(มีเรื่องเรทนิดหน่อย)
เราคบกับแฟนมาได้สองปี เราอายุ 30 แล้ว ผ่านการมีความรักมาหลายครั้ง แต่รักครั้งนี้เป็นรักที่ทำให้เรามีความสุขที่สุด เป็น long distanceอยู่คนละประเทศ ใช้เวลาที่คบกันมาเพื่อให้ความรัก ความเข้าใจ ความสุขต่อกันและกัน ข้อเสียของเค้าอย่างนึงคือเป็นคนขี้หึงหวงมากๆ เราไม่สามารถมีเพื่อนผู้ชายได้เลย แต่จริงๆก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเราสองคนต่างใข้เวลาด้วยกันเยอะมาก และนั่นก็เพียงพอและเติมเต็มความรู้สึกได้แล้ว
แต่เราจะมีปมอยู่เรื่องนึงคือก่อนที่จะได้คบกับเขา เราพูดคุยกับผู้ชายคนนึงมาก่อน สนิทกันมากๆ แต่ตัวเราไม่ได้ชอบพอกัน สนิทแบบเพื่อนคนนึง แต่พอเราเริ่มค้นความสัมพันธ์กับแฟน เค้าขอให้เราบล๊อกเพื่อนคนนั้นด้วยความไม่สบายใจ และเราตัดสินใจทำเพราะสุดท้ายแล้วเราเลือกแฟน เพราะเขาทำให้เรามีความสุข และเรายอมแลกด้วยการเสียความเป็นเพื่อนกับอีกคน แต่ในขณะเดียวกันเราก็รู้สึกผิดที่ต้องทำแบบนี้
ตลอด 1 ปีแรกมี่เราบล๊อคเพื่อน เพื่อนจะทักมาหาบ้าง อวยพรในวันต่างๆ หรือขอความช่วยเหลือด้วยบัญชีสมัครใหม่ และมีข้อตกลงว่าเราต้องรายงานแฟน (จริงๆมีพาสเวิด social mediaต่างๆของกันและกัน) ถ้าหากมีใครมาคุยกับเรา
แต่ต้นปีที่ผ่านมา เพื่อนผู้ชายทักทายมาอีก และมีการพูดบางอย่างที่สะกิดใจเราให้รู้สึกผิด และเราเห็นว่าล่วงเวลามานานแล้ว จึงลองขออนุญาตแฟน ที่จะกลับมามีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนคนนี้บ้างตามความเหมาะสม
แฟนยอมโดยมีกฏให้เราทำตามเยอะมากๆ อย่างเข่น ห้ามส่งข้อความคุยกันหลังเที่ยงคืน ถ้าเราคุยกับแฟนอยู่ ห้ามแม้แต่พิมพ์ข้อความกับเพื่อนเรา เป็นต้น เค้าบอกว่าเค้าไม่อยากแบ่งเราให้กับใคร แต่เค้าเข้าใจว่าเพื่อนเราคนนี้เป็นคนดี (จากที่เคยเห็นบทสนทนาของเรากับเพื่อนสมัยก่อน) จึงยอมให้ปลดบล๊อคแล้วพูดคุยกันได้
ณ ตอนนั้นเราไม่ได้บอกเพื่อนชายว่าเราเป็นแฟนกับแฟนเรา เค้าอยู่ประเทศเดียวกัน และเคยรู้จักกันผ่านเราเล็กน้อยสมัยก่อนที่เราจะคบกับแฟน
พอเรามีโอกาศได้คุย มันเหมือนปมในใจถูกแกะออก เราดีใจมาก ที่เราไม่ต้องทำลายมิตรภาพกับเพื่อนคุยที่ดีมากๆคนนึง
แต่การกลับมาได้คุยคราวนี้ เพื่อนของเราเล่าให้ฟังส่า ตลอดปีที่เราบล๊อคเค้า เกิดเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตเค้าเยอะมาก ทั้งตกงาน ทั้งเรื่องความรักของเค้าก็ไม่สมหวัง โดนผู้หญิงทิ้งไปและเค้าเสียใจมาก และเค้าไม่มีใครแม้แต่จะเป็นที่พึ่งเพื่อระบาย มันทำให้เรายิ่งรู้ผิดและยิ่งรู้สึกว่าเราจะพยายามชดเชยในสิ่งที่เราทำร้ายเค้า (ที่เป็นเพื่อนที่คุยด้วยกันเยอะมาก แต่อยู่ดีๆกลับทิ้งเขาไป) เค้าจะย้ำกับเราบ่อยๆว่าเราทิ้งเค้าไว้ข้างหลังในยามที่เค้าต้องการที่พึ่งทางใจ และก็ทำให้เรารู้สึกผิด
