Ep.4 การค้นพบเส้นทางใหม่จากจีน-มองโกเลีย แค่ 1,800 บาท


ความเหงาจากการถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
ไม่เท่าความกังวลที่เกิดขึ้นเพราะไม่สามารถ
ติดต่อกับทางบ้านได้เลย ทั้งๆที่เพิ่งเดินทางออกจากประเทศไทยมาแหม๊บๆ
ผมจึงตัดสินใจออกจากเมืองซีอาน
เพื่อเดินทางต่อไปยังกรุงปักกิ่งเร็วกว่ากำหนด
และรีบออกจากประเทศจีนในเร็ววันนี้ให้ได้

สามารถเข้าไปอ่านย้อนหลังได้ใน
Ep.1 : 100,000 เดียว แบกเป้ลุยเดี่ยว 7 เดือน 20 ประเทศ 3 ทวีป เอเชีย-ยุโรป-แอฟริกา ไม่ง้อเครื่องบิน!!
Ep.2 : จากไทยไปจีน ไม่นั่งเครื่องบินได้ไง?

Ep.3 : ทำงานแลกที่พักและอาหารฟรีในต่างประเทศได้จริงหรอ?

และหากเพื่อนๆอยากทราบ
เรื่องราวและข้อมูลการเดินทางของผมแบบ
ละเอียดยิบ สามารถเข้าไปอ่านย้อนหลังได้ใน

เฟสบุ๊คเพจ : หาตังค์เที่ยวรอบโลก
หรือคลิ๊กลิ้งเพจได้เลยครับ
YouTube : North Vlog


            ก่อนที่ผมจะเดินทางออกจากเมืองซีอาน ผมใช้เวลาวันหยุดเพื่อท่องเที่ยวตามสถานที่สำคัญของเมือง ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ได้อยู่ในความสนใจของผมมากเท่าไหร่นัก แต่ในเมื่อเดินทางมาถึงทั้งทีก็ขอจัดสักหน่อย 

หอระฆังกลางเมือง (Bell Tower) 
หอกลางกลางเมือง (Drum Tower) 
สุสานจิ๋นซี
กำแพงเมืองซีอาน (City Wall) 
ตลาดมุสลิม (Muslim Street) 

            12 วันของการทำงานแลกที่พักและอาหารฟรีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมออกเดินทางต่อไปยังเมืองปักกิ่งด้วยรถไฟชั้นธรรมดา ราคาตั๋ว 156.5 RMB = 750 บาทไทย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 13-14 ชั่วโมง ผมก็มาถึงใจกลางเมืองปักกิ่งเป็นที่เรียบร้อย

            วันแรกของการมาถึงที่นี่ ผมรีบออกไปเที่ยวในเมืองทันที

จัตุรัสเทียนอันเหมิน (Tiananmen square)
พระราชวังต้องห้าม (The Forbidden City) 

               อีกวันหนึ่งผมต้องวุ่นอยู่กับการหาเส้นทางเพื่อที่จะเดินทางไปยังประเทศมองโกเลีย ผมจึงแทบไม่ได้ออกสำรวจที่ใดเลย เสียดายที่ไปไม่ถึงกำแพงเมืองจีน เอาไว้รอบหน้าละกัน

                ในมุมมองของผม ปักกิ่งเป็นเมืองหลวงแห่งการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ของชาติที่แท้ทรู มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์สำคัญๆเยอะแยะมากมาย มีอายุตั้งแต่ร้อยปีไปจนถึงหลักพันปี

                 ปักกิ่งเป็นเมืองหลวงที่มีสถานที่ทำการของทางรัฐบาลจีนเยอะแยะมากมายทั่วทั้งเมือง  เป็นเมืองที่ไม่ได้มีตึกสูงระฟ้ามากนัก ไม่ได้น่ารักเหมือนซีอานแต่จะเด่นชัดในเรื่ื่ื่ื่องพลังอำนาจและความน่าเกรงขาม
 
                การคมนาคมในประเทศค่อนข้างสะดวกสบาย ค่าครองชีพค่อนข้างสูง คนที่นี่พอจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้บ้าง อาหารไม่เผ็ดเลย "ที่นี่มีเป็ดปักกิ่งจริงๆนะครับ ฮ่าๆๆ" 

                ผมใช้เวลาสำรวจเมืองปักกิ่งเพียงแค่ 3 วัน 2 คืนเท่านั้น ซึ่งไม่มากพอที่จะสำรวจเมืองที่ใหญ่โตขนาดนี้ได้อย่างละเอียด แต่ด้วยความกังวลใจถึงที่บ้าน พ่อแม่คงกระวนกระวายใจไม่รู้ลูกชายจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร? ผมจึงขอสำรวจที่นี่เพียงแค่นี้ก่อน

