คิดถึง 2 บทที่ 20



.


               “บอสบีมปะเราออกไปนากัน” วันอาทิตย์ตอนสาย ๆ ยายชวนเธอไปนา เดือนธันวาคมชาวบ้านเกี่ยวข้าวเสร็จกันหมดแล้ว เริ่มเข้าสู่ปฐมบทแห่งหน้าแล้ง ทว่าในนายังมีน้ำขังเป็นย่อม ๆ อยู่บ้าง นั้นคือแหล่งอาหารพื้นบ้านชั้นเลิศทีเดียว

               ไม่ว่าจะเป็นหอยจำศีล กบจำศีล ปูและปลา และอื่น ๆ อีกมากมายแล้วแต่จะหาเจอ เรียกได้ว่าเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งท้องนาก็ว่าได้ แค่ไม่ขี้เกียจเป็นพอ

               พี่สาวสองคนกลับบ้านของตนเอง กลับไปทำความสะอาดบ้านของตนเช่นปกติ ไม่เสาร์ก็อาทิตย์พี่ ๆ จะไปปัดกวาดบ้านเสมอ ๆ พี่ชายสองคนยายไม่ชวน ปล่อยให้อยู่เฝ้าบ้านไป ส่วนตาก็ไปเลี้ยงวัวเหมือนเคย

              “ไปตอนไหนยาย ไปก็ไป” บอสถามยาย วันนี้เธอก็ไม่ได้ไปเล่นที่ไหนเหมือนกัน อากาศเดือนธันวาคมเย็นมาก เย็นได้ตลอดทั้งวัน แม้จะแดดแต่อากาศก็เย็นและผิวแห้ง เธอแทบไม่อยากออกจากผ้าห่มเลย เธอกับน้องบีมยังซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มหน้าจอทีวีกันอยู่เลย

               “กินข้าวเที่ยงเสร็จค่อยไป ว่าแต่ไปสอยมะละกอมาทำส้มตำหน่อย เที่ยงแล้วหนิ” ยายใช้เธอ ต้นมะละกออยู่สวนข้างบ้านนี่เอง ยายปลูกเอาไว้ ตอนนี้ลูกดกมาก “บีมพี่ชายสองคนมืงหายไปไหน ไปเรียกมากินข้าวเที่ยงหน่อย กินเสร็จยายจะพาออกไปนา”

               “ไม่รู้! บีมไม่เห็นพี่บอมกับพี่บอลเลย จะให้บีมไปตามไหน” น้องบีมขี้เกียจไปตามพี่ชายทั้งสองคน ก็เฉไฉบอกไม่รู้ไม่เห็นไป

               บอสเดินไปสอยมะละกอที่สวนข้างบ้านมาตำส้มตำกินมื้อเที่ยง ยายปลูกเอาไว้ต้นเดียวก็พอได้กิน ไม่ต้องซื้อ พร้อมเก็บพริกขี้หนูสวนมาด้วย มะนาวแป้นยายก็ปลูกออกผลแล้วด้วย อย่างมากก็ซื้อแค่มะเขือเทศ

               “บีมขอเงินยายไปซื้อมะเขือเทศให้พี่หน่อย” เมื่ออุปกรณ์ครบ ขาดแค่อย่างเดียวนั่นคือมะเขือเทศ จึงใช้น้องบีมไปซื้อมาให้ ถ้าไม่ใส่ให้ครบมันก็จะไม่อร่อย

               “ไม่ต้อง ๆ ไม่ต้องใส่ก็ได้ เปลืองตังค์ ใส่แค่นั้นพอ” ยายไม่ให้ซื้อ เปลืองเงินหรืออย่างไร แค่ไม่กี่บาทเอง ตามใจยายใส่เครื่องเท่าที่มีก็ได้

                บอสจัดการสับมะละกอและก็ลงมือตำส้มตำให้ยายกิน อร่อยไม่อร่อยก็ต้องกิน และก็ทอดปลาหมึกแห้งที่แม่ซื้อฝากมาเพิ่มด้วย กินแค่ส้มตำกับข้าวอย่างเดียวมันก็ยังไง ๆ อยู่ มื้อเที่ยงวันนี้ทานแค่นี้พอ บอสทอดเผื่อพี่ชายสองคนด้วย เธอมั่นใจว่าเที่ยงแล้วพี่ชายต้องกลับมาบ้านแน่นอน

