เคล็ดลับของการทำนายแม่นยำ ไม่ใช่การทายเอาใจ แต่ทายตามความเป็นจริง โดยดูจากธรรมชาติที่แท้จริง เข้าใจธรรมชาติ และปรากฏการณ์บนฟ้าจริง
ในวิชาโหราศาสตร์ภาคดวงดาวนั้น ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ มีความสำคัญมาก เป็นดาวที่ต้องดูเป็นอันดับแรก เมื่อพิจารณาดวงชะตาหรือเหตุการณ์ครับ
สำหรับ "ลัคนา" เป็นตัวบอกเหตุการณ์ดีหรือร้าย ที่ประกอบกับช่วงเวลานั้น โดยมีดาวจริง/ดาวทิพย์อื่นๆ เป็นตัวเสริมปฏิกิริยาขึ้น
มีผู้ศึกษาจำนวนมากนิยมดูตำแหน่งดาวจากปฏิทินหรือโปรแกรม ขาดการศึกษาดวงดาวฟ้าจริง จึงไม่เข้าใจปฏิกิริยาของธรรมชาติ
อาทิเช่น ตัวดวงจันทร์มีแสงมากและแสงน้อย มีผลต่อกำลังของมัน, มีขนาดใหญ่และขนาดเล็กเมื่อขยับข้าใกล้โลก และขยับไกลออกจากโลก มีผลให้ปฏิกิริยาของเหตุการณ์แรงและอ่อน
สำหรับแสงนวลของดวงจันทร์ เป็นแสงเงา เป็นมายา เกิดจากพระอาทิตย์ จึงเป็นจริตที่แสดงออก จากรัศมีแสงพระอาทิตย์เท่านั้น แต่ตัวตนของมันมิได้เป็นเช่นนั้น ดังนั้นการดูรากเหง้าของตัวตนสัตว์ให้ดูที่พระอาทิตย์ของดวงชะตา เพราะเป็นแหล่งกำเนิดแสงแท้ ที่สร้างชีวิตให้สรรพสัตว์ หน้าที่การงาน การประกอบอาชีพ ภาพลักษณ์ของบุคคลใช้ทายจากอาทิตย์เป็นหลักก่อนแล้วจึงขยายความดีร้าย
สำหรับดาวขนาดใหญ่ อาทิ ดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดี มีมวลมาก มีแรงโน้มถ่วงส่งมาสู่โลกมหาศาล
จึงเป็นดาวใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญ เป็นน้ำหนักของดวง
ยามใดที่ดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดีอยู่ด้านเดียวกันดังในการจรปัจจุบัน อยู่ราศีกุมภ์ แรงโน้มถ่วงในด้านราศีกุมภ์จึงมีมากกว่า
ให้เปรียบเทีบกับม้าหมุนที่หมุนอยู่ มีเด็กอ้วนใหญ่ 2 คนนั่งม้าหมุนด้านเดียวกัน
ส่วนเด็กผอมนั่งอีกด้านหนึ่ง ผลคือ ม้าหมุนจะหมุนควงแทบคว่ำคะมำ
ลำดับการอ่านต้องอ่านดาวใหญ่กว่า คือ ดาวพฤหัสบดีก่อน เป็นการอ่านดาวเหตุการณ์ตามน้ำหนักและความสำคัญ
จากนั้นใช้องศาราศีที่ดาวโคจรอยู่ดูกำลังว่าเป็น เกษตรบดี, หรือมหาอุจจ์, หรือดี-เสียอย่างไร?
.
.