ต้องขอเล่าก่อนว่า ด้วยความที่เราสนิทกับเพื่อนชายคนนี้มากตั้งแต่ก่อนเราคบแฟนคนปัจจุบัน เรากับเพื่อนคุยกันเรื่องสัพเพเหระทุกเรื่อง แต่ตามประสาผู้ชาย เค้าวกเข้าเรื่องทางเพศ ถามอะไรเล็กๆน้อย สมัยก่อนพอมันเป็นการถามเพราะสงสัย อย่างเช่น เราบริสุทธิ์มั้ย หรือ เรามีประสบการณ์แบบไหนๆรึปล่าว เราก็จะตอบไป เพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ไม่ได้อนาจาร และเราเองไม่เคยคิดจะถามอะไรกับเพราะไม่ได้ชอบหรือสนใจเรื่องพวกนี้ต่อเพื่อนชาย แต่มีครั้งนึงที่เค้าบอกว่าเค้าอยากจะขอให้เราดูรูปลับของเค้าเพราะเค้ามีความกังวลอะไรบางอย่าง เราตอบว่าไม่อนุญาตทันที และนั่นทำให้เขาไม่เคยเกินเลยและเคารพสิ่งที่เราขอ สมัยนั้นเค้าจะย้ำกับเราเสมอว่าเค้ามองว่าเราเป็นคนเก่ง น่ารัก แต่เค้าจะไม่จีบ หรือพูดเรื่องอย่างว่า เพราะเค้าเคารพเรา เค้าเห็นเราเป็นเพื่อนที่ดี สิ่งเหล่านี้ก็เลยทำให้เรารู้สึกดีที่ได้เขาเป็นเพื่อน และรู้สึกผิดมากช่วงเวลาที่เราเลือกจะบล๊อคเขาเพื่อจะคบกันแฟนเพื่อให้แฟนเราสบายใจ
พอแฟนเราอนุญาตให้เรากลับมาคุยกับเพื่อนคนนี้ อย่างที่เล่าไปว่า พอได้เปิดอกคุยกันว่าเราขอโทษที่เราหายไป เค้าจะย้ำตลอดว่าเค้าต้องผ่านอะไรมาอย่างหาหัสโดยที่ไม่มีใครปลอบและให้กำลังใจ แม้แต่เพื่อนที่เค้าสนิทใจที่สุด (เค้าหมายถึงเรา) ยิ่งเวลาผ่านเราเลยยิ่งรู้สึกผิด และรู้สึกอยากชดเชย และบอกเขาไปว่าอะไรที่เราทำได้เราจะทำ
และในการกลับมาคุยกัน เราได้บอกเพื่อนชายไปว่าเราคบกับแฟนเราคนนี้ และที่เราบอกเพราะเราจะอธิบายว่าเรามีข้อจำกัดในการคุยกับเขา เพราะแฟนเราหึงหวง กลับมาคุยกันได้ แต่เราจะไม่ใข้เวลาส่วนมากไปกับการพูดคุยกับเค้านะจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ เพื่อนเราแสดงการไม่พอใจออกมาด้วยการพูดน้อยใจตัดพ้อ และพยายามทำให้เราสงสารเค้า และเวลาผ่านล่วงเลยมา เค้าจะพยายามพูดว่าความรักของเรากับแฟนมันเป็นไปไม่ได้หรอก และแฟนเรามาจากพื้นที่ๆผู้ชายนิสัยไม่ดี ไม่จริงใจ ไม่เหมือนคนในพื้นที่เขาที่ปกติจะจริงใจ รักเดียวใจเดียวกว่า ซึ่งเรื่องนี้เราปล่อยเขาพูดแต่ในใจแอบไม่พอใจด้วยซ้ำเพราะเรารู้กสึกว่าแฟนของเรามอบความรักให้กับเราและทำดีด้วยแค่ไหน และเราก็ค่อยๆเห็นว่าเพื่อนของเราที่เรารู้จักและเป็นคนที่น่าคบพูดคุยด้วยได้ทุกเรื่อง เริ่มตฝเปลี่ยนไปจากที่เราได้สัมผัส
สรุปเวลาผ่านไป เขากับมาคุยเรื่องอย่างว่าอีก เรารู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะเรารู้ตัวเลยว่าถ้าแฟนรู้เข้า ต้องมีปัญหา แต่ด้วยความที่เรารู้สึกผิดที่เราบล๊อคเพื่อนไปเป็นปีๆ บวกกับข้อสัญญาว่าเราจะพยายามชดเชยความผิดของเรา เราจบลงที่การปล่อยปะละเลยความใจแข็งของตัวเองเพื่อไม่ทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม และเราคอนข้างมั่นใจว่าเพื่อนชายเราเองรุกหนักมาก ที่จะยัดเยียดการพูดคุยเรื่องอย่างว่ากับเรา มันเริ่มจากการที่เขาส่งภาพของลับเขามาโดยไม่รอเราอนุญาต และถามความเห็น แทนที่เราจะต่อว่าเขาไป หรือเลิกคุย เรากลับตัดสินใจฝืนตัวเองรับผิดชอบที่เราทิ้งเค้าไป ด้วยการ ตอบคำถามในเรื่องที่เค้าถาม โดยที่เราจะไม่ตอบในการส่อว่าเราชอบที่จะคุยกับเขาเรื่องนี้ อย่างเช่นตอบสั้นๆ เลี่ยงคำที่เป็นคำชม (ที่เขาพยายามจะให้เราพูด) รวมไปถึงการที่เราพยาบามเปลี่ยนเรื่องคุย เราไม่ใจแข็งพอที่จะใจร้ายและตอบปฏิเสธ
