Burst of…FEVER by Rice Media Thailand

เป็นบทความค่อนข้างยาวที่น่าสนใจมากครับ เผยแพร่เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๓
เขียนโดยคุณพบธรรม ยิ่งไพบูลย์สุข จากเว็บ https://www.ricemedia.co/
เป็นการเล่าเรื่องจากการติดตามเพื่อสังเกตการณ์และการสัมภาษณ์วง FEVER
ประกอบรูปถ่ายที่เป็นชุด ชุดหนึ่งมีสามรูปต่อเนื่องกัน เพื่อให้รูปถ่ายได้เล่าเรื่องอย่างสมบูรน์
สามารถอ่านต้นฉบับได้ที่ https://www.ricemedia.co/thailand/burst-of-fever/


Burst of…FEVER

“ทุกคนดูจะซ้อมกันหนัก มันทำให้เครียดแค่ไหนเหรอ?” เราถาม
 
“ชอบฝันร้ายว่าแบบเราขึ้นไปแสดงแล้วเราทำพลาด หรือแบบทะเลาะกับเมมเบอร์อะไรอย่างงี้ มันจะชอบฝันร้ายแบบนั้น”
ฟอล์ยที่นั่งติดกับเราทางขวาพูดออกมาในขณะที่ทุกคนนั่งล้อมวงอยู่ในห้องซ้อมเพื่อคุยกับเรา

ชีวิตของวง Idol ที่แค่ร้องเพลง แต่งหน้า ทำผม แต่งตัวสวย ๆ ออกไปแสดงบนเวทีมันมีอะไรหลักฉากที่ไม่ได้เห็นและถูกเล่าอีกเยอะ

อาชีพที่โดนใครหลายคนมองว่าก็แค่เต้นกินรำกิน มันก็มีเกียรติ มีความยาก ความเครียด ไม่ต่างจากอาชีพอื่น ๆ นั่นแหละ


จริง ๆ แล้วชีวิต Chika Idol (ไอดอลที่ไม่ได้เน้นโปรโมตในสื่อหลัก) ที่ฉากหน้าดูสวยงาม
เบื้องหลังต้องแบกความคาดหวังเอาไว้หนักขนาดไหนกัน
ในฐานะที่เราเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงไอดอล (ไม่รู้รอดมาได้ยังไง) ก็ชักจะอยากรู้ขึ้นมาตะหงิด ๆ
เพราะแค่ให้เราออกไปเต้นแอปเปิล มะละกอ กล้วย ส้ม ในคาบลูกเสือ เรายังรู้สึกว่ามันยากเลย

การจะให้คนทั้งสิบสองคนเต้นให้พร้อมเพรียงกันดูจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าหนึ่งคนในนั้นเป็นเรา

นี่ยังไม่รวมการที่ไม่ได้อยู่ในสื่อกระแสหลัก ไม่ได้มีแรงผลักดันจากรอบข้างเยอะเท่าวงอื่น ๆ
ทำให้รูปแบบการทำงานเป็นกึ่ง ๆ แนวทางอินดี้
ยิ่งทำให้สมาชิกวง FEVER และทีมเบื้องหลังต้องทำงานกันหนักกว่าวงอื่น ๆ ที่อยู่ในกระแสหลัก
จะอธิบายให้ง่าย ๆ ก็เหมือนเราทำวงในแนวทางแบบอินดี้ที่ต้องสู้กับวงเมนสตรีมนั่นแหละ


เรายืนดูน้อง ๆ วง FEVER ซ้อมอยู่หน้าห้องซ้อมพักนึงก่อนจะเข้ามานั่งล้อมวงพูดคุยกันในอิริยาบทสบาย ๆ
ทุกคนแนะนำตัว เรากดมือถืออัดเสียงบทสัมภาษณ์ และแจกจ่ายขนมที่ซื้อติดไม้ติดมือมาฝาก

เรารู้ว่าวงไอดอลทุกวงต้องซ้อมหนักกันมาก
แต่พอเป็น Chika Idol ในอีกแนวทางจะยิ่งต้องทำงงานกันหนักขึ้น มีความเครียดอีกแบกที่ต้องแบกเอาไว้
แต่ที่ยังไงสังคมก็ต้องการวงอย่าง FEVER ก็เพราะแฟนเพลงบางคนชอบในแนวทางแบบนี้มากกว่า

เราก็โตมาในแวดวงดนตรีอันเดอร์กราวด์เหมือนกัน
ทำให้เราเข้าใจว่าทุกวง ทุกแนวต้องซ้อมหนักมากกว่าจะได้โชว์ที่ดีหนึ่งโชว์
แต่เราไม่เคยเข้ามาดูวงไอดอลซ้อมกันเลย จะว่าไปก็หนักกว่าที่คิดเหมือนกันนะ
เผลอ ๆ เราว่าซ้อมหนักกว่าวงแนว Death Metal ของเราด้วยซ้ำ
เพราะต้องทั้งร้องทั้งเต้นในเวลาเดียวกัน ทำให้ในหัวต้องคิดอยู่ตลอดเวลา
เท่าที่เรายืนดูเราเห็นสีหน้า เราเห็นความตั้งใจของน้อง ๆ ผ่านสายตา
ที่แม้ทุกคนจะดูสนุกกับการซ้อม แต่เราเชื่อว่าลึก ๆ ในใจ น้อง ๆ ทุกคนมีความเครียดทั้งนั้น

หลายคนอาจจะคิดว่าสบายจัง ได้แต่งหน้าแต่งตัวสวย ๆ มาเต้น ๆ ร้อง ๆ บนเวที
แต่หลายคนอาจจะลืมคิดว่ากว่าจะเห็นความพร้อมเพรียงและหนักแน่นอย่างวันนี้ที่เรามานั่งดู
น้องต้องผ่านการฝึกซ้อมอะไรมาเยอะแค่ไหน

เอ๊ะ แต่จะว่าไปพอเข้ามาในห้องจริง ๆ ก็หนาวเหมือนกันนะเนี่ย
ไม่รู้ว่าเพราะเราเป็นคนขี้หนาวหรือว่าเค้าต้องเปิดแอร์เย็น ๆ เพราะคนที่ซ้อมเต้นกันหนัก ๆ จะร้อนมาก


แค่เห็นน้อง ๆ ซ้อมเต้นกันเพลงละหลาย ๆ รอบ ก็รู้สึกเหนื่อยแทนแล้ว
เราคิดว่ากว่าจะเพอร์เฟกต์พร้อมโชว์ น้องคงจะเสียเหงื่อกันไปคนละหลายลิตร

นี่ยังไม่รวมแรงกดดันและความคาดหวังจากตัวเองแล้วก็คนรอบตัวอีกนะ
เราคิดเอาเองว่าน้องน่าจะแบกความเครียดไว้เยอะ
ผิดกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มบนเวทีหรือตามงานต่าง ๆ แน่นอน

เพราะถึงบางครั้งเวลามีคนเต้นผิด ทั้งเจ้าตัวและคนในวงก็จะขำกันสนุก
แต่เรารู้ว่าข้างในใจมันไม่ได้สนุกอย่างนั้น
เชื่อเถอะว่าไม่มีใครอยากทำพลาด แม้จะเป็นแค่ตอนซ้อมก็ตาม


“แรงกดดันจากคนอื่นเป็นอะไรที่เราไม่สามารถไปทำอะไรกับมันได้
เราทำได้แต่สู้กลับให้เต็มที่ในแบบของเรา
ฟังดูเหมือนกดดันตัวเองมันรับมือได้มากกว่าความกดดันคนอื่น แต่จริง ๆ ไม่เลย

อย่างตัวแปม แปมจะมีปัญหากับแรงกดดันของตัวเองมากกว่าแรงกดดันจากคนนอก
เพราะมักจะชอบคิดว่าต้องทำให้ได้ ต้องทำให้ดี จนสุดท้ายเกินกำลังแรงที่ตัวเองมี
สุดท้ายไม่เป็นอย่างที่ตัวเองหวังก็จะรู้สึกเสียใจ

วันที่แย่ที่สุดคือวันที่มองไม่เห็นค่าของตัวเองเลยสักนิดเดียว หายไปก็ได้ คงไม่กระทบกับใคร
ซึ่งวันนั้นจะผ่านไปไม่ได้เลยถ้าไม่มีครอบครัวคอยอยู่ข้าง ๆ”
สแปมที่เป็นหนึ่งในสมาชิกวง (คนที่สองจากทางขวาในภาพ) บอกเรา

ซึ่งอย่างที่ทุกคนเข้าใจ งานของวง FEVER มันคืองานหลัก
มันเหมือนทำงานประจำที่ต้องเข้าออฟฟิศนั่นแหละ
อย่างในจุดของการทำวง ทุกคนต้องทำงานกันเป็นทีม ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากจะเป็นตัวถ่วงของทีมอย่างแน่นอน
และเมื่อไหร่ที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นตัวถ่วงของทีม ความเครียดและความกดดันจึงตามมา

เราไม่รู้ว่าสแปมเป็นอะไรบนเวที ไม่รู้ว่าเหนื่อย หายใจไม่ทัน หรือว่าร้องไห้เพราะตื้นตัน
เพราะเราก็เพิ่งมาเห็นว่าน้องเป็นอะไรซักอย่างตอนนั่งดูภาพเหมือนกัน
เราเชื่อว่าแฟนเพลงที่ยืนอยู่แถวหน้า ๆ กับใบเฟิร์น (คนขวาสุด) น่าจะสังเกตเห็น


หลังจากเริ่มวงสนทนาในสตูดิโอซ้อมเต้นได้ไม่นาน
วงที่พวกเรานั่งล้อมคุยกันก็ใหญ่ขึ้นเพราะ ใบบัว ใบเฟิร์น กับบีม ที่เป็นเมมเบอร์ในวงตามมาสมทบทีหลัง
เรารู้ว่าไม่มีใครถนัดไปซะทุกอย่าง เลยอยากรู้ว่าเคยมีใครเต้นไม่ได้จนร้องไห้มั้ยนะ?

“ไหน ๆ ใครร้องไห้บ่อยที่สุด?” เราถามไปเล่น ๆ

ทุกคนในวงสนทนาหันขวับไปทางใบเฟิร์น (คนเสื้อม่วงในภาพ) บางคนก็ชี้มือไปทางนั้น เหมือนจะบอกว่าคนนี้ค่ะ

“ไม่ได้ร้องไห้ค่ะ แต่จะโดนดุบ่อย” ใบเฟิร์นตอบเราด้วยน้ำเสียงกึ่งอาย ๆ

“ใครดุอะครับ?” เรายิ่งสงสัย

“ทุกคน” ใบเฟิร์นตอบและหัวเราะอย่างกันเอง

“หนักสุดก็น่าจะเป็นหนู” ซูที่นั่งอยู่ทางขวาของเราพูดขึ้นมา
ใบเฟิร์นหัวเราะชอบใจกับเพื่อนตัวเอง ดูเหมือนใบเฟิร์นจะไม่ได้ถูกดุจนโกรธหรือท้ออะไร

“อาจารย์ซูค่ะ เพราะว่าหนูไม่มีพื้นฐานเต้น แล้วก็หัวช้านิดนึงเวลาเต้น
Feeling เป็นเพลงที่ยาก แต่หนูคิดว่า Start Again หนักสุด เพราะเป็นเพลงแรก
แล้วหนูเป็นคนไม่มีทักษะเรื่องนี้ ก็จะคล้าย ๆ ฟอล์ยคือแบบเป็นคนจำช้า”
ใบเฟิร์นอธิบายอย่างคร่าว ๆ

“เคยเต้นมาก่อนเปล่านะ?”

“ไม่เคย ไม่เคยเต้นเลย ชอบดูอย่างเดียวแต่ไม่เคยลอง”

“คิดว่าตอนนี้เก่งขึ้นมากมั้ย?”

“เก่งขึ้นมากค่ะ เก่งขึ้นมาก เก่งขึ้นมากจริง ๆ” ปายที่นั่งอยู่เยื้องไปทางซ้ายของเราพูดขึ้นมาหลังจากเป็นผู้ฟังอยู่นาน

“ฮืออออออ ไม่รู้ ก็…อาจจะดีกว่าตอนแรกหรือเปล่า หนูก็ไม่รู้ จริงเหรอ?” ใบเฟิร์นพูดออกมาเสียงอ่อย ๆ อย่างไม่มั่นใจ


เราสังเกตเห็นเสียงของใบเฟิร์นเริ่มสั่น น้ำตาเริ่มคลอเบ้า
เราไม่รู้ว่าน้องแบกความรู้สึกอะไรไว้ในใจแค่ไหน
เเต่ตอนนั้นเราได้แต่คิดว่า อย่าร้องนะ อย่าร้องไห้นะ ได้โปรด
แล้วแบบนี้ AR (ฝ่ายดูแลศิลปิน) ของวงที่มายืนดูเราสัมภาษณ์อยู่จะคิดยังไงล่ะเนี่ย

“เมื่อก่อนอะสามวันพี่ใบเฟิร์นถึงทำได้ แต่ตอนนี้ทำได้ในวันเดียวแล้ว บางท่าอะ เก่งขึ้นเยอะ” ใบบัวเสริมขึ้นมา

“เร็ว” บีมที่นั่งอยู่ติดกับใบเฟิร์นเสริมขึ้นมาสั้น ๆ อย่างเห็นด้วย

“ใช่ เร็วขึ้นเยอะเลย เมื่อก่อนช้ากว่านี้” ใบบัวพูดต่อ

“ไม่ค่อยมั่นใจ เป็นคนแบบไม่ค่อยมั่นใจ” ใบเฟิร์นเริ่มจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
จากมุมคนที่เพิ่งจะเคยเข้ามาดูเบื้องหลัง เราตกใจกับเเรงกดดันที่น้องเจอมาก
คือคิดดูว่าแค่ถามไม่กี่คำน้องก็ร้องไห้ออกมาแล้ว เหมือนกับว่าเป็นเรื่องที่อัดอั้นมานาน
เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่าชีวิตของไอดอลที่ดูสวยงามโรยด้วยกลีบกุหลาบจะต้องเจอแรงกดดันมหาศาลขนาดนี้

“มีตอนไหนที่เครียดที่สุด เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ย?” เราเสี่ยงถามดูเพราะอยากรู้ เพราะจริง ๆ เราก็ไม่ได้อยากเห็นน้องร้องไห้เลย

ใบเฟิร์นเริ่มสะอื้นออกมา พึมพำกับตัวเองเบา ๆ จับใจความได้ว่า ‘เราเครียดอะ’
จนถึงตอนนี้ทุกคนภายในห้องก็ตกใจปนกังวล ทุกสายตาจับจ้องมาที่ใบเฟิร์นด้วยความเป็นห่วง

“โอ๋ ๆ ๆ ๆ” ใบบัวพยายามปลอบเมมเบอร์รุ่นพี่

“ตอนนี้ซ้อมเพลงใหม่กันอยู่ค่ะ” ใบหม่อนหันมาพูดกับเรา

ใบเฟิร์นยังสะอื้นอยู่ เราเห็นน้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาก่อนที่ใบเฟิร์นจะปาดออกแล้วพูดเสียงอ่อย ๆ ว่า

“มันก็…เครียดตลอดแหละ อือ………” เสียงสะอื้นดังขึ้นมาอีกครั้ง

“กังวลเฉย ๆ หนูขี้กังวล แบบหนูจำช้าอะไรแบบนี้อะค่ะ หนูก็เครียดทุกเพลง
แต่ว่าเพลงที่มันยากก็จะเครียดนิดนึง ถ้าเป็นเพลงแบบ Stop ก็จะเครียดน้อยสุด”
ใบเฟิร์นพูดกับเราด้วยน้ำเสียงที่ฟังรู้เรื่องมากขึ้น

“อะกินหนมก่อน” เราพูดพร้อมยื่นเยลลี่ที่ซื้อมาฝากให้น้อง

ใบเฟิร์นเริ่มหัวเราะขึ้นมาได้เบา ๆ ก่อนจะรับเยลลี่ไป
ไม่ยักจะรู้ว่าเรื่องเล็กน้อยแบบแค่ได้กินเยลลี่มันทำให้น้องมีกำลังใจและมีความหมายกับน้องได้ขนาดนี้
ที่ผ่านมาเราคิดว่าไอดอลทุกคนจะถือตัวกว่านี้ซะอีก
ตอนเข้ามาสัมภาษณ์ในทีแรกก็แอบกลัวเหมือนกันว่าน้องจะไม่อยากคุยกับเรา

ตอนนี้ทุกคนพยายามพูดปลอบและให้กำลังใจกันจ้าละหวั่น ซึ่งทำให้เราเห็นทีมเวิร์กในวงมาก

หลังจากนั้นใบเฟิร์นก็เล่าว่าที่จริงตัวเองถนัดร้องเพลงมากกว่า แต่พอมาอยู่จุดนี้เลยต้องเต้นด้วย ซึ่งไม่ถนัดเลย
การที่เราต้องแบกความคาดหวังของตัวเองและคนอื่นเอาไว้มันคงจะหนักจริง ๆ
การที่ต้องจำลำดับท่าเต้นเป็นร้อย ๆ ท่า และเต้นออกมาต่อหน้าคนเป็นร้อยเป็นพันคน
ก็คงจะหนักไม่ต่างจากการที่เราต้องเข้าประชุมวางแผนปีหน้าสำหรับออฟฟิศเหมือนกันล่ะนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่