[แปล] KPOPALYPSE INTERVIEW : Cheska (อดีดสมาชิกวง Fiestar) กับประสบการณ์ แรงขับเคลื่อน และความหวัง


Source: KPOPALYPSE
เผยแพร่สัมภาษณ์เมื่อ 11 มีนาคม 2020

(1/4)
 

Cheska, เตรียมพร้อมออกกำลังกาย, จาก Instragram ของเธอ, ตุลาคม 2019


Q : สวัสดีครับ คุณสบายดีมั้ย?
สบายดีค่ะ! ฉันเพิ่งตื่นเลย!

Q : ดีใจที่ได้รู้ว่าคุณได้พักผ่อนนะครับ เพราะผมได้ยินมาว่าช่วงนี้คุณมีปัญหาอยู่!
ฉันนอนไม่หลับไป 2 วัน หลังจากที่ไลฟ์ใน Twitch ของฉันถูกทำให้เข้าใจผิดจากเว็บไซต์ข่าว K-Pop หรือพวกเว็บข่าวซุบซิบ และยูสเซอร์ใน Twitter ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคำว่า "เกาะกระแส" มันแปลว่าอะไรจนกระทั่งเมื่อสองวันที่ผ่านมา มันเป็นคำที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาเลยล่ะค่ะ! แล้วที่ตลกก็คือ คนที่สนใจเกี่ยวกับ K-Pop ก็เริ่มดูไลฟ์สดของฉันในสัปดาห์ต่อมา [หัวเราะ]

Q : "เกาะกระแส" คือสิ่งที่คนที่ยังไม่อะไรเป็นชั้นเป็นอันในชีวิตคิดที่จะทำ เพราะพวกเขาคิดว่าการทำอย่างนั้นจะทำให้ตัวเองมีตัวตนในโลกอินเตอร์เน็ต ผมก็เกลียดคำนี้เหมือนกัน!
ฉันไม่เคยคิดที่จะที่จะใช้ Twitch กับกลุ่มแฟนๆ K-Pop อยู่แล้วค่ะ ฉันใช้ไว้เพื่อแค่ผู้ติดตามกลุ่มเล็กๆ ใน Twitch แค่นั้นเอง

Q : หลายคนมากเลยที่อาจจะตัดสินคุณไปแล้ว และอาจจะไม่ชอบในสิ่งที่คุณกำลังจะพูด แต่ก็มีอีกหลายคนเลยที่เป็นประมาณว่า "ว้าว ฉันดีใจมากเลยที่มีคนวงในพูดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ในวงการ" โลกวงการบันเทิง K-Pop ทั้งใบเป็นโลกที่ถูกปกปิดซ่อนเร้นอย่างมิดชิด คนภายนอกแทบไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเบื้องหลังภายในนั้น และนั้นที่ทำให้หลายคนมากถูกดึงดูดจากเปลือกนอกที่พวกเขาคิดว่าทุกอย่างจะสวยงามสดใส กรุยเส้นทางของตัวเองในวงการและเผชิญกับความจริงภายใต้เปลือกนั้น และคิดกับตัวเองว่า "ชิบหอง สายไปซะแล้ว"

คุณได้เข้าวง Fiestar ได้อย่างไร อะไรเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างครับ

ก็... อย่างแรกที่จะพูดเลยก็คือ ตอนเด็กๆ ฉันฝันว่าฉันอยากจะเป็นนักร้อง ฉันเลยโพสต์คลิปวิดีโอร้องเพลงกับเต้นบนสังคมออนไลน์ และก็มีบริษัทนึงที่ชมวิดีโอเหล่านั้นและเข้ามาคุยกับฉัน บอกฉันว่าฉันสามารถเป็น "BoA คนที่สอง" ได้ ใน Alabama มันไม่มีอะไรให้ทำหรอกค่ะ นอกจากว่าแค่เสพยา ตอนฉันอยู่ในเกาหลีฉันไม่เคยเสพยานะคะ แต่ในอเมริกาชีวิตมันต่างกัน ฉันและพ่อแม่รู้สึกว่าการไปใช้ชีวิตในเกาหลีจะเป็นก้าวที่ส่งผลในด้านบวก เป็นเส้นทางที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ได้หลุดพ้นจากชีวิตเส็งเคร็งใน Alabama ที่นับวันจะมีแต่แย่ลง ฉันเข้ามาที่เกาหลีและถูกจัดเข้าอยู่ในวงที่พร้อมจะเดบิวท์แล้ว และการใช้ชีวิตในเกาหลีไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดคิดเอาไว้เลย ทุกอย่างมันเป็น Culture shock ไปหมด ฉันเลยตัดสินใจกลับ Alabama อีกครั้ง