               พอเที่ยงปุ๊บพี่ชายสองคนก็มาบ้านทันข้าวเที่ยงพอดี ยกเว้นก็แต่พี่สาวสองคนคงซื้อกินที่บ้านของตนนู่น “พี่บอมไปนามั้ย” บอสชวนพี่ชายไปด้วยระหว่างนั่งทานมื้อเที่ยงกันที่แคร่หน้าบ้าน กับข้าวมีแค่สองอย่างเท่านั้น บ้านของเธอกินง่ายอยู่ง่าย

               “ไปทำอะไรยาย” พี่บอมถามยาย ดูท่าทางแล้วน่าจะไปด้วย หรืออาจแค่ถามเฉย ๆ ไปอย่างนั้นเอง

               “ว่าจะไปหาขัวหอยมาอ่อมตอนเย็น ตาอยากกิน ซื้อกินทุกวันเปลืองตังค์ ออกไปหาแนวกินก่อน” บอสกับพี่บอลมองหน้ากัน เม้มปากหัวเราะยาย จะเปลืองอะไรนักหนา

               ปกติก็ใช่จะซื้ออย่างที่พูดซะเมื่อไหร่ ยายไปนาทุกวันหลังจากทอผ้าเสร็จ ได้กับข้าวมาทุกวันด้วย พวกเธอแทบไม่ได้กินของตลาดกันเลย ถ้าไม่ดึงดันอยากจะซื้อ

              “กินแต่ปลา บอสก็อยากกินปิ้งไก่ปิ้งตับไก่บ้าง อี่ยายพากินแต่หอยแต่ปูแต่ปลา” บอสพูดประชดยายแบบตลก ๆ พี่ชายกับน้องบีมหัวเราะกันใหญ่ ยายก็หัวร่อตามในวงพาข้าวมื้อเที่ยงนี้

              “ลูกคุณนายใหญ่ มาเลือกกินแถะ มีอะไรให้กินก็กินไปจะทำไม มันเลือกกินโพดจังว่าพ่อกับแม่มันบ่ได้มาอยู่บ้านจักเทือล่ะ” ยายบ่นให้เธอแบบตลก ๆ เหมือนกัน กับข้าวมื้อนี้มีแค่สองอย่าง ทอดปลาหมึกแห้งกับส้มตำ ทว่ามันก็อร่อยที่สุด เข้ากันที่สุด ส้มตำฝีมือของเธอหมดเกลี้ยง

              “งั้นบอลไปด้วยก็ได้ เดี๋ยวไปขุดปูนา ยายอ่อมมันปูให้บอลด้วยนะ บอลอยากกิน “

               “บอสจะเอาปูมาย่าง แล้วเอาข้าวเหนียวจิ้มมันปูกิน” แค่นึกภาพน้ำลายไหลก็แล้ว ข้าวเหนียวร้อน ๆ จิ้มมันปูนาอร่อยอย่าบอกใคร

              “ไปกะไป คุถังกับเสียมคนละอันไปเลย หาช่วยกันให้มันได้เยอะ ๆ “ ยายก็ไม่ได้ห้าม

              “น้องบีมก็ไป” น้องบีมพูดแล้วสะบัดหน้าไปหาพี่บอลอย่างเอ็นดู พี่บอลยิ้มให้น้องสาวของเธออย่างอ่อนโยนที่สุด ทีกับเธอนะ พร้อมกัดได้ตลอดเวลา

                 เมื่อทานข้าวเสร็จเรียบร้อย ทุกคนเตรียมตัวออกเดินทาง ตามล่าหอยจำศีลกับปูนา พี่บอมไม่ขอตามไปด้วย อยู่เฝ้าบ้านแล้วกัน ยายก็ไม่ได้ว่าอะไร ยายเตรียมคุถังกับเสียมและหมวกให้พวกเธอสามคน อุปกรณ์ครบมือก็ออกเดินทางได้

