🔴โควิดวันนี้ป่วยเพิ่ม 809 ราย! ศบค.เผยไทยมีผู้ติดเชื้อสะสม 22,058 รายแล้ว
วันนี้ (4 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โฆษก ศบค.) แถลงถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย จากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า...🔻
ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 809 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 22,058 ราย หายป่วยแล้ว 14,798 ราย ยังรักษาใน รพ. 7,181 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดเสียชีวิตสะสม 79 ราย
รายละเอียดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ วันที่ 4 ก.พ. 2564 จำนวน 809 ราย มีดังนี้
1.ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 45 ราย
2.ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 751 ราย
3.ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค (State Quarantine) 13 ราย
อิสราเอล 1 ราย
มาเลเซีย 1 ราย
ปากีสถาน 1 ราย
สหราชอาณาจักร 1 ราย
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย
สหรัฐอเมริกา 2 ราย
รัสเซีย 1 ราย
เอธิโอเปีย 1 ราย
เยอรมนี 1 ราย
เบลเยียม 1 ราย
สเปน 1 ราย
ฝรั่งเศส 1 ราย
https://www.sanook.com/news/8346530
รวมยอดผู้ป่วยสะสม 22,058 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 79 คน ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 14,798 ราย และผู้ป่วยที่รักษาอยู่ 7,181 ราย
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/920838
“หมอ ยง” เผยข้อดีวัคซีนโควิด Sputnik V ของรัสเซีย
เผยแพร่: 4 ก.พ. 2564 06:21 ปรับปรุง: 4 ก.พ. 2564 06:21 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
➡️ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยน่าสนใจวัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย ฉีด 2 เข็มโดยใช้ไวรัสต่างชนิดกัน เพื่อป้องกันภูมิต้านทานต่อ adenovirus ที่ฉีดในเข็มแรก มารบกวนการสร้างภูมิต้านทานของเข็มที่ 2 ซึ่งต่างจากวัคซีน AstraZeneca การกระตุ้นเข็มที่ 2 จะให้ไวรัสตัวเดียวกัน ทำให้ภูมิต้านทานขึ้นน้อย ไม่เหมือนกับการใช้ไวรัสต่างชนิด ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงมากกว่า
วันนี้ (4 ก.พ.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Yong Poovorawan” โดยระบุถึงโควิด 19 วัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย ว่า..🔻
ในที่สุดข้อมูลการศึกษาระยะที่ 3 วัคซีน Sputnik V ได้มีการเผยแพร่ในวารสารชื่อดัง Lance กลบข้อกล่าวหาที่เคยคลุมเครือในอดีต ประสิทธิภาพสูงถึง 91.6%
วัคซีนของรัสเซียตั้งชื่อตามยานอวกาศ ที่เคยสู่อวกาศเป็นเครื่องแรกของโลก
ข้อมูลประสิทธิภาพค่อนข้างชัดเจนมากในการศึกษาวิจัย
วัคซีน Sputnik V เป็นไวรัส Vector เช่นเดียวกับ AstraZeneca ที่ใช้ adenovirus เป็นตัวนำสารพันธุกรรมเข้าสู่เซลล์มนุษย์แล้วให้เซลล์มนุษย์สร้างโปรตีนเปลือกผิวของไวรัสโควิด ที่เรียกว่าสไปรท์โปรตีน
