บทความนี้ส่วนหนึ่งได้รับแรงผลักดันมาจากน้องสองคนที่ทำงาน คนแรกเขามาปรึกษาว่าจะซื้อ NAS ดีไหมเพราะชอบโหลดหนังมาดูและกำลังจะซื้อ Macbook อยากหาที่เก็บข้อมูล โดยเขาเคยดูคลิปที่ผมรีวิว คนที่สอง เป็นช่างภาพก็มาปรึกษาว่าจะซื้อ NAS หรือจะใช้ google drive ดี ซึ่งผมก็ให้คำแนะนำและพอดีกับทาง WD โทรมาสอบถามว่าสนใจรีวิวเจ้า My Cloud Home Duo ไหม ผมก็เลยตอบรับทันที
ก่อนจะไปเริ่มดูความสามารถผมขอตอบคำถามสำหรับคนที่ยังไม่มี NAS ไว้ใช้งานและกำลังสนใจอยู่นะครับ ว่าถ้าบ้านคุณมีคนที่ใช้ smartphone ,Notebook ,Computer รวมกันเกิน 5 เครื่องขึ้นไป ก็น่าจะมีไว้ และถ้าชื่นชอบการดูหนังแบบน้องคนแรกก็เหมาะมาก เพราะผมเองก็ใช้ NAS ไว้ดูหนังร่วมกับ smart tv เลยสะดวกมากๆ อีกเหตุผลที่สำคัญคือปัจจุบันการใช้งาน smartphone ,Notebook ,Computer นั้นเราต้องการสำรองข้อมูลกันมากขั้นเช่นรูปภาพ ข้อมูลต่างๆ หากเกิดเครื่องเสียหรือหายไป เรายังสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องอื่นใช้งานแทนได้ (หากเราเลือกใช้ cloud storage ได้ แต่อย่าลืมว่าเขามีค่าบริการรายเดือนที่เราต้องจ่าย cloud storage เหมาะกับคนที่ใช้งานเพียงคนเดียวไม่เยอะมาก)
เอาละเรามาเข้าเรื่องผมจะมาแชร์ประสบการณ์การใช้งานเจ้าตัว My Cloud Home Duo กันครับ ขอเริ่มต้นจากรูปร่างหน้าตากันก่อนเลยว่าจะหล่อเหมาะจะวางร่วมกับเฟอร์นิเจอร์
1. ดีไซน์
ด้านหลัง มี 1. ปุ่ม Power 2. ปุ่ม Reset 3 .USB 3.0 x 2 port 4. RJ45 x 1 port 5. DC Power
จากภาพรวมการดีไซน์ออกแบบมาดูเรียบหรูดูดีครับ รุ่นที่ผมได้มาทดสอบคือ My Cloud Home Duo 8TB ซึ่งต้องอธิบายเพิ่มอีกนิสคือเจ้า My Cloud Home นั้นมี 2 Model คือ My Cloud Home (Single Drive) ระบุความจุเท่าไรมีเท่านั้น กับ My Cloud Home Duo (Dual Drive) คือระบุความจุเท่าไรหาร 2 ครับ คือเจ้าตัวที่ผมได้มาจะสามารถใช้งานได้ 4 TB เท่านั้น เพราะคุณสมบัติพิเศษคือการทำ RAID 1 ครับ
*** RAID-1 (Disk mirroring) คือการทำการสำรองข้อมูลฮาร์ดดิสก์ 2 ตัวให้เหมือนกัน เพื่อป้องกันปัญหาข้อมูลสูญหายในกรณีฮาร์ดดิสก์เสีย หากเกิดปัญหาฮาร์ดดิสก์ ตัว 1 เสียตัวที่ 2 จะทำงานแทนทันทีทำให้ข้อมูลไม่สูญหายและใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างที่แจ้งว่าเจ้า My Cloud Home Duo มีฮาร์ดดิสก์ 2 ตัว เราลองมาเปิดดูกัน โดยการเปิดจากฝาด้านบนของตัวเครื่องจะพบกับฮาร์ดดิสก์ 2 ตัวที่ตัวสลักล็อคที่เราสามารถถอดฮาร์ดดิสก์ออกได้
โดยภายในใส่ ฮาร์ดดิสก์รุ่น WD Red ที่ออกแบบมาใช้สำหรับ NAS อยู่แล้ว
ลองดูข้างในก็พบพัดลมระบบความร้อนกับ sata connector ครับ
2. การใช้งาน
การใช้งานของ My Cloud Home นั้นง่ายมาก และถ้าเปรียบเทียบกับ NAS ที่ผมใช้ด้วแล้วบอกเลยว่าง่ายกว่ามาก เพียงแค่เข้าไปที่ เข้าเว็บไซต์ www.MyCloud.com จากนั้นเลือกให้ตรงกับรุ่น แล้วก็สร้าง Account ตัวเองได้เลย (ใช้งานผ่าน Computer)
นอกจากการสร้าง Account ยังสามารถติดตั้ง Software ที่ช่วยในการใช้งานเพิ่มอีกด้วย
