ความรู้สึกนี้เกิดจาก สายหูฟังของหนูขาดเองค่ะ...

สวัสดีค่ะ แค่อยากเล่าเพื่อระบายนิดหน่อยกับความในใจตัวเอง คือหนูเป็นคนที่ติดหูฟังมากเรียกว่าขาดมันไม่ได้เลยก็ว่าได้ ต้องมีหูฟังพบตลอดเวลาเพราะหนูจะทำอะไรก็เอาแต่ฟังเพลงเพราะเพลงมันทำให้หนูสบายใจทุกครั้งและคลายเครียดได้ดีสำหรับหนู แล้ววันนึงหูฟังของหนูมันขาดตอนแรกก็ไม่ว่าอะไร คิดว่าเดี่ยวไปซื้อใหม่แต่มันมีอยู่วิชานึงที่โครต!!!ของโครตน่าเบื่อเลยเพราะมันเป็นคาบว่าง.. ปกติหนูก็จะเอาหูฟังมาฟังเพลงแต่วันนี้มันไม่มีไง..เลยไม่มีอะไรทำหนูพยายามหาอะไรทำให้ตัวเองไม่เบื่อ การบ้านเอย อ่านหนังสือเอย แต่ก็ไม่สะดวกอยู่ดีเพราะเพื่อนในห้องเสียงดังมากแล้วแถมครูที่เป็นเจ้าของคาบกำชับว่าไม่ให้ออกไปไหนเลย แล้วแกก็นั่งเฝ้าคิดว่าจะอ้างไปห้องน้ำแล้วเดินเล่นก็กลัวครูอีกคนเห็น เลยนั่งโง่ๆได้สักพัก ก็ชุดคิดได้ว่า... (หนูขอเรียกคนนั้นว่า"ส."นะค่ะ)...ต่อค่ะ!
คิดได้ว่า ส.มีบลูทูธ ก็เลยไปนั่งข้างๆแล้วขอยืมฟังด้วยข้างนึง ส.เขาก็พอๆกับหนูเลยเรียกว่าขาดมันเลยไม่ได้ นั้นคือจุดเริ่มต้นของความรู้สึกนี้...
ฝนก็ดันเป็นใจ มาตกเพราะช่วงนั้นฝนตกที่สุราษฎร์หนักมาก แต่ไม่เท่าที่ผ่านมา
หนูกับส.ชอบฟังเพลงแนวเดียวกัน เราเข้ากันได้ดี แต่หนูไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้น
เราเป็นติ่งเหมือนกัน อะไรหลายๆอย่างเหมือนกัน ก็เลยพอจะเข้ากันได้ดีตอนนั้นหนูยังไม่ได้คิดไรหรอก จน ส.ขอนอนตัก เขาคงไม่คิดไรอยู่แล้วเพราะเราก็ต่างเป็นเพื่อนกันเพื่อนบางคนหอมแก้มกันเลยก็มีหนูกับ ส.เลยไม่คิดอะไร แต่หนูแค่ถามเล่นๆว่า"คิดอะไรกับเราป่าวเนี่ย"คำพูดนั้นติดหูได้ดี หนูพูดไปแบบไม่คิดอะไร แต่จู่ๆหนูรู้สึกแบบอยากยิ้มกับจักจี้ไปพร้อมกันหลักจากนั้นพอหมดคาบหนูก็รู้สึกแปลกๆ
มองหน้า ส.แล้วเขินยังไงไม่รู้..มันไม่กล้า มองหนูเป็นอย่างนั้นมา...น่าจะ2-3สัปดาห์
แต่จู่ๆหูฟังหนูที่ซื้อมาใหม่ได้ไม่นานหนูก็ดันลืมเอามา ตอนนั้นหนูก็ยังพอมีแรงกล้าคุยกับ ส.อยู่คือยังหวั่นไหวไม่หมดใจ ก็เลยกล้าไปขอฟังเพลงด้วย วันนั้นก็เป็นคาบว่างอีกแล้ว เขาเลยชวนหนูมาฟังเพลงหน้าห้อง เราก็คุยกันเรื่องบอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ป เคป๊อปอะไรก็ตามในสิ่งที่เราชอบเราก็ต่างคนต่างเล่าต่างแชร์อะไรเกี่ยวกับตัวเองให้อีกคนฟังด้วยกัน จู่ๆ ส.ก็เอามือมาจับแก้มหนูแล้วหยิกเบาอาจจะแค่หมันเขี้ยวหรือเอ็นดูสักอย่างแต่หนูเขินจนจับใจเลยก็ว่าได้ รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมากเลยค่ะ ตอนนั้นหนูก็ยังไม่รู้ใจตัวเองเท่าไรเพราะหนูเองเนี่ย ไม่เคยชอบผญ.มาก่อนในชีวิตแล้วหนูเองก็ผญ.ด้วยแต่ไม่ได้บลูลี่เพศนะค่ะเพราะหนูเองก็เป็นสาววายเหมือนกัน ความรู้สึกที่ไม่รู้ใจตัวเองนั้นก็ไม่เคยปรึกษาใครเลยแม้แต่เพื่อนที่ไว้ใจกับพ่อแม่ก็ไม่เคยบอกเลย เก็บไว้อย่างนั้นจนสอบปลายภาคที่1ของรร. สมองที่อ่านหนังสือมาตลอดทั้งวันคือไม่อยู่กลับที่เอาแต่คิดถึงแต่เขา555
