มาลี เห็นผี

ตอนที่1 ฉันมาแล้ว

ตุลาคม พ.ศ. 2520

  ในคืนอันเย็บเย็นปลายฤดูฝน เสียงกบเขียดร้องสลับกันราวนักร้องประสานเสียงขับกล่อมให้ผู้คนได้หลับนอนอย่างมีความสุขภายใต้ผ้าห่มอุ่น แต่มันกลับไม่ใช่คืนกันสงบสุขของชุน หญิงสาววัย 22เลย เพราะเธอกำลังเจ็บท้องที่ใกล้เวลาคลอดเข้ามาทุกที  

   ไม่ได้ ฉันต้องอดทด เธอพูดกับตัวเองในใจ ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงแว่วมาตามลมที่แทรกขึ้นมาระหว่างเสียงฝนพรำ พรำกับเสียงกบเขียด เสียงมันดังลอยมาจากห้องน้ำที่มืดสนิทตั้งอยู่ด้านในสุด ถัดจากเตียงทีเธอนอนอยู่ไปสามเตียง เธอตั้งใจฟังเสียงนั้น หมอ...... หมอ...... เจ็บ........ ช่วยด้วย....... หมอ......... หมอ........... เจ็บ.... ถึงแม้เสียงร้องนั้นจะช้าเย็บเย็นยิ่งกว่าอากาศในตอนนี้ แต่เธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดอันแสนเศร้าจากน้ำเสียงนั้น เธอรีบปลุกแม่สามีที่นอนฟุบครึ่งตัวอยู่ข้างเตียง แม่ แม่ ตื่นก่อน แม่คะ ตื่นหน่อย แม่สามีสลึมสลืองัวเงียตื่นขึ้นมา 
แม่คะ มีเสียงคนร้องให้ช่วยอยู่ในห้องน้ำ แม่ได้ยินมั้ย แม่สามีพยายามเพ่งตามองผ่านความมืดไปยังห้องน้ำด้านในสุด ไฟปิดอยู่นี้ ใครกันเข้าห้องมืดๆแบบนี้ เธอพูดแล้วกวาดตามองไปรอบๆดูว่าคนไข้เตียงไหนไม่อยู่ทีเตียงบ้าง และขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าทุกคนนอนอยู่ที่เตียง เธอจำเมื่อตอนเย็นตอนพาลูกสะใภ้เข้ามาได้ มีคนไข้แค่สามเตียง แม่ได้ยินไหม ชุนถามย้ำอีกรอบ แต่แม่สามีไม่ได้ยินเสียงอะไร แม่ไปตามพยามมาหน่อยค่ะ เผื่อมีใครลื่นล้มในห้องน้ำ  และเหมือนทั้งคู่จะนึกอะไรขึ้นได้แล้วพูดขึ้นมาพร้อมกัน อีกิมซวด ทั้งคู่มองตากันในความมืดสลัว แม่สามีรีบจับไฟฉายที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเปิดขี้นมาแล้วรีบเดินไปที่หาพยาบาลในทันที เธอรีบเดินจ้ำอ่าวออกไปโดยแทบไม่ได้ดูเลยว่า ไฟฉายที่ถืออยู่จะส่องไปทิศทางไหน ทิ้งให้ชุนนั่งเจ็บท้องพร้อมกับฟังเสียงร้องโหยหวนดังมาจากน้ำไปคนเดียว 

  กิมซวด หญิงผู้โชคร้าย เธอเป็นแม่ค้าผักสดที่ตลาด มีสามีเป็นคนต่างถิ่น ติดเหล้า ติดการพนัน ทำให้พ่อแม่ของเธอตัดหางปล่อยวัดให้เธออยู่กับสามีที่ห้องแถวไม้เช่าเก่าๆ ละแวกเดียวกับชุน อีกทั้งเธอยังเป็นคนมีนิสัยปากจัด ทั้งนินทา ด่าว่าระรานชาวบ้านไปทั่ว จึงทำให้คนในหมู่บ้านไม่มีใครคบค้าสมาคมกับเธอเลย เมื่อสามวันก่อนเธอนั่งรถตุ๊กๆ มาคลอดคนเดียว เพราะสามีไปเล่นไพ่ที่บ่อนหลายวันไม่ได้กลับบ้าน เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เธอลืนหัวฟาดกับพื้นห้องน้ำและตกเลือดตายทั้งแม่ทั้งลูกในโรงพยาลนี้ ตอนนี้ศพยังตั้งสวดพระอภิธรรมอยู่ที่วัด

  ก๊อง ก๊อง ก๊อง เสียงตู้นาฬิกาบอกเวลาตีสี่ดังมาจากห้องโถงใหญ่ของโรงพยาบาลเรียกสติของชุนให้กลับคืนมาอยู่กับปัจุบัน และมันยิ่งเจ็บปวดมากจนทนแถบไม่ไหวในเวลานี้ พยาบาลเปิดไฟห้องผู้ป่วยสว่างจ้า เดินเข้ามาพร้อมกับแม่สามี ตรวจดูอาการสักพักก็เรียกเวรเปลมาพาเธอไปห้องคลอด 

