กระทู้นี้มีเจตนาจะบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของฉันเอง หาท่านใดได้เข้ามาอ่านแล้วเกิดประโยชน์หรือแง่คิดดีๆ ก็จะยินดียิ่ง
วันนี้เป็นวันที่ 5 แล้วที่เราอยู่ในสถานะของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าโดยผลประเมินอยู๋ในขั้นรุนแรง
ย้อนไปก่อนหน้านี้ ชีวิตในวันเด็ก เราได้อยู่กับพ่อแม่ถึงช่วงอายุ 6 ขวบเท่านั้น หลังจากนันเราอาศัยอยู๋กับ ปู่ ย่า และอา ทุกคนเลี้ยงดูเราในแบบที่เขาต้องการจะให้เราเป็น เราต้องเป็นเด็กเรียบร้อย พูดจาสุภาพ และสิ่งที่เราโดนฝังมาตลอดคือเราต้องรับผิดชอบน้องๆ(ลูกพี่ลูกน้อง) ไม่ว่าใครจะหกล้ม โดนรถชน โดนเด็กข้างบ้านแกล้ง ถทอเราไม่อยู่ในสถานการณ์ก็ตาม เราจะโดนทำโทษด้วยข้อหา ไม่ดูแลน้อง เราเป็นคนดุและเรารู้ตัวว่าด้วยนิสัยลึกๆของเราเป็นคนก้าวร้าวและเอาแต่ใจ แต่มันแสดงออกไม่ได้ เพราะถ้าแสดงออกก็โดนอาตีไง5555 นิสัยด้านลบนี้เราจึงนำไปใช้กับเพื่อนที่โรงเรียน ในสมัยประถม ไม่พอใจ หยิก ตี ต้อย แม้กระทั้งเพื่อนผู้ชาย แต่เราเป็นที่รักของครูอาจารย์ทุกคนนะ เพราะความสุภาพอ่อนน้อมกับผู้ใหญ่ที่อาเราสั่งสอนมานั้นเเหล่ะ
แต่ชีวิตของเด็กที่พ่อแม่ไปคนละทางมันก็ไม่ได้สวยหรูอยู่แล้ว เมื่อปู่เสีย ย่าเสียไป เราเหมือนตัวคนเดียวเลยล่ะ ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวจนอาเรารับเราไปอยู๋ด้วย ไม่นานก็เหมือนโยนเรากันไปกันมา ในตอนนั้นเรารู้สึกตัวเองว่า เราเหมือนกาฝาก อยู่บ้านโน่นทีบ้านนี้ที
เราเลือกที่จะทำงานพิเศษช่วงหลังเลิกเรียนเพื่อเก็บเงิน เรียนเอง จนเราทำเรื่องซื้อคอนโดและไปอยู่นเดียวตามลำพัง
รู้สึกว่าตัวเองพยายามหนีให้ห่างจากครอบครัวก็เพราะคำว่า กาฝาก ที่ฝังในหัวมาตลอดเวลา เรารู้เพียงว่าไม่อยากเป็นภาระใคร และไม่อยากกดดันตัวเองด้วยคำว่าบุญคุณ
เรื่องมันก็ผ่านเลยไปอ่ะนะ ตอนนี้เรามีลูกชาย 1 คน ณ วันที่เราบันทึกเรื่องราวนี้ ลูกชายก็ใกล้จะ 7 ขวบแล้ว ตอนน้เราธุรกิจของตัวเอง จากเดิมเรามีเพื่อนคนนึงที่เมื่อก่อนร่วมตัวจมท้ายกันมา แต่สุดท้ายเพื่อนคนเดียวที่เราไว้ใจที่สุดก็ทำร้ายเรา เราเป็นคนใจดีนะ ใจกว้างมาก กวางจนชอบทำให้ตัวเองเดือดร้อนหลายต่อหลายครั้ง
แต่ในครั้งนี้มันหนักเหลือเกิน จนเราเลือกที่จะไปพบแพทย์ และได้ขึ้นทะเบียนว่าเป็น ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