AstraZeneca ใช้ adenovirus ของลิงชิมแปนซี เพื่อหวังหลบหลีกภูมิต้านทานของมนุษย์ ใช้ 2 เข็มเหมือนกัน
วัคซีนSputnik V ของรัสเซียใช้ adenovirus ของมนุษย์ แต่ใช้ไวรัส 2 ตัว คือ adenovirus 5 และ adenovirus 26
การฉีดใน 2 เข็ม วัคซีนที่ใช้ฉีดจะต่างชนิดกัน เช่นครั้งแรกให้ adenovirus 5 เข็มที่ 2 จะให้ adenovirus 26 เพื่อป้องกันภูมิต้านทานต่อ adenovirus ที่ฉีดในเข็มแรก มารบกวนการสร้างภูมิต้านทานของเข็มที่ 2 ซึ่งก็มีเหตุผล
จากการทดลองของรัสเซียพบว่า ถ้าให้ไวรัสชนิดเดียวที่ เป็น vector ตัวเดียวกัน การกระตุ้นเข็มที่ 2 ภูมิต้านทานจะขึ้นน้อย ไม่เหมือนกับการใช้ไวรัสต่างชนิด ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงมากกว่า
ดังนั้นวัคซีน Sputnik V ของรัสเซียจะฉีดเข็มที่ 1 และ 2 จะต้องมีการแยกแยะจากกัน จะไม่ฉีดไวรัสเวกเตอร์ตัวเดียวกัน เหมือนอย่างใน AstraZeneca
ข้อมูลที่ลงพิมพ์ในวารสาร Lancet ทำให้วัคซีนของรัสเซีย น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
วัคซีน Sputnik V ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินแล้ว 17 ประเทศ และให้ทะเบียนแบบปกติ 1 ประเทศ
ราคาที่ประกาศไว้บนหน้าเว็บของบริษัทก็บอกไว้ว่าราคาไม่เกิน 10 เหรียญ US ขึ้นอยู่กับการต่อรอง
เมื่อศึกษาในรายละเอียดแล้วเป็นวัคซีนที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง
(Sputnik 1-4 (I-IV) เป็นชื่อยานอวกาศ ที่ส่งขึ้นก่อนใครในโลก Sputnik V รัสเซียต้องการตั้งเป็นนัย ว่าผลิตวัคซีนได้ก่อนใครในโลก จึงตั้งชื่อเดียวกับยานอวกาศ 1-4 แล้วต่อตัวที่ 5 เป็นชื่อวัคซีนไปเลย)
https://mgronline.com/qol/detail/9640000011097
🔴“อนุทิน” ยันทยอยฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนตามเป้าหมายเริ่ม มิ.ย. ครอบคลุม 50 ล้านคน ชี้ไม่ถือว่าล่าช้า
รมว.สธ.เผย ก.สาธารณสุขจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนในเดือนมิถุนายน ทยอยฉีดเดือนละ 5 ล้านโดสไปจนถึงปลายปี ชี้ไม่ได้ถือว่าล่าช้าแต่อย่างใด แต่ตอนนี้ที่ต้องพยายามจัดการวัคซีนโควิด-19 มาก่อนกำหนด ยันครอบคลุมประชาชนจำนวน 50 ล้านคนแน่นอน
วันนี้ (4 ก.พ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข แสดงปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ก้าวต่อไปการ์ดไม่ตก หลังโควิดระลอกใหม่” ในงานสัมมนา “พลิกสูตรวัคซีนสู้โควิด พลิกวิกฤตเศรษฐกิจไทย” ว่า ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ไม่ได้เกิดจากคนไทยการ์ดตก แต่มีคนลักลอบนำเชื้อโรคเข้ามา
สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจเนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยว ต้องเข้าใจว่าขณะนี้เป็นการสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็งให้เกิดความมั่นใจ สร้างความพร้อม โดยจะต้องรักษาสมดุลให้เหมาะสม คือ การดูแลระบบธุรกิจไปพร้อมๆ กับความสามารถในการดูแลผู้ป่วย
นายอนุทินกล่าวว่า การจัดหาวัคซีนนั้นทุกประเทศดำเนินการเช่นกัน โดยก่อนอื่นขอให้นำเรื่องวัคซีนออกจากประเด็นการเมือง เพราะไม่มีใครกล้านำชีวิตของประชาชนมาเป็นหลักประกันเพื่อสร้างชื่อเสียงทางการเมือง พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนฟรีทุกคน
สำหรับเป้าหมายการฉีดวัคซีนของไทยอยู่ที่เดือน มิ.ย. 2564 จะทยอยฉีดเดือนละ 5 ล้านโดสไปจนถึงปลายปี โดยใช้วัคซีนของบริษัท แอสตราเซเนกา ที่เลือกให้บริษัท สยามไบโอไซแอนซ์ เป็นฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน กำลังการผลิต 200 ล้านโดส ซึ่งน่าจะเป็นความภาคภูมิใจและสร้างความมั่นใจให้แก่คนไทย โดยไม่เกิดปัญหาสะดุดเหมือนกรณีวัคซีน 5 หมื่นโดสแรกที่สหภาพยุโรป (อียู) สั่งระงับการส่งออก โดยตอนนี้การจัดหาวัคซีนโดยรัฐบาลได้ทำสัญญากับแอสตราเซเนกาแล้ว 26 ล้านโดส และกำลังจะยืนยันการจัดซื้อเพิ่มเติมอีก 35 ล้านโดส รวมเป็น 61 ล้านโดส หลังจากนั้นจะจัดหาเพิ่มเติมให้ครอบคลุมประชาชนจำนวน 50 ล้านคนแน่นอน โดยจะพิจารณาวัคซีนของบริษัทอื่นๆ ด้วย
“ขอให้เกิดความมั่นใจและสบายใจได้ว่ารัฐบาลชุดนี้มีหน้าที่จัดหาวัคซีนมาฉีดให้ประชาชนในประเทศไทย เป็นหน้าที่ของรัฐบาล คนไทยไม่ต้องเสียเงิน คนไทยทุกคนจะได้รับวัคซีนฟรี ในฐานะที่ท่านเป็นคนไทยที่เสียภาษี ท่านนายกฯ ให้นโยบายชัดเจนว่ารัฐบาลต้องจัดหาวัคซีนให้ประชาชน” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวอีกว่า เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ตลาดเป็นของผู้ขาย ถึงแม้การเจรจาซื้อวัคซีนเข้าก่อนจะสะดุดแต่ไม่กระทบต่อการป้องกันโรค และเราคำนึงถึงประสิทธิภาพ ไม่ใช่ราคาถูกอย่างเดียว เราไม่ได้หลุดแทรก ยังเดินตามไทม์ไลน์ ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน มั่นใจว่าประเทศไทยจะเป็น Free Covid-19 ก่อนประเทศอื่น แต่ทุกคนต้องเข้าใจว่าวัคซีนไม่ได้ป้องกันติดเชื้อ แต่ช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีอาการไม่รุนแรงหรือเสียชีวิต ส่วนผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแลอย่างรอบคอบ ขณะที่สถานการณ์ในประเทศ ถือว่าไม่รุนแรง สามารถควบคุมได้จึงไม่จำเป็นต้องเป็นหนูทดลองเรื่องวัคซีน แต่ก็ไม่ประมาท ขณะที่มีผู้ติดเชื้อสะสมเกิน 2 หมื่นราย แต่รักษาหายแล้ว 1.4 หมื่นราย ถือว่าเรามีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง
“เมื่อเราได้รับวัคซีนแล้วไม่ใช่จะถอดหน้ากาก ยังต้องใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มัลต่อไปสักระยะหนึ่ง ทุกอย่างยังเป็นทฤษฎี การฉีดวัคซีนต้องระมัดระวังมาก เราไม่ได้ล่าช้า ศึกษามาหลายเดือนแล้ว อย่านำเราไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นที่มีการติดเชื้อวันละหลายหมื่นหลายแสนคน” นายอนุทินกล่าว
https://mgronline.com/politics/detail/9640000011198
ตั้งการ์ดสูงๆ เอาชนะโควิดไปด้วยกันค่ะ....
