สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ผมได้มีโอกาสกินเลี้ยงสังสรรค์กับบรรดาเพื่อนเก่าสมัยมัธยมที่ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ พอตกดึกวันนั้นหลังคุยสารทุกข์สุกดิบกันเสร็จ คิดยังไงไม่รู้ก็เลยตั้งวงเล่าเรื่องผีกัน ต่างคนก็ต่างเล่าเรื่องราวที่ตนเองได้ไปรู้มา หรือแม้แต่เจอกับตัวก็มี ส่วนมากก็เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป ไม่มีอะไรพิเศษ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งครับ ที่ผมได้ฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะนำมาแชร์ให้อ่านกัน โดยทั้งนี้ผมได้รับอนุญาตจากเจ้าของเรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อราว 30 กว่าปีที่แล้ว โดยเกิดขึ้นกับชายคนหนึ่งที่ชื่อ “ต้อม” ซึ่งมีศักด์เป็นอาแท้ ๆ ของหนึ่งในเพื่อนผมในคืนนั้น และเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนจากภาวะหัวใจล้มเหลว
จากคำบอกเล่าของเพื่อนคนนั้น ได้เล่าเอาไว้ว่า…
ในช่วงเกิดเหตุ ต้อม ซึ่งในตอนนั้นเพิ่งมีอายุครบ 25 ปี ได้ตัดสินใจชวนเพื่อนสนิทอีกสองคน ได้แก่ “เล็ก” นามสมมติ และ “เคน” นามสมมติ ไปเที่ยวที่พัทยาในช่วงปิดเทอม ทั้งสามได้เช็คอินเข้าพักที่โรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากหาดจอมเทียนมากนัก
โดยพื้นเพแล้ว ทั้งสามคนสนิทกันมาก ต้อมกับเคนนั้นชอบดื่มสุราเป็นประจำ ส่วนเล็กก็ดื่มบ้างเป็นครั้งคราว แต่ชอบถ่ายรูปมากกว่า ซึ่งทริปในครั้งนั้นเล็กก็ได้นำกล้องถ่ายรูปคู่ใจติดไปด้วย เพื่อหวังจะเก็บบรรยากาศ
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในคืนแรกที่เข้าพัก เนื่องด้วยความเหนื่อยล้าจากการขับรถ ต้อมจึงอาสานอนเฝ้าห้องเพียงลำพัง ขณะที่เคนชวนเล็กออกไปหาอะไรดื่มที่ร้านเหล้าข้างโรงแรม
เวลาประมาณเที่ยงคืน ต้อมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงคนตะโกนเรียก เมื่อเริ่มได้สติจึงรู้ว่าเป็นเสียงของเล็ก ดังออกมาจากในห้องน้ำ ในขณะนั้นเองภายใต้แสงไฟสลัว ๆ จากโคมไฟข้างเตียง ต้อมก็สังเกตเห็นว่ามีอีกคนนอนห่มผ้าอยู่ข้าง ๆ จึงคิดว่าเพื่อนทั้งสองคงจะกลับมาจากร้านเหล้าแล้ว
ต้อมได้ตะโกนถามไปว่าต้องการให้ช่วยอะไร และได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า ประตูห้องน้ำเปิดไม่ได้ ให้มาช่วยเปิดให้หน่อย ต้อมจึงลุกออกไปช่วย แต่เปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก
ทันใดนั้น เมื่อต้อมหันกลับมาที่เตียง ภาพที่เห็นกลับไม่ใช่เคน แต่เป็นภาพของ “เล็ก” กำลังนั่งจ้องเขม็งมาที่ตน แล้วค่อย ๆ แสยะยิ้มให้
