ขอเกริ่นนิดนึงนะคะ ด้วยความอยากรวย เคยมีโอกาสได้ไปคุยกับเจ้าของธุรกิจรับสร้างบ้าน
มองเห็นโอกาสสวยหรู ไม่รอช้า จัดตั้งบริษัท มั่นใจมากเพราะสามีพื้นฐานเป็นวิศวกรโยธา
ส่วนเราเพิ่งจบโท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากม.ดัง เหมือนไฟกำลังลุกโชน คิดปุ๊บ ลงมือทันที
ลูกค้าไม่ใช่ใครอื่น connection จากเพื่อนร่วมรุ่น ขอเรียกย่อๆ ว่า บริษัท "พ"
พื้นฐานบริษัท พ เป็นการรวมกลุ่ม 3 คนของหัวกะทิที่มีทุนหนามากกกค่ะ
ซื้อที่เงินสด ค่าก่อสร้างเงินสด จ่ายสดแทบไม่กู้แบงค์
ด้วยความที่เราเริ่มหาลูกค้าจากการโพสผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว พอ "พ" เห็นเข้า จึงรีบติดต่อ
ให้เราเสนอราคา นางจะสร้างโฮมออฟฟิศ ย่านปุณณวิถี 500 ตรม เราก็ตื่นเต้น อยากได้งาน
เสนอราคาเข้าไป ราคาที่เสนอครั้งแรกประมาณแตะๆ 10 ล้าน เข้าสู่กระบวนการต่อรอง
บริษัท พ ต่อรองทุกรายการใน BOQ ย้ำว่า ทุกรายการ บางรายการเราให้ บางรายการเราไม่ไหว
พอตัดทุกรายการจบ ตัดกำไรออกอีก ตอนนั้นคิดแค่ว่า ให้กำไรเหลือสัก 10% ก็รับงานแล้ว
สรุปก็เซ็นต์สัญญา โดยในเวลานั้น เราไม่รู้ว่า บริษัท พ มี consult ที่เขี้ยวลากมากๆ มันหั่นเงินงวด
แอดวานซ์ มูลค่างาน 7 ล้าน เราเบิก 1 ล้านเพื่อให้จบที่ขั้นตอนลงเข็ม 50% แต่ consult หั่นงวด
แอดวานซ์เหลือ 5 แสน ไม่พอค่ะ แบ่งเป็น 2 งวด และตรวจรับงานแอดวานซ์ด้วย กว่าจะตรวจผ่าน
กว่าจะจ่ายเงิน ฟาดไปลงเข็มเสร็จ 100%
ระหว่างก่อสร้าง ติดปัญหาเรื่องการตรวจงานที่โคดเป๊ะ ต้องทำเสร็จ 100% ตามงวด ถึงจะตรวจ และ
ต้องส่งงานเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น เพราะมันทำงานประจำ ว่างแค่เสาร์หรืออาทิตย์ มันทำให้งานเรา
บางทีเดินหน้าแล้ว ต้องชะลอให้นางตรวจ
ไม่นับงานละเอียดที่สั่งรื้อทิ้งทำใหม่อีกไม่รู้กี่ครั้ง ทั้งๆที่มันมีวิธีแก้ไขได้โดยไม่ผิดหลักวิศวกรรม
ล่าสุดคือตอนนี้ ด้วยราคาที่ถูกบีบให้ต่ำเตี้ย ตัดค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆจากการเสนอราคาครั้งแรก
หาช่างราคานี้ยากมากๆ คิดดูว่าราคาหารต่อตารางเมตรตก ตรม ละ 12,xxx แต่การตรวจงาน
ระดับ world clas A++++++ เป็นคลื่น เป็นขนแปรง ตามด หอยเม่นบ้าบอ นางสั่งแก้หมด
