สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ศูนย์กลางของทางช้างเผือก (Sag A * อยู่ในบริเวณสีขาวเรืองแสงทางด้านขวา)(Cr.ภาพ NASA / JPL-Caltech / ESA / CXC / STScI)
ชาวราศีธนูชอบจับกลุ่มเพื่อนฝูง จึงไม่มีวงกลมใดที่แน่นหนาไปกว่าหลุมดำที่ใจกลางทางช้างเผือก หรือที่เรียกว่า Sagittarius A *
หลุมดำมวลมหาศาลของเราตั้งอยู่ลึกลงไปในกลุ่มดาวนักล่าเป็นเหมือนกาวที่ยึดกาแลคซีไว้ด้วยกัน พื้นที่รอบใจกลางกาแลคซีมีดาวหนาแน่นกว่ามุมทางช้างเผือกประมาณ 1 พันล้านเท่า และก๊าซและฝุ่นทั้งหมดนั้นทำให้ Sagittarius A * ไม่สามารถมองเห็นได้โดยตรงจากโลก
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์สามารถมองเห็นพลังงานที่สั่นไหวของโครงสร้างนี้ได้ ในขณะที่กลืนวัตถุโดยรอบด้วยความเร็วใกล้แสง ซึ่งบางครั้งมันก็กินเร็วเกินไปจนระเบิดฟองขนาดมหึมาของรังสีออกมา บางครั้งมันก็เล่นโดยดึงดวงดาวเข้ามาใกล้พอที่จะเปลี่ยนองค์ประกอบของพวกมันแล้วส่งพวกมันไปตามทาง เช่นเดียวกับชาวราศีธนูหลายคน ซึ่งแม้หลุมนั้นไม่แน่นอนแต่ก็ไม่เคยยอมแพ้เรื่องใดๆ
Cr.https://www.livescience.com/milky-way-radio-bubbles-bad-gas.html
หากคุณคาดหวังว่าจะได้รับคำสั่งจากกลุ่มดาวที่เป็นครึ่งแพะและครึ่งเงือกเตรียมตัวผิดหวังได้เลย ลองพิจารณากลุ่มดาราจักรที่หล่อที่สุดของ Capricornus คือ HCG 87 กลุ่มของกาแล็กซีที่มีพันธะด้วยแรงโน้มถ่วงสามแห่งที่ดูดีและเป็นระเบียบเรียบร้อย
แต่นักดาราศาสตร์ทราบดีว่า ความสามัคคีในพวกมันนั้นเป็นเพียงชั่วคราว ภายในพันล้านปีข้างหน้าดาวทั้งสามจะฉีกกันเองเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ในระดะบที่สับสนวุ่นวาย ที่จะเปลี่ยนทั้งสามดาราจักรให้กลายเป็นดาวยักษ์ดวงเดียว แต่หลังจากหนึ่งพันล้านปีไปแล้ว การที่ต้องจ้องมองไปที่กาแล็กซีเดียวกันทุกวันอาจมีผลลัพธ์ที่แย่กว่านี้
Cr.https://apod.nasa.gov/apod/ap030731.html
ชาวราศีกุมภ์เป็นคนช่างสังเกต ที่อาจมองไปที่ภาพถ่ายของเนบิวลา Helix และเห็นดวงตาขนาดมหึมาที่น่ากลัว กำลังจ้องมองเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณของพวกเขา
เนบิวลา Helix อยู่ห่างออกไป 700 ปีแสงในราศีกุมภ์ ได้รับการเปรียบเทียบกับดวงตาของเซารอนและดวงตาของพระเจ้า จริงๆแล้ว มันเป็นเพียงดาวที่ตายแล้วซึ่งปกคลุมไปด้วยฝุ่น และมันมีรูปร่างที่น่ากลัวด้วยการเรืองแสงอินฟราเรดของดาว มันน่ากลัวก็จริง แต่ก็ไม่น่ากลัวเท่ากับ
เนบิวลาหัวกะโหลกและกระดูกไขว้ที่ซุ่มซ่อนอยู่ในกลุ่มดาวลูกสุนัข
Cr.https://www.livescience.com/63910-skull-and-crossbones-nebula-star-face.html
Phantom Galaxy (M74) (Cr.ภาพ NASA, ESA และ Hubble Heritage (STScI / AURA) -ESA / Hubble Collaboration)
