เรื่องของเรื่องคือเวลาอยู่นอกบ้านผมอยากเปิดไฟล์งาน ไฟล์รูป หรือวิดีโอที่อยู่ในบ้าน เคยคิดจะใช้บริการ Cloud เจ้าต่างๆ แต่ผมมีรูป 22,XXX รูป 151GB ค่าใช้จ่ายรายเดือนสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
ผมได้ลองหาวิธีอยู่พักใหญ่มันก็พบแต่วิธียุ่งยากซับซ้อน(สำหรับคนไม่มีความรู้เรื่อง Network) ลองซื้อ Nas ตัวถูกๆ 3000-4000 มาใช้ก็อืดซะ จนมาเจอกับ WD My Cloud วันนี้เลยจะมารีวิวฉบับบ้านๆให้ดูครับ
อุปกรณ์ในกล่อง
ขนาดตัวเครื่องกำลังดีไม่ใหญ่ไม่เล็ก
ชอบตรงสายแลนกับอะแดปเตอร์มันให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม อะแดปเตอร์ต้องปลดล๊อคถึงจะสามารถเปลี่ยนหัวได้ ไม่ใช่แค่สไลด์เข้าไปเฉยๆ
ขั้นตอนการติดตั้งก็ไม่มีอะไรมาก
-เสียบปลั๊ก ต่อสายแลน
-เข้าไปในเว็บ www.mycloud.com > สร้าง Account > ใส่หมายเลข Device Code ที่อยู่หลังเครื่องเข้าไป
เพียงเท่านี้ Account ของคุณก็เชื่อมต่อกับ WD My Cloud ตัวนี้เรียบร้อยแล้ว พร้อมจะอัพโหลดไฟล์ผ่านหน้าเว็บได้ทันที
สำหรับคอมที่ใช้ที่บ้านเพื่อความสะดวกในการจัดการไฟล์ เราสามารถโหลดโปรแกรม WD Discovery แล้วล๊อคอิน Account ของเราเข้าไป
โปรแกรมก็จะสร้าง Network Location Drive ให้เราโดยอัตโนมัติ เราสามารถก๊อปปี้ไฟล์ต่างๆที่อยู่ในเครื่องไปวางไว้ใน WD My Cloud ได้เลย โดยไม่ต้องผ่านหน้าเว็บ(การอัพโหลดทางนี้ไม่จำเป็นต้องออนไลน์ ขอแค่อยู่ในวงแลนเดียวกันก็พอ)
ความเร็วในการอ่านเขียนอยู่ที่ประมาณ 16-20MB/s ถือว่าค่อนข้างช้า ที่จริงควรได้สัก 40-50MB/s
ส่วนการใช้งานผ่านมือถือเราต้องติดตั้งโปรแกรม My Cloud Home แล้วล๊อคอินด้วย Account ถึงสามารถใช้งานได้(การอัพโหลดทางนี้จำเป็นต้องใช้อินเตอร์เน็ต) เหมือนโปรแกรมพวก Goo... Drive, On. Drive
โปรแกรมเสริมที่สามารถติดตั้งได้มีแค่นี้
การตั้งค่าต่างๆก็มีแค่แชร์ไฟล์/โฟลเดอร์, เพิ่ม User, รีบูต, ปิดเครื่อง แค่นี้ครับ มีแค่นี้จริงๆ ฮ่าาาาาา
==============================
2. Stream Video
เน็ตที่บ้านใช้ 500/500Mbps
ผมได้ลองแชร์ไฟล์ด้วยการสร้างลิ้งค์แล้วส่งให้เพื่อนลองโหลดดู ความเร็วก็อยู่ประมาณ 16-18MB/s น่าจะเป็นที่บอร์ดของ WD My Cloud เพราะทั้งเน็ตทั้ง HDD สามารถทำความเร็วได้สูงกว่านี้อยู่แล้ว
การเล่นไฟล์วิดีโอผ่านหน้าเว็บทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ พวกไฟล์ .mkv 4GB ที่โหลดมาตามเว็บต่างๆจะไม่มีเสียง