เพราะสินค้านางคือขายลูกค้า high end ราคาขายเดาว่าไม่ต่ำกว่า 25 ล้านแน่นอน
ช่างแต่ละชุดที่เราหามา คือ พอมาหน้างานมีแต่พูดว่า ถ้างานแบบนี้ ตรวจยังไม่ผ่าน ผมขอไม่รับ
ช่างหนีทุกคน จนสุดท้าย เราขอยกเลิกสัญญา เงินงวดสุดท้าย 150,000 บาท และเงินประกันผลงาน
ประมาณ 3xx,xxx เราบอกว่ายินดีให้ทางคุณไปบริหารจัดการว่าจ้างต่อเลย
เนื้องานที่เหลือหลักๆคือ
1.แก้งานสีภายในและภายนอกตามcomment + มีร้าวบางจุด(ร้าวผิว)
2.แก้งานกระเบื้องพื้นบันไดและระเบียงที่ไม่slope กับมีกระเบื้องบันไดบิ่นบางแผ่น
3.ใส่ลูกบิดบานประตูอีก2บานให้จบ
4.แก้slope ท่อระบายน้ำภายนอกมีน้ำขัง
5.เทพื้นเชื่อมหน้าบ้านกับถนน
6.แก้กระเบื้องโรงจอดรถ มีน้ำขังที่รางประตู
มูลค่าเอาแบบจ้างแพงวัวตายควายล้ม ก็ไม่เกิน 2 แสน แถมให้ 5 แสนเลย
บริษัท พ บอกว่า ไม่น่าจะพอ เพราะมีค่าปรับล่าช้า 196 วัน ประมาณ 140,000 ซึ่งไม่ได้ช้าจากเราทั้งหมด
และมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ้าง consult ต่ออีก 6 เดือน ประมาณ 150,000 บาท
และดอกเบี้ยกู้ยืมที่เกิดระหว่างการก่อสร้าง 240,000 และอื่นๆ
ค่าใช้จ่ายที่ทาง พ เรียกเก็บ นางใช้วิธีส่งจดหมายทางไปรษณีย์ เนื้อหาหลักๆคือ เราทิ้งงาน และค่าปรับ
ซึ่งเรื่องทิ้งงาน เราติดต่อทางเค้า พูดคุยเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอด นัดประชุมทุกวีค
เราให้ส่งเอกสารเพื่อจะได้ดำเนินการเลิกสัญญาทางเมล์ มาก่อน ก็เงียบ
มาอีกทีส่งเป็นจดหมายลงทะเบียน และเราก็ไม่ได้เป็นคนเซ็นรับ ส่งมาตั้งแต่วันที่ 1 เพิ่งจะได้วันนี้ มีคนเอามาหย่อนตู้ให้
คำถามคือ
1.ต้องชดใช้เงินอีก 5 แสนกว่านี่ด้วยหรอคะ ทั้งๆที่เงินในสัญญาของเรายังมีอยู่ที่เค้า 5 แสน
2.เรารู้สึกว่าโดนเอาเปรียบเรื่องสัญญาไม่เป็นธรรม มีระบุว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังจากบอกเลิก เราต้องรับผิดชอบ
ถ้าเค้าจ้างคนมาทำต่อ แพงแค่ไหน เราก็ต้องรับ ไม่ยึดตาม boq แล้วหรอคะ ยิ่งไปกว่านั้น
consult มาตรฐานสูงส่ง ไม่พอใจสั่งรื้อ จะรื้ออีกกี่ครั้งก็ได้ เพราะเรียกเก็บกับทางเรา แบบนี้ได้หรอคะ
3.ในจดหมายระบุว่าเราทิ้งงาน ทั้งๆที่มีการติดต่อกันตลอด มีหลักฐานทั้งรายงานการประชุม ทั้งไลน์ ทนายฝั่งเค้าตีความ
