การบ้านกับความเครียด?

เราเป็นเด็กม.ต้นค่ะ ม.1นี่แหล่ะ เมื่อก่อนตอนเราอยู่ประถม ชีวิตก็มีความสุขดี ไม่เครียด ไม่กังวล แล้วโรงเรียนที่เราอยู่การบ้านก็น้อยมากๆ แทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ ถึงอย่างงั้น การเรียนเราก็ออกมาดีเสมอ จนเราขึ้นมัธยม ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป จากที่เคยได้นอนหลับเต็มอิ่ม ทุกวันนี้ 24 ชม.แทบจะไม่ได้นอนเลย เพราะต้องทำการบ้านตลอดเวลา บางทีหลับคาการบ้านก็มี เราเครียดกับเรื่องการเรียนมาก ถึงเมื่อเทอมที่แล้วก็ยังได้เกรดดีเหมือนเดิม แต่เทอมนี้มันหนักกว่าเดิม ครูสั่งการบ้านเยอะขึ้น ครูบางคนอาจจะบอกว่าน้อย แต่ถ้าเอามารวมกับการบ้านของครูคนอื่นๆ มันไม่น้อยเลยนะ โดยเฉพาะการสั่งงานเหมือนเรียนอยู่กับครูคนนั้นคนเดียวเนี่ย ยิ่งแย่ไปใหญ่ แล้วก็ยังมีการสั่งการบ้านที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่ฟังเหตุผลเด็กก่อน ไม่คำนึงถึงเด็กบางคนที่ไม่มีอุปกรณ์



ครูตรวจแล้วไม่เช็คช่องคะแนน

ตอนนั้นครูก็ส่งมาให้ดู ว่าใครขาดงานไหนบ้าง เราก็ว่าเราส่งไปหมดแล้วนะ ทำไมตรงชื่อเรายังว่างอยู่ เราก็เลยทักไปหาครู ครูก็บอกว่าที่เธอส่งมาอ่ะภาพมันเบลอ ดูไม่รู้เรื่องเลย ทีหลังก็ส่งมาให้มันชัดๆหน่อยดิ ใช่ครูพูดคำว่าดิ เด็กที่กำลังเครียดๆ ทั้งการบ้านทั้งการเรียน ยังต้องมาเครียดเรื่องคำพูดของครูอีก ทำไมครูไม่ถามเลยว่าทำไมภาพเบลอ ที่มันเบลอก็เพราะว่ากล้องมันไม่ชัดอยู่แล้ว ถ่ายยังไงมันก็เบลออยู่ดี ทำไมไม่ถามเหตุผลเด็กก่อนเลย ทำไมต้องพูดแบบนั้น



รายงานห้ามเขียนบังคับปรินท์?

เรื่องนี้ก็อีกเรื่องนึง บ้านเด็กทุกคนใช่ว่าจะมีคอมมีโน๊ตบุ๊คเหมือนกันหมด ในเมืองอาจจะใช่ แต่ที่นี่เป็นต่างจังหวัด ทำไมถึงต้องบังคับให้ปรินท์ เราก็รู้ว่าโทรศัพท์มันก็ทำได้เหมือนกัน แต่มันก็ทำยากมากๆ กว่าจะเลื่อนแต่ละที ถ้าเทียบกับคนที่มีคอมมีคอมมันก็ดีกว่าอยู่แล้ว พอเราไปบอกกับครูประจำชั้น ครูก็บอกให้ทำในโทรศัพท์ เราก็รู้ว่าในโทรศัพท์มันทำได้อยู่แล้ว แต่กว่าจะทำได้แต่ละหน้า ยากที่สุดคือการตกแต่ง มันไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ พอครูประจำวิชารู้ก็บอกให้เขียนได้ แล้วครูบอกส่งในเวลา 2 อาทิตย์ ซึ่งกว่าครูจะอนุญาตให้เขียนได้มันก็ล่อไปอาทิตย์นึงแล้ว เวลาอาทิตย์เดียวเขียนรายงาน20-30หน้า มันจะทันหรอ แล้วก็ต้องมีงานอื่นที่ต้องส่งอีก ความเครียดมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆสิคะ เพราะยังไงมันก็ไม่ทันอยู่แล้ว



พอการบ้านมันมากเกินไป การนอนก็ยิ่งน้อยลงไป พอมาโรงเรียนก็เรียนไม่รู้เรื่อง หลับในห้องเรียนบ้าง ก็เพราะต้องนั่งทำงานที่ครูสั่งไม่ใช่หรอ ครูก็บอกว่าสงสัยตรงไหนยกมือถามได้ พอเราถามครูเขาก็อธิบาย แล้วเราก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ครูก็บอกว่าถ้าไม่เข้าใจนี่แสดงว่าไม่ตั้งใจเรียนแล้วนะ แล้วใครมันจะมีสติมีสมาธิไปเรียนล่ะ คืนนึงได้นอนแค่ 4 ชม. สมองมันคงปลอดโปร่งมากมั้ง แต่ถึงยังไงเราก็พยายามที่จะตามเพื่อนให้ทัน พยายามที่จะเข้าใจ เราก็ไปศึกษาในยูทูป เราก็เข้าใจดี แต่ทำไมเวลาครูสอนเราถึงไม่เข้าใจ ไม่ใช่แค่เราคนเดียวนะ คนอื่นก็ด้วย เราก็ยิ่งคิดว่าการเรียนที่ผ่านไปมันไร้ประโยชน์ สู้เรียนรู้ด้วยตัวเองยังดีกว่า



ความเครียด?

