ในวันที่คุณต้องสูญเสียคนที่รักไปและเจอความผิดหวังซ้ำๆคุณรับมืออย่างไร

สวัสดีค่ะ เนื่องจากตัวเราก่อนหน้านั้นผิดหวังจากแฟนที่กำลังจะแต่งงานกันไป หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นไม่นานประมาณสองเดือนเราก็ตกงานค่ะเพราะพิษจากโควิด บริษัทมีนโยบายลดคนออก ตอนนั้นเราเครียดมากสมัครงานทุกๆที่ที่ทำได้ ไปสัมภาษณ์งานจากที่ต่างๆ กินข้าวไม่ลง น้ำหนักก็ลดลงเรื่อยๆ วันนึงกินข้าวได้มื้อนึง มีครั้งนึงไปสัมภาษณ์งานก็เหมือนโดนเรียกไปรีดข้อมูลเราซึ่งตัวเราเองก็ไม่ได้มีอะไรจะให้เค้าหรอกค่ะพนักงานธรรมดาคนนึงเด็กจบใหม่ที่จบได้ไม่นาน  สัมภาษณ์งานเราเป็นชั่วโมง สุดท้ายบอกไม่รับคนมาจากบริษัทคู่แข่งนี่ค่ะเอาเรซูเม่คืนไป  ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจงั้นเค้าจะเรียกเราสัมภาษณืตั้งแต่แรกทำไม ณ ตอนนั้นเราไม่ได้สนใจจะคู่แข่งอะไร เราสนใจแค่ปากท้องของตัวเอง คนหาเช้ากินค่ำคนนึงที่ต้องการงานเงินมาเลี้ยงตัวเองแค่นั้น ตอนนั้นคิดแต่ว่ามีอะไรอีกมั้ยที่จะถาโถมเข้ามา แม่กับยายที่บ้านก็ให้กำลังใจดีมากบอกว่าไม่ไหวก็กลับบ้านมาอยู่บ้านหางานที่บ้านทำ แต่ตอนนั้นเราก็ขอหางานที่นี่ก่อนเพราะสายเราจบไปงานที่บ้านหายากมากนอกจากจะเป็นครูขอลองพยายามหาดูก่อน เครียดร้องไห้หนักมากแต่ไม่กล้าบอกครอบครัวเพราะกลัวทางบ้านไม่สบายใจ จนสุดท้ายประมาณอาทิตย์กว่าๆเราก็ได้งานที่ใหม่ที่ดีค่ะ ไกลจากที่เก่าไม่มาก เราขอบคุณตัวเองที่พยายาม เราก็คิดว่าชีวิตเรา ณ ตอนนั้นคงจะพอก่อนเรื่องต่างๆที่เข้ามา 
จากนั้นไม่นานเราทำงานที่ใหม่ได้ประมาณสามเดือนเกือบเข้าเดือนที่สี่ เราก็เสียคุณยายไปแบบกระทันหัน ซึ่งเราเจอกันกับยายล่าสุดเดือนกันยาและบอกยายว่าเดือนกุมภาจะไปหานะเพราะปีใหม่เราทำงานอีกทั้งยังโควิดที่ระบาดใหม่รอบสอง ได้แต่คอลคุยกันกับยายใช้โทรศัพท์โทรหาพี่แล้วขอสายยาย ยายก็บอกไม่เป็นไรยายไม่เป็นอะไรหรอกไว้เจอกันได้ เราก็คิดแบบนั้นเพราะยายแข็งแรงไม่เคยป่วยรุนแรง จะมีแต่ปวดข้อกระดูกกับความดัน ตามประสาคนแก่ เพราะแกเป็นคนชอบกินผักกับปลาต้มของมันของทอดแกจะไม่กิน ตรวจเลือดอะไรออกมาดีหมด แม้แต่ฟันยังขาวเรียงสวยแม้จะอายุ79ปีแล้วก็ตาม เราก็ไว้เจอกันบอกคิดถึงยาย อดทนรอวันจะได้เจอ เรารักยายมากค่ะที่สุดของชีวิตเพราะยายเลี้ยงเรามาแต่เด็ก คุณแม่ติดงานทำงานคนเดียวค่อนข้างยุ่ง เราเลยอยู่กับยายมาตลอด จนทำงานถึงได้มาอยู่ที่ กทม วันที่ 25 มค 64 ที่ผ่านมาเราได้รับข่าวร้ายจากทางบ้านว่ายายล้มในห้องน้ำ พอไปส่ง รพ.หมอบอกให้ทำใจ แกไม่ตอบสนองแล้วเลือดคลั่งเยอะ ทางบ้านเลือกที่จะไม่ทรมานยาย ไม่เจาะคอ หรือผ่าตัด เพราะยายอายุมากแล้ว ตอนที่ได้ข่าวคือใจเราแตกสลายเราอยากเป็นคนที่เป็นแทน เรารับไม่ได้ เราคิดว่าอีกนิดก็จะได้กอดได้เจอแล้ว วันที่ 30 มค ยายก็จากไปแบบสงบ เรากลับมาอยู่ห้องคนเดียวที่ กทม เราเอาเสื้อยายมากอดมาหอมแล้วร้องไห้ คิดถึง ทุกวันนี้ยังคิดว่าเหมือนฝันไป เราอยากเจอยายอีกซักครั้ง เราอยากทราบว่าเราควรรับมือกับความเศร้ายังไงไม่ให้ดิ่งไปมากกว่านี้ พูดตามตรงเราเหนื่อยมาก เราอยากหลับไม่อยากรับรู้ความจริง ตื่นมาก็ร้องไห้ ก่อนนอนก็ร้องไห้  พยายามปลงว่าสักวันก็เป็นวันของเรา แต่ตอนนี้ก็ทำใจยาก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ให้คุณ แสดงความรัก และคิดถึงยายให้มากค่ะ (ในแบบที่ท่านต้องการ)