รร.หนูเวลาสอบเนี่ยเขาจะคละกับพี่ม.2และ3ที่อยู่เลขห้องเดียวกันหนูม.1ก็จะเป็นน้องสุดเขาเลขที่25ส่วนหนู30เราอยู่กันคนละห้อง แต่ก็ห้องติดกันหนูแอบมองเขาตลอดแล้วทำเป็นอ่านหนังสือ   (เหตุผลคืออ่านกลับหัวด้วย)ตอนนั้นที่มองคือเขาหล่อมากกกกกก!!!!!ไม่เคยมองว่าผญ.หล่อมาก่อนในชีวิตเขาดูแบดๆยังไงไม่รู้ นั่งมองแล้วยิ้มอย่างนั้นจนเพื่อนข้างหนูทัก แถมทักว่าอ่านกลับหัวอีกตอนนั้นโครตอายดีนะ ส.ไม่สังเกตุไม่วั้นโป๋แตกแน่ๆ พอสอบเสร็จหนูก็กลับมาคิดดูว่าเราใช่ไบป่าวนะหรือแค่อารมณ์ชั่ววูปเดี่ยวก็ผ่านไปเอง ก็เลยปล่อยไปอย่างนนั้น จนปิดเทอม ภาคเรียนที่1อยู่บ้านคือคิดถึงเขาจัดอ่ะคิดถึงมากไม่กล้าคุยเวลาเขาลงรูปอะไรในเฟสก็ไม่กล้ากดใจให้หรือแม้แต่กดไลน์ยังไม่กล้าเลย ก็เลยทำเนียนไปถามเพื่อนว่าอย่างนี้คืออาการอะไรเพื่อนก็ตอบมาแบบ "อย่าโง่ดิไอT.เขาเรียกว่าอาการแอบชอบจ่ะ!กินปลาบ้างนะ..."ตินนั้นคือจะโกรธก็อยากโกรธแต่โกรธไม่ลงจริงๆเพราะเอาแต่ยิ้มบ้าอยู่คนเดียว5555
เรานั่งๆนอนๆรอวันเปิดเรียนอยู่ทุกวัน
จนในที่สุด เราก็ได้เปิดเรียนหนูรู้สึก       โครตมีความสุขที่จะได้เจอ ส. อ่ะแต่อยากให้ความกล้าเผชิญหน้าของหนูเหมือนเดิมกับตอนที่หนูไม่ได้รู้สึกอะไรกับ ส.ที แต่ในเมื่อความรู้สึกมันไปหมดแล้วไปหมดใจแล้วตอนนี้ มันไม่เหมือนเดิมแล้วไม่เหมือนเลย เวลาลืมหูฟังก็ทนแบบที่ไม่เคยทนได้มาก่อนในชีวิตว่าทั้งวันวันนั้นหนูจะทนกับการไม่มีหูฟังได้ หนูกลับไปส่องเฟส ของ ส.บ่อยๆจะทักแต่ก็ไม่กล้า เคยให้คำปรึกษาเพื่อนเรื่องนี้คือเรื่องที่แอบชอบเพื่อนแบบเรื่องราวประมาณ แต่ไม่เคยเจอด้วยตัวเอง พอมาเจอเองคือ....555
เราไม่กล้าทักเขาเลย เอาแต่ส่องเฟสไปวันๆ จนเก็บความรู้สึกนี้ไม่ได้เลยไปบอกอค่เพื่อนในกลุ่มแค่ในกลุ่มเท่านั้นพอเพื่อนรู้คือ อึ้งค้างกันทุกคน จนมาวันนี้วันที่18ธ.ค.63...เพื่อนหนูคนนึงเขารู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับ ส.แต่เขาไม่ได้บอกหนูจนหนูไปถามเขาว่าทำไมส.ดูอินเลิฟจังเพื่อนหนูก็ตอบมาว่า คือ ส.เขามีแฟนแล้วตั้งแต่เทอมที่แล้วตอนนั้นคือช็อคมากครั้งเลยตอบว่า"แม่กูเรียกเดี่ยวมานะ5555"
ตอนนั้นความรู้สึกทั้งหมดมันแปลกๆรู้สึกไม่มีแรงทำไรเลย การบ้านตอนนี้ก็ยังไม่ทำเพราะไม่มีแรงจริงๆไม่ทีเลยแต่ไม่ร้องนะมันคืออาการที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตขนาดแรงจะพิมพ์ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีเลย หนูเข้าใจนะว่าถ้าเขามีแฟนแล้วเราก็ไม่ควรยุ่ง
สตังค์ เราจะพยายามนะ จะพยายามจริงๆ
เราจะเอาความรู้สึกนี้ออกจากใจให้ได้เราจะกลับมาเป็นแบบเดิม ถ้าสตังค์อ่านอยู่ก็ขอให้รู้ไว้นะ ว่าเพื่อนคนนี้เคยคิดในสิ่งที่ไม่ควรคิดกับเธอเราขอโทษ อภัยให้เรานะ
คำสุดท้ายก่อนที่เราจะกลับมาเป็นแบบเดิม...
เรา
ชอบ
แก
นะ..
      จาก คนที่เคยยืมบลูทูธแก...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่