และพอได้เริ่มแล้ว เขาก็ยิ่งรุกหนักกว่าเดิม (ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เราคุยกันเป็นเรื่องอย่างว่า แต่เรายกประเด็นนี้ขึ้นมาเพราะมันคือปัญหา) เขาทำคำถามรุกหนักขึ้น คุยเรื่องอย่างว่าต่างๆ อย่างเช่นเค้าชอบดูอะไรของร่างกายผู้หญิง อะไรที่ปลุกอารมณ์เขา และบางทีก็มีถามกลับมาบ้าง ซึ่งเราจะพยายามตอบให้มันดูเรท น้อยที่สุด เพราะคิดเอาเองว่าเรากำลังพยายามไม่อยากขัดเพื่อน(ที่เพิ่งจะได้มีโอกาสกลับมาคุยกันอีก) แต่ก็ตอบคำถามให้มันเป็นบทสนทนาแบบเหมือนเพื่อนสนิทคุยกัน ซึ่งจริงๆแล้วเรารู้สึกไม่ดีเลยที่กำลังคุยกับเพื่อนชายในเรื่องต้องห้าม แต่ด้วยความโง่เขลาของตัวเองที่ยังเอาเรื่องความรู้สึกผิดที่ทิ้งเค้าไว้มาปล่อยให้เค้าเข้าหาเราแบบนี้
แน่นอนพอได้คุยแล้ว เขาไม่หยุด จริงๆนาทีนั้นเราก็เริ่มคิดแล้วว่าเพื่อนคนนี้น่าจะหมกมุ่นเรื่องทางเพศระดับนึงเลย ซึ่งจริงๆมันทำให้เราผิดหวังไปเหมือนกัน เพราะเราเคยมองเค้าเป็นสุภาพบุรุษ และคุยกับเราให้เกียรติเรา มันเริ่มลามมาถึงจุดที่เค้าพูดขอดูก้นเราได้มั้ย ขอดูรูปเราใส่ชุดว่ายน้ำได้มั้ย ขอ video call ดูเราตอนใส่ชุดว่ายน้ำได้มั้ย มันฟังน่ากลัว แต่จริงๆเพื่อนเราเป็นคนพูดเก่ง เค้าจะไม่ได้ขอกันซึ่งๆหน้าแบบขวานผ่าซาก เราเองเริ่มอยู่ในจุดที่อึดอัดมากๆ ปนรำคาญ แต่ด้วยความรู้สึกผิด เราเลยให้ในสิ่งที่เราให้ได้ อย่างเช่น พอเค้าขอรูปก้นซ้ำๆ เราก็เลยถ่ายรูปก้นเราตอนใส่ขุดปกติ แล้วส่งไปให้ หรือ videocall ใส่ขุดว่ายน้ำ เราก็บอกว่าไม่เอา แต่อยากเห็นก็ไปดูใน social media เราสิ เราก็มีโพสไว้บ้าง เค้าก็จะรบเร้าขอดูแบบที่เราใส่ตอนนี้ไม่ใช่รูปเก่า เราก็เลยจะมีถ่ายอะไร ที่มันอาจจะเห็นโน่นนิดนี่หน่อยไปให้แทน มันเหมือนการต่อรองกัน เค้ารบเร้าขออะไรไป มันเยอะเกินไปจริงๆ เราเลยให้อะไรที่ระดับความโป๊หรือความส่อไปในเรื่องอย่างว่ามันลดลง และทั้งหมดทั้งมวล มันเกิดจากความคิดโง่ๆของเราที่พยายามจะชดเชย ไม่กล้าปฏิเสธ
เขาเล่าว่าเขามีเพื่อนผู้หญิงคนนึงที่รู้จักกันมาก่อนเรา เป็นเพื่อนกันแต่พูดคุยกันเรื่องเซกส์ด้วย ทำอะไรกัน เขาเล่ามาเราฟังไว้ และรู้สึกว่าเขาพยายามจะบอกเราว่าคนอื่นก็ทำเรื่องแบบนี้กับเขา เรื่องนึงที่เค้าพูดล่อตลอดคือเค้า video call ช่วยตัวเองกับเพื่อนคนนั้น เราไม่เอาเด็ดขาดเพราะแค่ภาพหรืออะไรที่เค้าได้ไปมันก็ผิดมากแล้ว ซึ่งบางทีเขาขอแล้วเขาไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เข้าก็จะแสดงอาการหงุดหงิดบ้าง หรือบางทีก็ทำเป็นว่าเข้าใจ และยังรบเค้าขออะไรหนักขึ้นเรื่อยๆ บางทีเราก็หลบเลี่ยงด้วยการบอกว่า ไว้วันนึงจะให้ดู แต่ไม่ใช่ตอนนี้
