คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
มาตรการรัฐเห็นผล ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตฯพุ่งขึ้นต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 7
(17 ธ.ค.) นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน พ.ย.2563 อยู่ที่ระดับ 87.4 เพิ่มขึ้นจากระดับ 86.0 โดยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากคำสั่งซื้อ ยอดขาย และปริมาณการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับตลาดในประเทศได้รับอานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่องในโครงการต่างๆ อาทิ โครงการคนละครึ่ง ช็อปดีมีคืน เราเที่ยวด้วยกัน ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเงินช่วยเหลือเกษตรกร ส่งผลดีต่อกำลังซื้อของประชาชนและการใช้จ่ายในประเทศ รวมทั้งการใช้จ่ายภาครัฐในโครงการลงทุนต่างๆ ยังเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 94.1 จากระดับ 91.9 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และการใช้จ่ายของภาครัฐทั้งการบริโภคและการลงทุน รวมทั้งความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ
ส.อ.ท. มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ
1. ขอให้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2564 และเร่งเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่องเพราะเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
2. ขอให้ ธปท.ดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาค เพื่อให้ผู้ประกอบการส่งออกสามารถแข่งขันได้
3. เสนอให้ภาครัฐสนับสนุนส่งเสริมการนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้ามาในประเทศไทย โดยการปรับลดอัตราค่าภาระขนถ่ายและค่าภาระหน้าท่าสำหรับการนำเข้าตู้เปล่า
4. ขอให้ภาครัฐรักษามาตรฐานการควบคุมโรคโควิด-19 หลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
https://www.facebook.com/ttraisuree/posts/429785251733595
มาตรการรัฐเห็นผล ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตฯพุ่งขึ้นต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 7
(17 ธ.ค.) นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน พ.ย.2563 อยู่ที่ระดับ 87.4 เพิ่มขึ้นจากระดับ 86.0 โดยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากคำสั่งซื้อ ยอดขาย และปริมาณการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับตลาดในประเทศได้รับอานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่องในโครงการต่างๆ อาทิ โครงการคนละครึ่ง ช็อปดีมีคืน เราเที่ยวด้วยกัน ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเงินช่วยเหลือเกษตรกร ส่งผลดีต่อกำลังซื้อของประชาชนและการใช้จ่ายในประเทศ รวมทั้งการใช้จ่ายภาครัฐในโครงการลงทุนต่างๆ ยังเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 94.1 จากระดับ 91.9 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และการใช้จ่ายของภาครัฐทั้งการบริโภคและการลงทุน รวมทั้งความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ
ส.อ.ท. มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ
1. ขอให้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2564 และเร่งเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่องเพราะเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
2. ขอให้ ธปท.ดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาค เพื่อให้ผู้ประกอบการส่งออกสามารถแข่งขันได้
3. เสนอให้ภาครัฐสนับสนุนส่งเสริมการนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้ามาในประเทศไทย โดยการปรับลดอัตราค่าภาระขนถ่ายและค่าภาระหน้าท่าสำหรับการนำเข้าตู้เปล่า
4. ขอให้ภาครัฐรักษามาตรฐานการควบคุมโรคโควิด-19 หลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
https://www.facebook.com/ttraisuree/posts/429785251733595
แสดงความคิดเห็น
🔶️ดีวันดีคืน...ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยปลื้ม! ดัชนีความเชื่อมั่นเอกชนโต7เดือนติดกันต่อเนื่อง
17 ธ.ค. 2563 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการประจำเดือนพ.ย. 2563 อยู่ที่ระดับ 87.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 86.0 ในเดือนต.ค. 2563 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 นับตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากคำสั่งซื้อ ยอดขาย และปริมาณการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ สำหรับตลาดในประเทศได้รับอานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่องในโครงการต่างๆ อาทิ โครงการคนละครึ่ง ช็อปดีมีคืน เราเที่ยวด้วยกัน ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเงินช่วยเหลือเกษตรกร ส่งผลดีต่อกำลังซื้อของประชาชนและ การใช้จ่ายในประเทศ รวมทั้งการใช้จ่ายภาครัฐในโครงการลงทุนต่างๆ ยังเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ยังเป็นห่วงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งตัวเพิ่มขึ้นอีก โดยในปัจจุบันอยู่ที่ 30.22 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากเดิมในเดือนเม.ย. 63 อยู่ที่ 33.05 บาทต่อเหรียญสหรหัฐ ซึ่งแข็งค่าขึ้นกว่า 8.56% ในขณะที่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเวียดนามที่เป็นประเทศคู่แข่งหลักของไทยนั้นมีค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นเพียง 1.97% จากช่วงเดียวกัน ซึ่งเป็นผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมที่เป็นต้องอาศัยการส่งออกเป็นหลัก เนื่องจากจะทำให้ต้นทุนของสินค้านั้นเพิ่มสูงขึ้นกว่าประเทศอื่น ๆ เป็นข้อพิจารณาของประเทศคู่ค้า หากต้องการซื้อสินค้าจากไทย
“เรื่องค่าเงินบาทเป็นเรื่องที่ต้องมีมาตรการเข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะเป็นเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อศักยภาพของการแข่งขันในตลาดนอกประเทศ ซึ่งแนวทางการจัดการนั้นอาจจะต้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้ โดยมองว่าอยู่ที่ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐเป็นอัตราที่สมควร หรือไม่ก็จะต้องไปทำการค้ากับประเทศที่มีค่าเงินแข็งกวว่าเงินบาท โดยเฉพาะออสเตรเลียที่ค่าเงินแข็งขึ้นกว่า 18.52%”นายสุพันธุ์ กล่าว
นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังมีข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศและในประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากการลักลอบเข้าเมือง ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่ง ส.อ.ท. ได้รวบรวมข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ โดยต้องการให้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2564 และเร่งเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่องเพราะเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาค เพื่อให้ผู้ประกอบการส่งออกสามารถแข่งขันได้ รวมถึงรักษามาตรฐานการควบคุมโรคโควิด-19 หลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
อย่างไรก็ตามสำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 94.1 จากระดับ 91.9 ในเดือนต.ค. 63 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการใช้จ่ายของภาครัฐทั้งการบริโภคและการลงทุน รวมทั้งความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ การผ่อนปรนมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป
https://www.thaipost.net/main/detail/87147
สภาพเศรษฐกิจประเทศไทยกำลังจะฟื้น
เราผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ถ้าไม่มีโควิดรอบสอง
ไทยจะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
หลับตาฝันดีได้เลยนะคะ.....🌙⭐🌟🌟🌟🌟🌟