🔴มาลาริน/4ก.พ.ไทยพบโควิด 809ราย รักษาหาย797ราย/หมอ ยงเผยข้อดีวัคซีนSputnik V ของรัสเซีย/อนุทินยันปชช.ได้วัคซีนไม่ล่าช้า
วันนี้ (4 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โฆษก ศบค.) แถลงถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย จากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า...🔻
ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 809 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 22,058 ราย หายป่วยแล้ว 14,798 ราย ยังรักษาใน รพ. 7,181 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดเสียชีวิตสะสม 79 ราย
รายละเอียดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ วันที่ 4 ก.พ. 2564 จำนวน 809 ราย มีดังนี้
1.ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 45 ราย
2.ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 751 ราย
3.ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค (State Quarantine) 13 ราย
อิสราเอล 1 ราย
มาเลเซีย 1 ราย
ปากีสถาน 1 ราย
สหราชอาณาจักร 1 ราย
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย
สหรัฐอเมริกา 2 ราย
รัสเซีย 1 ราย
เอธิโอเปีย 1 ราย
เยอรมนี 1 ราย
เบลเยียม 1 ราย
สเปน 1 ราย
ฝรั่งเศส 1 ราย
https://www.sanook.com/news/8346530
รวมยอดผู้ป่วยสะสม 22,058 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 79 คน ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 14,798 ราย และผู้ป่วยที่รักษาอยู่ 7,181 ราย
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/920838
“หมอ ยง” เผยข้อดีวัคซีนโควิด Sputnik V ของรัสเซีย
เผยแพร่: 4 ก.พ. 2564 06:21 ปรับปรุง: 4 ก.พ. 2564 06:21 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
➡️ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยน่าสนใจวัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย ฉีด 2 เข็มโดยใช้ไวรัสต่างชนิดกัน เพื่อป้องกันภูมิต้านทานต่อ adenovirus ที่ฉีดในเข็มแรก มารบกวนการสร้างภูมิต้านทานของเข็มที่ 2 ซึ่งต่างจากวัคซีน AstraZeneca การกระตุ้นเข็มที่ 2 จะให้ไวรัสตัวเดียวกัน ทำให้ภูมิต้านทานขึ้นน้อย ไม่เหมือนกับการใช้ไวรัสต่างชนิด ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงมากกว่า
วันนี้ (4 ก.พ.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Yong Poovorawan” โดยระบุถึงโควิด 19 วัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย ว่า..🔻
ในที่สุดข้อมูลการศึกษาระยะที่ 3 วัคซีน Sputnik V ได้มีการเผยแพร่ในวารสารชื่อดัง Lance กลบข้อกล่าวหาที่เคยคลุมเครือในอดีต ประสิทธิภาพสูงถึง 91.6%
วัคซีนของรัสเซียตั้งชื่อตามยานอวกาศ ที่เคยสู่อวกาศเป็นเครื่องแรกของโลก
ข้อมูลประสิทธิภาพค่อนข้างชัดเจนมากในการศึกษาวิจัย