บทสนทนาจะมีขึ้นๆลงๆตลอด เรารับรู้แล้วว่าเขาเป็นพวกชอบหมกมุ่นในเรื่องอย่างว่า เขาขออนุญาตนึกถึงเราเวลาเขาช่วยตัวเอง เราบอกว่าโอเคแต่ไม่ต้องมาบอกเรา เพราะจริงๆถึงเราห้ามแล้วเขาจะแอบคิด เราก็จะทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาบอกให้เรารับรู้ก็พอ แต่หลังจากนั้นเขาก็หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ส่งคลิบตอนช่วยตัวเองมา และพยายามชวนให้เรามีอารมณ์ร่วมโดยการส่งโน่นนี่มาให้ดู โดยที่ไม่ถามเราว่าเราต้องการรึปล่าว เช่นคำบรรยาย หรือภาพขยับที่ทำให้เกิดอารมณ์ และจะถามเราว่าเรามีอารมณ์ร่วมมั้ย หรืออะไรแบบนี้ ซึ่งพอถึงจุดนี้ เราก็มีเคลิ้มไปบ้าง เฉพาะเวลาบทสนทนามันเกิด และเค้าส่อเจตนาขัดเจนมากว่าอยากให้เราพูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์ในเรื่องอย่างว่ากับเค้าผ่านทางจินตนาการ
เราจะไม่เคยเริ่มเลยแต่เราเป็นคนชอบแซวและชอบแกล้ง อย่างเช่น โดยปกติเวลาเค้าขออะไร เราจะพยายามเลี่ยงมากๆที่จะให้ แต่พอเราเห็นว่าเค้าอยู่กับครอบครัว เราจะแกล้งให้เค้ามีอารมณ์ อาจจะเป็นการ่ายรูปก้นตัวเองที่ใส่กางเกงยีนส์ฟีดๆ จนเค้าต้องหนีออกมา มันเหมือนเป็นการเอาคืนที่เค้าก็มาทำให้เรารู้สึกเคลิ้ม ซึ่งเรื่องนี้เราผิดเองทั้งหมดที่แทนที่จะงด จบทุกอย่าง กลับเอาเรื่องที่ไม่เหมาะสมไปแกล้งคืน น่าจะทำให้เพื่อนเราคึกคะนองเข้าไปอีก
แต่นอกจากเรื่องอย่างว่าแล้ว เราก็พูดคุยกันเรื่องอื่นๆด้วย เช่นอนาคตชีวิตจะทำอะไร มีเป้าหมายอะไร ตอนนี้มีปัญหาอะไร เรื่องสะเพเหระ และเราก็ยังพูดกับเขาตรงๆว่าเรารักแฟนของเราและนี่เราก็ทำผิดมากๆแล้วที่มาพูดคุยอะไรแบบนี้ แต่เรายังไม่เคยบอกให้เค้าหยุด แต่เราเชื่อว่าเค้ารู้ ว่าจริงๆแล้วเราไม่ต้องการพูดเรื่องพวกนี้กับเขา เขาเลยพยายามยั่วและปลุกอารมณ์ทุกทางที่เขาทำได้ (และเราดันปล่อยให้ทำ)
ระยะเวลาประมาณสามเดือนที่เริ่มจากภาพของลับของเขาส่งมาถามความเห็น จนมาถึงวันสุดท้ายที่คุยกัน เขาได้ภาพก้นเรา หน้าอกแบบที่ถ่ายเอามือปิดกันโป๊ ได้เห็นขาอ่อน ซึ่งจะได้จากช่วงเวลาที่เขารบเร้าเรามากๆ หรือเวลาเราส่งแกล้ง
บทสนทนาที่พูดคุยกัน มีหลายครั้งเหมือนกันที่เป็นการพูดคุยแล้วทำให้เราเกิดอารมณ์ เค้าจะยัดเยียดให้เราเสมอ ไม่ว่าเราจะปฏิเสธยังไง จนสุดท้ายเราก็คล้อยตาม แต่ในขณะเดียวกัน เราจะไม่บอกเพื่อนเราไปว่าเราเคลิ้ม หรือถ้าบอกก็จะสั้นๆ จะเก็บอาการ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องและเรามีสิทธิ์ทำอย่างเสรี เค้ามีพรสววรค์ในการโน้มน้าวคนให้ทำตามสิ่งที่เค้าขอ ซึ่งแฟนเราตอนหลัง ก็ยังเป็นคนพูดกับเรางว่าเค้าเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน
ในระหว่างสามเดือนนั้น ก็มีภาพแฟนโผล่เข้ามาในหัวด้วย และเราไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเค้ารู้ จะเกิดอะไร เราอยากกลับไปเป็นแค่เพื่อนกับเพื่อนเราที่ไม่เอาเรื่องเซกส์มาคุย แต่ก็ยังไม่มีโอกาสไปถึงจุดนั้น เพราะ สุดท้ายแล้ว แฟนเราจับได้ เค้าแค่จับได้ว่าเรามีบทสนทนาที่คุยกับเพื่อนหลังเที่ยงคืน แต่เราลบข้อความทั้งหมดทิ้ง แต่เรื่องมันมาขนาดนี้แล้ว พอแฟนถามว่าทำอะไรอีก เราเลยบอกถึงบทสนทนาว่ามีเรื่องเซกส์เข้ามาด้วย แต่เราไม่ได้บอกทุกอย่าง เราไม่ได้บอกแฟนเราว่าเราส่งภาพไป เราไม่ได้บอกให้แฟนฟัง ว่ามันมีบางครั้งที่เราถูกรุกมากๆจากเพื่อนชายเราและจบลงด้วยการเคลิ้มและปล่อยให้บทสนทนามันดำเนินไป (แชทคุยกัน)