คุณคงรู้ดีว่า ถ้ายายอยู่ ยายจะปลอบโยนคุณอย่างไร จะให้กำลังใจคุณแบบไหน ลองค่อยๆทบทวนคำสอนของยายดูนะคะ

ซึ่งน่าจะประมาณนี้ ...

1. ยายไม่ได้ทรมานอะไรมาก ไปตามอายุขัยแบบผู้มีบุญ  (ที่ไม่ต้องทนทุกขเวทนาก่อนตาย และตายอย่างสงบ)
ขอให้คุณทำบุญ กรวดน้ำ และระลึกถึง คำสอนที่ยายเคยสอน ตั้งใจทำความดีให้เป็นที่พึ่งต่อตนเองได้  

2. ให้มีพลังใจในการใช้ชีวิต เหมือนยายยังอยู่
ยายคงไม่อยากเห็นคุณร้องไห้ เศร้าโศกเพราะท่าน ท่านอยากเห็นคุณเติบโตและเข้มแข็งมากกว่า

ลองเริ่มต้นเขียนจดหมายถึงท่าน ทำเป็นสมุดบันทึกประจำวันไว้ทุกวัน
เขียนเรื่องราวต่างๆเล่าให้ท่านฟัง
เขียนถึงเรื่องราวเก่าๆที่ยายและคุณเคยทำร่วมกันมา
เขียนความสุข ความสมหวังที่คุณได้รับและอยากจะแชร์ให้ท่านร่วมยินดีไปกับคุณ

สมุดเล่มนี้ เก็บไว้ให้ดี เอาไว้เป็นของขวัญ มอบให้หลานสาวของคุณ ในวันที่คุณเป็นยาย

3. การพลัดพรากจากคนที่ตนรัก เป็นธรรมดาของโลกใบนี้ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า
คนที่มีชีวิตอยู่ พึงอยู่อย่างมีคุณค่า
การเสียใจเพราะความตายไม่ช่วยให้คนตายฟื้น ... รีบทำใจ แล้วก้าวต่อไป  

หากเหงา หรือเคว้งคว้างเพราะรู้สึกว่าจะไม่ได้เจอท่านอีก ให้บอกตัวเองว่าท่านไม่ได้ไปไหนไกล
ท่านมาอยู่ในใจคุณ ใกล้ชิด และคอยให้กำลังใจคุณ อย่างที่ท่านเคยทำ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่