ว่าทิ้งงานได้หรอคะ ถ้าเราจะทิ้ง คงทิ้งตั้งแต่ขาดทุนแล้ว นี่เข้าเนื้อเหยียบล้าน ยังทนทำต่อ อยากให้งานจบ แต่ตรวจ
ละเอียดจนช่างหนีกระเจิง ช่างที่รับงานจากเรา เจ๊งทุกราย สืบพยานได้ น่าสงสารมาก แต่เราก็เจ๊งหนักพอกันค่ะ
4. เค้าเขียนในจดหมายว่าไม่มีหนี้สินติดค้าง ทั้งที่มีเงินค่าประกันผลงาน แถมยังบังคับให้เรายังต้องรับผิดชอบงานต่อ
เค้ายึดเราได้เลยหรอคะ
5. สรุปคือ เราต้องจ่ายเค้าต่างหากอีก 5 แสนกว่าที่เค้าเรียกร้อง หรือควรจ้างทนายที่ปรึกษาว่ากันที่ชั้นศาล
เอาจริงๆ พร้อมสู้ในศาลค่ะ มั่นใจในเจตนา เราไม่เคยโกง ทำงานซื่อสัตย์ โปร่งใสมาตลอด ขนาดขาดทุนยังทนทำให้งานจบ ไม่อยากได้ชื่อว่าทิ้งงาน สืบประวัติได้ เราชอบสายขาวอยู่แล้ว แต่วงการก่อสร้างอ่ะเนาะ อยู่ยากจริงๆ ตอนนี้ขอลาขาดไม่รับงานใดๆ และเลิกกิจการถาวร
ขอบคุณสำหรับความเห็นล่วงหน้านะคะ สุดทางมากจริงๆ ไม่รู้จะหันไปทางไหน ปรึกษาหลายๆคนก็ไม่มีทนายที่จะให้คำปรึกษาได้เลยค่ะ ตอนนี้อยาก move on ไปทำงานหาเงินด้านอื่น แต่ก็ติดชะงักเรื่องนี้เหมือนเสี้ยนหนามตำทีนทุกวี่วันTT
ช่วยด้วยค่ะ มืดแปดด้าน รับงานรับเหมาครั้งแรก โดนผู้ว่าจ้างบีบด้วยสัญญา เราเสียรู้เค้าแล้วค่ะ
มองเห็นโอกาสสวยหรู ไม่รอช้า จัดตั้งบริษัท มั่นใจมากเพราะสามีพื้นฐานเป็นวิศวกรโยธา
ส่วนเราเพิ่งจบโท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากม.ดัง เหมือนไฟกำลังลุกโชน คิดปุ๊บ ลงมือทันที
ลูกค้าไม่ใช่ใครอื่น connection จากเพื่อนร่วมรุ่น ขอเรียกย่อๆ ว่า บริษัท "พ"
พื้นฐานบริษัท พ เป็นการรวมกลุ่ม 3 คนของหัวกะทิที่มีทุนหนามากกกค่ะ
ซื้อที่เงินสด ค่าก่อสร้างเงินสด จ่ายสดแทบไม่กู้แบงค์
ด้วยความที่เราเริ่มหาลูกค้าจากการโพสผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว พอ "พ" เห็นเข้า จึงรีบติดต่อ
ให้เราเสนอราคา นางจะสร้างโฮมออฟฟิศ ย่านปุณณวิถี 500 ตรม เราก็ตื่นเต้น อยากได้งาน
เสนอราคาเข้าไป ราคาที่เสนอครั้งแรกประมาณแตะๆ 10 ล้าน เข้าสู่กระบวนการต่อรอง
บริษัท พ ต่อรองทุกรายการใน BOQ ย้ำว่า ทุกรายการ บางรายการเราให้ บางรายการเราไม่ไหว
พอตัดทุกรายการจบ ตัดกำไรออกอีก ตอนนั้นคิดแค่ว่า ให้กำไรเหลือสัก 10% ก็รับงานแล้ว
