัด ทางศิษย์สายหลวงพ่อฤาษี จะเชื่อว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ไปถึงที่นั่น 12:00 น. ซึ่งท่านจะให้เข้ากราบ 13:00 น. ผมจึงนั่งสมาธิรอ นั่งสักพักก็เกิดดวงแก้วสว่าง ไสวขึ้นอีก ผมก็นั่งดูดวงแก้วจนถึงเวลา 13:00 น แล้วขึ้นไปกราบหหลวงพี่สมปองพร้อมเพื่อนๆ หลวงพี่สมปองมองแล้วยิ้มมาที่ผม ท่านกล่าวว่า “อนุโมทนาบุญกับ ฌาน 2 ด้วย” แล้วท่านก็เมตตาไล่ผลการปฏิบัติของเพื่อนแต่ละคนแบบเรียงคน ทุกคนฟังแล้วอึ้งมาก ท่านรู้นิสัยเราดียิ่งกว่าเรารู้ตัวเองเสียอีก ท่านรู้วาระจิตที่อยู่ในเบื้องลึกของจิตใจ ขนาดพวกผมครบกันมา 3 ปี ยังไม่เคยรู้มาก่อนและเพื่อนก็ยอมรับว่า หลวงพี่สมปองพูดจริง
หลังจากกลับมา กทม. แล้ว ผมก็มากราบหลวงพี่สมปองที่บ้านพุทธภูมิ แถวๆ ตลิ่งชันกับเพื่อนๆ หลวงพี่สมปองได้พูดถึงศิษย์ท่านหนึ่งปฏิบัติกับท่านมาหลายปี สามารถเข้า ฌาน 4 เวลาไหนก็ได้ และพูดติดตลกว่า ดูดวงแม่นนะ หลังจากหลวงพี่สมปองเทศเสร็จผมและเพื่อนๆจึงไปหาพี่ท่านนั้น ผมดูลักษณะพี่คนนั้นแล้วคิดในใจไม่น่าจะนั่งสมาธิได้ ผมจึงอยากลองพิสูจน์ จึงเข้าไปคุยกับพี่คนนั้นว่า “สวัสดีครับพี่ ช่วยดูดวงให้ผมได้ไหมครับ” พร้อมกับยื่นมือไปให้ พี่เค้ามองที่มือผมแปปเดียวแล้วมองหน้าผม พูดว่า “เข้าสมาธิก็เหมือนรถโดยสารจอดที่ป้ายรถ ต้องจอดให้พอดีๆ จอดเร็วไปก็ไม่ถึงป้าย จอดช้าไปก็เลยป้าย น้องต้องไปฝึกจอดให้พอดีๆ ป้าย จะเข้าสมาธิได้ดีและบ่อยขึ้น น้องปฏิบัติได้ดีและเร็วมากๆแปปเดียวก็เข้า ฌานได้แล้ว”
หลังจากที่ผมได้ดวงแก้วก็มาฝึกอยู่เรื่อยๆ และก็ซื้อดวงแก้วใส จากวัดปทุมวนาราม ของหลวงพ่อถาวร มาพกติดตัวตลอดเวลาไว้ปฏิบัติ ช่วงนั้นทำให้ผมเห็น ผี บ่อยมากๆ ตอนเด็กๆ ก่อนอายุ 9 ขวบเห็นเป็นประจำอยู่แล้ว พออายุเลย 9 ขวบ ก็ไม่เคยเห็นอีกเลย จนกระทั่งได้ดวงแก้ว ไปไหนก็เห็น โดยเฉพาะหอพักของผมซึ่งเป็นหอพักของมหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ตรงถนนพญาไท มีผีเยอะๆ มากๆ เห็นเลางๆ เป็นพวกสัมภเวสี ไม่ได้น่ากลัวอะไร น่าสงสารมากกว่าดูไม่สมประกอบ จะอยู่ตามบันไดระหว่างชั้น จะอยู่กันเยอะที่บันไดชั้น 12 และ 13 และจะเห็นดวงวิญญานชุดสีขาวเดินมาที่เตียงรูมเมทผมทุกวัน ซึ่งผมก็รูมเมทก็เห็นพร้อมกันและมองหน้ากันว่าเห็นใช่ไหม ต่างคน ต่างบอกว่า ใช่ รูมเมทผม ชาติที่แล้วที่เคยเป็นทหารฆ่าคนมาเยอะเลยมีดวงวิญญานตามมาเยอะ ครั้งหนึ่งตอนปี 4 ผมไปเข้าค่ายที่ เพชรบุรี กับมหาวิทยาลัย ที่ค่ายทหารเห็นหนึ่ง ระว่างเดินเข้าที่พักซึ่งเป็นโรงนอนรวมขนาดใหญ่ ผมเหลือบขึ้นไปบนต้นไม้เห็น ผู้หญิงสวยใส่ชุดไทย สวมชฎา ยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ผมไม่ได้พูดอะไร หลังจากเก็บสัมภาระแล้ว ทหารก็เรียก นิสิตทุกคนมายืมหน้าต้นไม้ใหญ่นั่น แล้วพูดว่า ต้นไม้นี้มีเจ้าแม่ตะเคียนทองอยู่ ให้ทุกคนสวดมนต์พร้อมกันแล้วกราบท่านซะแล้วอย่าหลบหลู่ท่านหล่ะ จะได้นอนหลับได้ปกติ ผมถึงบางอ้อเลย ทำไมถึงเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยสวยยืนอยู่บนต้นไม้ก่อนเข้าที่พัก
ปี 2551 หลังจากกลับจากการปฏิบัติธรรมที่วัดท่าซุง ผมยังฝึกดวงแก้วอยู่ ในปีนั้นได้รู้จักพี่ชมรมพุทธ คณะแพทย์จุฬา พี่ได้ชวนผมและเพื่อนๆรวม 5 คนไปปฏิบัติธรรมกับคุณแม่อัมรา ที่ จ.อยุธยา สายหลวงพ่อปราโมทย์ 3 วัน 3 คืน ไปกับนิสิตแพทย์ จุฬา เป็นผู้หญิงทั้งหมด ส่วนพวกผมเป็นผู้ชาย สถานปฏิบัติธรรมอยู่กลางป่าช้า อีกฝั่งติดแม่น้ำเจ้าพระยา (มีโกฐเก็บอัฐิเต๋มไปหมดเรียก ป่าช้าป่าวครับ) เค้าจัดให้พวกผมนอนชั้นล่างสุด มองไปเห็นโกฐเก็บอัฐิเต็มไปหมดแต่ไม่ได้กลัวอะไร ชั้น 2 เป็นที่ปฏิบัติธรรม ส่วนผู้หญิงนอนชั้น 3 ก็ลองปฏิบัติตามสายหลวงพ่อปราโมทย์ ซึ่งท่านเน้นการฝึกสติ ไม่มีการให้นั่งสมาธินะครับ ปฏิบัติอยู่ 3 วันไม่มีอะไร เพราะผมแอบมานั่งสมาธิ (กสิณ) ช่วงเย็น วันสุดท้ายเพื่อน 4 คนชวนกันซื้อดอกไม้ไปไหว้ศาลพระภูมิอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนตัวผมขอมานั่งสมาธิคนเดียวที่ห้อง เตียงผมจะอยู่ฝั่งติดแม่น้ำ นั่งไปสักพักประมาณ 30 นาที จิตเริ่มเป็นสมาธิ เห็นใบหน้าสีเขียว ผมสีแดงฟูสยาย ตัวสีเขียว แต่ตา จมูก เค้าเล็กมากๆจนเหมือนไม่มีหน้า (ตามรูป) ยื่นใบหน้าเข้ามาหาผมแบบใกล้มากๆ เหมือนจะให้กลัวไม่รู้โกรธเพราะผมไม่ไปไหว้หรือเพราะเหตุใด แต่จิตเป็นสมาธิจึงไม่ได้กลัวอะไร เผอิญเพื่อน 4 คนกลับมาพอดี จึงออกจากสมาธิ แล้วอุทานว่า “กูเจอและ” แต่ไม่ได้พูดอะไร เพื่อนที่เปิดพระโอษฐ์ที่เรียนเก่งที่สุดนอนอีกฝั่งติดป่าช้า (เป็น 5 เตียงเรียงกัน) นั่งสมาธิทันที หลังจากออกจากสมาธิ อุทานว่า “ใช่ตัวเขียวๆไม่มีหน้าใช่ไหม” ผมคิดในใจ เปะเลย เพื่อนพูดมาเหมือนที่เห็นมากๆ คืนนั้นเพื่อนหลายคนคงนอนไม่หลับแต่ผมหลับปกตินะครับ หลังจากกลับครบ 3 วัน วันที่ 4 พวกผมก็ขอนั่งรถจากอยุธยาไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน 1 วัน (หลวงพ่อจรัญ) เนื่องจากไม่ถูกจริตเลยหนีกัน แล้วไปปฏิบัติที่วัดท่าซุงอีก 4 วัน จึงค่อยกลับกรุงเทพ