**มีต่อในคอมเม้น
ทำผิดต่อคนรัก แต่อยากขอโอกาสพิสูจน์ตัวเอง ทำยังไงให้สำเร็จดี
เราคบกับแฟนมาได้สองปี เราอายุ 30 แล้ว ผ่านการมีความรักมาหลายครั้ง แต่รักครั้งนี้เป็นรักที่ทำให้เรามีความสุขที่สุด เป็น long distanceอยู่คนละประเทศ ใช้เวลาที่คบกันมาเพื่อให้ความรัก ความเข้าใจ ความสุขต่อกันและกัน ข้อเสียของเค้าอย่างนึงคือเป็นคนขี้หึงหวงมากๆ เราไม่สามารถมีเพื่อนผู้ชายได้เลย แต่จริงๆก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเราสองคนต่างใข้เวลาด้วยกันเยอะมาก และนั่นก็เพียงพอและเติมเต็มความรู้สึกได้แล้ว
แต่เราจะมีปมอยู่เรื่องนึงคือก่อนที่จะได้คบกับเขา เราพูดคุยกับผู้ชายคนนึงมาก่อน สนิทกันมากๆ แต่ตัวเราไม่ได้ชอบพอกัน สนิทแบบเพื่อนคนนึง แต่พอเราเริ่มค้นความสัมพันธ์กับแฟน เค้าขอให้เราบล๊อกเพื่อนคนนั้นด้วยความไม่สบายใจ และเราตัดสินใจทำเพราะสุดท้ายแล้วเราเลือกแฟน เพราะเขาทำให้เรามีความสุข และเรายอมแลกด้วยการเสียความเป็นเพื่อนกับอีกคน แต่ในขณะเดียวกันเราก็รู้สึกผิดที่ต้องทำแบบนี้
ตลอด 1 ปีแรกมี่เราบล๊อคเพื่อน เพื่อนจะทักมาหาบ้าง อวยพรในวันต่างๆ หรือขอความช่วยเหลือด้วยบัญชีสมัครใหม่ และมีข้อตกลงว่าเราต้องรายงานแฟน (จริงๆมีพาสเวิด social mediaต่างๆของกันและกัน) ถ้าหากมีใครมาคุยกับเรา
แต่ต้นปีที่ผ่านมา เพื่อนผู้ชายทักทายมาอีก และมีการพูดบางอย่างที่สะกิดใจเราให้รู้สึกผิด และเราเห็นว่าล่วงเวลามานานแล้ว จึงลองขออนุญาตแฟน ที่จะกลับมามีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนคนนี้บ้างตามความเหมาะสม
แฟนยอมโดยมีกฏให้เราทำตามเยอะมากๆ อย่างเข่น ห้ามส่งข้อความคุยกันหลังเที่ยงคืน ถ้าเราคุยกับแฟนอยู่ ห้ามแม้แต่พิมพ์ข้อความกับเพื่อนเรา เป็นต้น เค้าบอกว่าเค้าไม่อยากแบ่งเราให้กับใคร แต่เค้าเข้าใจว่าเพื่อนเราคนนี้เป็นคนดี (จากที่เคยเห็นบทสนทนาของเรากับเพื่อนสมัยก่อน) จึงยอมให้ปลดบล๊อคแล้วพูดคุยกันได้
ณ ตอนนั้นเราไม่ได้บอกเพื่อนชายว่าเราเป็นแฟนกับแฟนเรา เค้าอยู่ประเทศเดียวกัน และเคยรู้จักกันผ่านเราเล็กน้อยสมัยก่อนที่เราจะคบกับแฟน
พอเรามีโอกาศได้คุย มันเหมือนปมในใจถูกแกะออก เราดีใจมาก ที่เราไม่ต้องทำลายมิตรภาพกับเพื่อนคุยที่ดีมากๆคนนึง
แต่การกลับมาได้คุยคราวนี้ เพื่อนของเราเล่าให้ฟังส่า ตลอดปีที่เราบล๊อคเค้า เกิดเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตเค้าเยอะมาก ทั้งตกงาน ทั้งเรื่องความรักของเค้าก็ไม่สมหวัง โดนผู้หญิงทิ้งไปและเค้าเสียใจมาก และเค้าไม่มีใครแม้แต่จะเป็นที่พึ่งเพื่อระบาย มันทำให้เรายิ่งรู้ผิดและยิ่งรู้สึกว่าเราจะพยายามชดเชยในสิ่งที่เราทำร้ายเค้า (ที่เป็นเพื่อนที่คุยด้วยกันเยอะมาก แต่อยู่ดีๆกลับทิ้งเขาไป) เค้าจะย้ำกับเราบ่อยๆว่าเราทิ้งเค้าไว้ข้างหลังในยามที่เค้าต้องการที่พึ่งทางใจ และก็ทำให้เรารู้สึกผิด
