มุสลิมต้องเข้าใจศาสนาตามบรรดาผู้รู้ไม่ใช่ด้วยอารมหรือจินตนาการของตนเอง

มุสลิมต้องเข้าใจศาสนาและยึดศาสนาตามความเข้าใจของบรรพชนรุ่นก่อน(สลัฟ) ดังหะดีษดังไปนี้ 

وعن العرباض بن سارية رضي الله عنه قال: وعظنا رسول الله صلى الله عليه وسلم موعظة بليغة، قلنا: يا رسول الله كأنها موعظة مودع فأوصنا قال: « أُوصِيكُمْ بِتَقْوَى اللهِ، وَالسَّمْعِ وَالطَّاعَةِ وَإنْ تَأمَّر عَلَيْكُمْ عَبْدٌ حَبَشِيٌّ، وَإِنَّهُ مَنْ يَعِشْ مِنْكُمْ فَسَيَرَى اختِلافاً كَثيراً، فَعَليْكُمْ بسُنَّتِي وسُنَّةِ الخُلَفاءِ الرَّاشِدِينَ المَهْدِيِيِّنَ عَضُّوا عَلَيْهَا بالنَّواجِذِ، وَإِيَّاكُمْ وَمُحْدَثَاتِ الأُمُورِ؛ فإنَّ كلَّ بدعة ضلالة ». [أخرجه : أبو داود ( 4607 ) ، وابن ماجه ( 43 ) ، والترمذي ( 2676 ) وقال: حديث حسن صحيح]  
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

         มีรายงานจากท่าน อัลอิรบาฎ บิน ซารียะห์ รอฎิยัลลอฮุอันฮู ได้กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ   ได้ให้คำตักเตือนแก่พวกเรา เป็นคำตักเตือนที่ลึกซึ้ง เราได้กล่าวว่า โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ เสมือนว่า มันเป็นคำตักเตือนอำลา ดังนั้นท่านโปรดสั่งเสียแก่พวกเราเถิด 

         "ฉันขอสั่งเสียพวกท่านให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ให้มีการเชื่อฟังปฏิบัติตาม หากแม้นว่าเขาเป็นทาสชาวหาบาชีย์ได้เป็นผู้นำแก่พวกเจ้า และแท้จริงใครมีชีวิตอยู่จากพวกเจ้า แล้วเขาจะได้เห็นความขัดแย้งเกิดขึ้นอย่างมากมาย ดังนั้นจำเป็นสำหรับพวกท่านจะต้องยึดมั่นต่อซุนนะห์ของฉัน และซุนนะห์ของบรรดาคูลาฟาฮฺอัรรอชีดีน(คอลีฟะห์ที่ได้รับการชี้นำอยู่ในทางนำที่ถูกต้อง) พวกท่านจงกัดมัน ด้วยกับฟันกราม และพวกท่านพึงระวัง จากการกระทำขึ้นมาใหม่ของกิจการงาน (อุตริขึ้นมาในศาสนา) เพราะว่าทุกการอุตริ คือความหลงผิด "

และยังมีหะดีษสนับสนุนอีกว่าท่านนบียกเกียรติบรรดาสาวกในยุคของท่านว่าเป็นประชาชาติที่ประเสริฐที่สุดและเข้าใจศาสนาได้ถูกต้องที่สุดดังนี้

خَيْرُ أُمَّتِي قَرْنِي ثُمَّ الَّذِينَ يَلُونَهُمْ ثُمَّ الَّذِينَ يَلُونَهُمْ 
"กลุ่มชนที่ดีที่สุดได้แก่ศตวรรษของฉัน ถัดไปก็เป็นพวกที่มาภายหลังพวกเขา ถัดไปก็เป็นพวกที่มาภายหลังพวกเขา(อีกรุ่นหนึ่ง)” 
ความหมายของ قَرْنِي (ศตวรรษของฉัน)  ณ ที่นี้หมายถึง ผู้คนที่อยู่ในศตวรรษเดียวกับฉัน และพวกเขาก็คือบรรดาศอฮาบะฮฺ และบรรดา(ขออัลลอฮฺทรงพอพระทัยต่อพวกเขา ) นั่นเอง 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

นั่นหมายความว่าการจะเข้าใจศาสนาได้นั้นเราควรยึดหลักความเข้าใจหลักศรัทธา(อากีดะห์) ตามแนวทางบรรดาสลัฟไม่ใช่ตามความเข้าใจของเราเป็นหลัก ถ้าหากเรายึดตามความเข้าใจเป็นหลักนั้น ย่อมผิดพลาดแน่ๆ เช่น มีบางกลุ่มเชื่อว่าอัลลอฮฺทรงอยู่ทุกที่ (ผมไม่รู้ที่มาของการตีความแบบนี้ อาจเพราะไปตีความว่าอัลลอฮฺรู้ทุกสิ่ง จึงต้องไปอยู่ ณ ที่นั้นๆ ถึงจะรู้เห็นได้ เพระาเอาอัลลอฮฺไปเทียบกับการรับรู้ของมนุษย์) อยู่ในมัคโลค(สิ่งถูกสร้าง) อันนี้เกิดจากความเข้าใจศาสนาของเขาโดยใช้จินตนาการไม่ได้เข้าใจตามบรรดาสลัฟ ทำให้เกิดความขัดแย้งในหลักคำสอน เพราะในอัลกุรอานอัลลอฮฺทรงบอก พระองค์อยู่เหนือ ณ บัลลังก์ ดังนี้ 
الرَّحْمَٰنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَىٰ
ผู้ทรงกรุณาปรานี(หมายถึงอัลลออฺ) ทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์ (ซูเราะห์ฏอฮา อายะห์ที่5)

และยังมีหลายสิ่งมากมาย หากไม่ยึดตามแนวทางสลัฟก็จะแตกแยกความคิดไปคนละด้านแม้กระทั่งเรื่องคุณลักษณะของอัลลอฮฺหรือท่าท่างการยืนละหมาด เป็นต้น 

เจตนาของผมคือต้องการตักเตือนมุสลิมด้วยกันเองให้เข้าใจศาสนาอย่างถูกต้องตามหะดีษดังนี 

مَنْ رَأَى مِنْكُمْ مُنْكَرًا فَلْيُغَيِّرْهُ بِيَدِهِ، فَإِنْ لَمْ يَسْتَطِعْ فَبِلِسَانِهِ، فَإِنْ لَمْ يَسْتَطِعْ فَبِقَلْبِهِ، وَذَلِكَ أَضْعَفُ الإِيمَانِ

“ใครก็ตามในหมู่ของพวกท่านที่เห็นความชั่วร้ายเขาจงเปลี่ยนแปลงมันด้วยมือของเขา
หากเขาไม่สามารถก็ด้วยลิ้นของเขา และหากไม่สามารถก็ด้วยหัวใจของเขา
ดังกล่าวนี้นั้น แสดงถึงระดับขั้นอีมานที่อ่อนแอที่สุดแล้ว”  (บันทึกโดย มุสลิม)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่