หลังจากกลับกรุงเทพไม่นาน พี่ชมรมพุทธ คณะแพทย์จุฬาก็ชวนผมไปกราบพระอาจารย์ปราโมทย์ ที่วัดสันติธรรม ชลบุรี ได้เจอหลวงพ่อครั้งแรกรู้สึกเลื่อมใสมาก พระอาจารย์ปราโมทย์นั่งอยู่กลางอุโบสถ มีญาติโยมนั่งอยู่เต็มอุโบสถไปหมด พระอาจารย์ท่านก็เทศนาธรรม ผมก็ภาวนากสิณดวงแก้วใสไปด้วย เมื่อท่านเทศเสร็จท่านก็เปิดโอกาสให้ญาติโยม ส่งการบ้าน ถามปัญหาธรรม
หลายคนในอุโบสถทยอยกันถามจนเกือบหมด ผมก็นั่งภาวนาไปด้วย เมื่อไม่มีคนถาม ผมจึงออกจากสมาธิแล้วถามหลวงพ่อคำเดียวว่า “ผมปฏิบัติถูกไหมครับพระอาจารย์”
ท่านมองมาที่ผมแวบเดียวแล้วพูดว่า “ดวงแก้วที่เห็นอ่า จิตเป็นฌานถ้าตายไประวังเป็นพระพรหมนะ” ท่านพูดติดตลกว่า “พระพรหมต้องมาอยู่เฝ้าแถวสี่แยกราชประสงค์นะ” ญาติโยมในอุโบสถก็หัวเราะกัน แต่ผมฟังแล้วขนลุกมาก พระอาจารย์ต้องหยั่งรู้วาระจิตผมแน่ๆ เพราะผมไม่ได้พูดอะไรเลย
ตอนมีดวงแก้วอยู่ตอนนั้นคิดอะไรอยากได้อะไรอธิฐานขอกับดวงแก้วก็สมหวังทุกประการจนหน้าอัศจรรย์ใจ มีครั้งหนึ่งอยากได้หนังสือเล่มหนึ่งมากๆ แต่ไม่มีเงินซื้อ จึงอธิฐานขอในใจไม่ได้บอกใคร กลับมาที่หอเพื่อนเอาหนังสือเล่มนั้นมาวางที่โต๊ะผมแล้วบอกว่าอยากเอามาให้ผมอ่าน ตอนเรียนปี 4 เครียดมากๆ จึงไม่มีเวลาปฏิบัติ จนกระทั่งเรียนจบ ดวงแก้วก็เลือนหายไป แล้วผมก็ไม่เห็น ผี อีกเลย
ปี 2553 ผมบวชพระปฏิบัติครั้งแรก กับพระอาจารย์โสภา สมโน ที่วัดแสงธรรมวังเขาเขียว อ.วังน้ำเขียว เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 2 พระอาจารย์เมตตาให้ขึ้นไปปฏิบัติภาวนาบนเขาสลัดได 4 รูป กุฏิอยู่ในป่าห่างกัน 500 เมตร บนนั้นไม่มีไฟฟ้าใช้อยู่กลางป่า กลางคืนมืดสนิท หากไม่ปฏิบัติจะฟุ้งซ่านมาก ข้าพเจ้าจึงนั่งสมาธิ เดินจงกรม สลับกันวันละ 8-9 ชม.
วันหนึ่งนั่งสมาธิภาวนา เกิดจิตรวม นิ่งสงบ ไม่รู้สึกถึงกายและลมหายใจ เหลือแต่สติกับผู้รู้ สักแต่ว่ารู้อย่างเดียว เป็นเวลา 2 ชม.เมื่อจิตออกจากสมาธิ จึงกำหนดถึงพระนัท (เพื่อนที่บวชด้วยกัน) ปรากฏว่า ได้ยินเสียง ฝีเท้าพระนัท เดินไปเดินมา และเสียงพูด พระนัท ดังมากจนแสบแก้วหู ซึ่งพระนัทอยู่ห่างออกไป 1 กม.