วัคซีน Sputnik V เป็นไวรัส Vector เช่นเดียวกับ AstraZeneca ที่ใช้ adenovirus เป็นตัวนำสารพันธุกรรมเข้าสู่เซลล์มนุษย์แล้วให้เซลล์มนุษย์สร้างโปรตีนเปลือกผิวของไวรัสโควิด ที่เรียกว่าสไปรท์โปรตีน
AstraZeneca ใช้ adenovirus ของลิงชิมแปนซี เพื่อหวังหลบหลีกภูมิต้านทานของมนุษย์ ใช้ 2 เข็มเหมือนกัน
วัคซีนSputnik V ของรัสเซียใช้ adenovirus ของมนุษย์ แต่ใช้ไวรัส 2 ตัว คือ adenovirus 5 และ adenovirus 26
การฉีดใน 2 เข็ม วัคซีนที่ใช้ฉีดจะต่างชนิดกัน เช่นครั้งแรกให้ adenovirus 5 เข็มที่ 2 จะให้ adenovirus 26 เพื่อป้องกันภูมิต้านทานต่อ adenovirus ที่ฉีดในเข็มแรก มารบกวนการสร้างภูมิต้านทานของเข็มที่ 2 ซึ่งก็มีเหตุผล
จากการทดลองของรัสเซียพบว่า ถ้าให้ไวรัสชนิดเดียวที่ เป็น vector ตัวเดียวกัน การกระตุ้นเข็มที่ 2 ภูมิต้านทานจะขึ้นน้อย ไม่เหมือนกับการใช้ไวรัสต่างชนิด ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงมากกว่า
ดังนั้นวัคซีน Sputnik V ของรัสเซียจะฉีดเข็มที่ 1 และ 2 จะต้องมีการแยกแยะจากกัน จะไม่ฉีดไวรัสเวกเตอร์ตัวเดียวกัน เหมือนอย่างใน AstraZeneca
ข้อมูลที่ลงพิมพ์ในวารสาร Lancet ทำให้วัคซีนของรัสเซีย น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
วัคซีน Sputnik V ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินแล้ว 17 ประเทศ และให้ทะเบียนแบบปกติ 1 ประเทศ
ราคาที่ประกาศไว้บนหน้าเว็บของบริษัทก็บอกไว้ว่าราคาไม่เกิน 10 เหรียญ US ขึ้นอยู่กับการต่อรอง
เมื่อศึกษาในรายละเอียดแล้วเป็นวัคซีนที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง
(Sputnik 1-4 (I-IV) เป็นชื่อยานอวกาศ ที่ส่งขึ้นก่อนใครในโลก Sputnik V รัสเซียต้องการตั้งเป็นนัย ว่าผลิตวัคซีนได้ก่อนใครในโลก จึงตั้งชื่อเดียวกับยานอวกาศ 1-4 แล้วต่อตัวที่ 5 เป็นชื่อวัคซีนไปเลย)
https://mgronline.com/qol/detail/9640000011097
🔴“อนุทิน” ยันทยอยฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนตามเป้าหมายเริ่ม มิ.ย. ครอบคลุม 50 ล้านคน ชี้ไม่ถือว่าล่าช้า
รมว.สธ.เผย ก.สาธารณสุขจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนในเดือนมิถุนายน ทยอยฉีดเดือนละ 5 ล้านโดสไปจนถึงปลายปี ชี้ไม่ได้ถือว่าล่าช้าแต่อย่างใด แต่ตอนนี้ที่ต้องพยายามจัดการวัคซีนโควิด-19 มาก่อนกำหนด ยันครอบคลุมประชาชนจำนวน 50 ล้านคนแน่นอน
วันนี้ (4 ก.พ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข แสดงปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ก้าวต่อไปการ์ดไม่ตก หลังโควิดระลอกใหม่” ในงานสัมมนา “พลิกสูตรวัคซีนสู้โควิด พลิกวิกฤตเศรษฐกิจไทย” ว่า ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ไม่ได้เกิดจากคนไทยการ์ดตก แต่มีคนลักลอบนำเชื้อโรคเข้ามา
สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจเนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยว ต้องเข้าใจว่าขณะนี้เป็นการสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็งให้เกิดความมั่นใจ สร้างความพร้อม โดยจะต้องรักษาสมดุลให้เหมาะสม คือ การดูแลระบบธุรกิจไปพร้อมๆ กับความสามารถในการดูแลผู้ป่วย