ไฟล์หนังซีรี่ที่ผม Rip(HandBrake .mkv) มาจากดีวีดีก็เล่นไม่ได้ แต่พวกไฟล์ .mp4 การ์ตูน 200-300MB สามารถเล่นได้ปกติ
ตรงนี้สามารถแก้ได้ด้วยก๊อปปี้ลิงค์ไปเปิดในพวก VLC
ในโปรแกรม My Cloud Home ในมือถือก็เป็นเหมือนกัน เข้าใจแหละว่าคงไม่ได้ออกแบบมาเล่นไฟล์มัลติมีเดีย
สามารถแก้ด้วยการเปิดเล่นกับ VLC แทน
==============================
3. แชร์ไฟล์
การแชร์ไฟล์จะมีอยู่ 2แบบ
-สร้างลิ้งค์ ใครก็ตามที่มีลิงค์นี้สามารถเปิดดูได้หมด ไม่จำเป็นว่าต้องมี Account My Cloud เหมาะสำหรับขาจร ส่งให้เพื่อนดูบลาๆ ไม่สามารถแก้ไขหรือลบไฟล์ได้ โหลดได้อย่างเดียว
-แชร์แบบส่งเมลล์เชิญ การแชร์แบบนี้เมลล์ที่ส่งไปจะต้องเป็นสมาชิก(ฟรี) เหมาะสำหรับการใช้งานจริงๆจังๆ สามารถเพิ่มไฟล์ ลบไฟล์ได้ จำกัดสิทธิไม่ได้ เอ่อ.....
สามารถดูได้ว่าแต่ละโฟลเดอร์เราแชร์กับใครไว้บ้าง
==============================
4. สร้าง User
เราสามารถสร้าง User เพื่อแบ่งปันพื้นที่ให้คนในบ้านหรือเพื่อนๆได้ แต่ไม่สามารถจำกัดพื้นที่ได้ ใครยัดอะไรลงไปเยอะก็ไปไล่ด่ากันเอาเอง 5555+ ทั้ง Owner และ User ต่างๆ ไม่สามารถเข้าดูไฟล์ของกันและกันได้
ที่เขียนว่า User คือมุมมองของ Account ที่เป็น User ไม่สามารถปิดเครื่องหรือรีสตาร์ทได้ ทำได้จากฝั่ง Owner อย่างเดียว
เอาข้อ 3 และ 4 มารวมกัน เราสามารถสร้าง User แล้วแชร์โฟลเดอร์ไปให้ User อื่นๆได้เช่นกัน เหมาะสำหรับเป็นโฟลเดอร์ที่ใช้งานร่วมกัน
==============================
จบรีวิว
ถามว่าโอเคไหม สำหรับผมบอกเลยว่าโอเค ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยากไม่ซับซ้อน(ก็ตั้งค่าแทบไม่ได้เลยนี่หว่า ฮ่าาาาาา) เร็วดีไม่อืดเหมือนพวก Nas ถูกๆ
อาจเป็นเพราะ Nas ถูกๆทำอะไรได้เยอะ สเปคตํ่าทำให้อืดเป็นธรรมดา
WD My Cloud น่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการ Backup ทำ Cloud หรือเล่นไฟล์วิดีโอขำๆ ถ้าต้องการโหลดบิทหรือลูกเล่นเยอะๆ หรือเน้นความคุ้มค่าไปเล่น NAS เถอะ
ส่วนราคาค่อนข้างสูง ประมาณ 4800บาท ถ้าสามารถหาได้สัก 3000ต้นๆ ถือว่าคุ้มมาก
การใช้พลังงาน
อยู่เฉยๆกินไฟประมาณ 10W
ใช้งานเต็มที่ 12.5W
เปิดทิ้งไว้ทั้งเดือนกินไฟประมาณ 35บาท
เพิ่มเติม ถ้าต้องการทำเป็น Media Server ไว้เล่นหนังบนทีวี จำเป็นต้องลงโปรแกรม Plex เพื่อใช้งาน DLNA ครับ แต่ถ้าเอามาทำแค่นี้ลงโปรแกรม Plex ในคอมเอาก็ได้ ยกเว้นว่าต้องการแบ็คอัพไฟล์ไปในตัว
