คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
เตรียมเปิดไลน์ “หมอพร้อม” ติดตามผลหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ลอตแรก 14 ก.พ.นี้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งจัดหาวัคซีนสำหรับให้บริการแก่ประชาชนคนไทยทุกคนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตามความสมัครใจ ยึดหลักโปร่งใส วัคซีนมีความปลอดภัย มีคุณภาพได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ราคาเหมาะสม และสะดวกในการขนส่งในประเทศที่มีสภาพอากาศร้อน เพื่อการบริหารจัดการที่เหมาะสมกับประเทศไทย
โดยฉีดคนละ 2 เข็ม ดำเนินการในช่วงแรกกำหนดสถานที่ฉีดในโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นวัคซีนใหม่จึงเฝ้าระวังสังเกตอาการ 30 นาที หากมีผลข้างเคียงจะช่วยเหลือได้ทันที
นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำ Line Official Account “หมอพร้อม” เป็นระบบรองรับการให้บริการวัคซีน ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและหน่วยบริการ ในการลงทะเบียนผู้รับวัคซีน ติดตามอาการไม่พึงประสงค์ ติดตามประเมินผลการให้วัคซีนจากหน่วยบริการทั่วประเทศได้อย่างครอบคลุม และเป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับประชาชน โดยจะเปิดตัวหมอพร้อม ระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ในวันที่ 12 ก.พ.64 สำหรับประชาชน จะเปิดใช้งาน เม.ย.64
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/5650115601680580
14 ก.พ. เริ่มฉีดวัคซีน ชุดแรก ด่านหน้าสู้โควิด-19
(25 ม.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ชี้แจงการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ระยะที่ 1 โดยจะมีการจัดทำ Line Official Account ในชื่อว่า “หมอพร้อม” รองรับการให้บริการวัคซีน ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและหน่วยบริการในการลงทะเบียนผู้รับวัคซีน ติดตามอาการไม่พึงประสงค์ ฯลฯ เบื้องต้นจะมีการทดสอบการส่งข้อมูลและประเมินผลภายในวันที่ 27 ม.ค. 2564 และจะเปิดตัวหมอพร้อม ระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ในวันที่ 12 ก.พ. 2564 สำหรับประชาชน จะเปิดใช้งานในช่วงเดือน เม.ย. 2564
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กับคนไทยตามแผนที่กำหนดไว้ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ช่วงเดือน ก.พ.ถึง เม.ย. 2564 วัคซีนยังมีปริมาณจำกัด จะดำเนินการในพื้นที่ที่มีการระบาด โดยจะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชนกลุ่มเสี่ยง และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย โดยตั้งเป้าหมายจะเริ่มฉีดในวันที่ 14 ก.พ.2564
ระยะที่ 2 ช่วงเดือน พ.ค.ถึง ธ.ค.2564 เมื่อจัดหาวัคซีนได้มากขึ้น จะขยายพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายจากระยะที่ 1 ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ
และระยะที่ 3 ช่วงเดือน ม.ค. 2565 เป็นต้นไป เมื่อมีวัคซีนอย่างเพียงพอ จะฉีดให้กับประชาชนทั่วไปทุกคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากร และฟื้นฟูให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ ขอให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเตรียมความพร้อมการให้บริการวัคซีน
https://www.facebook.com/ttraisuree/posts/454681275910659
สาธารณสุขประชุมเตรียมความพร้อมรองรับการฉีดวัคซีนโควิด 19
----------------
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) และนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมประชุมชี้แจงการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ร่วมกับประธานคณะทำงาน 6 คณะ โดยมีผู้บริหารส่วนกลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศเกือบ 1,000 แห่ง เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