ขออธิบายภาพก่อน
ภาพจาก: โปรแกรม Stellarium ( ดาวโหลดใช้งานได้ฟรี! ที่ stellarium.org)
จากภาพนี้ แสดงถึงมุมมองซึ่งตัวผู้สังเกตุการณ์มอง ณ จุดขั้วโลกเหนือ ผ่านไปยังขั้วโลกใต้
ให้ผู้อ่านลองจินตนาการว่า ตัวเรากำลังยืนหนาวอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ และก้มหน้ามองลงบนพื้นดิน ทันใดนั้น พื้นดินก็หายไป สายตาของเราจึงสามารถมองเห็นทะลุปรุโปร่งลงไปยังมิติกลางอากาศ
โดยในภาพประกอบด้านบน ให้แทนเส้น ดังนี้
เส้นวงกลมสีฟ้า คือ เส้นศูนย์สูตร เข็มขัดรัดแบ่งผ่าโลกเป็นซีกเหนือ-ใต้
เส้นวงกลมสีส้ม คือ แสดงวงรอบสุริยวิถี หรือเส้นแบ่ง 12 ราศี (ราศีละ 30°) เป็นวงที่โหรใช้ดูดาวจรในราศีต่างๆ นั่นเอง
สำหรับจุดแบ่งเข้าราศีเมษและตุลย์ คือ จุดตัดกันของเส้นวงกลมสีฟ้าและสีส้ม จำนวน 2 จุด
โดย จุดแรก อยู่มุมล่างขวา เป็นจุดเข้าราศีเมษ (0°) เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ (ราว 19-20 มีนาคมของทุกปี) พระอาทิตย์โคจรอ้อมเหนือ ทำให้สรรพสิ่งเหนือเส้นศูนย์สูตรสัมผัสลมหนาวเย็นจากขั้วโลกเหนือลดลง
จากนั้นไล่ทวนเข็มนาฬิกาสู่ จุดที่ 2 ตรงมุมบนซ้าย (180°) เป็นจุดเริ่มเข้าราศีตุลย์ ทั้งเป็นการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วง (ราว 22-23 กันยายนของทุกปี) พระอาทิตย์โคจรอ้อมใต้ ทำให้สรรพสิ่งเหนือเส้นศูนย์สูตรสัมผัสลมหนาวเย็น หรืออากาศเย็นมากขึ้น
ภาพวงจักรราศีอวกาศด้านบนนี้ ใช้ทายจรสถานะการณ์ของโลกทั้งใบ
โดยเราจะสังเกตุเห็นที่ราว 300° กว่าๆ ได้ว่า
ดาวเสาร์ อยู่ในราศีกุมภ์ นับเป็นเกษตรบดี (สายปโตเลมี สายโบราณ ยังไม่ใช้ราหู ดาวเสาร์เป็นเกษตรบดีที่ราศีนี้)
ในขณะที่ดาวพฤหัสบดีเสียตำแหน่ง
จึงออกคำทายว่า บุคคลหรือกิจการงานที่เกี่ยวกับความสุขความโชคดีจะไม่สำเร็จสมบูรณ์ ผู้คนในโลกจะเจ็บป่วย เหน็ดเหนือยกาย มีความทุกข์ ต้องทนทุกข์ และตรากตรำ เพื่อความสำเร็จที่ยังไม่มาถึง (ดาวเสาร์ คือ ทุกกาย)
แต่บุคคล, รัฐ, เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแรงกาย รัฐที่ใช้สัญลักษณ์ชนชั้นแรงงาน ค้อน เคียว (อาทิ จีน, รัสเซีย, เกาหลีเหนือ, ฯลฯ) จะมีสถานะการณ์ที่ดีกว่า
ใครไม่อยากเป็นโควิดให้ออกกำลังกาย ทำงานเข้มแข็ง อาบเหงื่อต่างน้ำ ให้เกิดกำลังภูมิคุ้มกันต่อสุขภาพของตนเอง ปลูกผัก ปลูกหญ้า ทำรั้ว ก่ออิฐ
สำหรับดวงจันทร์กำลังโคจรไปหาดวงอาทิตย์ในราศีมังกร ดาวจันทร์จะเสียตำแหน่ง และดับด้วย ฉะนั้นกิจการงานต่างๆ