เราเคยรู้จักรุ่นน้องคนนึงที่เป็นโรคซึมเศร้า ในตอนนั้นเรามองว่า โรคซึมเศร้ามันไม่ได้น่ากลัวเลย มันเป็นโรคของคนอ่อนแอ ถ้าคิดว่าแพ้มันก็แพ้ ไม่ลุกมาทำอะไรนั้นคือตัวเองอ่อนแอ แล้วมานั่งอ้างว่าเป็นโรคซึมเศร้า หึหึหึ ตอนนี้เป็นเองละ เข้าใจแล้ว และอยากบอกทุกคนที่ได้อ่านกระทู้นี้ค่ะ
ถึงจะอยู่ในสถานการณ์ที่มีผู้คนมากมาย คนเป็นโรคซึมเศร้าก็พร้อมจะตายได้ตลอดเวลา นี่คือเหตุผลที่เราตัดสินใจไปพบหมอ เราไปเห็นภาพๆนึงเกี่ยวกับการผูกคอตายของคนเป็นโรคซึมเศร้า ความรู้สึกในตอนนั้นที่เห็น คืออยากจะเดินออกไปทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองตาย มันนั่งอยู่กับที่ไม่ได้ มันอดอัดขึ้นมา ในตอนนั้นเราทำได้แค่รวบรวมสมาธิแล้วโทรหาพี่ที่สนิทคนนึง เพื่อระบายให้ความรู้สึกนั้นผ่อนคลาย
หลังจากวันนั้นเราก็ใช้เวลา 1 วันเพื่อหาข้อมูลว่าควรไปรพใไหนดี
จากข้อมูลของกูเกิล ทุกรพใมีแผนก จิตเวช แต่ก็รอคิวพอสมควร รพ.เดียวที่ไม่ต้องรอคิวคือ รพ.ศรีธัญญา ใจคือแอบกลัวความเป็นศรีธัญญาที่เรารู้จักมาตั้งแต่เด็กว่าคือรพ.บ้า ก่อนไปเราแอดไลน์เพื่อทำแบบทดสอบถึง 2 ครั้ง ลองไปทดสอบกันดูได้ค่ะ แอดไปที่ไลน์ : @srithanyahospital
ต่อจากนี้จะเป็นเรื่องการรักษาและผลของยา เดี๋ยวมาต่อนะคะ.....
เมื่อฉันเป็นโรคซึมเศร้า
วันนี้เป็นวันที่ 5 แล้วที่เราอยู่ในสถานะของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าโดยผลประเมินอยู๋ในขั้นรุนแรง
ย้อนไปก่อนหน้านี้ ชีวิตในวันเด็ก เราได้อยู่กับพ่อแม่ถึงช่วงอายุ 6 ขวบเท่านั้น หลังจากนันเราอาศัยอยู๋กับ ปู่ ย่า และอา ทุกคนเลี้ยงดูเราในแบบที่เขาต้องการจะให้เราเป็น เราต้องเป็นเด็กเรียบร้อย พูดจาสุภาพ และสิ่งที่เราโดนฝังมาตลอดคือเราต้องรับผิดชอบน้องๆ(ลูกพี่ลูกน้อง) ไม่ว่าใครจะหกล้ม โดนรถชน โดนเด็กข้างบ้านแกล้ง ถทอเราไม่อยู่ในสถานการณ์ก็ตาม เราจะโดนทำโทษด้วยข้อหา ไม่ดูแลน้อง เราเป็นคนดุและเรารู้ตัวว่าด้วยนิสัยลึกๆของเราเป็นคนก้าวร้าวและเอาแต่ใจ แต่มันแสดงออกไม่ได้ เพราะถ้าแสดงออกก็โดนอาตีไง5555 นิสัยด้านลบนี้เราจึงนำไปใช้กับเพื่อนที่โรงเรียน ในสมัยประถม ไม่พอใจ หยิก ตี ต้อย แม้กระทั้งเพื่อนผู้ชาย แต่เราเป็นที่รักของครูอาจารย์ทุกคนนะ เพราะความสุภาพอ่อนน้อมกับผู้ใหญ่ที่อาเราสั่งสอนมานั้นเเหล่ะ