ต้องขอเล่าก่อนว่า ด้วยความที่เราสนิทกับเพื่อนชายคนนี้มากตั้งแต่ก่อนเราคบแฟนคนปัจจุบัน เรากับเพื่อนคุยกันเรื่องสัพเพเหระทุกเรื่อง แต่ตามประสาผู้ชาย เค้าวกเข้าเรื่องทางเพศ ถามอะไรเล็กๆน้อย สมัยก่อนพอมันเป็นการถามเพราะสงสัย อย่างเช่น เราบริสุทธิ์มั้ย หรือ เรามีประสบการณ์แบบไหนๆรึปล่าว เราก็จะตอบไป เพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ไม่ได้อนาจาร และเราเองไม่เคยคิดจะถามอะไรกับเพราะไม่ได้ชอบหรือสนใจเรื่องพวกนี้ต่อเพื่อนชาย แต่มีครั้งนึงที่เค้าบอกว่าเค้าอยากจะขอให้เราดูรูปลับของเค้าเพราะเค้ามีความกังวลอะไรบางอย่าง เราตอบว่าไม่อนุญาตทันที และนั่นทำให้เขาไม่เคยเกินเลยและเคารพสิ่งที่เราขอ สมัยนั้นเค้าจะย้ำกับเราเสมอว่าเค้ามองว่าเราเป็นคนเก่ง น่ารัก แต่เค้าจะไม่จีบ หรือพูดเรื่องอย่างว่า เพราะเค้าเคารพเรา เค้าเห็นเราเป็นเพื่อนที่ดี สิ่งเหล่านี้ก็เลยทำให้เรารู้สึกดีที่ได้เขาเป็นเพื่อน และรู้สึกผิดมากช่วงเวลาที่เราเลือกจะบล๊อคเขาเพื่อจะคบกันแฟนเพื่อให้แฟนเราสบายใจ
พอแฟนเราอนุญาตให้เรากลับมาคุยกับเพื่อนคนนี้ อย่างที่เล่าไปว่า พอได้เปิดอกคุยกันว่าเราขอโทษที่เราหายไป เค้าจะย้ำตลอดว่าเค้าต้องผ่านอะไรมาอย่างหาหัสโดยที่ไม่มีใครปลอบและให้กำลังใจ แม้แต่เพื่อนที่เค้าสนิทใจที่สุด (เค้าหมายถึงเรา) ยิ่งเวลาผ่านเราเลยยิ่งรู้สึกผิด และรู้สึกอยากชดเชย และบอกเขาไปว่าอะไรที่เราทำได้เราจะทำ
และในการกลับมาคุยกัน เราได้บอกเพื่อนชายไปว่าเราคบกับแฟนเราคนนี้ และที่เราบอกเพราะเราจะอธิบายว่าเรามีข้อจำกัดในการคุยกับเขา เพราะแฟนเราหึงหวง กลับมาคุยกันได้ แต่เราจะไม่ใข้เวลาส่วนมากไปกับการพูดคุยกับเค้านะจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ เพื่อนเราแสดงการไม่พอใจออกมาด้วยการพูดน้อยใจตัดพ้อ และพยายามทำให้เราสงสารเค้า และเวลาผ่านล่วงเลยมา เค้าจะพยายามพูดว่าความรักของเรากับแฟนมันเป็นไปไม่ได้หรอก และแฟนเรามาจากพื้นที่ๆผู้ชายนิสัยไม่ดี ไม่จริงใจ ไม่เหมือนคนในพื้นที่เขาที่ปกติจะจริงใจ รักเดียวใจเดียวกว่า ซึ่งเรื่องนี้เราปล่อยเขาพูดแต่ในใจแอบไม่พอใจด้วยซ้ำเพราะเรารู้กสึกว่าแฟนของเรามอบความรักให้กับเราและทำดีด้วยแค่ไหน และเราก็ค่อยๆเห็นว่าเพื่อนของเราที่เรารู้จักและเป็นคนที่น่าคบพูดคุยด้วยได้ทุกเรื่อง เริ่มตฝเปลี่ยนไปจากที่เราได้สัมผัส
สรุปเวลาผ่านไป เขากับมาคุยเรื่องอย่างว่าอีก เรารู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะเรารู้ตัวเลยว่าถ้าแฟนรู้เข้า ต้องมีปัญหา แต่ด้วยความที่เรารู้สึกผิดที่เราบล๊อคเพื่อนไปเป็นปีๆ บวกกับข้อสัญญาว่าเราจะพยายามชดเชยความผิดของเรา เราจบลงที่การปล่อยปะละเลยความใจแข็งของตัวเองเพื่อไม่ทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม และเราคอนข้างมั่นใจว่าเพื่อนชายเราเองรุกหนักมาก ที่จะยัดเยียดการพูดคุยเรื่องอย่างว่ากับเรา มันเริ่มจากการที่เขาส่งภาพของลับเขามาโดยไม่รอเราอนุญาต และถามความเห็น แทนที่เราจะต่อว่าเขาไป หรือเลิกคุย เรากลับตัดสินใจฝืนตัวเองรับผิดชอบที่เราทิ้งเค้าไป ด้วยการ ตอบคำถามในเรื่องที่เค้าถาม โดยที่เราจะไม่ตอบในการส่อว่าเราชอบที่จะคุยกับเขาเรื่องนี้ อย่างเช่นตอบสั้นๆ เลี่ยงคำที่เป็นคำชม (ที่เขาพยายามจะให้เราพูด) รวมไปถึงการที่เราพยาบามเปลี่ยนเรื่องคุย เราไม่ใจแข็งพอที่จะใจร้ายและตอบปฏิเสธ