[CR] WD My Cloud
ผมได้ลองหาวิธีอยู่พักใหญ่มันก็พบแต่วิธียุ่งยากซับซ้อน(สำหรับคนไม่มีความรู้เรื่อง Network) ลองซื้อ Nas ตัวถูกๆ 3000-4000 มาใช้ก็อืดซะ จนมาเจอกับ WD My Cloud วันนี้เลยจะมารีวิวฉบับบ้านๆให้ดูครับ
อุปกรณ์ในกล่อง
ขนาดตัวเครื่องกำลังดีไม่ใหญ่ไม่เล็ก
ชอบตรงสายแลนกับอะแดปเตอร์มันให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม อะแดปเตอร์ต้องปลดล๊อคถึงจะสามารถเปลี่ยนหัวได้ ไม่ใช่แค่สไลด์เข้าไปเฉยๆ
ขั้นตอนการติดตั้งก็ไม่มีอะไรมาก
-เสียบปลั๊ก ต่อสายแลน
-เข้าไปในเว็บ www.mycloud.com > สร้าง Account > ใส่หมายเลข Device Code ที่อยู่หลังเครื่องเข้าไป
เพียงเท่านี้ Account ของคุณก็เชื่อมต่อกับ WD My Cloud ตัวนี้เรียบร้อยแล้ว พร้อมจะอัพโหลดไฟล์ผ่านหน้าเว็บได้ทันที
สำหรับคอมที่ใช้ที่บ้านเพื่อความสะดวกในการจัดการไฟล์ เราสามารถโหลดโปรแกรม WD Discovery แล้วล๊อคอิน Account ของเราเข้าไป
โปรแกรมก็จะสร้าง Network Location Drive ให้เราโดยอัตโนมัติ เราสามารถก๊อปปี้ไฟล์ต่างๆที่อยู่ในเครื่องไปวางไว้ใน WD My Cloud ได้เลย โดยไม่ต้องผ่านหน้าเว็บ(การอัพโหลดทางนี้ไม่จำเป็นต้องออนไลน์ ขอแค่อยู่ในวงแลนเดียวกันก็พอ)
ความเร็วในการอ่านเขียนอยู่ที่ประมาณ 16-20MB/s ถือว่าค่อนข้างช้า ที่จริงควรได้สัก 40-50MB/s
ส่วนการใช้งานผ่านมือถือเราต้องติดตั้งโปรแกรม My Cloud Home แล้วล๊อคอินด้วย Account ถึงสามารถใช้งานได้(การอัพโหลดทางนี้จำเป็นต้องใช้อินเตอร์เน็ต) เหมือนโปรแกรมพวก Goo... Drive, On. Drive
โปรแกรมเสริมที่สามารถติดตั้งได้มีแค่นี้
การตั้งค่าต่างๆก็มีแค่แชร์ไฟล์/โฟลเดอร์, เพิ่ม User, รีบูต, ปิดเครื่อง แค่นี้ครับ มีแค่นี้จริงๆ ฮ่าาาาาา
==============================
2. Stream Video
เน็ตที่บ้านใช้ 500/500Mbps
ผมได้ลองแชร์ไฟล์ด้วยการสร้างลิ้งค์แล้วส่งให้เพื่อนลองโหลดดู ความเร็วก็อยู่ประมาณ 16-18MB/s น่าจะเป็นที่บอร์ดของ WD My Cloud เพราะทั้งเน็ตทั้ง HDD สามารถทำความเร็วได้สูงกว่านี้อยู่แล้ว
การเล่นไฟล์วิดีโอผ่านหน้าเว็บทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ พวกไฟล์ .mkv 4GB ที่โหลดมาตามเว็บต่างๆจะไม่มีเสียง
ไฟล์หนังซีรี่ที่ผม Rip(HandBrake .mkv) มาจากดีวีดีก็เล่นไม่ได้ แต่พวกไฟล์ .mp4 การ์ตูน 200-300MB สามารถเล่นได้ปกติ