นายอนุทินกล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งจัดหาวัคซีนสำหรับให้บริการแก่ประชาชนคนไทยทุกคนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตามความสมัครใจ ยึดหลักโปร่งใส วัคซีนมีความปลอดภัย มีคุณภาพได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ราคาเหมาะสม และสะดวกในการขนส่งในประเทศที่มีสภาพอากาศร้อน เพื่อการบริหารจัดการที่เหมาะสมกับประเทศไทย วันนี้จึงได้มีการประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะทำงาน 6 คณะ ภายใต้คณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 เพื่อให้ทุกจังหวัดเตรียมแผนรองรับการฉีดวัคซีนประชาชนทุกคนซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ให้เป็นไปตามแผนและเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยฉีดคนละ 2 เข็ม ดำเนินการในช่วงแรกกำหนดสถานที่ฉีดในโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นวัคซีนใหม่จึงเฝ้าระวังสังเกตอาการ 30 นาที หากมีผลข้างเคียงจะช่วยเหลือได้ทันที
นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำ Line Official Account ในชื่อว่า “หมอพร้อม” เป็นระบบรองรับการให้บริการวัคซีน ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและหน่วยบริการ ในการลงทะเบียนผู้รับวัคซีน ติดตามอาการไม่พึงประสงค์ ติดตามประเมินผลการให้วัคซีนจากหน่วยบริการทั่วประเทศได้อย่างครอบคลุม และเป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับประชาชน โดยติดตามอาการไม่พึงประสงค์ของทุกคนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนในวันที่ 1, 7, 30 และ 60 โดยเบื้องต้นจะมีการทดสอบการส่งข้อมูลและประเมินผลภายในวันที่ 27 มกราคม 2564 และจะเปิดตัวหมอพร้อม ระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 สำหรับประชาชน จะเปิดใช้งานในช่วงเดือนเมษายน 2564
ด้านนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กับคนไทยตามแผนที่กำหนดไว้ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2564 วัคซีนยังมีปริมาณจำกัด จะดำเนินการในพื้นที่ที่มีการระบาด โดยจะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชนกลุ่มเสี่ยง และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย โดยตั้งเป้าหมายจะเริ่มฉีดในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ระยะที่ 2 ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงธันวาคม 2564 เมื่อจัดหาวัคซีนได้มากขึ้น จะขยายพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายจากระยะที่ 1 ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ และระยะที่ 3 ช่วงเดือน มกราคม 2565 เป็นต้นไป เมื่อมีวัคซีนอย่างเพียงพอ จะฉีดให้กับประชาชนทั่วไปทุกคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากร และฟื้นฟูให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ ขอให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเตรียมความพร้อมการให้บริการวัคซีน โดยสำรวจกลุ่มเป้าหมายและความต้องการวัคซีน จัดทำแผนปฏิบัติการ ชี้แจงอบรมบุคลากรทั้งภาครัฐ เอกชน และอสม. สื่อสาร ชี้แจง แนะนำประชาชนรวมถึงผู้นำชุมชน จัดระบบบริการ ระบบห่วงโซ่ความเย็น และระบบเฝ้าระวังติดตามอาการไม่พึงประสงค์ และซักซ้อมแผน ตรวจสอบความพร้อมก่อนเริ่มให้บริการ
ทั้งนี้ คณะทำงาน 6 คณะ ประกอบด้วย
• 1.คณะที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงานซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ 12 ท่าน
• 2.คณะทำงานด้านการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารฯ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย
• 3.คณะทำงานด้านการให้บริการวัคซีน ฝึกอบรมและกำกับติดตามผล กำหนดแนวทางการให้บริการวัคซีน และแผนฝึกอบรมบุคลากรสาธารณสุขที่ให้บริการวัคซีน เป็นต้น
• 4.คณะทำงานด้านการประกันคุณภาพวัคซีนและติดตามอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน จัดทำแนวทางการจัดการเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังรับวัคซีน มีระบบติดตามข้อมูลและตอบสนองต่อเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์
• 5.คณะทำงานด้านระบบข้อมูลการให้บริการวัคซีนโควิด 19 วางแผนระบบข้อมูลการให้บริการวัคซีน พัฒนาระบบลงทะเบียนการให้บริการวัคซีน เพื่อให้หน่วยบริการใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้ และเก็บรวบรวม วิเคราะห์ประมวลผลการให้บริการวัคซีน