ชาวราศีมีนที่โรแมนติกอาจกำลังพยายามทำบางอย่างที่ดีมากๆ อย่างที่ Phantom Galaxy หรือที่เรียกว่า M74 ซึ่งอยู่ห่างออกไป 32 ล้านในกลุ่มดาวราศีมีน ที่สร้างบางอย่างขึ้นจากละอองดาว
Phantom Galaxy ได้รับการอธิบายว่าเป็นดาราจักรชนิดก้นหอยที่สมบูรณ์แบบ แต่จริงๆแล้วมันเป็นเพียงมุมมองที่มองจากพื้นโลกเท่านั้น
โดยนักดาราศาสตร์สามารถมองเห็นศูนย์กลางสีทองของกาแลคซี และแขนก้นหอยที่สง่างามที่หันหน้าเข้าหาโลก ซึ่งทำให้มองเห็นดวงดาวกว่า 100 พันล้านดวงของกาแลคซีได้อย่างไร้สิ่งกีดขวาง และมันเป็นภาพที่งดงามมาก
Cr.https://www.livescience.com/space-secrets-of-the-zodiac.html / โดย Brandon Specktor
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
Sagittarius
ศูนย์กลางของทางช้างเผือก (Sag A * อยู่ในบริเวณสีขาวเรืองแสงทางด้านขวา)(Cr.ภาพ NASA / JPL-Caltech / ESA / CXC / STScI)
ชาวราศีธนูชอบจับกลุ่มเพื่อนฝูง จึงไม่มีวงกลมใดที่แน่นหนาไปกว่าหลุมดำที่ใจกลางทางช้างเผือก หรือที่เรียกว่า Sagittarius A *
หลุมดำมวลมหาศาลของเราตั้งอยู่ลึกลงไปในกลุ่มดาวนักล่าเป็นเหมือนกาวที่ยึดกาแลคซีไว้ด้วยกัน พื้นที่รอบใจกลางกาแลคซีมีดาวหนาแน่นกว่ามุมทางช้างเผือกประมาณ 1 พันล้านเท่า และก๊าซและฝุ่นทั้งหมดนั้นทำให้ Sagittarius A * ไม่สามารถมองเห็นได้โดยตรงจากโลก
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์สามารถมองเห็นพลังงานที่สั่นไหวของโครงสร้างนี้ได้ ในขณะที่กลืนวัตถุโดยรอบด้วยความเร็วใกล้แสง ซึ่งบางครั้งมันก็กินเร็วเกินไปจนระเบิดฟองขนาดมหึมาของรังสีออกมา บางครั้งมันก็เล่นโดยดึงดวงดาวเข้ามาใกล้พอที่จะเปลี่ยนองค์ประกอบของพวกมันแล้วส่งพวกมันไปตามทาง เช่นเดียวกับชาวราศีธนูหลายคน ซึ่งแม้หลุมนั้นไม่แน่นอนแต่ก็ไม่เคยยอมแพ้เรื่องใดๆ
Cr.https://www.livescience.com/milky-way-radio-bubbles-bad-gas.html
Capricorn
กลุ่มดาราจักร HCG 87 (Cr.ภาพ GMOS-S Commissioning Team)
หากคุณคาดหวังว่าจะได้รับคำสั่งจากกลุ่มดาวที่เป็นครึ่งแพะและครึ่งเงือกเตรียมตัวผิดหวังได้เลย ลองพิจารณากลุ่มดาราจักรที่หล่อที่สุดของ Capricornus คือ HCG 87 กลุ่มของกาแล็กซีที่มีพันธะด้วยแรงโน้มถ่วงสามแห่งที่ดูดีและเป็นระเบียบเรียบร้อย
แต่นักดาราศาสตร์ทราบดีว่า ความสามัคคีในพวกมันนั้นเป็นเพียงชั่วคราว ภายในพันล้านปีข้างหน้าดาวทั้งสามจะฉีกกันเองเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ในระดะบที่สับสนวุ่นวาย ที่จะเปลี่ยนทั้งสามดาราจักรให้กลายเป็นดาวยักษ์ดวงเดียว แต่หลังจากหนึ่งพันล้านปีไปแล้ว การที่ต้องจ้องมองไปที่กาแล็กซีเดียวกันทุกวันอาจมีผลลัพธ์ที่แย่กว่านี้
Cr.https://apod.nasa.gov/apod/ap030731.html
Aquarius
เนบิวลา Helix (Cr.ภาพ NASA / JPL-Caltech / Univ. of Ariz.)