ในช่วงวันที่ 12-13 มกราคม อย่าหาทำเรื่องใหญ่ อดใจไว้ก่อนนะ มันมีเงื่อนงำ อาจไม่ได้ผลตามที่คิด
วันนี้ก็สอนเทคนิคประมาณนี้ครับ ลองหาทำฝึกดูดาวฟ้าจริง จากโปรแกรม stellarium ก่อน
ขอให้ผู้ศึกษาทุกคนโชคดี ใช้สถิติโหราศาสตร์อย่างแม่นยำและเป็นประโยชน์ครับ - เอกโหรา
สอนดาราศาสตร์ฟ้าจริงเบื้องต้น สำหรับคนเรียนโหร - เอกโหรา
เคล็ดลับของการทำนายแม่นยำ ไม่ใช่การทายเอาใจ แต่ทายตามความเป็นจริง โดยดูจากธรรมชาติที่แท้จริง เข้าใจธรรมชาติ และปรากฏการณ์บนฟ้าจริง
ในวิชาโหราศาสตร์ภาคดวงดาวนั้น ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ มีความสำคัญมาก เป็นดาวที่ต้องดูเป็นอันดับแรก เมื่อพิจารณาดวงชะตาหรือเหตุการณ์ครับ
สำหรับ "ลัคนา" เป็นตัวบอกเหตุการณ์ดีหรือร้าย ที่ประกอบกับช่วงเวลานั้น โดยมีดาวจริง/ดาวทิพย์อื่นๆ เป็นตัวเสริมปฏิกิริยาขึ้น
มีผู้ศึกษาจำนวนมากนิยมดูตำแหน่งดาวจากปฏิทินหรือโปรแกรม ขาดการศึกษาดวงดาวฟ้าจริง จึงไม่เข้าใจปฏิกิริยาของธรรมชาติ อาทิเช่น ตัวดวงจันทร์มีแสงมากและแสงน้อย มีผลต่อกำลังของมัน, มีขนาดใหญ่และขนาดเล็กเมื่อขยับข้าใกล้โลก และขยับไกลออกจากโลก มีผลให้ปฏิกิริยาของเหตุการณ์แรงและอ่อน
สำหรับแสงนวลของดวงจันทร์ เป็นแสงเงา เป็นมายา เกิดจากพระอาทิตย์ จึงเป็นจริตที่แสดงออก จากรัศมีแสงพระอาทิตย์เท่านั้น แต่ตัวตนของมันมิได้เป็นเช่นนั้น ดังนั้นการดูรากเหง้าของตัวตนสัตว์ให้ดูที่พระอาทิตย์ของดวงชะตา เพราะเป็นแหล่งกำเนิดแสงแท้ ที่สร้างชีวิตให้สรรพสัตว์ หน้าที่การงาน การประกอบอาชีพ ภาพลักษณ์ของบุคคลใช้ทายจากอาทิตย์เป็นหลักก่อนแล้วจึงขยายความดีร้าย
สำหรับดาวขนาดใหญ่ อาทิ ดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดี มีมวลมาก มีแรงโน้มถ่วงส่งมาสู่โลกมหาศาล
จึงเป็นดาวใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญ เป็นน้ำหนักของดวง
ยามใดที่ดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดีอยู่ด้านเดียวกันดังในการจรปัจจุบัน อยู่ราศีกุมภ์ แรงโน้มถ่วงในด้านราศีกุมภ์จึงมีมากกว่า
ให้เปรียบเทีบกับม้าหมุนที่หมุนอยู่ มีเด็กอ้วนใหญ่ 2 คนนั่งม้าหมุนด้านเดียวกัน
ส่วนเด็กผอมนั่งอีกด้านหนึ่ง ผลคือ ม้าหมุนจะหมุนควงแทบคว่ำคะมำ
ลำดับการอ่านต้องอ่านดาวใหญ่กว่า คือ ดาวพฤหัสบดีก่อน เป็นการอ่านดาวเหตุการณ์ตามน้ำหนักและความสำคัญ
จากนั้นใช้องศาราศีที่ดาวโคจรอยู่ดูกำลังว่าเป็น เกษตรบดี, หรือมหาอุจจ์, หรือดี-เสียอย่างไร?
.
.