นายอนุทินกล่าวว่า การจัดหาวัคซีนนั้นทุกประเทศดำเนินการเช่นกัน โดยก่อนอื่นขอให้นำเรื่องวัคซีนออกจากประเด็นการเมือง เพราะไม่มีใครกล้านำชีวิตของประชาชนมาเป็นหลักประกันเพื่อสร้างชื่อเสียงทางการเมือง พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนฟรีทุกคน
สำหรับเป้าหมายการฉีดวัคซีนของไทยอยู่ที่เดือน มิ.ย. 2564 จะทยอยฉีดเดือนละ 5 ล้านโดสไปจนถึงปลายปี โดยใช้วัคซีนของบริษัท แอสตราเซเนกา ที่เลือกให้บริษัท สยามไบโอไซแอนซ์ เป็นฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน กำลังการผลิต 200 ล้านโดส ซึ่งน่าจะเป็นความภาคภูมิใจและสร้างความมั่นใจให้แก่คนไทย โดยไม่เกิดปัญหาสะดุดเหมือนกรณีวัคซีน 5 หมื่นโดสแรกที่สหภาพยุโรป (อียู) สั่งระงับการส่งออก โดยตอนนี้การจัดหาวัคซีนโดยรัฐบาลได้ทำสัญญากับแอสตราเซเนกาแล้ว 26 ล้านโดส และกำลังจะยืนยันการจัดซื้อเพิ่มเติมอีก 35 ล้านโดส รวมเป็น 61 ล้านโดส หลังจากนั้นจะจัดหาเพิ่มเติมให้ครอบคลุมประชาชนจำนวน 50 ล้านคนแน่นอน โดยจะพิจารณาวัคซีนของบริษัทอื่นๆ ด้วย
“ขอให้เกิดความมั่นใจและสบายใจได้ว่ารัฐบาลชุดนี้มีหน้าที่จัดหาวัคซีนมาฉีดให้ประชาชนในประเทศไทย เป็นหน้าที่ของรัฐบาล คนไทยไม่ต้องเสียเงิน คนไทยทุกคนจะได้รับวัคซีนฟรี ในฐานะที่ท่านเป็นคนไทยที่เสียภาษี ท่านนายกฯ ให้นโยบายชัดเจนว่ารัฐบาลต้องจัดหาวัคซีนให้ประชาชน” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวอีกว่า เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ตลาดเป็นของผู้ขาย ถึงแม้การเจรจาซื้อวัคซีนเข้าก่อนจะสะดุดแต่ไม่กระทบต่อการป้องกันโรค และเราคำนึงถึงประสิทธิภาพ ไม่ใช่ราคาถูกอย่างเดียว เราไม่ได้หลุดแทรก ยังเดินตามไทม์ไลน์ ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน มั่นใจว่าประเทศไทยจะเป็น Free Covid-19 ก่อนประเทศอื่น แต่ทุกคนต้องเข้าใจว่าวัคซีนไม่ได้ป้องกันติดเชื้อ แต่ช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีอาการไม่รุนแรงหรือเสียชีวิต ส่วนผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแลอย่างรอบคอบ ขณะที่สถานการณ์ในประเทศ ถือว่าไม่รุนแรง สามารถควบคุมได้จึงไม่จำเป็นต้องเป็นหนูทดลองเรื่องวัคซีน แต่ก็ไม่ประมาท ขณะที่มีผู้ติดเชื้อสะสมเกิน 2 หมื่นราย แต่รักษาหายแล้ว 1.4 หมื่นราย ถือว่าเรามีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง
“เมื่อเราได้รับวัคซีนแล้วไม่ใช่จะถอดหน้ากาก ยังต้องใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มัลต่อไปสักระยะหนึ่ง ทุกอย่างยังเป็นทฤษฎี การฉีดวัคซีนต้องระมัดระวังมาก เราไม่ได้ล่าช้า ศึกษามาหลายเดือนแล้ว อย่านำเราไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นที่มีการติดเชื้อวันละหลายหมื่นหลายแสนคน” นายอนุทินกล่าว
https://mgronline.com/politics/detail/9640000011198
ตั้งการ์ดสูงๆ เอาชนะโควิดไปด้วยกันค่ะ....