  ในห้องคลอดทุกอย่างดูโกลาหลวุ่นวาย เธอจำได้เพียงว่า เธอต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีแบ่งออกมาให้แรงเท่าที่ทำได้เพื่อหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้ และนาทีนั้นก็มาถึง ลูกคลอดออกมาพร้อมเสียงร้องด้วยความตกใจที่ถูกปลุกจากการหลับไหล ชุนมองหน้าทารกน้อยที่ร้องเสียงหลงอยู่ในอ้อมแขนพยาบาล ความเจ็บปวดทุกอย่างหายไปแล้วตอนนี้กลับมีแต่ความสุขตื่นตันใจเมื่อเห็นหน้าลูกน้อย ลูกสาวของแม่ 

   
   เช้าวันถัดมา ฝนก็ยังคงตกพรำพรำอย่างไม่ขาดสาย ทินสามีของชุนมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่หกโมงเช้า คุณพ่อมือใหม่ตื่นเต้นกับสมาชิคใหม่ของครอบครัว จนลืมหม้อแกงเลียงที่พี่สาวของตนทำฝากมาให้ชุน ทำให้ต้อมหลานสาวต้องเวะพามาให้ก่อนไปโรงเรียน ต้อมเดินเข้ามาหน้าตาตื่น หลังจากชมหลานเสร็จก็มาสะกิดอาสะใภ้ เมื่อกี้ย่าบอกว่าเจอผีพี่กิมซวดหลอกเหรอเมื่อคืน โดยไม่ทันตั้งตัว ทินที่นั่งอยู่อีกด้านนึงของเตียงเอื้อมมือมาที่หูซ้ายของต้อมแล้วดีดลงไปดังพั๊วะ เจ็บนะอา ต้อมฆ้อนอย่างตกใจ  ชุนหันไปมองหน้าทินแล้วกลับมามองต้อมพร้อมหัวเราะเบาๆเพราะยังเจ็บแผล แล้วตอบหลานด้วยรอยยิ้ม น่าจะหูฝาดมากกว่า ไม่มีหรอกผี นี้จะแปดโมงแล้ว เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ ต้อมเดินจากไปด้วยความผิดหวังเล็กน้อย เพราะวางแผนไว้ว่าจะเอาเรื่องผีกิมซวดไปคุยกัยเพื่อนที่โรงเรียนให้สนุกปาก แต่ชุนเองก็อดกังวลไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยินเมื่อคืน เพราะเธอต้องนอนที่นี่ต่ออย่างน้อยอีกหนึ่งคืน

   ชุนเริ่มเจออะไรแปลกๆเมื่อเก้าเดือนก่อน ตั้งแต่เริ่มตั้งท้องลูกคนนี้ เธอมักจะฝันว่าตัวเองเดินอยู่ท่างกลางความมืดสนิท มืดขนาดมองไม่เห็นแม่แต่ฝ่ามือตัวเอง แล้วมันก็ค่อยๆสว่างขึ้นสว่างขึ้น เริ่มมองเห็นแสงสีแดง สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีม่วง และสีส้ม ส่องสว่างมากจากที่ไกลๆรอบตัว มีกลิ่นหอมราวดอกไม้ เย็น สดชื่น แต่อบอุ่น แต่จำไม่ได้ว่าเป็นกลิ่นของดอกอะไร ลอยมาพร้อมกับแสงสว่างที่ค่อยสว่างขึ้นจนแสบตา และตื่นในที่สุด

  เออพี่ทิน เราจะตั้งชื่อยายหนูว่าอะไรดีคะ พี่ว่ารอให้ชุนดีขึ้นแล้วเราค่อยไปขอให้หลวงพ่อแดง วัดดงตาล ตั้งชื่อยายหนูให้ดีไหม จ๊ะพี่ พรุ่งนี้ฉ้นก็กลับบ้านได้แล้ว   ทินอยู่ดูแลภรรยาและลูกน้อยจนสี่โมงเย็นก็ต้องรีบปั่นจักรยานกลับไปรับแม่มาโรงพยาบาลเพื่อมาอยู่ดูแลชุนและลูก แต่ก็ต้องแปลกใจปนขำเมื่อเห็นแม่เดินออกมาจากบ้าน พร้อมพระเครื่องห้อยอยู่เต็มคอ แม่จะไปนิมนต์พระมาทั้งวัดเลยไหม เดี๋ยวฉันพาไป ทินพูดไปก็ขำไปเพราะไม่เคยเห็นแม่ตัวเองทำตัวแปลกแบบนี้ แม่เอาพระมาให้เอ็งกับชุนมันด้วย แขวนสะสิ เอ็งอย่าทำเป็นเล่นไป ผีอีกิมซวดมันยิ้มนัก นี่ก็หลอกชาวบ้านชาวช่องจนไม่เป็นอันทำมาหากินก้นแล้ว ผีเผอที่ไหนกันละแม่ คนตายไปแล้วก็อยู่ที่วัดโน้นจะมายุ่งอะไรกับคนเป็น ทินท้วงแม่ด้วยตนเองไม่อยากให้งมงายและกลัวจนเกินเหตุ ไปๆรีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน  

