ผลประกอบการที่แท้จริงคือเจ้ามือ
แม้ในระยะสั้นราคาหุ้นนั้นจะไม่เป็นไปตามผลประกอบการที่ออกมาจริง แต่กลไกนี้จะผิดเพี้ยนไปได้ไม่นานนัก เพราะสุดท้ายแล้วราคาหุ้นบนกระดานนั้นจะค่อยๆวิ่งเข้าไปหาผลประกอบการที่แท้จริงให้เอง เนื่องจากหากว่าหุ้นตัวนั้นมีผลกำไรที่ออกมาน้อยกว่าการคาดการหรือถึงขั้นขาดทุนเลย แต่ราคาบนกระดานกลับวิ่งขึ้นสวนทางกับงบการเงินที่ออกมาแบบไม่สนใจใยดีอะไรทั้งนั้น แต่ในความเป็นจริงหุ้นที่มีงบการเงินที่มีกำไรออกมาน้อยๆหรือถึงขั้นขาดทุนเลย pe ก็จะสูงขึ้น ความสามารถในการเงินจ่ายปันผลก็จะน้อยลง เพราะไม่สามารถที่จะจ่ายเงินปันผลออกมาได้เท่าเดิมเหมือนในอดีต และเมื่อต้องการลงทุนเพิ่มเพื่อขยายกิจการก็อาจจะต้องมีการประกาศเพิ่มทุนออกมาเพื่อขอเงินลงขันเพิ่มจากผู้ถือหุ้นเดิมอีกด้วย เปรียบเสมือนท่านเข้าร่วมหุ้นกับเพื่อนๆเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวจากเดิมร้านก๋วยเตี๋ยวนั้นเคยทำกำไรได้ถึงเดือนละ100,000บาท แต่ต่อมาร้านก๋วยเตี๋ยวของท่านที่กำลังทำกำไรได้ดีอยู่นั้นเกิดมีคู่แข่งมาเปิดใหม่ข้างๆร้านท่าน(แล้วดันทำได้อร่อยกว่าร้านของท่าน) ลูกค้าก็จะเริ่มหันไปชื่นชอบในรสชาดที่ละมุนลิ้นของร้านข้างๆนั้นมากกว่า หรือวัตถุดิบที่ท่านใช้นำมาทำอาหารนั้นเกิดขึ้นราคาขึ้นมามากๆ(ไข้หวัดลูกชิ้นหมู ไข้หวัดเนื้อเปื่อยวัว อะไรก็ว่าไป555 จะเอาฮาไปไหนครับพี่ ต่อๆ) ทำให้ผลกำไรของร้านท่านนั้นทำออกได้ไม่ดีดังเดิมเหลือแค่30,000บาทต่อเดือน จากที่เคยทำได้100,000บาท เวลาแบ่งผลกำไรกันก็จะได้ส่วนแบ่งกันน้อยลงไปมาก เช่นสมมุติว่ามีการหุ้นกัน10คนคนละเท่าๆกันในร้านก๋วยเตี๋ยวนั้น ท่านก็จะได้ส่วนแบ่งจากผลกำไรกันแค่คนละ3,000บาท จากที่เคยได้รับกันถึง10,000บาทต่อหุ้นส่วน1คน ถามว่าถ้าท่านอยากจะขายหุ้นของท่านนั้นต่อไปให้กับเพื่อนๆของท่านในราคาที่สูงๆเหมือนตอนที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของท่านนั้นสามารถทำกำไรต่อเดือนได้ถึงเดือนละ100,000บาท เพื่อนๆของท่านยังจะซื้อหุ้นต่อจากท่านในราคาที่สูงๆเหมือนเดิมหรือไม่ ในทางกลับกันหากร้านก๋วยเตี๋ยวของท่านนั้นทำได้อร่อยถูกปากมีสูตรลับเฉพาะที่ไม่มีใครเลียนแบบได้(ประดุจว่าในยามที่ลูกค้ามาทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านของท่านก็จะพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้555) ลูกค้าก็จะมีการบอกต่อไปยังคนอื่นแบบปากต่อปากยิ่งกว่าไฟลามทุ่งก็ไม่ปาน