หลังจากนั้นฉันก็ได้รับการติดต่อจากหลายบริษัทค่ะ โดยหนึ่งในนั้นคือ LOEN ค่ายที่ IU อยู่ และตอนนั้นฉันชอบ IU มากๆ พ่อแม่ของฉันก็ทาบทามให้ฉันลองอีกครั้งเพราะเค้าเชื่อว่าในตัวฉันมีบางสิ่งที่พิเศษอยู่ แบบพรสววรค์น่ะค่ะ ฉันเลยติดสินใจกลับไปที่เกาหลี และทางบริษัทก็ชอบฉัน พวกเขาอยากให้ฉํนได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในวงๆ นึง ที่ทุกคนน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าคือวง Fiestar โดยพวกเขาก็ให้ฉันเซ็นสัญญาระยะ 3 เดือน โดยฉันจะไม่สามารถไปออดิชั่นกับบริษัทอื่นได้ค่ะ

Q : ก็คือพวกเขาล็อคตัวคุณไว้ล่วงหน้า คุณเลยไม่สามารถไปที่ไหนเลยใช่มั้ยครับ?
ค่ะ เพราะอย่างนั้นช่วงสามเดือนฉันเลยได้อยู่กับพวกเมมเบอร์ โดยฉันไม่สนิทกับพวกเธอเลยจริงๆ และช่วงที่จะหมดสัญญา เมเนเจอร์ก็ล่อลวงให้ฉันเซ็นสัญญาระยะ 7 ปี

Q : พวกเขาทำอย่างไรครับ?
ในการออดิชั่นจะมีการสัมภาษณ์ที่พวกเขาจะถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว หนึ่งในคำถามเหล่านั้นคือ เธอเป็นลูกคนเดียวรึเปล่า และฉันก็บอกไปว่าฉันเคยมีน้องชาย แต่เขาเสียไปแล้วฉันเลยกลายเป็นลูกคนเดียว โดยตอนที่ฉันกำลังคุยเรื่องการต่อสัญญา พวกเขาจะพูดประมาณว่า "เธอเสียพี่ชายไปแล้ว และตอนนี้เธอเป็นลูกคนเดียวในบ้าน ลองคิดถึงหัวอกพ่อแม่สิ ถ้ากลับไปที่บ้านเกิดเธอจะกลายเป็นความล้มเหลวของพวกเค้านะ"

Q : ก็คือพวกเขาจะถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวตอนที่เซ็นสัญญาในตอนแรก ซึ่งพวกเขาจะเก็บข้อมูลเหล่านั้นเพื่อบีบบังคับทางอารมณ์คุณในภายหลังเหรอครับ?
ใช่ค่ะ! จะพูดแบบนี้ก็ได้เลย! การบีบบังคับทางอารมณ์ นั่นเป็นวิธีที่คนในบริษัททำกับฉัน เขาจะกดดันฉันและทำให้ฉันรู้สึกว่าถ้าฉันกลับบ้านไปมือเปล่า ฉันจะทำให้พ่อแม่ผิดหวัง

Q : สรุปคือตั้งแต่แรกเลยที่คุณเซ็นสัญญา คุณก็อยู่สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกหรือเปล่าใช่มั้ยครับ?
ค่ะ

Q : มันต้องเป็นช่วงที่ยากลำบากแน่ๆ ทั้งผ่านกระบวนการเด็กฝึกในค่าย ทั้งการรู้ว่าผลลัพท์ที่คุณตั้งใจมาทั้งหมดอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ใช่คุณอยากทำมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วด้วย
ค่ะ จริงค่ะ 
 
Cheska, 2011. ในห้องฝึกซ้อมร้องเพลง


Q : ช่วงเวลาการฝึกของคุณยาวนานแค่ไหนครับ?
ถ้าเป็นเมมเบอร์คนอื่นๆ พวกเธอฝึกมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ แต่สำหรับฉัน ฉันฝึกประมาณ 3 เดือนและถูกจัดเข้าในกลุ่มที่จะเดบิวท์โดยทันที และฉันก็ฝึกกับกลุ่มนั้น 2 ปีก่อนที่จะเดบิวท์จริงๆ

Q : ผมจำได้ว่าตอนที่ผมกำลังติดตามตอนที่คุณกำลังพูดเรื่องนี้ช่วงก่อนๆ คุณได้เล่าว่าทางบริษัทไม่ชอบชื่อ Stage name ที่พวกเขาตั้งให้กับคุณ หรือแม้แต่ภาพลักษณ์ที่พวกเขาวางไว้ให้กับคุณ...
อ้อ ที่จริงแล้ว Cheska เป็นชื่อที่ฉันขอพวกเค้าตั้งให้เป็นชื่อ Stage name ของฉันเองค่ะ!

Q : คุณขอชื่อนั้นด้วยตัวเองเลยเหรอ? โอเคเลย!
ค่ะ – เพราะว่าชื่อภาษาอังกฤษของฉันคือ Francesca (ฟรานเชสกา) ฉันก็เลยบอกประมาณว่า "นี่ แล้วชื่อ Cheska ล่ะ? หนูอยากได้ชื่อ Cheska!" – แต่ว่าวง Fiestar กับคอนเซปต์ที่ทางค่ายวางไว้ไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากได้เลยค่ะ

Q : พวกเขาอธิบายและวางบุคลิกของคุณที่เข้ากับคอนเซปต์ของวงไว้อย่างไรเหรอครับ?
ฉันต้องทำตัวให้น่ารักสุดๆ ค่ะ แต่บุคลิกจริงๆ ของฉันมัน 4 มิติมากๆ – ใช่ค่ะ คุณไม่รู้หรอกว่าฉันปลีกตัวออกมาจากอะไรมา... แต่พูดถึงความน่ารัก ฉันก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าตัวฉันเองน่ารักรึเปล่า ฉันพยายามอย่างที่สุดแล้วเพื่อเค้นตัวเองให้น่ารักให้ได้

Q : เรื่องแบบนี้มันก็แล้วคนจะมองมั้งครับ – แต่ผมเดาได้เลยว่านั่นไม่ได้เป็นสิ่งที่คุณจะทำใจทำได้ลงเลย
ค่ะ ฉันไม่สบายใจกับสิ่งนั้นเลย
 
Cheska ในหลังเวที, มิถุนายน 2011, เป็นแดนเซอร์ให้กับ Sunny Hill เพลง "Midnight Circus"
โดยสมาชิกหลายคนในวง Fiestar ได้ถูกรับเลือกให้เป็นแดนเซอร์
สามารถรับชมวิดีโอไลฟ์การแสดงได้ที่นี่


Q : นอกจากเรื่องชื่อ Stage name ของคุณแล้ว คุณได้ขออะไรอย่างอื่นอีกมั้ย หรือนอกจากชื่อก็ขออะไรไม่ได้แล้ว?
ไม่ค่ะ ขอคิดดูก่อนนะ... พวกเขาอนุญาตให้ฉันใส่จิวจมูกหลังจากเพลง "Sea Of Moonlight" ฉันอยากใส่จิวจมูกไว้เพราะมันคือ "ตัวตนจริงๆ ของฉัน" แล้วนอกจากจิวแล้วมันมีตัวตนของฉันตรงไหนอีกล่ะ... ไม่มีเลย!

Q : ผมก็นึกว่าที่ทางค่ายเขาอยากเก็บจิวจมูกไว้เพื่อเป็นการสร้างความแตกต่างเสียอีก เพราะจิวจมูกนั้นทำให้คุณมีเอกลักษณ์และทำให้ดูแตกต่างจากเมมเบอร์คนอื่น คุณเคยถูกต่อต้านเกี่ยวกับจิวจมูกรึเปล่า ทางค่ายได้ว่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างครับ?
มีค่ะ ฉันต้องยอมถอดอยู่ครั้งนึงตอนการถ่ายทำ MV เพลง "Sea Of Moonlight" และแต่งหน้ากลบรอยเจาะไว้ ฉันต้องทำตัวให้ดู "ไร้เดียงสา" และ "บริสุทธิ์" อย่างที่พวกเค้าพูด แต่การใส่จิวจมูกก็ไม่ได้ทำให้เราดูไร้เดียงสาหรือบริสุทธิ์น้อยลง จริงมั้ยคะ?

Q : แต่แค่จิวจมูกก็ยังถือว่าเป็นเรื่องเล็กสำหรับระดับการขบถนะครับ โดยเฉพาะช่วงนี้ด้วย!
ฉันสู้มาตลอด "หนูอยากใส่จิวจมูก หนูอยากใส่จิวจมูก ถ้าหนูไม่มีจิวจมูกมันก็ไม่ใช่ตัวหนู!" ฉันไม่ยอมแพ้บอกเรื่องกับทางค่ายตลอดจนพวกเขาบอกว่า "โอเค อยากจะใส่ก็ใส่"

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


Q : หลังจากเพลง "Sea Of Moonlight" ก็เป็นเพลง "Vista" และหลังจากนั้นคุณก็ออกจากวง ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ?
ไม่ค่ะ ฉันออกจากวงหลังจากเพลง "I Don't Know" ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเพลงคัมแบ็คทั้งที่สาม