• 6.คณะทำงานด้านการบริหารจัดการและศึกษาการให้บริการวัคซีน ติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและความเคลื่อนไหวที่สำคัญเกี่ยวกับวัคซีน ทั้งระดับโลกและในประเทศเพื่อวิเคราะห์และจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการและให้บริการวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/874355726730492
เตรียมเปิดไลน์ “หมอพร้อม” ติดตามผลหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ลอตแรก 14 ก.พ.นี้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งจัดหาวัคซีนสำหรับให้บริการแก่ประชาชนคนไทยทุกคนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตามความสมัครใจ ยึดหลักโปร่งใส วัคซีนมีความปลอดภัย มีคุณภาพได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ราคาเหมาะสม และสะดวกในการขนส่งในประเทศที่มีสภาพอากาศร้อน เพื่อการบริหารจัดการที่เหมาะสมกับประเทศไทย
โดยฉีดคนละ 2 เข็ม ดำเนินการในช่วงแรกกำหนดสถานที่ฉีดในโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นวัคซีนใหม่จึงเฝ้าระวังสังเกตอาการ 30 นาที หากมีผลข้างเคียงจะช่วยเหลือได้ทันที
นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำ Line Official Account “หมอพร้อม” เป็นระบบรองรับการให้บริการวัคซีน ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและหน่วยบริการ ในการลงทะเบียนผู้รับวัคซีน ติดตามอาการไม่พึงประสงค์ ติดตามประเมินผลการให้วัคซีนจากหน่วยบริการทั่วประเทศได้อย่างครอบคลุม และเป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับประชาชน โดยจะเปิดตัวหมอพร้อม ระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ในวันที่ 12 ก.พ.64 สำหรับประชาชน จะเปิดใช้งาน เม.ย.64
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/5650115601680580
14 ก.พ. เริ่มฉีดวัคซีน ชุดแรก ด่านหน้าสู้โควิด-19
(25 ม.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ชี้แจงการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ระยะที่ 1 โดยจะมีการจัดทำ Line Official Account ในชื่อว่า “หมอพร้อม” รองรับการให้บริการวัคซีน ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและหน่วยบริการในการลงทะเบียนผู้รับวัคซีน ติดตามอาการไม่พึงประสงค์ ฯลฯ เบื้องต้นจะมีการทดสอบการส่งข้อมูลและประเมินผลภายในวันที่ 27 ม.ค. 2564 และจะเปิดตัวหมอพร้อม ระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ในวันที่ 12 ก.พ. 2564 สำหรับประชาชน จะเปิดใช้งานในช่วงเดือน เม.ย. 2564
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กับคนไทยตามแผนที่กำหนดไว้ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ช่วงเดือน ก.พ.ถึง เม.ย. 2564 วัคซีนยังมีปริมาณจำกัด จะดำเนินการในพื้นที่ที่มีการระบาด โดยจะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชนกลุ่มเสี่ยง และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย โดยตั้งเป้าหมายจะเริ่มฉีดในวันที่ 14 ก.พ.2564
ระยะที่ 2 ช่วงเดือน พ.ค.ถึง ธ.ค.2564 เมื่อจัดหาวัคซีนได้มากขึ้น จะขยายพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายจากระยะที่ 1 ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ
และระยะที่ 3 ช่วงเดือน ม.ค. 2565 เป็นต้นไป เมื่อมีวัคซีนอย่างเพียงพอ จะฉีดให้กับประชาชนทั่วไปทุกคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากร และฟื้นฟูให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ ขอให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเตรียมความพร้อมการให้บริการวัคซีน
https://www.facebook.com/ttraisuree/posts/454681275910659
สาธารณสุขประชุมเตรียมความพร้อมรองรับการฉีดวัคซีนโควิด 19
----------------
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) และนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมประชุมชี้แจงการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ร่วมกับประธานคณะทำงาน 6 คณะ โดยมีผู้บริหารส่วนกลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศเกือบ 1,000 แห่ง เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