และพากันมาทานเตี๋ยวที่ร้านของท่านกันจนลูกค้าแน่นร้านจนต้องขยายสาขาออกไปอีกหลายสาขา ผลกำไรที่ทำได้จากเดือนละ1แสนบาทอาจจะทำได้เป็น2-3แสนบาทต่อเดือน ได้แบ่งกำไรต่อคนกันคนละ2-3หมื่นต่อเดือนกันเลยทีเดียว ถามว่าท่านยังจะอยากขายหุ้นของท่านนั้นให้กับเพื่อนๆของท่านในราคาต่ำๆเท่าเดิมอยู่อีกหรือไม่ ฉันใดก็ฉันนั้น ราคาหุ้นบนกระดานเองก็เช่นกัน ถ้าบริษัทไหนก็ตามสามารถทำกำไรได้ดีขึ้นมากๆ และมีปันผลต่อหุ้นที่สูงขึ้นมากๆ เช่นจากเดิมที่เคยได้รับเงินปันผลแค่5%ต่อปี แล้วบริษัทมีกำไรที่ดีขึ้นอีกเท่าตัวและประกาศจ่ายปันผลออกมาได้ถึง10%(ณ.ราคาหุ้นบนกระดานที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเจ้ามือยังไม่ยอมลากขึ้น) ถามว่าณ.ระดับราคานี้ท่านยังจะอยากขายหุ้นกลับไปในราคาเดิมอยู่อีกหรือไม่ และนักลงทุนท่านอื่นที่ยังไม่มีหุ้นตัวนี้เลยจะสามารถซื้อหุ้นนี้ในราคาเดิม(ในปริมาณมากๆ)ได้อีกหรือไม่
#จงเชื่อมั่นในผลประกอบการที่แท้จริงที่ทำออกมาได้นั้น แล้วผลประกอบการนั้นจะเป็นเจ้ามือในการปรับสมดุลของราคาที่ควรจะเป็นนั้นให้กับหุ้นของท่านเอง
Mr.China
ผลประกอบการที่แท้จริงคือเจ้ามือ
แม้ในระยะสั้นราคาหุ้นนั้นจะไม่เป็นไปตามผลประกอบการที่ออกมาจริง แต่กลไกนี้จะผิดเพี้ยนไปได้ไม่นานนัก เพราะสุดท้ายแล้วราคาหุ้นบนกระดานนั้นจะค่อยๆวิ่งเข้าไปหาผลประกอบการที่แท้จริงให้เอง เนื่องจากหากว่าหุ้นตัวนั้นมีผลกำไรที่ออกมาน้อยกว่าการคาดการหรือถึงขั้นขาดทุนเลย แต่ราคาบนกระดานกลับวิ่งขึ้นสวนทางกับงบการเงินที่ออกมาแบบไม่สนใจใยดีอะไรทั้งนั้น แต่ในความเป็นจริงหุ้นที่มีงบการเงินที่มีกำไรออกมาน้อยๆหรือถึงขั้นขาดทุนเลย pe ก็จะสูงขึ้น ความสามารถในการเงินจ่ายปันผลก็จะน้อยลง เพราะไม่สามารถที่จะจ่ายเงินปันผลออกมาได้เท่าเดิมเหมือนในอดีต และเมื่อต้องการลงทุนเพิ่มเพื่อขยายกิจการก็อาจจะต้องมีการประกาศเพิ่มทุนออกมาเพื่อขอเงินลงขันเพิ่มจากผู้ถือหุ้นเดิมอีกด้วย เปรียบเสมือนท่านเข้าร่วมหุ้นกับเพื่อนๆเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวจากเดิมร้านก๋วยเตี๋ยวนั้นเคยทำกำไรได้ถึงเดือนละ100,000บาท แต่ต่อมาร้านก๋วยเตี๋ยวของท่านที่กำลังทำกำไรได้ดีอยู่นั้นเกิดมีคู่แข่งมาเปิดใหม่ข้างๆร้านท่าน(แล้วดันทำได้อร่อยกว่าร้านของท่าน) ลูกค้าก็จะเริ่มหันไปชื่นชอบในรสชาดที่ละมุนลิ้นของร้านข้างๆนั้นมากกว่า