Q : ถ้าคุณอยู่ในวงไอดอลเกาหลี ที่เราก็รู้กันว่าทุกอย่างถูกควบคุมจนถึงที่สุด คุณทำอย่างไรให้ตัวเองออกจากวงได้ครับ? หรือคุณแค่เดินไปบอกก็เมเนเจอร์ว่า "หนูไม่อยากอยู่ในวงอีกต่อไปแล้ว" มันเป็นยังไงและทำได้อย่างไรครับ?
ตั้งแต่ที่ฉันเป็นเด็กฝึกในค่าย ฉันบอกกับพนักงานบางคนในบริษัทว่าฉันเข้ากับเมมเบอร์ไม่ได้ และฉันไม่อยากเดบิวท์ในวง Fiestar เพราะว่าเราไม่สนิทกันเลย สำหรับฉันแล้ว เอาจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ที่จะออกจากวงเพราะไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ฉันพูดเลย ฉันใช้เวลานานมาก นานมากจริงๆ

Q : ก็คือ คุณบอกกับทางค่ายว่าคุณอยากออกจากวง แต่พวกเขาบอกแค่ว่าไม่ ใช่มั้ยครับ?
ค่ะ มีอยู่หลายครั้งเลยที่ฉันจะไปคุยกับทางเบื้องบน – บริษัทมันใหญ่จริงๆ ฉันเลยไม่รู้ว่าจะเรียกพวกเขาว่ายังไงน่ะค่ะ – แต่ฉันไปบอกพวกเขาว่า "หนูอยากออกจากวง หนูไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของวงนี้อีกแล้ว" และพวกเขาก็บอกข้อแก้ต่างนานา ยกตัวอย่างก็คือ "ลองดูวง Girls' Generation สิ" – นั้นเป็นสิ่งที่ฉันได้ยินค่ะ ที่อ้างชื่อวงแบบนั้นมันอาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงนะคะ แต่นั้นเป็นวิธีที่พวกเขาบีบบังคับให้ฉันต้องอยู่กับวงและค่าย
– พวกเขาจะพูดว่า "วง Girls' Generation ก็ไม่ได้สนิทมาตั้งแต่แรก แล้วดูตอนนี้สิ พวกเธอติดลมบนและตอนนี้ก็สนิทกันแล้ว วงที่ประสบความสำเร็จไม่มีเมมเบอร์คนไหนสนิทกันจนกว่าวงจะโด่งดังขึ้นมา" นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาจะพูดกับฉันค่ะ หลังจากได้ยินฉันก็อ้ำอึ้งไปเลย ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ...

Q : แต่พวกเขาก็ไม่อยากให้คุณออกจากวง เป็นสิ่งที่ชัดเจนมากๆ ใช่มั้ยครับ?
ค่ะ พวกเขาไม่อยากให้ฉันออกจากวง ...ฉันไม่รู้ว่ามันจะดีหรือเปล่าถ้าฉันพูดอะไรบางอย่างออกไปในการสัมภาษณ์นี้...

Q : ถ้าคุณไม่สบายใจที่จะเล่าก็ไม่จำเป็นต้องเล่าครับ เราข้ามเรื่องบางอย่างออกไปได้ถ้าจำเป็นจริงๆ ผมไม่อยากให้คุณไม่สบายใจกับเรื่องที่คุณจะเล่า
[นิ่งเงียบสักครู่] ตอนที่ฉันบอกเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันออกวงได้ค่ะ

Q : นั่นเป็นเพราะว่าทางค่ายเขาห่วงเกี่ยวกับการรับผิดชอบหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา หรือเพราะว่าทางค่ายห่วงสุขภาพของคุณ หรือว่า...?
ฉันคิดว่า – ขอพูดไว้ก่อนนะคะว่านี่เป็นแค่ความคิดเห็นของฉัน มันอาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่พวกเขาจะทำ – ถ้าฉันฆ่าตัวตายขึ้นมาและทำให้บางอย่างผิดพลาดไป ภาพลักษณ์ของค่ายหรือวงก็จะตกที่นั่งลำบาก ฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ทางค่ายคิดจะปล่อยฉันไปน่ะค่ะ พวกเขาได้ให้ตัวเลือกสองทางคือ ฉันต้องออกจากวงการบันเทิงและไม่ทำเพลงอีกต่อไป "เพราะยังไงเธอก็เป็นศิลปินไม่ได้" หรือต้องยอมจ่ายหนี้ค่ายและค่าปรับ ณ ตอนนั้น เพลงมันคือทุกอย่างสำหรับฉัน เป็นสิ่งเดียวที่ฉันรักในชีวิต ฉันเลยยอมไม่ได้ที่จะทิ้งมันไป แต่พอมองย้อนกลับมาอีกทีฉันว่าฉันคิดผิดอ่ะ ฉันน่าจะยอมแพ้เรื่องเพลงไปซะตั้งแต่ตอนนั้นเลย! [หัวเราะ]
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่