นายอนุทินกล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งจัดหาวัคซีนสำหรับให้บริการแก่ประชาชนคนไทยทุกคนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตามความสมัครใจ ยึดหลักโปร่งใส วัคซีนมีความปลอดภัย มีคุณภาพได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ราคาเหมาะสม และสะดวกในการขนส่งในประเทศที่มีสภาพอากาศร้อน เพื่อการบริหารจัดการที่เหมาะสมกับประเทศไทย วันนี้จึงได้มีการประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะทำงาน 6 คณะ ภายใต้คณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 เพื่อให้ทุกจังหวัดเตรียมแผนรองรับการฉีดวัคซีนประชาชนทุกคนซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ให้เป็นไปตามแผนและเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยฉีดคนละ 2 เข็ม ดำเนินการในช่วงแรกกำหนดสถานที่ฉีดในโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นวัคซีนใหม่จึงเฝ้าระวังสังเกตอาการ 30 นาที หากมีผลข้างเคียงจะช่วยเหลือได้ทันที
นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำ Line Official Account ในชื่อว่า “หมอพร้อม” เป็นระบบรองรับการให้บริการวัคซีน ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและหน่วยบริการ ในการลงทะเบียนผู้รับวัคซีน ติดตามอาการไม่พึงประสงค์ ติดตามประเมินผลการให้วัคซีนจากหน่วยบริการทั่วประเทศได้อย่างครอบคลุม และเป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับประชาชน โดยติดตามอาการไม่พึงประสงค์ของทุกคนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนในวันที่ 1, 7, 30 และ 60 โดยเบื้องต้นจะมีการทดสอบการส่งข้อมูลและประเมินผลภายในวันที่ 27 มกราคม 2564 และจะเปิดตัวหมอพร้อม ระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 สำหรับประชาชน จะเปิดใช้งานในช่วงเดือนเมษายน 2564
ด้านนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กับคนไทยตามแผนที่กำหนดไว้ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2564 วัคซีนยังมีปริมาณจำกัด จะดำเนินการในพื้นที่ที่มีการระบาด โดยจะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชนกลุ่มเสี่ยง และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย โดยตั้งเป้าหมายจะเริ่มฉีดในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ระยะที่ 2 ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงธันวาคม 2564 เมื่อจัดหาวัคซีนได้มากขึ้น จะขยายพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายจากระยะที่ 1 ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ และระยะที่ 3 ช่วงเดือน มกราคม 2565 เป็นต้นไป เมื่อมีวัคซีนอย่างเพียงพอ จะฉีดให้กับประชาชนทั่วไปทุกคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากร และฟื้นฟูให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ ขอให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเตรียมความพร้อมการให้บริการวัคซีน โดยสำรวจกลุ่มเป้าหมายและความต้องการวัคซีน จัดทำแผนปฏิบัติการ ชี้แจงอบรมบุคลากรทั้งภาครัฐ เอกชน และอสม. สื่อสาร ชี้แจง แนะนำประชาชนรวมถึงผู้นำชุมชน จัดระบบบริการ ระบบห่วงโซ่ความเย็น และระบบเฝ้าระวังติดตามอาการไม่พึงประสงค์ และซักซ้อมแผน ตรวจสอบความพร้อมก่อนเริ่มให้บริการ
ทั้งนี้ คณะทำงาน 6 คณะ ประกอบด้วย
• 1.คณะที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงานซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ 12 ท่าน
• 2.คณะทำงานด้านการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารฯ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย
• 3.คณะทำงานด้านการให้บริการวัคซีน ฝึกอบรมและกำกับติดตามผล กำหนดแนวทางการให้บริการวัคซีน และแผนฝึกอบรมบุคลากรสาธารณสุขที่ให้บริการวัคซีน เป็นต้น
• 4.คณะทำงานด้านการประกันคุณภาพวัคซีนและติดตามอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน จัดทำแนวทางการจัดการเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังรับวัคซีน มีระบบติดตามข้อมูลและตอบสนองต่อเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์
• 5.คณะทำงานด้านระบบข้อมูลการให้บริการวัคซีนโควิด 19 วางแผนระบบข้อมูลการให้บริการวัคซีน พัฒนาระบบลงทะเบียนการให้บริการวัคซีน เพื่อให้หน่วยบริการใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้ และเก็บรวบรวม วิเคราะห์ประมวลผลการให้บริการวัคซีน