ต้อมตกใจมาก เพราะมั่นใจว่าเสียงของคนในห้องน้ำเป็นเสียงของเล็กแน่ ๆ ด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก จึงพยายามตั้งสติแล้วเรียกชื่อ “เล็ก” ออกไป เพื่อดูว่าใครจะเป็นคนขานตอบกลับมา แต่สิ่งที่ต้อมได้ยิน คือเสียงกรีดร้องของคนในห้องน้ำ โดยเป็นเสียงของเล็ก ที่ฟังดูโหยหวนและเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างมาก
ราวกับเป็นสัญชาติญาณ ต้อมเริ่มใช้หัวไหล่พุ่งเข้าชนประตูเพื่อหวังจะเข้าไปช่วยเพื่อน แต่ก็ไม่เป็นผล และในระหว่างนั้นเอง เมื่อต้อมเหลือบมองที่เตียง ก็เห็นเล็กค่อย ๆ หยิบกล้องคู่ใจขึ้นมา แล้วทำทีเหมือนจะถ่ายรูปตน
ต้อมยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงกรีดร้องของคนในห้องน้ำก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ฟังดูน่าเวทนายิ่งนัก ต้อมคิดว่าเป็นเสียงของเล็กไม่ผิดแน่ ๆ จึงเริ่มพุ่งชนประตูแรงขึ้น แต่กลับพบว่า มีของเหลวสีแดงคล้ายเลือดไหลผ่านใต้ประตูออกมา ตามมาด้วยเสียงชัตเตอร์และแสงแฟลชที่สว่างไปทั่วห้อง
ด้วยความกลัวสุดขีด บวกกับความอยากรู้และความเป็นห่วงเพื่อน ต้อมจึงถอยหลังไปชิดกำแพงอีกฝั่งแล้ววิ่งเข้าใส่ประตูอย่างแรง จนสามารถพังประตูเข้าไปได้ในที่สุด
แต่ในห้องน้ำกลับไม่มีใครอยู่ ไม่มีแม้แต่เลือดสักหยดเดียว ต้อมรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน ทั้งสับสนและเหงื่อท่วมตัว เมื่อเริ่มตั้งสติได้จึงรีบออกมาดูที่เตียง แต่ก็ไม่พบใครเช่นกัน
ต้อมคิดว่าตัวเองคงฝันไป จึงตัดสินใจกลับไปนอน แต่ยังไม่ทันได้ล้มตัวลง ก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูห้อง ต้อมลุกไปเปิดประตู ปรากฏว่าเป็นเคน ในสภาพหอบเหนื่อย เสื้อผ้าเปื้อนเลือด และเนื้อตัวสั่นเทา
เคนได้เล่าให้ต้อมฟังว่า ในระหว่างที่ตนกับเล็กกำลังดื่มสุรากันอยู่นั้น กลุ่มวัยรุ่นที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ ก็เริ่มมีปากเสียงกันเอง เล็กที่ตอนนั้นเริ่มมีอาการเมาอยู่บ้าง ได้หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูป วัยรุ่นกลุ่มนั้นเห็นแสงแฟลชของเล็กจึงเดินเข้ามาเพื่อขอกล้อง แต่เล็กไม่ยอมให้ จึงเกิดการยื้อแย่งกันอยู่พักใหญ่
ทันใดนั้นเอง หนึ่งในวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็ได้หยิบขวดสุราเปล่าขึ้นมาแล้วเอาไปฟาดกับขอบโต๊ะ ทำให้มีลักษณะเป็นฟันฉลาม จากนั้นจึงวิ่งเข้ามากระหน่ำแทงเล็กที่ท้องอย่างต่อเนื่อง จนเลือดไหลทะลักออกมาจำนวนมาก ก่อนจะพากันวิ่งหนีไปพร้อมกับกล้องตัวนั้น
เล็กเสียเลือดมากจนหมดสติไป เจ้าของร้านก็เลยรีบโทรเรียกตำรวจและรถพยาบาล จากนั้นเคนจึงวิ่งไปบอกข่าวกับต้อม ผลสรุปคือเล็กรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ ส่วนผู้ก่อเหตุก็ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในเช้าวันรุ่งขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดนี้ คือเดิมทีเล็กเป็นคนที่ค่อนข้างแปลกแยก ทุกครั้งที่นอนหลับโดยเฉพาะในห้องเรียนจะชอบละเมอพูดคนเดียว และมักจะฝันว่าตนเองได้ไปที่ต่าง ๆ อยู่เสมอ
แต่ที่แปลกคือครั้งหนึ่งขณะเรียนด้วยกันกับต้อมและเคน เล็กฝันว่าได้กลับไปอยู่บ้านและได้คุยกับยายของตัวเอง โดยในเย็นวันนั้นเอง ยายของเล็กก็ได้เล่าให้ทุกคนฟังว่าเล็กมาหาที่บ้านแล้วมาคุยด้วย ก่อนจะเดินหายเข้าไปในกำแพง สร้างความแปลกใจให้กับทั้งเล็กและคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ในบรรดาเพื่อนสนิททั้งสามคน ต้อมกับเล็กดูเหมือนจะสนิทกันที่สุดเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่ประถม ซึ่งโดยปกติเล็กมักจะโดนแกล้งเป็นประจำเนื่องจากชอบมีพฤติกรรมแปลก ๆ ตามที่กล่าวมา แต่ทุกครั้งต้อมก็จะเข้ามาช่วยเสมอ ทำให้เล็กนั้นสนิทกับต้อมและเหมือนมีต้อมเป็นที่พึ่งเวลาประสบปัญหาอะไร
ที่น่าแปลกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เล็กได้เสียชีวิตลงในวันเดียวกันกับต้อม คือเมื่อสองปีที่แล้ว แต่เป็นการประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยเสียชีวิตห่างจากต้อมเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนทุกวันนี้เคนยังคงมีชีวิตอยู่ และนับจากวันที่ทั้งคู่เสียชีวิต ไม่เคยมีใครในครอบครัวพบเห็นดวงวิญญาณของเล็กและต้อมแต่อย่างใด
เรื่องทั้งหมดก็มีประมาณนี้ครับ ส่วนตัวผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผี แต่เป็นเรื่องราวของมิตรภาพระหว่างคนสองคนที่แฝงไว้ด้วยข้อคิดและอุทาหรณ์สอนใจมากมาย จึงตัดสินใจนำมาเรียบเรียงให้อ่านกัน โปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันจนจบ สวัสดีครับ
เรื่องเล่าจากเพื่อน: คืนผวาที่พัทยา
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อราว 30 กว่าปีที่แล้ว โดยเกิดขึ้นกับชายคนหนึ่งที่ชื่อ “ต้อม” ซึ่งมีศักด์เป็นอาแท้ ๆ ของหนึ่งในเพื่อนผมในคืนนั้น และเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนจากภาวะหัวใจล้มเหลว
จากคำบอกเล่าของเพื่อนคนนั้น ได้เล่าเอาไว้ว่า…
ในช่วงเกิดเหตุ ต้อม ซึ่งในตอนนั้นเพิ่งมีอายุครบ 25 ปี ได้ตัดสินใจชวนเพื่อนสนิทอีกสองคน ได้แก่ “เล็ก” นามสมมติ และ “เคน” นามสมมติ ไปเที่ยวที่พัทยาในช่วงปิดเทอม ทั้งสามได้เช็คอินเข้าพักที่โรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากหาดจอมเทียนมากนัก
โดยพื้นเพแล้ว ทั้งสามคนสนิทกันมาก ต้อมกับเคนนั้นชอบดื่มสุราเป็นประจำ ส่วนเล็กก็ดื่มบ้างเป็นครั้งคราว แต่ชอบถ่ายรูปมากกว่า ซึ่งทริปในครั้งนั้นเล็กก็ได้นำกล้องถ่ายรูปคู่ใจติดไปด้วย เพื่อหวังจะเก็บบรรยากาศ
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในคืนแรกที่เข้าพัก เนื่องด้วยความเหนื่อยล้าจากการขับรถ ต้อมจึงอาสานอนเฝ้าห้องเพียงลำพัง ขณะที่เคนชวนเล็กออกไปหาอะไรดื่มที่ร้านเหล้าข้างโรงแรม
เวลาประมาณเที่ยงคืน ต้อมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงคนตะโกนเรียก เมื่อเริ่มได้สติจึงรู้ว่าเป็นเสียงของเล็ก ดังออกมาจากในห้องน้ำ ในขณะนั้นเองภายใต้แสงไฟสลัว ๆ จากโคมไฟข้างเตียง ต้อมก็สังเกตเห็นว่ามีอีกคนนอนห่มผ้าอยู่ข้าง ๆ จึงคิดว่าเพื่อนทั้งสองคงจะกลับมาจากร้านเหล้าแล้ว
ต้อมได้ตะโกนถามไปว่าต้องการให้ช่วยอะไร และได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า ประตูห้องน้ำเปิดไม่ได้ ให้มาช่วยเปิดให้หน่อย ต้อมจึงลุกออกไปช่วย แต่เปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก
ทันใดนั้น เมื่อต้อมหันกลับมาที่เตียง ภาพที่เห็นกลับไม่ใช่เคน แต่เป็นภาพของ “เล็ก” กำลังนั่งจ้องเขม็งมาที่ตน แล้วค่อย ๆ แสยะยิ้มให้
ต้อมตกใจมาก เพราะมั่นใจว่าเสียงของคนในห้องน้ำเป็นเสียงของเล็กแน่ ๆ ด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก จึงพยายามตั้งสติแล้วเรียกชื่อ “เล็ก” ออกไป เพื่อดูว่าใครจะเป็นคนขานตอบกลับมา แต่สิ่งที่ต้อมได้ยิน คือเสียงกรีดร้องของคนในห้องน้ำ โดยเป็นเสียงของเล็ก ที่ฟังดูโหยหวนและเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างมาก
ราวกับเป็นสัญชาติญาณ ต้อมเริ่มใช้หัวไหล่พุ่งเข้าชนประตูเพื่อหวังจะเข้าไปช่วยเพื่อน แต่ก็ไม่เป็นผล และในระหว่างนั้นเอง เมื่อต้อมเหลือบมองที่เตียง ก็เห็นเล็กค่อย ๆ หยิบกล้องคู่ใจขึ้นมา แล้วทำทีเหมือนจะถ่ายรูปตน
ต้อมยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงกรีดร้องของคนในห้องน้ำก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ฟังดูน่าเวทนายิ่งนัก ต้อมคิดว่าเป็นเสียงของเล็กไม่ผิดแน่ ๆ จึงเริ่มพุ่งชนประตูแรงขึ้น แต่กลับพบว่า มีของเหลวสีแดงคล้ายเลือดไหลผ่านใต้ประตูออกมา ตามมาด้วยเสียงชัตเตอร์และแสงแฟลชที่สว่างไปทั่วห้อง
ด้วยความกลัวสุดขีด บวกกับความอยากรู้และความเป็นห่วงเพื่อน ต้อมจึงถอยหลังไปชิดกำแพงอีกฝั่งแล้ววิ่งเข้าใส่ประตูอย่างแรง จนสามารถพังประตูเข้าไปได้ในที่สุด
แต่ในห้องน้ำกลับไม่มีใครอยู่ ไม่มีแม้แต่เลือดสักหยดเดียว ต้อมรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน ทั้งสับสนและเหงื่อท่วมตัว เมื่อเริ่มตั้งสติได้จึงรีบออกมาดูที่เตียง แต่ก็ไม่พบใครเช่นกัน
ต้อมคิดว่าตัวเองคงฝันไป จึงตัดสินใจกลับไปนอน แต่ยังไม่ทันได้ล้มตัวลง ก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูห้อง ต้อมลุกไปเปิดประตู ปรากฏว่าเป็นเคน ในสภาพหอบเหนื่อย เสื้อผ้าเปื้อนเลือด และเนื้อตัวสั่นเทา