สรุปก็เซ็นต์สัญญา โดยในเวลานั้น เราไม่รู้ว่า บริษัท พ มี consult ที่เขี้ยวลากมากๆ มันหั่นเงินงวด
แอดวานซ์ มูลค่างาน 7 ล้าน เราเบิก 1 ล้านเพื่อให้จบที่ขั้นตอนลงเข็ม 50% แต่ consult หั่นงวด
แอดวานซ์เหลือ 5 แสน ไม่พอค่ะ แบ่งเป็น 2 งวด และตรวจรับงานแอดวานซ์ด้วย กว่าจะตรวจผ่าน
กว่าจะจ่ายเงิน ฟาดไปลงเข็มเสร็จ 100%
ระหว่างก่อสร้าง ติดปัญหาเรื่องการตรวจงานที่โคดเป๊ะ ต้องทำเสร็จ 100% ตามงวด ถึงจะตรวจ และ
ต้องส่งงานเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น เพราะมันทำงานประจำ ว่างแค่เสาร์หรืออาทิตย์ มันทำให้งานเรา
บางทีเดินหน้าแล้ว ต้องชะลอให้นางตรวจ
ไม่นับงานละเอียดที่สั่งรื้อทิ้งทำใหม่อีกไม่รู้กี่ครั้ง ทั้งๆที่มันมีวิธีแก้ไขได้โดยไม่ผิดหลักวิศวกรรม
ล่าสุดคือตอนนี้ ด้วยราคาที่ถูกบีบให้ต่ำเตี้ย ตัดค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆจากการเสนอราคาครั้งแรก
หาช่างราคานี้ยากมากๆ คิดดูว่าราคาหารต่อตารางเมตรตก ตรม ละ 12,xxx แต่การตรวจงาน
ระดับ world clas A++++++ เป็นคลื่น เป็นขนแปรง ตามด หอยเม่นบ้าบอ นางสั่งแก้หมด
เพราะสินค้านางคือขายลูกค้า high end ราคาขายเดาว่าไม่ต่ำกว่า 25 ล้านแน่นอน
ช่างแต่ละชุดที่เราหามา คือ พอมาหน้างานมีแต่พูดว่า ถ้างานแบบนี้ ตรวจยังไม่ผ่าน ผมขอไม่รับ
ช่างหนีทุกคน จนสุดท้าย เราขอยกเลิกสัญญา เงินงวดสุดท้าย 150,000 บาท และเงินประกันผลงาน
ประมาณ 3xx,xxx เราบอกว่ายินดีให้ทางคุณไปบริหารจัดการว่าจ้างต่อเลย
เนื้องานที่เหลือหลักๆคือ
1.แก้งานสีภายในและภายนอกตามcomment + มีร้าวบางจุด(ร้าวผิว)
2.แก้งานกระเบื้องพื้นบันไดและระเบียงที่ไม่slope กับมีกระเบื้องบันไดบิ่นบางแผ่น
3.ใส่ลูกบิดบานประตูอีก2บานให้จบ
4.แก้slope ท่อระบายน้ำภายนอกมีน้ำขัง
5.เทพื้นเชื่อมหน้าบ้านกับถนน
6.แก้กระเบื้องโรงจอดรถ มีน้ำขังที่รางประตู
มูลค่าเอาแบบจ้างแพงวัวตายควายล้ม ก็ไม่เกิน 2 แสน แถมให้ 5 แสนเลย
บริษัท พ บอกว่า ไม่น่าจะพอ เพราะมีค่าปรับล่าช้า 196 วัน ประมาณ 140,000 ซึ่งไม่ได้ช้าจากเราทั้งหมด
และมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ้าง consult ต่ออีก 6 เดือน ประมาณ 150,000 บาท
และดอกเบี้ยกู้ยืมที่เกิดระหว่างการก่อสร้าง 240,000 และอื่นๆ