               น้องบีมได้เสียมด้ามเล็ก ๆ สนิมเขรอะนิดหน่อย ยายจงใจให้ เพราะน้องบีมช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก แค่ให้ไปเป็นเพื่อน พอได้รู้จักพอได้ทำเป็นก็พอ

               เช่นเดิมยายพาเดินลัดทุ่งผ่านนายายเรือง เพราะมันเป็นทางผ่านไปนาของเธอ ตอนนี้ยายเรืองเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว ตอฟางแห้งมีน้ำขังบ้างเล็กน้อย แต่ยายไม่ให้หา เพราะนาของยายเรืองอยู่ติดหมู่บ้านมากเกินไป ยายไม่อยากกินหอยปูปลานาใกล้บ้าน

               “บอส ๆ ไม่ต้อง รอไปหาที่นาเราทีเดียวเลย “ ระหว่างทางเดินมาถึงนาของตาสมบูรณ์ อยู่ติดกันกับนายายเรือง ถัดจากนาตาสมบูรณ์ไปถึงจะเป็นนาของเธอ ข้ามลำห้วยไปก็ถึงแล้ว

               บอสเห็นบวกน้ำที่แห้งขอดไปแล้ว เหลือแค่โคลนเหนียว ๆ  มันมีรูของปูนาอยู่หลายรู บอสกะว่าจะขุดสักหน่อย แต่ยายดันห้ามเสียก่อน “รอไปหาที่นาเราดีกว่า มันจะเสียเวลา ไปนาป้าเดือนด้วย”

              เมื่อยายพูดเช่นนั้น บอสก็เดินต่อไปจนถึงนาของตน จุดแรกยายพาไปไร่กลางนาก่อนเลย ไร่นี้เป็นไร่ที่ลุ่มที่สุด เวลาฝนตกน้ำจะขังที่ไร่นี้สูงที่สุด ลึกสุดสูงเท่าหัวเข่ากันเลย

                ดังนั้นจึงทำให้เป็นแหล่งชุกชุมของสัตว์เล็ก ๆ ที่กินได้ เช่นพวกปลาเล็ก ปลาซิว ลูกอ๊อด กบ เขียด หอย ปู ไปจนถึงปลาใหญ่คือปลาขาวใหญ่ คล้าย ๆ ปลานิลทว่าตัวสีขาว จึงเรียกปลาขาวตัวใหญ่เกือบเท่าปลานิล

               พอมาถึงยายก็ให้แยกย้ายกัน หาใครหามันเลย เจออะไรก็เอาอันนั้น “บีม ๆ บีมไม่ต้องขุดกะเค้า นี่ ๆ เก็บผักกะแยงให้ยายหนิ เร็ว ๆ ผักลืมผัวด้วย “ ยายไม่ให้น้องบีมขุด ขุดไปก็ไม่ได้อยู่ดี ทำให้รูปูเสียหายเปล่า ๆ แทนที่จะได้ตัวมันมา

               “ยายขัวหอยทำยังไงอ่ะ” บอสถามยายเพราะหาไม่เป็น บอสปล่อยให้พี่บอลขุดปูคนเดียว แค่พี่บอลคนเดียวก็น่าจะพอ ทว่าเจออะไรก็เอาอันนั้นนั่นแหละ เธอขอหาหอยก่อน ในคุถังของบอสก็มีปูตัวสีแดงก่ำตัวโตอยู่หลายตัว ไต่ยั้วเยี้ยกันในนี้

               “ทำแบบนี้” ยายทำให้เธอดู เอาเสียมสักลงดินไปเรื่อย ๆ ส่วนมากหอยจำศีลจะอยู่ติด ๆ คันนา ไม่ได้อยู่กลางไร่ แต่ถ้าตามบวกน้ำแห้งก็อาจจะมี ส่วนมากแล้วจะอยู่ตามแกนา (ขอบ ๆ ไร่ติด ๆ กับคันนา)

               “สักไปเรื่อย ๆ น่ะ ตามแกนา ถ้าตรงไหนมีหอยมันจะเสียงดังเซี๊ย!” ยายสอนให้ทำตาม พร้อมทำให้ดูเป็นตัวอย่างด้วย บอสทำตามที่ยายบอก เธอสักเสียมลงไปในดินไปเรื่อย ๆ ก็มีบ้างที่เจอ แต่น้อยที่จะเจอ ทำให้ถอดใจไปมาก หาขุดปูง่ายกว่าเยอะ