ขออธิบายภาพก่อน
ภาพจาก: โปรแกรม Stellarium ( ดาวโหลดใช้งานได้ฟรี! ที่ stellarium.org)
จากภาพนี้ แสดงถึงมุมมองซึ่งตัวผู้สังเกตุการณ์มอง ณ จุดขั้วโลกเหนือ ผ่านไปยังขั้วโลกใต้
ให้ผู้อ่านลองจินตนาการว่า ตัวเรากำลังยืนหนาวอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ และก้มหน้ามองลงบนพื้นดิน ทันใดนั้น พื้นดินก็หายไป สายตาของเราจึงสามารถมองเห็นทะลุปรุโปร่งลงไปยังมิติกลางอากาศ
โดยในภาพประกอบด้านบน ให้แทนเส้น ดังนี้
เส้นวงกลมสีฟ้า คือ เส้นศูนย์สูตร เข็มขัดรัดแบ่งผ่าโลกเป็นซีกเหนือ-ใต้
เส้นวงกลมสีส้ม คือ แสดงวงรอบสุริยวิถี หรือเส้นแบ่ง 12 ราศี (ราศีละ 30°) เป็นวงที่โหรใช้ดูดาวจรในราศีต่างๆ นั่นเอง
สำหรับจุดแบ่งเข้าราศีเมษและตุลย์ คือ จุดตัดกันของเส้นวงกลมสีฟ้าและสีส้ม จำนวน 2 จุด
โดย จุดแรก อยู่มุมล่างขวา เป็นจุดเข้าราศีเมษ (0°) เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ (ราว 19-20 มีนาคมของทุกปี) พระอาทิตย์โคจรอ้อมเหนือ ทำให้สรรพสิ่งเหนือเส้นศูนย์สูตรสัมผัสลมหนาวเย็นจากขั้วโลกเหนือลดลง
จากนั้นไล่ทวนเข็มนาฬิกาสู่ จุดที่ 2 ตรงมุมบนซ้าย (180°) เป็นจุดเริ่มเข้าราศีตุลย์ ทั้งเป็นการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วง (ราว 22-23 กันยายนของทุกปี) พระอาทิตย์โคจรอ้อมใต้ ทำให้สรรพสิ่งเหนือเส้นศูนย์สูตรสัมผัสลมหนาวเย็น หรืออากาศเย็นมากขึ้น
ภาพวงจักรราศีอวกาศด้านบนนี้ ใช้ทายจรสถานะการณ์ของโลกทั้งใบ
โดยเราจะสังเกตุเห็นที่ราว 300° กว่าๆ ได้ว่า
ดาวเสาร์ อยู่ในราศีกุมภ์ นับเป็นเกษตรบดี (สายปโตเลมี สายโบราณ ยังไม่ใช้ราหู ดาวเสาร์เป็นเกษตรบดีที่ราศีนี้)
ในขณะที่ดาวพฤหัสบดีเสียตำแหน่ง
จึงออกคำทายว่า บุคคลหรือกิจการงานที่เกี่ยวกับความสุขความโชคดีจะไม่สำเร็จสมบูรณ์ ผู้คนในโลกจะเจ็บป่วย เหน็ดเหนือยกาย มีความทุกข์ ต้องทนทุกข์ และตรากตรำ เพื่อความสำเร็จที่ยังไม่มาถึง (ดาวเสาร์ คือ ทุกกาย)
แต่บุคคล, รัฐ, เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแรงกาย รัฐที่ใช้สัญลักษณ์ชนชั้นแรงงาน ค้อน เคียว (อาทิ จีน, รัสเซีย, เกาหลีเหนือ, ฯลฯ) จะมีสถานะการณ์ที่ดีกว่า
ใครไม่อยากเป็นโควิดให้ออกกำลังกาย ทำงานเข้มแข็ง อาบเหงื่อต่างน้ำ ให้เกิดกำลังภูมิคุ้มกันต่อสุขภาพของตนเอง ปลูกผัก ปลูกหญ้า ทำรั้ว ก่ออิฐ
สำหรับดวงจันทร์กำลังโคจรไปหาดวงอาทิตย์ในราศีมังกร ดาวจันทร์จะเสียตำแหน่ง และดับด้วย ฉะนั้นกิจการงานต่างๆ ในช่วงวันที่ 12-13 มกราคม อย่าหาทำเรื่องใหญ่ อดใจไว้ก่อนนะ มันมีเงื่อนงำ อาจไม่ได้ผลตามที่คิด
วันนี้ก็สอนเทคนิคประมาณนี้ครับ ลองหาทำฝึกดูดาวฟ้าจริง จากโปรแกรม stellarium ก่อน
ขอให้ผู้ศึกษาทุกคนโชคดี ใช้สถิติโหราศาสตร์อย่างแม่นยำและเป็นประโยชน์ครับ - เอกโหรา