จึงทดลองเอาจิตมาวางไว้ที่หัวใจตนเอง ได้ยินเสียงหัวใจตนเอง เต้น ตุ๊บๆๆๆ ดังมากจนแสบแก้วหู สักพักใหญ่เสียงก็จางหายไป แล้วกลับมาได้ยินปกติ
อีกครั้งในเวลากลางคืนหลังจากปฏิบัติภาวนา เกิดจิตรวมเป็นสมาธิ ไม่รู้สึกถึงกายและลมหายใจ เหลือแต่สติกับผู้รู้ หลังจากออกสมาธิไม่ได้แผ่เมตตา (ปกติจะแผ่เมตตา) เห็นเงาขาวๆ คล้ายๆคนจำนวนเป็นร้อย สว่างสไว เต็มไปหมด มายืนล้อมรอบ ผมจึงแผ่เมตตาแล้วเค้าจึงหายไป
องค์พระหลวงตามหาบัว เคยเทศน์ว่า ที่มาโปรดญาติ โยม ที่วังน้ำเขียว เพราะเทวดาอยู่ตามป่า ตามเขาเยอะ เป็นหมื่นเป็นแสน เค้ามาฟังธรรม
อาการ หูทิพย์ ตาทิพย์ เป็นเพียงผลพลอยได้จากการทำสมาธิ ภาวนา ไม่ได้มีผลต่อความหลุดพ้น แต่พิสูจน์ได้ว่า เทวดา นรก สวรรค์และสิ่งที่พระพุทธองค์กล่าวมีจริง ขอเล่าเป็นวิทยาทาน ปัจจุบันผมฝึกอานาปานสติตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ไม่มีดวงกฐินก็ไม่เกิดตาทิพย์ หูทิพย์อีกเลย
"อาการหูทิพย์ ตาทิพย์"
ปี 2550 หลังจากที่ผมปฏิบัติธรรม ถือศิล 8 ที่วัดท่าซุง 7 วัน ได้ฝึกกฐินสีแดงตามเทปเสียงหลวงพ่อฤาษี ลิงดำ ที่ทางวัดเปิดให้ฟังในช่วงเที่ยงและเย็น จนดวงกสิณเปลี่ยนเป็นแก้วประกายพฤกษ์ ผมและเพื่อนๆไปกราบหลวงพี่สมปอง ที่บ้านสบายใจ อยู่ข้างๆวัด ทางศิษย์สายหลวงพ่อฤาษี จะเชื่อว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ไปถึงที่นั่น 12:00 น. ซึ่งท่านจะให้เข้ากราบ 13:00 น. ผมจึงนั่งสมาธิรอ นั่งสักพักก็เกิดดวงแก้วสว่าง ไสวขึ้นอีก ผมก็นั่งดูดวงแก้วจนถึงเวลา 13:00 น แล้วขึ้นไปกราบหหลวงพี่สมปองพร้อมเพื่อนๆ หลวงพี่สมปองมองแล้วยิ้มมาที่ผม ท่านกล่าวว่า “อนุโมทนาบุญกับ ฌาน 2 ด้วย” แล้วท่านก็เมตตาไล่ผลการปฏิบัติของเพื่อนแต่ละคนแบบเรียงคน ทุกคนฟังแล้วอึ้งมาก ท่านรู้นิสัยเราดียิ่งกว่าเรารู้ตัวเองเสียอีก ท่านรู้วาระจิตที่อยู่ในเบื้องลึกของจิตใจ ขนาดพวกผมครบกันมา 3 ปี ยังไม่เคยรู้มาก่อนและเพื่อนก็ยอมรับว่า หลวงพี่สมปองพูดจริง
หลังจากกลับมา กทม. แล้ว ผมก็มากราบหลวงพี่สมปองที่บ้านพุทธภูมิ แถวๆ ตลิ่งชันกับเพื่อนๆ หลวงพี่สมปองได้พูดถึงศิษย์ท่านหนึ่งปฏิบัติกับท่านมาหลายปี สามารถเข้า ฌาน 4 เวลาไหนก็ได้ และพูดติดตลกว่า ดูดวงแม่นนะ หลังจากหลวงพี่สมปองเทศเสร็จผมและเพื่อนๆจึงไปหาพี่ท่านนั้น ผมดูลักษณะพี่คนนั้นแล้วคิดในใจไม่น่าจะนั่งสมาธิได้ ผมจึงอยากลองพิสูจน์ จึงเข้าไปคุยกับพี่คนนั้นว่า “สวัสดีครับพี่ ช่วยดูดวงให้ผมได้ไหมครับ” พร้อมกับยื่นมือไปให้ พี่เค้ามองที่มือผมแปปเดียวแล้วมองหน้าผม พูดว่า “เข้าสมาธิก็เหมือนรถโดยสารจอดที่ป้ายรถ ต้องจอดให้พอดีๆ จอดเร็วไปก็ไม่ถึงป้าย จอดช้าไปก็เลยป้าย น้องต้องไปฝึกจอดให้พอดีๆ ป้าย จะเข้าสมาธิได้ดีและบ่อยขึ้น น้องปฏิบัติได้ดีและเร็วมากๆแปปเดียวก็เข้า ฌานได้แล้ว”
หลังจากที่ผมได้ดวงแก้วก็มาฝึกอยู่เรื่อยๆ และก็ซื้อดวงแก้วใส จากวัดปทุมวนาราม ของหลวงพ่อถาวร มาพกติดตัวตลอดเวลาไว้ปฏิบัติ ช่วงนั้นทำให้ผมเห็น ผี บ่อยมากๆ ตอนเด็กๆ ก่อนอายุ 9 ขวบเห็นเป็นประจำอยู่แล้ว พออายุเลย 9 ขวบ ก็ไม่เคยเห็นอีกเลย จนกระทั่งได้ดวงแก้ว ไปไหนก็เห็น โดยเฉพาะหอพักของผมซึ่งเป็นหอพักของมหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ตรงถนนพญาไท มีผีเยอะๆ มากๆ เห็นเลางๆ เป็นพวกสัมภเวสี ไม่ได้น่ากลัวอะไร น่าสงสารมากกว่าดูไม่สมประกอบ จะอยู่ตามบันไดระหว่างชั้น จะอยู่กันเยอะที่บันไดชั้น 12 และ 13 และจะเห็นดวงวิญญานชุดสีขาวเดินมาที่เตียงรูมเมทผมทุกวัน ซึ่งผมก็รูมเมทก็เห็นพร้อมกันและมองหน้ากันว่าเห็นใช่ไหม ต่างคน ต่างบอกว่า ใช่ รูมเมทผม ชาติที่แล้วที่เคยเป็นทหารฆ่าคนมาเยอะเลยมีดวงวิญญานตามมาเยอะ ครั้งหนึ่งตอนปี 4 ผมไปเข้าค่ายที่ เพชรบุรี กับมหาวิทยาลัย ที่ค่ายทหารเห็นหนึ่ง ระว่างเดินเข้าที่พักซึ่งเป็นโรงนอนรวมขนาดใหญ่ ผมเหลือบขึ้นไปบนต้นไม้เห็น ผู้หญิงสวยใส่ชุดไทย สวมชฎา ยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ผมไม่ได้พูดอะไร หลังจากเก็บสัมภาระแล้ว ทหารก็เรียก นิสิตทุกคนมายืมหน้าต้นไม้ใหญ่นั่น แล้วพูดว่า ต้นไม้นี้มีเจ้าแม่ตะเคียนทองอยู่ ให้ทุกคนสวดมนต์พร้อมกันแล้วกราบท่านซะแล้วอย่าหลบหลู่ท่านหล่ะ จะได้นอนหลับได้ปกติ ผมถึงบางอ้อเลย ทำไมถึงเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยสวยยืนอยู่บนต้นไม้ก่อนเข้าที่พัก
ปี 2551 หลังจากกลับจากการปฏิบัติธรรมที่วัดท่าซุง ผมยังฝึกดวงแก้วอยู่ ในปีนั้นได้รู้จักพี่ชมรมพุทธ คณะแพทย์จุฬา พี่ได้ชวนผมและเพื่อนๆรวม 5 คนไปปฏิบัติธรรมกับคุณแม่อัมรา ที่ จ.