               เซี๊ย! เฮ้ย! “ยายบอสเจอแล้ว” บอสตะโกนบอกยายที่ขัวหอยอยู่อีกฝั่งของไร่ด้วยความตื่นเต้น เธอหาอยู่นานกว่าจะเจอ เกือบจะถอดใจหันไปขุดปูกับพี่บอลอยู่แล้วเชียว

               เธอสักเสียมไปเจอหอยแล้ว หอยที่โดนใบเสียมแตก มีน้ำไหลออกมา เพราะโดนตัวของมัน “ขัวเบา ๆ เด้อ อย่าให้โดนตัวหอยแตก “ ยายตะโกนบอกกับเธอ พยายามอย่าทำให้มันแตก เพราะมันจะพาเพื่อนเน่า เก็บไว้ได้ไม่นาน ถ้าตัวไหนแตกก็ต้องเอาทิ้งเลย เพราะฉะนั้นต้องขัวเบา ๆ ห้ามสับโดนหอย เสียดายของ

               บอสนั่งลงค่อย ๆ ใช่เสียมเขี่ยดินหาหอยไปเรื่อย ๆ  เป็นดินเหนียวติดโคลน เจอตัวหอยที่มันจำศีลอยู่หลายตัว มีทั้งหอยขม หอยโข่งอยู่ปนกัน เธอค่อย ๆ เขี่ยหาไปเรื่อย ๆ เจอก็เก็บใส่คุถัง ติดดินขึ้นมาไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ค่อยเอาไปล้างที่บ้าน ฝ่ายน้องบีมเก็บผักให้ยายพอแล้ว ก็หันมาขุดปูช่วยพี่บอลเหมือนเดิม

               บอสสักเสียมลงดินหาหอย เจอรูปูก็นั่งขุดก่อน ชักเบื่อหาหอยจำศีลแล้วไม่เจอสักที ไม่เหมือนยายเลย หาเจอได้เจอดี เปลี่ยนมาขุดปูง่ายกว่า ทว่าก็ยังหาทั้งหอยหาทั้งปูเช่นเดิม ภายในใจเอนเอียงมาที่หาปูมากกว่า หาหอยไม่เจอสักที

               แดดช่วงบ่ายถึงจะร้อนระอุแต่ก็ยังมีลมหนาวช่วยพัดให้ผ่อนคลาย สี่คนยายหลานพากันหาของกินกลางทุ่งนาตัวเอง น้องบีมพูดคุยเสียงดังอยู่คนเดียว วิ่งไปขุดมุมนู้นแล้วก็วิ่งมามุมนี้อยู่อย่างนั้น อย่างกับเด็กสมาธิสั้น เดี๋ยวก็วิ่งไปขุดใกล้ ๆ ยาย เดี๋ยวก็มาขุดอยู่กับพี่บอล และก็เห็นตากับคนอื่น ๆ เลี้ยงวัวอยู่ไกล ๆ นู่น

               “บอล บอส บีม ปะเราย้ายไปนาป้าเดือนกัน” หาได้สักพักยายก็พาย้ายที่ เนื่องจากที่นาของตนหาจนทั่วหมดแล้ว ยายไม่พาหาสะเปะสะปะไปทั่ว ต้องเล็งที่ ๆ คิดว่าตรงไหนจะมีและเป็นแหล่งชุกชุมของมัน นาป้าเดือนก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของยาย ยายหาประจำ จึงค่อนข้างจำแหล่งกบดานของพวกมันได้

               “ไหนบอสดูซิ หาหอยได้เยอมั้ย” ยายเดินมาส่องดูคุถังของเธอ “เฮ้อ เฮ๊อ! หายังไงได้น้อยแท้ ได้แต่ปู สู้ยายก็ไม่ได้ “ ยายหัวเราะเยาะเธอที่หาหอยจำศีลไม่ได้ ก็มันหาไม่ได้เธอจึงเปลี่ยนมาขุดปูซะเลย หาเจอแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวก็ไม่เจออีกเลย “ขัวหมดมั้ยล่ะตรงนั้น”

               “หมด!”