หรือวัตถุดิบที่ท่านใช้นำมาทำอาหารนั้นเกิดขึ้นราคาขึ้นมามากๆ(ไข้หวัดลูกชิ้นหมู ไข้หวัดเนื้อเปื่อยวัว อะไรก็ว่าไป555 จะเอาฮาไปไหนครับพี่ ต่อๆ) ทำให้ผลกำไรของร้านท่านนั้นทำออกได้ไม่ดีดังเดิมเหลือแค่30,000บาทต่อเดือน จากที่เคยทำได้100,000บาท เวลาแบ่งผลกำไรกันก็จะได้ส่วนแบ่งกันน้อยลงไปมาก เช่นสมมุติว่ามีการหุ้นกัน10คนคนละเท่าๆกันในร้านก๋วยเตี๋ยวนั้น ท่านก็จะได้ส่วนแบ่งจากผลกำไรกันแค่คนละ3,000บาท จากที่เคยได้รับกันถึง10,000บาทต่อหุ้นส่วน1คน ถามว่าถ้าท่านอยากจะขายหุ้นของท่านนั้นต่อไปให้กับเพื่อนๆของท่านในราคาที่สูงๆเหมือนตอนที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของท่านนั้นสามารถทำกำไรต่อเดือนได้ถึงเดือนละ100,000บาท เพื่อนๆของท่านยังจะซื้อหุ้นต่อจากท่านในราคาที่สูงๆเหมือนเดิมหรือไม่ ในทางกลับกันหากร้านก๋วยเตี๋ยวของท่านนั้นทำได้อร่อยถูกปากมีสูตรลับเฉพาะที่ไม่มีใครเลียนแบบได้(ประดุจว่าในยามที่ลูกค้ามาทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านของท่านก็จะพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้555) ลูกค้าก็จะมีการบอกต่อไปยังคนอื่นแบบปากต่อปากยิ่งกว่าไฟลามทุ่งก็ไม่ปาน และพากันมาทานเตี๋ยวที่ร้านของท่านกันจนลูกค้าแน่นร้านจนต้องขยายสาขาออกไปอีกหลายสาขา ผลกำไรที่ทำได้จากเดือนละ1แสนบาทอาจจะทำได้เป็น2-3แสนบาทต่อเดือน ได้แบ่งกำไรต่อคนกันคนละ2-3หมื่นต่อเดือนกันเลยทีเดียว ถามว่าท่านยังจะอยากขายหุ้นของท่านนั้นให้กับเพื่อนๆของท่านในราคาต่ำๆเท่าเดิมอยู่อีกหรือไม่ ฉันใดก็ฉันนั้น ราคาหุ้นบนกระดานเองก็เช่นกัน ถ้าบริษัทไหนก็ตามสามารถทำกำไรได้ดีขึ้นมากๆ และมีปันผลต่อหุ้นที่สูงขึ้นมากๆ เช่นจากเดิมที่เคยได้รับเงินปันผลแค่5%ต่อปี แล้วบริษัทมีกำไรที่ดีขึ้นอีกเท่าตัวและประกาศจ่ายปันผลออกมาได้ถึง10%(ณ.ราคาหุ้นบนกระดานที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเจ้ามือยังไม่ยอมลากขึ้น) ถามว่าณ.ระดับราคานี้ท่านยังจะอยากขายหุ้นกลับไปในราคาเดิมอยู่อีกหรือไม่ และนักลงทุนท่านอื่นที่ยังไม่มีหุ้นตัวนี้เลยจะสามารถซื้อหุ้นนี้ในราคาเดิม(ในปริมาณมากๆ)ได้อีกหรือไม่
#จงเชื่อมั่นในผลประกอบการที่แท้จริงที่ทำออกมาได้นั้น แล้วผลประกอบการนั้นจะเป็นเจ้ามือในการปรับสมดุลของราคาที่ควรจะเป็นนั้นให้กับหุ้นของท่านเอง
Mr.China