อยุธยา สายหลวงพ่อปราโมทย์ 3 วัน 3 คืน ไปกับนิสิตแพทย์ จุฬา เป็นผู้หญิงทั้งหมด ส่วนพวกผมเป็นผู้ชาย สถานปฏิบัติธรรมอยู่กลางป่าช้า อีกฝั่งติดแม่น้ำเจ้าพระยา (มีโกฐเก็บอัฐิเต๋มไปหมดเรียก ป่าช้าป่าวครับ) เค้าจัดให้พวกผมนอนชั้นล่างสุด มองไปเห็นโกฐเก็บอัฐิเต็มไปหมดแต่ไม่ได้กลัวอะไร ชั้น 2 เป็นที่ปฏิบัติธรรม ส่วนผู้หญิงนอนชั้น 3 ก็ลองปฏิบัติตามสายหลวงพ่อปราโมทย์ ซึ่งท่านเน้นการฝึกสติ ไม่มีการให้นั่งสมาธินะครับ ปฏิบัติอยู่ 3 วันไม่มีอะไร เพราะผมแอบมานั่งสมาธิ (กสิณ) ช่วงเย็น วันสุดท้ายเพื่อน 4 คนชวนกันซื้อดอกไม้ไปไหว้ศาลพระภูมิอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนตัวผมขอมานั่งสมาธิคนเดียวที่ห้อง เตียงผมจะอยู่ฝั่งติดแม่น้ำ นั่งไปสักพักประมาณ 30 นาที จิตเริ่มเป็นสมาธิ เห็นใบหน้าสีเขียว ผมสีแดงฟูสยาย ตัวสีเขียว แต่ตา จมูก เค้าเล็กมากๆจนเหมือนไม่มีหน้า (ตามรูป) ยื่นใบหน้าเข้ามาหาผมแบบใกล้มากๆ เหมือนจะให้กลัวไม่รู้โกรธเพราะผมไม่ไปไหว้หรือเพราะเหตุใด แต่จิตเป็นสมาธิจึงไม่ได้กลัวอะไร เผอิญเพื่อน 4 คนกลับมาพอดี จึงออกจากสมาธิ แล้วอุทานว่า “กูเจอและ” แต่ไม่ได้พูดอะไร เพื่อนที่เปิดพระโอษฐ์ที่เรียนเก่งที่สุดนอนอีกฝั่งติดป่าช้า (เป็น 5 เตียงเรียงกัน) นั่งสมาธิทันที หลังจากออกจากสมาธิ อุทานว่า “ใช่ตัวเขียวๆไม่มีหน้าใช่ไหม” ผมคิดในใจ เปะเลย เพื่อนพูดมาเหมือนที่เห็นมากๆ คืนนั้นเพื่อนหลายคนคงนอนไม่หลับแต่ผมหลับปกตินะครับ หลังจากกลับครบ 3 วัน วันที่ 4 พวกผมก็ขอนั่งรถจากอยุธยาไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน 1 วัน (หลวงพ่อจรัญ) เนื่องจากไม่ถูกจริตเลยหนีกัน แล้วไปปฏิบัติที่วัดท่าซุงอีก 4 วัน จึงค่อยกลับกรุงเทพ
หลังจากกลับกรุงเทพไม่นาน พี่ชมรมพุทธ คณะแพทย์จุฬาก็ชวนผมไปกราบพระอาจารย์ปราโมทย์ ที่วัดสันติธรรม ชลบุรี ได้เจอหลวงพ่อครั้งแรกรู้สึกเลื่อมใสมาก พระอาจารย์ปราโมทย์นั่งอยู่กลางอุโบสถ มีญาติโยมนั่งอยู่เต็มอุโบสถไปหมด พระอาจารย์ท่านก็เทศนาธรรม ผมก็ภาวนากสิณดวงแก้วใสไปด้วย เมื่อท่านเทศเสร็จท่านก็เปิดโอกาสให้ญาติโยม ส่งการบ้าน ถามปัญหาธรรม
หลายคนในอุโบสถทยอยกันถามจนเกือบหมด ผมก็นั่งภาวนาไปด้วย เมื่อไม่มีคนถาม ผมจึงออกจากสมาธิแล้วถามหลวงพ่อคำเดียวว่า “ผมปฏิบัติถูกไหมครับพระอาจารย์”
ท่านมองมาที่ผมแวบเดียวแล้วพูดว่า “ดวงแก้วที่เห็นอ่า จิตเป็นฌานถ้าตายไประวังเป็นพระพรหมนะ” ท่านพูดติดตลกว่า “พระพรหมต้องมาอยู่เฝ้าแถวสี่แยกราชประสงค์นะ” ญาติโยมในอุโบสถก็หัวเราะกัน แต่ผมฟังแล้วขนลุกมาก พระอาจารย์ต้องหยั่งรู้วาระจิตผมแน่ๆ เพราะผมไม่ได้พูดอะไรเลย