               “ไหนของบีมยายดูหน่อยซิ” ยายชะโงกหน้าไปดูในคุถังน้องบีมแล้วก็หัวร่ออีก “ป๊าด เก่งแถะวะ ขุดให้ยายเยอะ ๆ นะ เก็บผักให้ยายอีกด้วย แค่นี้ไม่พอโดนน้ำร้อนลวกก็ยุบแล้ว ปะไปนาป้าเดือนกันค่อยกลับ” ยายก็ชมไปอย่างนั้นเอง น้องบีมขุดได้ไม่ถึงห้าตัว

               ยายพาพวกเธอเดินไปนาป้าเดือน ระหว่างทางยายก็สักดินหาหอยไปเรื่อย “ไปไร่ต้นขามเด้อบอล พาน้องไปขุดไร่ต้นขาม” ยายร้องบอกพวกเธอ ส่วนตนเองนั่งขัวหอยต่อสักหน่อย

                “ครับ!” พี่บอลร้องตอบยาย แล้วพวกเธอก็เดินมุ่งหน้าไปยังนาป้าเดือน ระหว่างทางไปนาป้าเดือนต้องผ่านนาป้าดาวก่อน เจอบวกน้ำแห้งมีรูปูด้วย พี่บอลก็พาแวะขุดสักหน่อย เดินข้ามไปเฉย ๆ เสียดายแย่ ในคุถังของพี่บอลมีปูนาตั้งหลายตัว เกือบจะครึ่งถังอยู่แล้ว พี่บอลขุดเก่งมาก ถ้าได้เยอะนำไปขายก็ได้ ขายเป็นกิโล ได้ไม่เท่าไหร่หรอก

                ขุดปูก็ต้องค่อย ๆ ขุด พยายามอย่าให้เสียมโดนตัวของมัน ถ้าตัวที่ตายไม่เอา เอาแค่ตัวเป็น ๆ ขุดปูบางทีโดนมันหนีบนิ้วก็ไม่หวั่น โดนตัวเล็ก ๆ หนีบไม่เท่าไหร่ แต่ตัวเขื่อง ๆ นี่ปวดเอาเรื่อง สะบัดกว่าจะหลุด หนีบแน่นมาก!

               รูของพวกมันก็ตามขนาด ปูตัวเล็กก็รูเล็ก ปูตัวใหญ่รูก็จะใหญ่หน่อย โชคดีขุดปูก็ได้กบไปด้วย ช่วงนี้กบก็จำศีลเหมือนกัน ช่วงธันวาคมไปหามกราคมน้ำเหือดแห้งไปมากแล้ว จะเข้าสู่หน้าแล้งแล้วก็ว่าได้ สัตว์เหล่านี้เมื่อไม่มีน้ำ พวกมันก็จำศีลในดินแทน

               “รูเล็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ ไม่ต้องไปขุดหรอกบอส เสียเวลา ปล่อยให้มันโตเหอะ” พี่บอลหันมาคุยกับเธอ เมื่อเห็นเธอกำลังนั่งคุกเข่า เตรียมจะขุดปูที่อยู่ตรงหน้า รูของมันเล็ก ๆ เอง บางทีก็ใช่ว่าตัวของมันจะเล็กตามซะเมื่อไหร่

               “เอ้า ก็บอสหาเจอรูเล็กอ่ะ “

               “มืงก็เดินหารูใหญ่ ๆ สิ นาผืนตั้งกว่าง โง่เนอะบีม” พี่บอลหันไปคุยกับน้องบีม ซึ่งกำลังนั่งขุดปูตามแบบฉบับของตน ขุดไม่เคยได้หรอก ขุดไม่ถึง! ทำให้รูปูเสียหายเปล่า ๆ

              “บักห่า มืงนั่นล่ะโง่” บอสมองค้อนพี่ชาย ทว่าก็ไม่สนใจ นั่งขุดปูของตนต่อไป

               “น้องบีมไม่ต้องขุดหรอก ไปเดินหารูปูให้พี่บอลไป รูใหญ่ ๆ นะ แล้วเอาตอฟางเสียบไว้ให้พี่บอล”

               “ไม่ บีมอยากขุด”

               “ก็แล้วแต่!”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่