หลังจากติดตั้ง Software แล้วก็จะมีโปรแกรม แสดงการทำงานอยู่ด้าน Taskbar
ให้ login
จากนั้นระบบก็จะเชื่อมต่อกับ My Cloud Home
เราสมารถเชื่อมต่อข้อมูลกับ App ตามนี้ได้เลย
นอกจากนั้นยังสามารถติดตั้ง Software เพิ่มเติมที่ทาง WD มีให้บริการได้อีกด้วย
แล้วถ้าเป็นบน App บนสมาร์โฟนการใช้งานก็ง่ายครับ ไปโหลด My Cloud Home จากนั้นก็ login ที่ชอบคือเราสามารภเลือก Auto Backup ได้เลย
ในการแสดง Folder Files ก็ดูง่าย
3. ประสิทธิภาพ
จากการใช้งานผมได้ลอง
1. Copy ข้อมูลประมาณ 80 GB ผ่าน Network ภายในบ้าน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งผมพอใจมากครับ เพราะการโอนข้อมูลลงไปในเจ้า My Cloud Home Duo มันต้องทำการเขียนข้อมูลพร้อมกันทันที
2. upload file จาก สมาร์โฟนก็เร็วทันใจ 10 รูป ประมาณ 1 นาที
3. นำ flash drive มาเชื่อมต่อผ่าน USB 3.0 พอต่อเข้าระบบจะแจ้งเข้า สมาร์โฟนให้ทำการเลือกว่าจะ Copy ไหม เร็วใช้ได้เลย
4. ดูหนังผ่าน App ใช้ได้เลยสามารถเลือกระดับความละเอียดของหนังได้ด้วย
5. ลองถอด ฮาร์ดดิสก์ (ปิดเครื่องแล้วถอดนะจ๊ะ) 1 ตัว สามารถใช้งานได้ปกติ ซึ่งระบบไม่มีการแจ้งปัญหาผิดปกติ(ในส่วน WD ควรแก้ไขนะเพราะถ้าไม่แจ้งเตือนผู้ใช้งานก็จะไม่รู้ว่าฮาร์ดดิสก์ที่เสียไม่ทำงาน)
จากภาพรวม WD My Cloud Home Duo ถือว่าเป็น NAS ที่น่าใช้สำหรับคนต้องการเก็บข้อมูลสำคัญๆ เช่น คนทํางานฟรีแลนซ์ต่างๆ หรือผู้บริหารที่ต้องการสำรองข้อมูลสำคัญๆ เพราะราคาสูงกว่ารุ่นที่เป็น WD My Cloud Home (Single Drive) พอสมควร คือถ้าใช้งานทั่วไปแค่ WD My Cloud Home (Single Drive) ก็เพียงพอ
ผมต้องขอบคุณทาง WD ประเทศไทยที่ส่งอุปกรณ์ดีๆมาให้ผมลองนะครับ
[SR] เปิดกล่องมาแชร์กับ My Cloud Home Duo อีกทางเลือกของคนชอบเก็บ!
ก่อนจะไปเริ่มดูความสามารถผมขอตอบคำถามสำหรับคนที่ยังไม่มี NAS ไว้ใช้งานและกำลังสนใจอยู่นะครับ ว่าถ้าบ้านคุณมีคนที่ใช้ smartphone ,Notebook ,Computer รวมกันเกิน 5 เครื่องขึ้นไป ก็น่าจะมีไว้ และถ้าชื่นชอบการดูหนังแบบน้องคนแรกก็เหมาะมาก เพราะผมเองก็ใช้ NAS ไว้ดูหนังร่วมกับ smart tv เลยสะดวกมากๆ อีกเหตุผลที่สำคัญคือปัจจุบันการใช้งาน smartphone ,Notebook ,Computer นั้นเราต้องการสำรองข้อมูลกันมากขั้นเช่นรูปภาพ ข้อมูลต่างๆ หากเกิดเครื่องเสียหรือหายไป เรายังสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องอื่นใช้งานแทนได้ (หากเราเลือกใช้ cloud storage ได้ แต่อย่าลืมว่าเขามีค่าบริการรายเดือนที่เราต้องจ่าย cloud storage เหมาะกับคนที่ใช้งานเพียงคนเดียวไม่เยอะมาก)
เอาละเรามาเข้าเรื่องผมจะมาแชร์ประสบการณ์การใช้งานเจ้าตัว My Cloud Home Duo กันครับ ขอเริ่มต้นจากรูปร่างหน้าตากันก่อนเลยว่าจะหล่อเหมาะจะวางร่วมกับเฟอร์นิเจอร์
1. ดีไซน์
ด้านหลัง มี 1. ปุ่ม Power 2. ปุ่ม Reset 3 .USB 3.0 x 2 port 4. RJ45 x 1 port 5. DC Power