ตอนมีดวงแก้วอยู่ตอนนั้นคิดอะไรอยากได้อะไรอธิฐานขอกับดวงแก้วก็สมหวังทุกประการจนหน้าอัศจรรย์ใจ มีครั้งหนึ่งอยากได้หนังสือเล่มหนึ่งมากๆ แต่ไม่มีเงินซื้อ จึงอธิฐานขอในใจไม่ได้บอกใคร กลับมาที่หอเพื่อนเอาหนังสือเล่มนั้นมาวางที่โต๊ะผมแล้วบอกว่าอยากเอามาให้ผมอ่าน ตอนเรียนปี 4 เครียดมากๆ จึงไม่มีเวลาปฏิบัติ จนกระทั่งเรียนจบ ดวงแก้วก็เลือนหายไป แล้วผมก็ไม่เห็น ผี อีกเลย
ปี 2553 ผมบวชพระปฏิบัติครั้งแรก กับพระอาจารย์โสภา สมโน ที่วัดแสงธรรมวังเขาเขียว อ.วังน้ำเขียว เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 2 พระอาจารย์เมตตาให้ขึ้นไปปฏิบัติภาวนาบนเขาสลัดได 4 รูป กุฏิอยู่ในป่าห่างกัน 500 เมตร บนนั้นไม่มีไฟฟ้าใช้อยู่กลางป่า กลางคืนมืดสนิท หากไม่ปฏิบัติจะฟุ้งซ่านมาก ข้าพเจ้าจึงนั่งสมาธิ เดินจงกรม สลับกันวันละ 8-9 ชม.
วันหนึ่งนั่งสมาธิภาวนา เกิดจิตรวม นิ่งสงบ ไม่รู้สึกถึงกายและลมหายใจ เหลือแต่สติกับผู้รู้ สักแต่ว่ารู้อย่างเดียว เป็นเวลา 2 ชม.เมื่อจิตออกจากสมาธิ จึงกำหนดถึงพระนัท (เพื่อนที่บวชด้วยกัน) ปรากฏว่า ได้ยินเสียง ฝีเท้าพระนัท เดินไปเดินมา และเสียงพูด พระนัท ดังมากจนแสบแก้วหู ซึ่งพระนัทอยู่ห่างออกไป 1 กม.
จึงทดลองเอาจิตมาวางไว้ที่หัวใจตนเอง ได้ยินเสียงหัวใจตนเอง เต้น ตุ๊บๆๆๆ ดังมากจนแสบแก้วหู สักพักใหญ่เสียงก็จางหายไป แล้วกลับมาได้ยินปกติ
อีกครั้งในเวลากลางคืนหลังจากปฏิบัติภาวนา เกิดจิตรวมเป็นสมาธิ ไม่รู้สึกถึงกายและลมหายใจ เหลือแต่สติกับผู้รู้ หลังจากออกสมาธิไม่ได้แผ่เมตตา (ปกติจะแผ่เมตตา) เห็นเงาขาวๆ คล้ายๆคนจำนวนเป็นร้อย สว่างสไว เต็มไปหมด มายืนล้อมรอบ ผมจึงแผ่เมตตาแล้วเค้าจึงหายไป
องค์พระหลวงตามหาบัว เคยเทศน์ว่า ที่มาโปรดญาติ โยม ที่วังน้ำเขียว เพราะเทวดาอยู่ตามป่า ตามเขาเยอะ เป็นหมื่นเป็นแสน เค้ามาฟังธรรม
อาการ หูทิพย์ ตาทิพย์ เป็นเพียงผลพลอยได้จากการทำสมาธิ ภาวนา ไม่ได้มีผลต่อความหลุดพ้น แต่พิสูจน์ได้ว่า เทวดา นรก สวรรค์และสิ่งที่พระพุทธองค์กล่าวมีจริง ขอเล่าเป็นวิทยาทาน ปัจจุบันผมฝึกอานาปานสติตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ไม่มีดวงกฐินก็ไม่เกิดตาทิพย์ หูทิพย์อีกเลย