• 6.คณะทำงานด้านการบริหารจัดการและศึกษาการให้บริการวัคซีน ติดตามความก้าวหน้าทางวิชาการและความเคลื่อนไหวที่สำคัญเกี่ยวกับวัคซีน ทั้งระดับโลกและในประเทศเพื่อวิเคราะห์และจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการและให้บริการวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/874355726730492
แสดงความคิดเห็น
🐌มาลาริน/น่ายินดีค่ะ...ดีเดย์! 14 ก.พ.ฉีดวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกบุคลากรทางการแพทย์ ลงทะเบียนผ่านไลน์ “หมอพร้อม”
สธ. ยันฉีดวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกให้บุคลากรทางการแพทย์ 50,000 โดส วันที่ 14 ก.พ. 64 ผุดตั้งไลน์ “หมอพร้อม” ให้ลงทะเบียนรับวัคซีน วันที่ 12 ก.พ. 64 คาดล็อตถัดไปที่จะเข้ามานั้น เบื้องต้นที่แจ้งมา คือ เดือน มี.ค. เม.ย. อีก 1 แสน
วันนี้ (25 ม.ค.) หลังจากที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. ได้ประชุมทางไกลกับผู้บริหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรัฐและเอกชน เพื่อชี้แจงการบริหารจัดการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระยะที่ 1 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ นายอนุทิน กล่าวสั้นๆ หลังการประชุม ว่า ขณะนี้ระบบสุขภาพ ทั้งสถานพยาบาล บุคลากร และอุปกรณ์ต่างๆ นั้น มีการเตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีนจากบริษัท แอสตราเซเนกา ที่จะเข้ามาลอตแรกต้นเดือน ก.พ.จำนวน 50,000 โดส
นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในระยะแรก จะให้กับกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เสี่ยง เช่น บุคลากรการแพทย์ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ทำงานหน้าด่านในพื้นที่เสี่ยง เช่น จังหวัดสมุทรสาคร กทม. แม่สอด จ.ตาก และจังหวัดในภาคใต้ เพื่อให้ระบบสาธารณสุขเดินหน้าต่อ และเศรษฐกิจไปต่อได้ และเพื่อให้ประชาชนมั่นใจด้วยว่า หมอก็กล้าฉีด แต่ต้องเป็นไปตามความสมัครใจ โดยจัดทำ Line Official Account ในชื่อว่า “หมอพร้อม” ในวันที่ 12 ก.พ.เพื่อบุคลากรทางการแพทย์ ลงนามความยินยอม ซึ่งปลัด สธ.ได้เสนอให้ฉีดในวันที่ 14 ก.พ. โดยจะมีติดตามผลหลังการฉีดวัคซีน ตั้งแต่อยู่ที่ รพ.ระยะเวลา 30 นาที หลังได้รับวัคซีน จากนั้นจะติดตามต่อในวันที่ 1 วันที่ 7 และวันที่ 28 หลังรับวัคซีน
ส่วนในจำนวน 50,000 โดสแรกนี้ จะให้เป็นเข็มแรกทั้งหมดเลยหรือจะเก็บจำนวนหนึ่งไว้เป็นเข็ม 2 ด้วยหรือไม่ ให้กรรมการผู้เชี่ยวชาญพิจารณาอีกครั้ง เพราะล็อตถัดไปที่จะเข้ามานั้นเบื้องต้นที่แจ้งมา คือ เดือน มี.ค., เม.ย. อีก 1 แสน วัคซีนมาเมื่อไหร่ก็ต้องนำมาปรับกัน อย่างไรก็ตาม ทางกรรมการจะประชุมสรุปอีกครั้ง
ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า จากการติดตามผลการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาที่เริ่มมีการฉีดให้ประชากรในต่างประเทศ ผลข้างเคียงน้อยกว่าวัคซีนตัวอื่นๆ ถือว่ามีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูง เป็นประโยชน์ในการควบคุมโรคในประเทศ
สำหรับเป้าหมายการฉีดระยะแรกจะให้กลุ่มที่ 1 บุคลากรด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีประมาณ 6-7 พันคน กลุ่มที่ 2 คือ ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับงานควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่เสี่ยง กลุ่มนี้มีอยู่ราวๆ หลักพันคน และกลุ่มที่ 3 ประชากรกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดเชื้อแล้วอาการรุนแรง หรือเสี่ยงชีวิต คือ ผู้สูงอายุ อายุมากกว่า 60 ปี ขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หัวใจ และโรคไต ซึ่งมีอยู่หลักแสนคน ทั้งหมดนี้คือตัวเลขที่มี แต่การฉีดสุดท้ายจะต้องเป็นไปตามความสมัครใจ
ส่วนเรื่องเข็มฉีด และอุปกรณ์ที่ต้องใช้นั้น นพ.โสภณ ยืนยันว่า มีเพียงพอ เพราะมีการผลิตได้ในประเทศ โดยสัปดาห์หน้าจะทยอยส่งเข็มฉีดไปยัง รพ.ต่างๆ จำนวน 2.5 ล้านชุด โดยผู้ที่จะเข้ารับวัคซีนควรดูแลตัวเองให้แข็งแรง เพราะปกติจะไม่ฉีดวัคซีนให้กับคนมีไข้
https://mgronline.com/qol/detail/9640000007644
น่ายินดีค่ะ บุคลากรทางแพทย์จะได้รับวัคซีนก่อน
เชื่อมั่นในวัคซีนที่สธ.ประเทศไทยเลือกให้กับคนไทยค่ะ