                16.30 น. แบกเป้เดินทางต่อไปยังสถานี Beijing Xinfadi Bus Station ซึ่งจากการหาข้อมูลมาทั้งหมดทั้งมวล ที่นี่มีรถบัสไปยังชายแดน Erenhot ซึ่งเป็นชายแดนจีน-มองโกเลีย 
Beijing Xinfadi Bus Station

                 เมื่อวานนี้ผมเดินทางมาเช็คตั๋วที่นี่แล้ว ซึ่งไม่มีการจองตั๋วล่วงหน้า ใครที่จะไปชายแดน Erenhot สามารถซื้อตั๋วในวันเดินทางได้เลย เพราะส่วนใหญ่แล้วที่นั่งจะไม่เต็ม

                 17.30 น. รถบัสล้อหมุนออกเดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปยังปลายทางเมืองชายแดนเมือง Erenhot ราคาตั๋ว 180 RMB = 900 บาทไทย รถแวะพักรับประทานอาหารหนึ่งครั้งก่อนออกยิงยาวไปจนถึงเมืองปลายทางเลย
            กลิ่นหอมของลมหนาวโชยมาจากทางฝั่งมองโกเลียกระทบจมูกของผมจนเย็นเฉียบ มันเป็นอากาศที่บริสุทธ์และสดชื่นมากที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมา หัวใจพองโต ความตื่นเต้นเริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง ประเทศในฝันที่สักครั้งหนึ่งในชีวิตผมต้องไปเยือนให้ได้ อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ไป ความฝันหนึ่งของผมจะกลายเป็นจริง

            เส้นทางการเดินทางจากจีน-มองโกเลียด้วยงบประหยัดนั้น ยังคงมีข้อมูลไม่ชัดเจนมากนัก โดยคนส่วนใหญ่มักจะรู้จักแค่เพียงเส้นทางรถไฟทรานส์มองโกเลีย ซึ่งมีราคาแพงเว่อร์ ราคาชั้นธรรมดาที่สุดไม่ต่ำกว่า 7,000 บาท 

             ด้วยความที่มีงบประมาณจำกัด ผมจึงบอกลาวิธีนี้ไปได้เลย ผมพยายามค้นหาวิธีการเดินทางที่ถูกกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นจากทางอินเทอร์เน็ตและการเดินทางไปสำรวจตามสถานีขนส่งด้วยตัวเอง การค้นพบการเดินทางไปมองโกเลียด้วยเส้นทางใหม่จึงเกิดขึ้น "การเดินทางจากจีนไปมองโกเลียด้วยรถบัส 1,800 บาท 2 วัน 1 คืน"

3 เส้นทางจากจีน-มองโกเลีย
เส้นทางที่1 : ทรานส์มองโกเลีย(Trans-Mongolia) วิธีนี้เป็นวิธีที่คนไทยนิยมมากที่สุด อันเนื่องมาจากเส้นทางนี้เป็นเส้นทางแห่งความฝันที่ควรค่าแก่การได้ไปสัมผัสสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อนๆจะได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์ของทะเลทรายโกบีและทุ่งหญ้าสเตปป์ที่สวยงามผ่านทางหน้าต่างโบกี้รถไฟ ซึ่งรถไฟขบวนนี้เปรียบเสมือนน้องรองจากเส้นทางรถไฟสายทรานไซบีเรียเลยทีเดียว   
     
         เพื่อนๆสามารถขึ้นรถไฟจากปักกิ่งไปถึงอูลานบาตอร์ได้เลย แต่คำเตือนคือไม่ได้มีรถไฟไปทุกวัน อีกทั้งเรื่องใหญ่สำหรับผมเลยคือ วิธีนี้ราคาค่อนข้างแพงมาก การซื้อตั๋วรถไฟเส้นทางนี้สามารถทำได้วิธีเดียวเท่านั้นคือ ซื้อผ่านเอเจนซี่ที่มีชื่อว่า CITS 

         มีรถไฟแค่2ขบวน/สัปดาห์เท่านั้น โดยทั้ง2ขบวน จะมีสถานีต้นทางอยู่ที่ Beijing Railway Station 

1.K3 ออกทุกๆวันพุธ วิ่งยาวไปมอสโคว ขบวนนี้มักจะไม่เปิดให้จองล่วงหน้ายาวๆสำหรับผู้ที่ไปแค่มองโกเลียเพราะเขาอยากได้ผู้ที่ขึ้นยาวๆมากกว่า

2.K23 ออกทุกๆวันอังคาร อันนี้จะวิ่งไปจบแค่อูลันบาตอร์ ถ้าจะไปแค่มองโกเลียผมแนะนำให้ขึ้นขบวนนี้ อีกทั้งสภาพภายในรถไฟจะดีกว่าขบวนK3
       
Soft sleeper = 10,800บาท
Hard sleeper = 8,300บาท 
*สรุปราคาตั๋ว (ทั้งนี้ราคาอาจจะสามารถยืดหยุ่นได้ตลอดเวลา) 