เคนได้เล่าให้ต้อมฟังว่า ในระหว่างที่ตนกับเล็กกำลังดื่มสุรากันอยู่นั้น กลุ่มวัยรุ่นที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ ก็เริ่มมีปากเสียงกันเอง เล็กที่ตอนนั้นเริ่มมีอาการเมาอยู่บ้าง ได้หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูป วัยรุ่นกลุ่มนั้นเห็นแสงแฟลชของเล็กจึงเดินเข้ามาเพื่อขอกล้อง แต่เล็กไม่ยอมให้ จึงเกิดการยื้อแย่งกันอยู่พักใหญ่
ทันใดนั้นเอง หนึ่งในวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็ได้หยิบขวดสุราเปล่าขึ้นมาแล้วเอาไปฟาดกับขอบโต๊ะ ทำให้มีลักษณะเป็นฟันฉลาม จากนั้นจึงวิ่งเข้ามากระหน่ำแทงเล็กที่ท้องอย่างต่อเนื่อง จนเลือดไหลทะลักออกมาจำนวนมาก ก่อนจะพากันวิ่งหนีไปพร้อมกับกล้องตัวนั้น
เล็กเสียเลือดมากจนหมดสติไป เจ้าของร้านก็เลยรีบโทรเรียกตำรวจและรถพยาบาล จากนั้นเคนจึงวิ่งไปบอกข่าวกับต้อม ผลสรุปคือเล็กรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ ส่วนผู้ก่อเหตุก็ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในเช้าวันรุ่งขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดนี้ คือเดิมทีเล็กเป็นคนที่ค่อนข้างแปลกแยก ทุกครั้งที่นอนหลับโดยเฉพาะในห้องเรียนจะชอบละเมอพูดคนเดียว และมักจะฝันว่าตนเองได้ไปที่ต่าง ๆ อยู่เสมอ
แต่ที่แปลกคือครั้งหนึ่งขณะเรียนด้วยกันกับต้อมและเคน เล็กฝันว่าได้กลับไปอยู่บ้านและได้คุยกับยายของตัวเอง โดยในเย็นวันนั้นเอง ยายของเล็กก็ได้เล่าให้ทุกคนฟังว่าเล็กมาหาที่บ้านแล้วมาคุยด้วย ก่อนจะเดินหายเข้าไปในกำแพง สร้างความแปลกใจให้กับทั้งเล็กและคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ในบรรดาเพื่อนสนิททั้งสามคน ต้อมกับเล็กดูเหมือนจะสนิทกันที่สุดเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่ประถม ซึ่งโดยปกติเล็กมักจะโดนแกล้งเป็นประจำเนื่องจากชอบมีพฤติกรรมแปลก ๆ ตามที่กล่าวมา แต่ทุกครั้งต้อมก็จะเข้ามาช่วยเสมอ ทำให้เล็กนั้นสนิทกับต้อมและเหมือนมีต้อมเป็นที่พึ่งเวลาประสบปัญหาอะไร
ที่น่าแปลกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เล็กได้เสียชีวิตลงในวันเดียวกันกับต้อม คือเมื่อสองปีที่แล้ว แต่เป็นการประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยเสียชีวิตห่างจากต้อมเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนทุกวันนี้เคนยังคงมีชีวิตอยู่ และนับจากวันที่ทั้งคู่เสียชีวิต ไม่เคยมีใครในครอบครัวพบเห็นดวงวิญญาณของเล็กและต้อมแต่อย่างใด
เรื่องทั้งหมดก็มีประมาณนี้ครับ ส่วนตัวผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผี แต่เป็นเรื่องราวของมิตรภาพระหว่างคนสองคนที่แฝงไว้ด้วยข้อคิดและอุทาหรณ์สอนใจมากมาย จึงตัดสินใจนำมาเรียบเรียงให้อ่านกัน โปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันจนจบ สวัสดีครับ