ผมสังเกตดูแล้วพบว่าช่วงหลังตั้งแต่ที่เปิดให้ใช้สิทธิ จองห้องพักโรงแรมในโครงการเราเที่ยวด้วยกันได้ถึง10 สิทธิ มีการใช้สิทธิไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เหลือแค่สามแสนกว่าสิทธิ ไม่เกินสัปดาห์นี้สิทธิ5ล้านสิทธิก็จะหมดไป
หากว่ามี สิทธิใหม่ที่จะเข้ามาอีก1 ล้านสิทธิ และเพิ่มให้อีกเป็น15 สิทธิต่อคน เชื่อว่า จะหมดภายใน10วัน ถ้าภาครัฐบาล ไม่เข้าไปดูว่าเค้ามีโกงกันไหมอย่างไร เพราะคิดเอาเองว่าตอนนี้รัฐบาลน่าจะอยากให้มีอัตราการใช้สิทธิหมดเร็วๆ เพื่อจะได้โฆษณาว่าแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ผล ปังมาก อะไรทำนองนั้น
ปัญหาคือนี่เป็นเงินที่กู้มาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คนที่จ่ายคืนคือคนที่เสียภาษีเงินได้ รัฐบาลไม่ได้เสียอะไรเพราะนักการเมืองคงจะอยู่ได้ ระยะหนึ่งแต่หนี้ยังอยู่ยาว ไม่ต่างจากหนี้ที่กู้มาสมัยวิกฤติต้มยำกุ้ง ยังเหลือเงินต้นอยู่หลายแสนล้านบาท ไม่แน่ใจว่าคืนไปถึง20% ของเงินต้นแล้วหรือยัง
ดังนั้นเงินนี้เหมือนได้มาฟรีๆ ออกพันธบัตรจ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีกำหนดให้หลานเหลนชำระในอนาคต
ผมไม่ได้มี หลักฐานอะไรมาโชว์ว่า โรงแรมไหนโกงและโกงอย่างไร และคนที่โกงเค้าก็ทำตาม วิธีการที่รัฐบาลกำหนดให้ แต่มีช่อง ทางเยอะมาก ที่จะโกง
ผมได้แต่ขอเตือนผู้ประกอบการโรงแรมทั้งหลายที่เอาเปรียบ ประชาชนและผู้ประกอบการโรงแรมรายอื่นที่เค้าไม่ได้โกง ว่าขออย่าทำเลย ระบบของราชการเค้าตรวจสอบไม่ได้หรอก ครับ เพราะเค้าตามไม่ทัน และทุกวันนี้ก็ตรวจจับแต่คนที่โก่งราคาที่พัก แต่ระบบตรวจจับคนที่ โกงเอาเงินไปัเฉยๆแล้วไม่มีการัเข้าพักจริงๆ มันไม่มี
ผมไม่ได้ มีหลักฐานว่ามีใคร พาคนมาใช้สิทธิในโรงแรมบางโรง ที่ใช้สิทธิ10 สิทธิ ในค่าที่พัก 7,500 บาทขึ้นไป เพื่อได้เงินช่วย3000บาทต่อคืน ใช้สิทธิ เต็มที่ในครั้งเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทีใครจะมานอนโรงแรมจ่ายแพงขนาดนี้ และโรงแรมนั้นก็จะไม่ได้มี1-2 คนที่เป็นแบบนั้น
มันก็มีความเป็นไปได้ว่าโรงแรมที่โกง ทำหลายคนหลายรอบ ราคาขายปรกติน่าจะพันกว่าบาทแต่ คนที่จอง10คืนต่อเนื่องกันกลับจ่าย7,500 ต่อคืน
แบบนี้ ผมคิดว่าAI จับไม่ได้เพราะว่ามันยากที่จะ link ระบบ booking ของagoda และระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคารกรุงไทย ในเมื่อมันไม่เชื่อมต่อกันเพื่อตรวจสอบมันก็ตรวจไม่ได้
ผมเห็นใจโรงแรมที่ขากสภาพคล่องแล้ว มีความคิดจะทำแบบนี้ เพื่อเอาเงินมาจ่าย รัฐบาลแต่ขอร้องอย่าทำเลยครับ คุณทำได้แน่นอนเพราะระบบตรวจสอบไม่ได้ และไม่มีใครร้องเรียนแน่นอน เพราะเค้าไม่มีหลักฐาน และเห็นใจคนอยากเที่ยวแล้วยังไม่ได้จอง
สุดท้ายสิทธิก็หมดเพราะน่าจะมีผู้ประกอบการที่เห็นช่องทาง
อาจจะมีคนสงสัยว่าแล้วมันต้องcheck in ที่โรงแรมและcheck out ที่โรงแรมจริงๆ แล้วจะทำได้อย่างไร
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าทำกันอย่างไรเพราะไม่มีหลักฐานรู้แต่ว่าเค้า check in และcheck out ทางมือถือผ่านapplication มือถือของโรงแรมที่check in ได้ไม่รู้มีกี่เครื่อง อยู่ที่ไหนของประเทศไทยก็ได้
อย่างโรงแรมอยู่เกาะพีพี
จะcheck in ที่กรุงเทพหรือเชียงใหม่ก็ย่อมทำได้ ใครจะไปตรวจสอบอะไรได้ อันนี้ผมเดาล้านๆนะครับ บังเอิญว่าหลับฝันเห็นเลยมาเล่าให้ฟัง
สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันเหลือไม่เยอะแล้ว น่าจะหมดในสัปดาห์นี้เพราะมีการโกงหรือเปล่าครับ
หากว่ามี สิทธิใหม่ที่จะเข้ามาอีก1 ล้านสิทธิ และเพิ่มให้อีกเป็น15 สิทธิต่อคน เชื่อว่า จะหมดภายใน10วัน ถ้าภาครัฐบาล ไม่เข้าไปดูว่าเค้ามีโกงกันไหมอย่างไร เพราะคิดเอาเองว่าตอนนี้รัฐบาลน่าจะอยากให้มีอัตราการใช้สิทธิหมดเร็วๆ เพื่อจะได้โฆษณาว่าแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ผล ปังมาก อะไรทำนองนั้น
ปัญหาคือนี่เป็นเงินที่กู้มาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คนที่จ่ายคืนคือคนที่เสียภาษีเงินได้ รัฐบาลไม่ได้เสียอะไรเพราะนักการเมืองคงจะอยู่ได้ ระยะหนึ่งแต่หนี้ยังอยู่ยาว ไม่ต่างจากหนี้ที่กู้มาสมัยวิกฤติต้มยำกุ้ง ยังเหลือเงินต้นอยู่หลายแสนล้านบาท ไม่แน่ใจว่าคืนไปถึง20% ของเงินต้นแล้วหรือยัง
ดังนั้นเงินนี้เหมือนได้มาฟรีๆ ออกพันธบัตรจ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีกำหนดให้หลานเหลนชำระในอนาคต
ผมไม่ได้มี หลักฐานอะไรมาโชว์ว่า โรงแรมไหนโกงและโกงอย่างไร และคนที่โกงเค้าก็ทำตาม วิธีการที่รัฐบาลกำหนดให้ แต่มีช่อง ทางเยอะมาก ที่จะโกง
ผมได้แต่ขอเตือนผู้ประกอบการโรงแรมทั้งหลายที่เอาเปรียบ ประชาชนและผู้ประกอบการโรงแรมรายอื่นที่เค้าไม่ได้โกง ว่าขออย่าทำเลย ระบบของราชการเค้าตรวจสอบไม่ได้หรอก ครับ เพราะเค้าตามไม่ทัน และทุกวันนี้ก็ตรวจจับแต่คนที่โก่งราคาที่พัก แต่ระบบตรวจจับคนที่ โกงเอาเงินไปัเฉยๆแล้วไม่มีการัเข้าพักจริงๆ มันไม่มี
ผมไม่ได้ มีหลักฐานว่ามีใคร พาคนมาใช้สิทธิในโรงแรมบางโรง ที่ใช้สิทธิ10 สิทธิ ในค่าที่พัก 7,500 บาทขึ้นไป เพื่อได้เงินช่วย3000บาทต่อคืน ใช้สิทธิ เต็มที่ในครั้งเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทีใครจะมานอนโรงแรมจ่ายแพงขนาดนี้ และโรงแรมนั้นก็จะไม่ได้มี1-2 คนที่เป็นแบบนั้น
มันก็มีความเป็นไปได้ว่าโรงแรมที่โกง ทำหลายคนหลายรอบ ราคาขายปรกติน่าจะพันกว่าบาทแต่ คนที่จอง10คืนต่อเนื่องกันกลับจ่าย7,500 ต่อคืน
แบบนี้ ผมคิดว่าAI จับไม่ได้เพราะว่ามันยากที่จะ link ระบบ booking ของagoda และระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคารกรุงไทย ในเมื่อมันไม่เชื่อมต่อกันเพื่อตรวจสอบมันก็ตรวจไม่ได้
ผมเห็นใจโรงแรมที่ขากสภาพคล่องแล้ว มีความคิดจะทำแบบนี้ เพื่อเอาเงินมาจ่าย รัฐบาลแต่ขอร้องอย่าทำเลยครับ คุณทำได้แน่นอนเพราะระบบตรวจสอบไม่ได้ และไม่มีใครร้องเรียนแน่นอน เพราะเค้าไม่มีหลักฐาน และเห็นใจคนอยากเที่ยวแล้วยังไม่ได้จอง
สุดท้ายสิทธิก็หมดเพราะน่าจะมีผู้ประกอบการที่เห็นช่องทาง
อาจจะมีคนสงสัยว่าแล้วมันต้องcheck in ที่โรงแรมและcheck out ที่โรงแรมจริงๆ แล้วจะทำได้อย่างไร
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าทำกันอย่างไรเพราะไม่มีหลักฐานรู้แต่ว่าเค้า check in และcheck out ทางมือถือผ่านapplication มือถือของโรงแรมที่check in ได้ไม่รู้มีกี่เครื่อง อยู่ที่ไหนของประเทศไทยก็ได้
อย่างโรงแรมอยู่เกาะพีพี
จะcheck in ที่กรุงเทพหรือเชียงใหม่ก็ย่อมทำได้ ใครจะไปตรวจสอบอะไรได้ อันนี้ผมเดาล้านๆนะครับ บังเอิญว่าหลับฝันเห็นเลยมาเล่าให้ฟัง