เส้นทางที่2 : BJT(รถทัวร์ + รถจิ๊บ + รถไฟ) เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากสำหรับนักเดินทางสายประหยัด ถึงแม้ค่าใช้จ่ายมันจะไม่สูงเท่ากับวิธีแรก แต่วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่ยุ่งยากและค่อนข้างยากลำบากมากที่สุด

     Bus : จากสถานี Xinfadi,Beijing - Erenhot ราคา 900บาท

    Jeep : ข้ามชายแดนจาก Erenhot  - Zamiin Uud ตรวจคนเข้าเมืองตรงชายแดนนี้ไม่อนุญาตให้เดินข้ามฝั่ง ค่ารถจิ๊บประมาณ 500บาท

     Train : ขึ้นรถไฟที่เมือง Zamiin Uud - Ulaanbator 

    Hard sleeper : 300บาท
    Soft sleeper : 600บาท
*สรุปราคาทั้งหมดประมาณ 1,700บาท

เส้นทางที่3 : BB (รถทัวร์ + รถทัวร์) วิธีนี้ยังไม่เคยเห็นข้อมูลหรือรีวิวที่ไหนมาก่อน เป็นวิธีที่ผมสำรวจด้วยตัวเอง และคิดว่ามันน่าจะเป็นวิธีที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ประหยัดและคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งหากเปรียบเทียบกับวิธีที่2 ราคาจะแตกต่างกันแค่ 100 บาทเท่านั้น แต่ความสบายคนละเรื่อง

    Bus : จากสถานีขนส่ง Xinfadi,Beijing - Erenhot ราคา 900บาท

    Bus : จากสถานีขนส่ง Erenhot - Ulaanbator ราคา 900บาท

*สรุปราคาทั้งหมดประมาณ 1,800บาท

           ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 1 คืนผมก็มาถึงบริเวณชายแดน Erenhot ในช่วงเวลาเช้าตรู่ ผมลงตรงจุดหมายปลายทาง Erenhot bus station จากนั้นเดินไปยังเคาวเตอร์เพื่อสอบถามการเดินทางไปยังอูลานบาตอร์ ซึ่ง "แจ็คพ็อตครับพี่น้อง" มีรถบัสจากชายแดนไปถึงเมืองอูลานบาตอร์ ซึ่งราคาเพียงแค่ราคา 900 บาทไทย

Erenhot Bus Station

             รอแค่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง รถก็ออกสตาร์ทมุ่งหน้าไปยังเมืองอูลานบาตอร์ สำหรับพลเมืองไทยการเข้าประเทศมองโกเลียสามารถเข้าได้ง่ายๆ เจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบอะไรมากนักและไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า แค่มีพาสปอร์ตเล่มเดียวก็เข้าได้แล้ว เพื่อนๆสามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบายๆ ชิลล์ๆ 30 วัน


              เมื่อข้ามฝั่งจากจีนมาสู่ฝั่งมองโกเลีย ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทันที ถนนที่มีสองเลนส์เหลือเพียงแค่เลนส์เดียว ต้นไม้ที่ดูเขียวขจีแทบจะไม่มีให้เห็นสักต้น ตึกรามบ้านช่องเยอะแยะมากมายกลายเป็นทุ่งหญ้า
ที่ราบกว้างอันแห้งแล้ง ซึ่งมองเห็นได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
สภาพฝั่งมองโกเลีย

              จากทุ่งหญ้าที่พอจะมีสีเขียวอยู่บ้างกลับกลายเป็นทะเลทรายที่มีแค่เพียงไม้พุ่มเล็กน้อย ตอนนี้ผมเดินทางมาถึงทะเลทรายโกปีแล้ว 

              ตั้งแต่ยังเด็กผมเฝ้ามองภาพของประเทศนี้อยู่ตลอดเวลา เฝ้ามองมันด้วยความเชื่อและความหวังว่า สักครั้งหนึ่งผมจะได้เห็นมันกับตาตัวเอง ผมจะไปวิ่งบนทุ่งหญ้าที่ราบกว้างและตะโกนให้มันดังลั่นไปเลยว่า "ตรูมาถึงที่นี่แล้วโว้ยยย" ไปขี่ม้า ยิงธนู นอนเกอร์ กินนมม้า และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชนเผ่าเร่ร่อนมองโกลแท้ๆสักครั้งหนึ่งในชีวิต


             ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยอยู่ในมโนภาพของผมมาโดยตลอด วันนี้ผมได้เห็นและสัมผัสมันจริงๆแล้ว "พูดแล้วขนลุกเลย!!"

                      คงไม่มีอะไรสุขใจไปกว่าการ
            ได้มาเห็นสิ่งที่ผมเฝ้ารอมาเนิ่นนานอีกแล้ว
                       ความฝันหนึ่งในชีวิตของผม
                  ตอนนี้ผมสามารถพิชิตมันได้แล้ว 

ติดตามตอนต่อไป
Ep.5 : 15 วันกับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชนเผ่าเร่ร่อนมองโกล
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่