   ถึงแม้ฝนจะหยุดไปตั้งแต่ตอนบ่าย แต่อากาศคืนนี้ก็เย็นยะเยือกเหมือนเดิม ยายหนูทารกน้อยก็ช่างเป็นเด็กเลี้ยงง่ายเสียเหลือเกิน ร้องเฉพาะตอนหิว กินนมแม่เสร็จแล้วก็หลับปุ๋ยข้างๆแม่ ชุนเผลอหลับไปหลังให้นมลูกสร็จตอนเที่ยงคืน แต่ก็ต้องมาตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงตู้นาฬิกาที่ดังมาจากห้องโถงของโรงพยาบาลบอกเวลาตีสี่ และก็ต้องใจรีบเอามือไปกอดลูกน้อยที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ ความทรงจำเมื่อคืนแว็บเข้ามาในความคิด พยายามไม่หันไปมองที่ประตูห้องน้ำแต่ก็อดใจไม่ได้ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เธอสังเกตุเห็นเงาดำที่ดำสนิทกว่าความมืด รูปร่างคล้ายผู้หญิงอ้วนยืนอยู่นิ่งไม่ไหวติงอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ในความนิ่งสงัดนั้น เธอพยายามลากมือไปเขย่าแม่สามีที่นอนอยู่ด้านข้าง เขย่าเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะตื่น หันไปมองรอบๆเตียงอื่นก็นอนหลับกันสนิท เธออยากจะอ้าปากร้องแต่ก็กลัวลูกน้อยตกใจ ได้แต่จ้องมองเงานั้นด้วยความขนพองสยองขวัญ แล้วเงานั้นก็เริ่มขยับตัว ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา อย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงเยียบเย็น หมอ.........เจ็บ....... แล้วยายหนูน้อยที่อยู่อ้อมแขนก็ร้องออกมา อุแหว้ .... อุแหว้ ....... ทำให้เงาดำนั้นหยุดนิ่ง ไม่โยกตัวไปมาก แล้วยายหนูก็เงียบเสียงลง ทุกอย่างกลับคืนสู่ความเงียบอีกครั้ง ชุนอุ้มลูกด้วยมือสั่นเทา เงาหน้าห้องน้ำยังไม่หายไป และเริ่มขยับตัวมาข้างหน้าอย่างช้าๆ พร้อมเสียงร้องที่เริ่มขึ้นอีกครั้ง หมอ........ช่วยด้วย...............หมอ.................เงานั้นแล้วมาถึงปลายเตียงกำลังโง้มส่วนหัวลงมาหาทารกน้อย ชุนชาไปทั้งตัวได้แต่มองเงานั้นด้วยความหวาดกลัว อยากจะร้องขอความช่วยเหลือแต่ปากก็ขยับไม่ได้ เงาดำนั้นโง้มตัวเข้ามาใกล้เธอและลูกน้อยในระยะหนึ่งไม้บรรทัด แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อทารกน้อยแผดเสียงร้องออกมา อุแหว้ อุแหว้  อุแหว้ ตามด้วยเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวดของเงาดำนั้น โอ๊ยยยยย กรี๊ดดด โอ๊ยยยย ขี้................. แล้วทุกอย่างก็เงียบสงบลง เงาดำหายไปพร้อมกับคำว่า ขี้......... ชุนนั่งงงอยู่พักนึง รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อยายหนูเริ่มร้องอีกรอบ แต่เสียงไม่ดังเหมือนก่อนหน้านี้ แม่สามีที่ตื่นขึ้นพอดีเลย แล้วพูดกับชุนว่า ไหนเปิดผ้าอ้อมดูหน่อย ยายหนูอึหรือฉีบ้างรีเปล่า อย่างที่ย่าคาดการณ์ไว้ไม่ผิด ทารกน้อยอึเหลืองเต็มผ้าอ้อมไปหมด ชุนมองดูอึลูกและกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้เลย ปล่อยก๊ากออกมาสร้างความงุนงนให้แม่สามีเป็นอย่างมาก ได้แต่คิดอยู่ในใจคนเดียวว่า ผีอีกิมซวด กลัวขี้เด็กเหรอนี้ เธอได้หยุดหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงแม่สามีเรียกสามีที่นอนเฝ้าอยู่ด้านนอกห้อเข้ามาข้างใน ทินเอ้ย เมียเอ็งคลอดลูกจนเพี้ยนไปแล้ว เห็นลูกขี้ก็หัวเราะไม่หยุด เอ็งมาเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกเอ็งหน่อยเร็ว มาเร็ว จะได้ฝึกมือ 

 ....................หลังจากคืนนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครได้พบเห็นผีอีกิมซวดอีกเลย

เขียนโดย บุญธรรม กรรมสร้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่