ยิ่งการบ้านเยอะความเครียดก็ยิ่งมาก เพราะกลัวทำไม่ทัน คะแนนลดอีก พอสะสมมากๆเข้าก็เป็นโรคซึมเศร้า แล้วยิ่งต้องเจอกับสภาพแวดล้อมแบบนี้การคิดฆ่าตัวตายก็ยิ่งสูง ยอมรับนะว่าคิดเหมือนกัน คิดว่าตายๆไปได้ก็คงดี บางทีคนที่ไม่ส่งงานครูก็บอกว่าขี้เกียจ ไม่ตั้งใจเรียน หักคะแนน แล้วครูเคยนึกถึงเด็กบ้างหรือป่าวที่ต้องนั่งเครียดทำการบ้าน ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ไม่มีเวบาสรุปความรู้ ไม่มีเวลาค้นพบตัวเอง หาสิ่งที่ตนเองชอบ วันๆมีแต่คำว่าการบ้าน
เคยคิดบ้างไหมว่าเด็กที่ไม่อยากทำอะไรเลย งานไม่ส่ง บางทีเขาอาจจะตกหลุมพรางเป็นโรคซึมเศร้าจากความเครียดที่เขามีก็เป็นได้ เขาไม่มีแรงใจในการทำทุกสิ่ง จิตใจว้าวุ่นอยู่ตลอดเวลา ร้องไห้ เครียด เบื่อชีวิต บางคนที่รู้ความฝันของตัวเองแล้ว กลับไม่อยากทำมันต่อ ไม่มีแรงทำอะไรเลย เบื่อหน่ายกับชีวิต คนนะไม่ใช่เครื่องจักร ที่จะให้ทำงานทั้งวันทั้งคืน ก็อยากบอกให้คนอื่นได้รู้บ้างว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง



สิ่งที่เด็กอยากได้ไม่ใช่คำว่าสู้ๆ แต่คืออ้อมกอดกับการบ้านที่น้อยลง คนที่เข้าใจเขาเวลาเขามีปัญหา เป็นที่ปรึกษาให้เขาได้ ไม่ใช่การประชดประชันไม่ฟังเด็ก เด็กก็เครียดก็เสียใจเป็นนะ อย่าทำกับเด็กเป็นเครื่องจักรอีกเลย



การฆ่าตัวตาย?

ความเครียดมากๆก็ยิ่งทำให้คนอยากฆ่าตัวตาย อยากจะหนีออกไปให้พ้นๆ อยากจะหลุดพ้นจากความเครียดนี้ เราก็เป็นคนนึงที่คิดฆ่าตัวตาย หลายคนอาจจะบอกว่าปัญหาแค่นี้มันเรื่องเล็กน้อย โตไผต้องเจออะไรที่มากกว่านี้อีก มันก็ใช่ บางทีเราก็ไม่อาจเรียบเรียงความทุกข์ในใจออกมาหมดได้ แต่คนที่กำลังคิดสั้นอยู่เขาไม่ต้องการคำพูดแบบนั้น แต่เขาต้องการให้ใครสักคนพาเขาออกไป คนที่กรีดแขน ทำร้ายตนเอง เค้าไม่ได้ทำเพราะต้องการ แต่เขาทำเพื่อ "ร้องขอความช่วยเหลือ"ให้คนอื่นสนใจเขาบ้าง ให้คนอื่นพาเขาออกไปสักที เมื่อเขาไม่มีทางออก ไม่มีใคร ไม่มีวิธีที่จะทำให้เขาพ้นทุกข์ เขาก็จะเลือกการตายนี่แหละ



เอ้าทำไมมาถึงเรื่องนี้กันละเนี่ย จากเรื่องการบ้าน มาถึงการฆ่าตัวตาย ออกทะเลไปไกลแล้วว กลับมาก่อนน!!!



สำหรับคนที่เป็นห่วงเรา ไม่ต้องห่วงหรอก เรายังต้องอยู่อีกนาน เพราะใจเราไม่กล้าพอ ทำได้มากสุดก็แค่กรีดแขนตัวเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง5555



และที่อยากฝากไว้อย่างสุดท้าย คนที่คิดฆ่าตัวตายไม่ใช่คนอ่อนแอ เพียงแต่มันถึงขีดจำกัดของตัวเขาเองแล้ว เขาต้องทนมามากจนเขาทนไม่ไหว เพราะงั้นเลิกด่าว่าคนฆ่าตัวตายสักที มันอาจจะผิดศีลธรรมก็จริง แต่ในเมื่อตอนที่เขาอยู่คุณไม่อาจช่วยพวกเขาได้ คุณจะไปด่าเขาทำไม ก็อยากบอกไว้ให้ทุกคนรู้ว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง เขาไม่ได้อยากปลีกตัวจากสังคม ไม่ได้ไม่อยากกิน ไม่ได้ไม่อยากเที่ยว ไม่ได้ไม่อยากทำ แต่เขาเหนื่อยใจจนไม่มีแรงไปทำอะไรได้อีกต่างหาก
เพี้ยนสะอื้น

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่