และพอได้เริ่มแล้ว เขาก็ยิ่งรุกหนักกว่าเดิม (ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เราคุยกันเป็นเรื่องอย่างว่า แต่เรายกประเด็นนี้ขึ้นมาเพราะมันคือปัญหา) เขาทำคำถามรุกหนักขึ้น คุยเรื่องอย่างว่าต่างๆ อย่างเช่นเค้าชอบดูอะไรของร่างกายผู้หญิง อะไรที่ปลุกอารมณ์เขา และบางทีก็มีถามกลับมาบ้าง ซึ่งเราจะพยายามตอบให้มันดูเรท น้อยที่สุด เพราะคิดเอาเองว่าเรากำลังพยายามไม่อยากขัดเพื่อน(ที่เพิ่งจะได้มีโอกาสกลับมาคุยกันอีก) แต่ก็ตอบคำถามให้มันเป็นบทสนทนาแบบเหมือนเพื่อนสนิทคุยกัน ซึ่งจริงๆแล้วเรารู้สึกไม่ดีเลยที่กำลังคุยกับเพื่อนชายในเรื่องต้องห้าม แต่ด้วยความโง่เขลาของตัวเองที่ยังเอาเรื่องความรู้สึกผิดที่ทิ้งเค้าไว้มาปล่อยให้เค้าเข้าหาเราแบบนี้
แน่นอนพอได้คุยแล้ว เขาไม่หยุด จริงๆนาทีนั้นเราก็เริ่มคิดแล้วว่าเพื่อนคนนี้น่าจะหมกมุ่นเรื่องทางเพศระดับนึงเลย ซึ่งจริงๆมันทำให้เราผิดหวังไปเหมือนกัน เพราะเราเคยมองเค้าเป็นสุภาพบุรุษ และคุยกับเราให้เกียรติเรา มันเริ่มลามมาถึงจุดที่เค้าพูดขอดูก้นเราได้มั้ย ขอดูรูปเราใส่ชุดว่ายน้ำได้มั้ย ขอ video call ดูเราตอนใส่ชุดว่ายน้ำได้มั้ย มันฟังน่ากลัว แต่จริงๆเพื่อนเราเป็นคนพูดเก่ง เค้าจะไม่ได้ขอกันซึ่งๆหน้าแบบขวานผ่าซาก เราเองเริ่มอยู่ในจุดที่อึดอัดมากๆ ปนรำคาญ แต่ด้วยความรู้สึกผิด เราเลยให้ในสิ่งที่เราให้ได้ อย่างเช่น พอเค้าขอรูปก้นซ้ำๆ เราก็เลยถ่ายรูปก้นเราตอนใส่ขุดปกติ แล้วส่งไปให้ หรือ videocall ใส่ขุดว่ายน้ำ เราก็บอกว่าไม่เอา แต่อยากเห็นก็ไปดูใน social media เราสิ เราก็มีโพสไว้บ้าง เค้าก็จะรบเร้าขอดูแบบที่เราใส่ตอนนี้ไม่ใช่รูปเก่า เราก็เลยจะมีถ่ายอะไร ที่มันอาจจะเห็นโน่นนิดนี่หน่อยไปให้แทน มันเหมือนการต่อรองกัน เค้ารบเร้าขออะไรไป มันเยอะเกินไปจริงๆ เราเลยให้อะไรที่ระดับความโป๊หรือความส่อไปในเรื่องอย่างว่ามันลดลง และทั้งหมดทั้งมวล มันเกิดจากความคิดโง่ๆของเราที่พยายามจะชดเชย ไม่กล้าปฏิเสธ
เขาเล่าว่าเขามีเพื่อนผู้หญิงคนนึงที่รู้จักกันมาก่อนเรา เป็นเพื่อนกันแต่พูดคุยกันเรื่องเซกส์ด้วย ทำอะไรกัน เขาเล่ามาเราฟังไว้ และรู้สึกว่าเขาพยายามจะบอกเราว่าคนอื่นก็ทำเรื่องแบบนี้กับเขา เรื่องนึงที่เค้าพูดล่อตลอดคือเค้า video call ช่วยตัวเองกับเพื่อนคนนั้น เราไม่เอาเด็ดขาดเพราะแค่ภาพหรืออะไรที่เค้าได้ไปมันก็ผิดมากแล้ว ซึ่งบางทีเขาขอแล้วเขาไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เข้าก็จะแสดงอาการหงุดหงิดบ้าง หรือบางทีก็ทำเป็นว่าเข้าใจ และยังรบเค้าขออะไรหนักขึ้นเรื่อยๆ บางทีเราก็หลบเลี่ยงด้วยการบอกว่า ไว้วันนึงจะให้ดู แต่ไม่ใช่ตอนนี้