ชาวราศีกุมภ์เป็นคนช่างสังเกต ที่อาจมองไปที่ภาพถ่ายของเนบิวลา Helix และเห็นดวงตาขนาดมหึมาที่น่ากลัว กำลังจ้องมองเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณของพวกเขา
เนบิวลา Helix อยู่ห่างออกไป 700 ปีแสงในราศีกุมภ์ ได้รับการเปรียบเทียบกับดวงตาของเซารอนและดวงตาของพระเจ้า จริงๆแล้ว มันเป็นเพียงดาวที่ตายแล้วซึ่งปกคลุมไปด้วยฝุ่น และมันมีรูปร่างที่น่ากลัวด้วยการเรืองแสงอินฟราเรดของดาว มันน่ากลัวก็จริง แต่ก็ไม่น่ากลัวเท่ากับ
เนบิวลาหัวกะโหลกและกระดูกไขว้ที่ซุ่มซ่อนอยู่ในกลุ่มดาวลูกสุนัข
Cr.https://www.livescience.com/63910-skull-and-crossbones-nebula-star-face.html
Pisces
Phantom Galaxy (M74) (Cr.ภาพ NASA, ESA และ Hubble Heritage (STScI / AURA) -ESA / Hubble Collaboration)
ชาวราศีมีนที่โรแมนติกอาจกำลังพยายามทำบางอย่างที่ดีมากๆ อย่างที่ Phantom Galaxy หรือที่เรียกว่า M74 ซึ่งอยู่ห่างออกไป 32 ล้านในกลุ่มดาวราศีมีน ที่สร้างบางอย่างขึ้นจากละอองดาว
Phantom Galaxy ได้รับการอธิบายว่าเป็นดาราจักรชนิดก้นหอยที่สมบูรณ์แบบ แต่จริงๆแล้วมันเป็นเพียงมุมมองที่มองจากพื้นโลกเท่านั้น
โดยนักดาราศาสตร์สามารถมองเห็นศูนย์กลางสีทองของกาแลคซี และแขนก้นหอยที่สง่างามที่หันหน้าเข้าหาโลก ซึ่งทำให้มองเห็นดวงดาวกว่า 100 พันล้านดวงของกาแลคซีได้อย่างไร้สิ่งกีดขวาง และมันเป็นภาพที่งดงามมาก
Cr.https://www.livescience.com/space-secrets-of-the-zodiac.html / โดย Brandon Specktor
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
สิ่งมหัศจรรย์ของจักรวาลที่ซ่อนอยู่ใน zodiac
ดาวเคราะห์นอกระบบขนาดใหญ่นี้ ไม่ได้มีดวงอาทิตย์เพียงดวงเดียวหรือสองดวง แต่มีดวงอาทิตย์ถึง 4 ดวงบนท้องฟ้า
ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งจะมีดวงอาทิตย์ถึงสี่ดวงได้อย่างไร ในกรณีนี้ 30 Ari Bb จะโคจรรอบดาวฤกษ์ในระบบดาวคู่ ซึ่งเป็นระบบดาวที่ดาวสองดวงโคจรรอบจุดร่วม โดยปรากฎว่าระบบดาวคู่นี้ก็โคจรรอบจุดศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงเดียวกัน เช่นเดียวกับอีกระบบดาวคู่หนึ่งที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 100 ล้านไมล์ ทำให้ดาวทั้งสี่เป็นส่วนหนึ่งของระบบดาวสี่ดวงขนาดใหญ่ดวงหนึ่ง ทั้งนี้ นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบระบบดาวสี่ดวงเพียงระบบเดียวในจักรวาล จึงทำให้ 30 Ari Bb กลายเป็นดาวที่พิเศษและหายากมาก
เนบิวลาปู (aka Messier 1 หรือ M1) เป็นเศษเล็กเศษน้อยของการระเบิดซูเปอร์โนวาพันปีที่เก่าแก่ และความตายที่รุนแรงของดาวที่ไม่สามารถรองรับมวลของตัวเองได้ สิ่งนี้ตั้งอยู่เหนือเขาวัวทางตอนใต้ของราศีพฤษภ โดยวัวผู้รักความงามน่าจะยินดีที่ได้ทราบว่า การระเบิดดังกล่าวก่อให้เกิดก๊าซที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้าเป็นเวลาหลายหมื่นปีหรือมากกว่านั้น ถึงแม้ตอนนี้ก๊าซใน M1 กำลังขยายออกไปด้านนอกที่ประมาณ 3 ล้านไมล์ต่อชม.(4.8 ล้านกม. / ชม.)