ค่าใช้จ่ายที่ทาง พ เรียกเก็บ นางใช้วิธีส่งจดหมายทางไปรษณีย์ เนื้อหาหลักๆคือ เราทิ้งงาน และค่าปรับ
ซึ่งเรื่องทิ้งงาน เราติดต่อทางเค้า พูดคุยเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอด นัดประชุมทุกวีค
เราให้ส่งเอกสารเพื่อจะได้ดำเนินการเลิกสัญญาทางเมล์ มาก่อน ก็เงียบ
มาอีกทีส่งเป็นจดหมายลงทะเบียน และเราก็ไม่ได้เป็นคนเซ็นรับ ส่งมาตั้งแต่วันที่ 1 เพิ่งจะได้วันนี้ มีคนเอามาหย่อนตู้ให้
คำถามคือ
1.ต้องชดใช้เงินอีก 5 แสนกว่านี่ด้วยหรอคะ ทั้งๆที่เงินในสัญญาของเรายังมีอยู่ที่เค้า 5 แสน
2.เรารู้สึกว่าโดนเอาเปรียบเรื่องสัญญาไม่เป็นธรรม มีระบุว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังจากบอกเลิก เราต้องรับผิดชอบ
ถ้าเค้าจ้างคนมาทำต่อ แพงแค่ไหน เราก็ต้องรับ ไม่ยึดตาม boq แล้วหรอคะ ยิ่งไปกว่านั้น
consult มาตรฐานสูงส่ง ไม่พอใจสั่งรื้อ จะรื้ออีกกี่ครั้งก็ได้ เพราะเรียกเก็บกับทางเรา แบบนี้ได้หรอคะ
3.ในจดหมายระบุว่าเราทิ้งงาน ทั้งๆที่มีการติดต่อกันตลอด มีหลักฐานทั้งรายงานการประชุม ทั้งไลน์ ทนายฝั่งเค้าตีความ
ว่าทิ้งงานได้หรอคะ ถ้าเราจะทิ้ง คงทิ้งตั้งแต่ขาดทุนแล้ว นี่เข้าเนื้อเหยียบล้าน ยังทนทำต่อ อยากให้งานจบ แต่ตรวจ
ละเอียดจนช่างหนีกระเจิง ช่างที่รับงานจากเรา เจ๊งทุกราย สืบพยานได้ น่าสงสารมาก แต่เราก็เจ๊งหนักพอกันค่ะ
4. เค้าเขียนในจดหมายว่าไม่มีหนี้สินติดค้าง ทั้งที่มีเงินค่าประกันผลงาน แถมยังบังคับให้เรายังต้องรับผิดชอบงานต่อ
เค้ายึดเราได้เลยหรอคะ
5. สรุปคือ เราต้องจ่ายเค้าต่างหากอีก 5 แสนกว่าที่เค้าเรียกร้อง หรือควรจ้างทนายที่ปรึกษาว่ากันที่ชั้นศาล
เอาจริงๆ พร้อมสู้ในศาลค่ะ มั่นใจในเจตนา เราไม่เคยโกง ทำงานซื่อสัตย์ โปร่งใสมาตลอด ขนาดขาดทุนยังทนทำให้งานจบ ไม่อยากได้ชื่อว่าทิ้งงาน สืบประวัติได้ เราชอบสายขาวอยู่แล้ว แต่วงการก่อสร้างอ่ะเนาะ อยู่ยากจริงๆ ตอนนี้ขอลาขาดไม่รับงานใดๆ และเลิกกิจการถาวร
ขอบคุณสำหรับความเห็นล่วงหน้านะคะ สุดทางมากจริงๆ ไม่รู้จะหันไปทางไหน ปรึกษาหลายๆคนก็ไม่มีทนายที่จะให้คำปรึกษาได้เลยค่ะ ตอนนี้อยาก move on ไปทำงานหาเงินด้านอื่น แต่ก็ติดชะงักเรื่องนี้เหมือนเสี้ยนหนามตำทีนทุกวี่วันTT