บทสนทนาจะมีขึ้นๆลงๆตลอด เรารับรู้แล้วว่าเขาเป็นพวกชอบหมกมุ่นในเรื่องอย่างว่า เขาขออนุญาตนึกถึงเราเวลาเขาช่วยตัวเอง เราบอกว่าโอเคแต่ไม่ต้องมาบอกเรา เพราะจริงๆถึงเราห้ามแล้วเขาจะแอบคิด เราก็จะทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาบอกให้เรารับรู้ก็พอ แต่หลังจากนั้นเขาก็หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ส่งคลิบตอนช่วยตัวเองมา และพยายามชวนให้เรามีอารมณ์ร่วมโดยการส่งโน่นนี่มาให้ดู โดยที่ไม่ถามเราว่าเราต้องการรึปล่าว เช่นคำบรรยาย หรือภาพขยับที่ทำให้เกิดอารมณ์ และจะถามเราว่าเรามีอารมณ์ร่วมมั้ย หรืออะไรแบบนี้ ซึ่งพอถึงจุดนี้ เราก็มีเคลิ้มไปบ้าง เฉพาะเวลาบทสนทนามันเกิด และเค้าส่อเจตนาขัดเจนมากว่าอยากให้เราพูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์ในเรื่องอย่างว่ากับเค้าผ่านทางจินตนาการ
เราจะไม่เคยเริ่มเลยแต่เราเป็นคนชอบแซวและชอบแกล้ง อย่างเช่น โดยปกติเวลาเค้าขออะไร เราจะพยายามเลี่ยงมากๆที่จะให้ แต่พอเราเห็นว่าเค้าอยู่กับครอบครัว เราจะแกล้งให้เค้ามีอารมณ์ อาจจะเป็นการ่ายรูปก้นตัวเองที่ใส่กางเกงยีนส์ฟีดๆ จนเค้าต้องหนีออกมา มันเหมือนเป็นการเอาคืนที่เค้าก็มาทำให้เรารู้สึกเคลิ้ม ซึ่งเรื่องนี้เราผิดเองทั้งหมดที่แทนที่จะงด จบทุกอย่าง กลับเอาเรื่องที่ไม่เหมาะสมไปแกล้งคืน น่าจะทำให้เพื่อนเราคึกคะนองเข้าไปอีก
แต่นอกจากเรื่องอย่างว่าแล้ว เราก็พูดคุยกันเรื่องอื่นๆด้วย เช่นอนาคตชีวิตจะทำอะไร มีเป้าหมายอะไร ตอนนี้มีปัญหาอะไร เรื่องสะเพเหระ และเราก็ยังพูดกับเขาตรงๆว่าเรารักแฟนของเราและนี่เราก็ทำผิดมากๆแล้วที่มาพูดคุยอะไรแบบนี้ แต่เรายังไม่เคยบอกให้เค้าหยุด แต่เราเชื่อว่าเค้ารู้ ว่าจริงๆแล้วเราไม่ต้องการพูดเรื่องพวกนี้กับเขา เขาเลยพยายามยั่วและปลุกอารมณ์ทุกทางที่เขาทำได้ (และเราดันปล่อยให้ทำ)
ระยะเวลาประมาณสามเดือนที่เริ่มจากภาพของลับของเขาส่งมาถามความเห็น จนมาถึงวันสุดท้ายที่คุยกัน เขาได้ภาพก้นเรา หน้าอกแบบที่ถ่ายเอามือปิดกันโป๊ ได้เห็นขาอ่อน ซึ่งจะได้จากช่วงเวลาที่เขารบเร้าเรามากๆ หรือเวลาเราส่งแกล้ง
บทสนทนาที่พูดคุยกัน มีหลายครั้งเหมือนกันที่เป็นการพูดคุยแล้วทำให้เราเกิดอารมณ์ เค้าจะยัดเยียดให้เราเสมอ ไม่ว่าเราจะปฏิเสธยังไง จนสุดท้ายเราก็คล้อยตาม แต่ในขณะเดียวกัน เราจะไม่บอกเพื่อนเราไปว่าเราเคลิ้ม หรือถ้าบอกก็จะสั้นๆ จะเก็บอาการ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องและเรามีสิทธิ์ทำอย่างเสรี เค้ามีพรสววรค์ในการโน้มน้าวคนให้ทำตามสิ่งที่เค้าขอ ซึ่งแฟนเราตอนหลัง ก็ยังเป็นคนพูดกับเรางว่าเค้าเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน
ในระหว่างสามเดือนนั้น ก็มีภาพแฟนโผล่เข้ามาในหัวด้วย และเราไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเค้ารู้ จะเกิดอะไร เราอยากกลับไปเป็นแค่เพื่อนกับเพื่อนเราที่ไม่เอาเรื่องเซกส์มาคุย แต่ก็ยังไม่มีโอกาสไปถึงจุดนั้น เพราะ สุดท้ายแล้ว แฟนเราจับได้ เค้าแค่จับได้ว่าเรามีบทสนทนาที่คุยกับเพื่อนหลังเที่ยงคืน แต่เราลบข้อความทั้งหมดทิ้ง แต่เรื่องมันมาขนาดนี้แล้ว พอแฟนถามว่าทำอะไรอีก เราเลยบอกถึงบทสนทนาว่ามีเรื่องเซกส์เข้ามาด้วย แต่เราไม่ได้บอกทุกอย่าง เราไม่ได้บอกแฟนเราว่าเราส่งภาพไป เราไม่ได้บอกให้แฟนฟัง ว่ามันมีบางครั้งที่เราถูกรุกมากๆจากเพื่อนชายเราและจบลงด้วยการเคลิ้มและปล่อยให้บทสนทนามันดำเนินไป (แชทคุยกัน)
**มีต่อในคอมเม้น