แต่ชีวิตของเด็กที่พ่อแม่ไปคนละทางมันก็ไม่ได้สวยหรูอยู่แล้ว เมื่อปู่เสีย ย่าเสียไป เราเหมือนตัวคนเดียวเลยล่ะ ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวจนอาเรารับเราไปอยู๋ด้วย ไม่นานก็เหมือนโยนเรากันไปกันมา ในตอนนั้นเรารู้สึกตัวเองว่า เราเหมือนกาฝาก อยู่บ้านโน่นทีบ้านนี้ที
เราเลือกที่จะทำงานพิเศษช่วงหลังเลิกเรียนเพื่อเก็บเงิน เรียนเอง จนเราทำเรื่องซื้อคอนโดและไปอยู่นเดียวตามลำพัง
รู้สึกว่าตัวเองพยายามหนีให้ห่างจากครอบครัวก็เพราะคำว่า กาฝาก ที่ฝังในหัวมาตลอดเวลา เรารู้เพียงว่าไม่อยากเป็นภาระใคร และไม่อยากกดดันตัวเองด้วยคำว่าบุญคุณ
เรื่องมันก็ผ่านเลยไปอ่ะนะ ตอนนี้เรามีลูกชาย 1 คน ณ วันที่เราบันทึกเรื่องราวนี้ ลูกชายก็ใกล้จะ 7 ขวบแล้ว ตอนน้เราธุรกิจของตัวเอง จากเดิมเรามีเพื่อนคนนึงที่เมื่อก่อนร่วมตัวจมท้ายกันมา แต่สุดท้ายเพื่อนคนเดียวที่เราไว้ใจที่สุดก็ทำร้ายเรา เราเป็นคนใจดีนะ ใจกว้างมาก กวางจนชอบทำให้ตัวเองเดือดร้อนหลายต่อหลายครั้ง
แต่ในครั้งนี้มันหนักเหลือเกิน จนเราเลือกที่จะไปพบแพทย์ และได้ขึ้นทะเบียนว่าเป็น ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
เราเคยรู้จักรุ่นน้องคนนึงที่เป็นโรคซึมเศร้า ในตอนนั้นเรามองว่า โรคซึมเศร้ามันไม่ได้น่ากลัวเลย มันเป็นโรคของคนอ่อนแอ ถ้าคิดว่าแพ้มันก็แพ้ ไม่ลุกมาทำอะไรนั้นคือตัวเองอ่อนแอ แล้วมานั่งอ้างว่าเป็นโรคซึมเศร้า หึหึหึ ตอนนี้เป็นเองละ เข้าใจแล้ว และอยากบอกทุกคนที่ได้อ่านกระทู้นี้ค่ะ
ถึงจะอยู่ในสถานการณ์ที่มีผู้คนมากมาย คนเป็นโรคซึมเศร้าก็พร้อมจะตายได้ตลอดเวลา นี่คือเหตุผลที่เราตัดสินใจไปพบหมอ เราไปเห็นภาพๆนึงเกี่ยวกับการผูกคอตายของคนเป็นโรคซึมเศร้า ความรู้สึกในตอนนั้นที่เห็น คืออยากจะเดินออกไปทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองตาย มันนั่งอยู่กับที่ไม่ได้ มันอดอัดขึ้นมา ในตอนนั้นเราทำได้แค่รวบรวมสมาธิแล้วโทรหาพี่ที่สนิทคนนึง เพื่อระบายให้ความรู้สึกนั้นผ่อนคลาย
หลังจากวันนั้นเราก็ใช้เวลา 1 วันเพื่อหาข้อมูลว่าควรไปรพใไหนดี
จากข้อมูลของกูเกิล ทุกรพใมีแผนก จิตเวช แต่ก็รอคิวพอสมควร รพ.เดียวที่ไม่ต้องรอคิวคือ รพ.ศรีธัญญา ใจคือแอบกลัวความเป็นศรีธัญญาที่เรารู้จักมาตั้งแต่เด็กว่าคือรพ.บ้า ก่อนไปเราแอดไลน์เพื่อทำแบบทดสอบถึง 2 ครั้ง ลองไปทดสอบกันดูได้ค่ะ แอดไปที่ไลน์ : @srithanyahospital
ต่อจากนี้จะเป็นเรื่องการรักษาและผลของยา เดี๋ยวมาต่อนะคะ.....