เรียกอีกอย่างว่า " เนบิวลาเอสกิโม " เป็นเนบิวลาดาวเคราะห์ (กลุ่มเมฆที่มีก๊าซไอออไนซ์ที่สว่างรอบดาวฤกษ์ที่กำลังจะตาย) ซึ่งประกอบด้วยวงแหวนรอบศูนย์กลางขนาดมหึมาสองวง โดยวงแหวนถูกล้อมรอบด้วยเส้นใยที่มีลักษณะคล้ายขนยาวๆ ซึ่งยืดออกเป็นเวลาหลายปีแสง
(ชั้นนอกของดาวที่คล้ายดวงอาทิตย์ประกอบด้วยก๊าซ เส้นใยชั้นในที่มองเห็นได้เป็นสสารที่ถูกผลักด้วยอนุภาคจากดาวส่วนกลาง โดยวงแก๊สชั้นนอกมีเส้นใยที่ยาวระดับปีแสง เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ NGC 2392 )
ทำให้เนบิวลามีลักษณะคล้ายกับศีรษะเล็ก ๆ ที่ห่อด้วยหมวกของเสื้อคลุมกันหนาวแบบเอสกิโม ซึ่งก๊าซที่คลุมเครือเหล่านี้ซับซ้อนมากจนนักวิทยาศาสตร์พยายามอธิบายว่าทำไมมันถึงมีอยู่
ทั้งนี้ จากการประมาณลักษณะทางกายภาพในเบื้องต้นว่า Gliese 581g มีขนาดและมวลที่มากกว่าโลก ส่งผลให้แรงโน้มถ่วงของดาวดวงนี้อาจจะมีค่าประมาณ 1.1 ถึง 1.7 เท่าของแรงโน้มถ่วงของโลก จากลักษณะดังกล่าวจึงเชื่อว่า บรรยากาศของดาวเคราะห์ดวงนี้น่าจะมีความหนาแน่นมากกว่าชั้นบรรยากาศของโลก และอาจมีความเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต
ดาวเคราะห์ที่มีศักยภาพสองดวงนี้มีจุดที่น่าสนใจคือ ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไปที่จะมีน้ำเป็นของเหลว โลกเช่นนี้เป็นของหายากและนักดาราศาสตร์บางคนเชื่อว่าดาวเคราะห์ทั้งคู่อาจไม่มีอยู่จริง แต่จากการศึกษาหนึ่งในปี 2014 ทั้ง Gliese 581d และ 581g อาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่เกิดจากจุดดับบนพื้นผิวดาวในท้องถิ่นของพวกมัน ดังนั้น โลกทั้งสองใบนี้จะน่าตื่นเต้นมากแค่ไหนก็ขึ้นอยูกับชาวราศีตุลย์ แต่ต้องยอมรับว่ามีบางสิ่งที่โดดเด่นและยิ่งใหญ่
U Scorpii เป็นโนวาที่เกิดซ้ำๆ เป็นระบบดาวคู่ที่หายาก ซึ่งดาวแคระขาวจะดึงสสารจากดาวข้างเคียงออกมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้น ก็พ่นออกมาอีกครั้งเป็นเปลวไฟที่สว่างไสวทุกๆสอง - สามทศวรรษ ดังนั้น ผลที่ได้คือแสงระยิบระยับที่สว่างขึ้นและลดลงอย่างต่อเนื่องบนท้องฟ้า ซึ่งทำให้เข้าใจผิดได้ง่ายว่าเกิดจากดาวดวงใหม่
อย่างไรก็ตาม U Scorpii เป็นดาวโรแมนติกที่มีการเคลื่อนไหวเป็นพิเศษ โดยมีแสงสว่างบนท้องฟ้าอย่างน้อยเจ็ดครั้งในรอบ 150 ปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดในปี 2010