ตรงนี้สามารถแก้ได้ด้วยก๊อปปี้ลิงค์ไปเปิดในพวก VLC
ในโปรแกรม My Cloud Home ในมือถือก็เป็นเหมือนกัน เข้าใจแหละว่าคงไม่ได้ออกแบบมาเล่นไฟล์มัลติมีเดีย
สามารถแก้ด้วยการเปิดเล่นกับ VLC แทน
==============================
3. แชร์ไฟล์
การแชร์ไฟล์จะมีอยู่ 2แบบ
-สร้างลิ้งค์ ใครก็ตามที่มีลิงค์นี้สามารถเปิดดูได้หมด ไม่จำเป็นว่าต้องมี Account My Cloud เหมาะสำหรับขาจร ส่งให้เพื่อนดูบลาๆ ไม่สามารถแก้ไขหรือลบไฟล์ได้ โหลดได้อย่างเดียว
-แชร์แบบส่งเมลล์เชิญ การแชร์แบบนี้เมลล์ที่ส่งไปจะต้องเป็นสมาชิก(ฟรี) เหมาะสำหรับการใช้งานจริงๆจังๆ สามารถเพิ่มไฟล์ ลบไฟล์ได้ จำกัดสิทธิไม่ได้ เอ่อ.....
สามารถดูได้ว่าแต่ละโฟลเดอร์เราแชร์กับใครไว้บ้าง
==============================
4. สร้าง User
เราสามารถสร้าง User เพื่อแบ่งปันพื้นที่ให้คนในบ้านหรือเพื่อนๆได้ แต่ไม่สามารถจำกัดพื้นที่ได้ ใครยัดอะไรลงไปเยอะก็ไปไล่ด่ากันเอาเอง 5555+ ทั้ง Owner และ User ต่างๆ ไม่สามารถเข้าดูไฟล์ของกันและกันได้
ที่เขียนว่า User คือมุมมองของ Account ที่เป็น User ไม่สามารถปิดเครื่องหรือรีสตาร์ทได้ ทำได้จากฝั่ง Owner อย่างเดียว
เอาข้อ 3 และ 4 มารวมกัน เราสามารถสร้าง User แล้วแชร์โฟลเดอร์ไปให้ User อื่นๆได้เช่นกัน เหมาะสำหรับเป็นโฟลเดอร์ที่ใช้งานร่วมกัน
==============================
จบรีวิว
ถามว่าโอเคไหม สำหรับผมบอกเลยว่าโอเค ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยากไม่ซับซ้อน(ก็ตั้งค่าแทบไม่ได้เลยนี่หว่า ฮ่าาาาาา) เร็วดีไม่อืดเหมือนพวก Nas ถูกๆ
อาจเป็นเพราะ Nas ถูกๆทำอะไรได้เยอะ สเปคตํ่าทำให้อืดเป็นธรรมดา
WD My Cloud น่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการ Backup ทำ Cloud หรือเล่นไฟล์วิดีโอขำๆ ถ้าต้องการโหลดบิทหรือลูกเล่นเยอะๆ หรือเน้นความคุ้มค่าไปเล่น NAS เถอะ
ส่วนราคาค่อนข้างสูง ประมาณ 4800บาท ถ้าสามารถหาได้สัก 3000ต้นๆ ถือว่าคุ้มมาก
การใช้พลังงาน
อยู่เฉยๆกินไฟประมาณ 10W
ใช้งานเต็มที่ 12.5W
เปิดทิ้งไว้ทั้งเดือนกินไฟประมาณ 35บาท
เพิ่มเติม ถ้าต้องการทำเป็น Media Server ไว้เล่นหนังบนทีวี จำเป็นต้องลงโปรแกรม Plex เพื่อใช้งาน DLNA ครับ แต่ถ้าเอามาทำแค่นี้ลงโปรแกรม Plex ในคอมเอาก็ได้ ยกเว้นว่าต้องการแบ็คอัพไฟล์ไปในตัว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้