จากภาพรวมการดีไซน์ออกแบบมาดูเรียบหรูดูดีครับ รุ่นที่ผมได้มาทดสอบคือ My Cloud Home Duo 8TB ซึ่งต้องอธิบายเพิ่มอีกนิสคือเจ้า My Cloud Home นั้นมี 2 Model คือ My Cloud Home (Single Drive) ระบุความจุเท่าไรมีเท่านั้น กับ My Cloud Home Duo (Dual Drive) คือระบุความจุเท่าไรหาร 2 ครับ คือเจ้าตัวที่ผมได้มาจะสามารถใช้งานได้ 4 TB เท่านั้น เพราะคุณสมบัติพิเศษคือการทำ RAID 1 ครับ
*** RAID-1 (Disk mirroring) คือการทำการสำรองข้อมูลฮาร์ดดิสก์ 2 ตัวให้เหมือนกัน เพื่อป้องกันปัญหาข้อมูลสูญหายในกรณีฮาร์ดดิสก์เสีย หากเกิดปัญหาฮาร์ดดิสก์ ตัว 1 เสียตัวที่ 2 จะทำงานแทนทันทีทำให้ข้อมูลไม่สูญหายและใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างที่แจ้งว่าเจ้า My Cloud Home Duo มีฮาร์ดดิสก์ 2 ตัว เราลองมาเปิดดูกัน โดยการเปิดจากฝาด้านบนของตัวเครื่องจะพบกับฮาร์ดดิสก์ 2 ตัวที่ตัวสลักล็อคที่เราสามารถถอดฮาร์ดดิสก์ออกได้
โดยภายในใส่ ฮาร์ดดิสก์รุ่น WD Red ที่ออกแบบมาใช้สำหรับ NAS อยู่แล้ว
ลองดูข้างในก็พบพัดลมระบบความร้อนกับ sata connector ครับ
2. การใช้งาน
การใช้งานของ My Cloud Home นั้นง่ายมาก และถ้าเปรียบเทียบกับ NAS ที่ผมใช้ด้วแล้วบอกเลยว่าง่ายกว่ามาก เพียงแค่เข้าไปที่ เข้าเว็บไซต์ www.MyCloud.com จากนั้นเลือกให้ตรงกับรุ่น แล้วก็สร้าง Account ตัวเองได้เลย (ใช้งานผ่าน Computer)
นอกจากการสร้าง Account ยังสามารถติดตั้ง Software ที่ช่วยในการใช้งานเพิ่มอีกด้วย
หลังจากติดตั้ง Software แล้วก็จะมีโปรแกรม แสดงการทำงานอยู่ด้าน Taskbar
ให้ login
จากนั้นระบบก็จะเชื่อมต่อกับ My Cloud Home
เราสมารถเชื่อมต่อข้อมูลกับ App ตามนี้ได้เลย
นอกจากนั้นยังสามารถติดตั้ง Software เพิ่มเติมที่ทาง WD มีให้บริการได้อีกด้วย
แล้วถ้าเป็นบน App บนสมาร์โฟนการใช้งานก็ง่ายครับ ไปโหลด My Cloud Home จากนั้นก็ login ที่ชอบคือเราสามารภเลือก Auto Backup ได้เลย
ในการแสดง Folder Files ก็ดูง่าย
3. ประสิทธิภาพ
จากการใช้งานผมได้ลอง
1. Copy ข้อมูลประมาณ 80 GB ผ่าน Network ภายในบ้าน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งผมพอใจมากครับ เพราะการโอนข้อมูลลงไปในเจ้า My Cloud Home Duo มันต้องทำการเขียนข้อมูลพร้อมกันทันที
2. upload file จาก สมาร์โฟนก็เร็วทันใจ 10 รูป ประมาณ 1 นาที
3. นำ flash drive มาเชื่อมต่อผ่าน USB 3.0 พอต่อเข้าระบบจะแจ้งเข้า สมาร์โฟนให้ทำการเลือกว่าจะ Copy ไหม เร็วใช้ได้เลย
4. ดูหนังผ่าน App ใช้ได้เลยสามารถเลือกระดับความละเอียดของหนังได้ด้วย
5. ลองถอด ฮาร์ดดิสก์ (ปิดเครื่องแล้วถอดนะจ๊ะ) 1 ตัว สามารถใช้งานได้ปกติ ซึ่งระบบไม่มีการแจ้งปัญหาผิดปกติ(ในส่วน WD ควรแก้ไขนะเพราะถ้าไม่แจ้งเตือนผู้ใช้งานก็จะไม่รู้ว่าฮาร์ดดิสก์ที่เสียไม่ทำงาน)
จากภาพรวม WD My Cloud Home Duo ถือว่าเป็น NAS ที่น่าใช้สำหรับคนต้องการเก็บข้อมูลสำคัญๆ เช่น คนทํางานฟรีแลนซ์ต่างๆ หรือผู้บริหารที่ต้องการสำรองข้อมูลสำคัญๆ เพราะราคาสูงกว่ารุ่นที่เป็น WD My Cloud Home (Single Drive) พอสมควร คือถ้าใช้งานทั่วไปแค่ WD My Cloud Home (Single Drive) ก็เพียงพอ
ผมต้องขอบคุณทาง WD ประเทศไทยที่ส่งอุปกรณ์ดีๆมาให้ผมลองนะครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม