StartUp EP.14 (ELEVATOR SPEECH) คำพูดที่สั้นและมีพลังโน้มน้าว เสมือนเวลาสั้น ๆ ที่ขึ้นหรือลงลิฟท์

StartUp EP.14 (ELEVATOR SPEECH) คำพูดที่สั้นและมีพลังโน้มน้าว เสมือนเวลาสั้น ๆ ที่ขึ้นหรือลงลิฟท์
เป็น EP. ที่บอกได้เลยว่าบทถูกเชียนออกมาได้อย่าง "ท็อปฟอร์ม" 
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างมีเหตุและผล ทั้งพาร์ทของธุรกิจและความรัก
กลิ่นอายความสัมพันธ์ของตัวละคร ที่ซีรีส์เรื่องนี้ทำได้ดีในช่วง EP ต้น ๆ กลับมาอีกครั้ง
บทถูกีขยนออกมาอย่างรัดกุม เหตุการณ์ต่าง ๆ ใน EP ก่อนหน้า ถูกเชื่อมโยงสู่ผลที่เกิดขึ้นใน EP ต่อไป

1. ELEVATOR SPEECH
- ฉากที่ชอบที่สุดใน EP นี้ เป็นฉากเคียร์ใจของตัวละคร ยงซาน และจีพยอง
ด้วยความบังเอิญทำให้ยงซาลได้เป็นประธานจากการเป่ายิ้งฉุบ
3 ปีที่แล้ว ยงซาลมีทัศนคติลบแบบสุด ๆ ต่อหัวหน้าฮันแบบกู่ไม่กลับ
เวลาผ่านไป 3 ปี ทำให้ยงซาลเติบโตขึ้น เขาเลือกที่จะไปขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีประสบการณ์อย่างจีพยอง 
ทั้งสองตัวละครได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดในอดีต ทั้งสองต่างขอโทษกันและกัน
ยงซาน : "ตอนนั้นผมแค่ต้องการโทษใครสักคนครับ ผมขอโทษครับ"
จีพยอง : "คำพูดที่ตรงไปตรงมา กลายเป็นคำด่าที่ไม่อาจย้อนคืน ผมขอโทษครับ"
เพราะการพูดความจริงต่ออีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงจิตใจได้รุนแรงกว่าสิ่งอื่นใด

- ฉากที่ซาฮาพูดกับซอลซานว่า "ในบริษัทนั้นมีใครที่มีความปราถนาแรงกล้าเท่าประธานซอลไหม"
แค่เพียงประโยคสั้น ๆ ไม่ถึงหนึ่งนาทีของซาฮา สามารถปลี่ยนใจของซอลซานเรื่องก่อตั้งธุรกิจได้เลย

-แววตาอันมุ่งมั่น ความปราถนาแรงกล้าของดัลมีที่อยากพัฒนาโปรเจค Trazan ทำให้โดซานเปลี่ยนใจและมาร่วมงานกับเธอ
"พลังที่จะเปลี่ยนใจอีกฝ่ายได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคำพูดที่สวยหรู แต่อาจเป็นความปราถนาแรงกล้าของใครคนนั้น..."

2. อินแจกับความจริงอันเจ็บปวด
"สายตาท่านมัวมากแล้ว"
ประโยคเพียงสั้นๆ จากแม่ มันช่างสร้างความปวดร้าวในใจให้แก่อินแจเหลือเกิน
ผ่านมา 18 ปี เธอไม่เคยกลับไปหาย่าเลย เพราะยังยึดติดกับทางเลือกที่ตัวเองเลือกเดินในวัยเด็ก
วันนี้เธอได้รู้ความจริงเรื่องดวงตาของคุณย่า เธอเจ็บปวดและเสียใจมากที่ไม่ได้ไปหาคุณย่าเลย แม้ดัลมีจะชวนไปหาอยู่บ่อย ๆ 
และในที่สุดเธอก็เลือกที่จะยกเลิกการอุปการะจากพ่อเลี้ยงของเธอ

และก็ชอบคำพูดของอินแจที่พูดกับดัลมี "การจ้างนัมโดซาลมาร่วมงาน มันเป็นการถ่วงชีวิตเขาหรอ"
อินแจเหมาะกับการเป็น CEO ที่สุด
"เพราะบุคลากรเป็นผู้กำหนดทุกสิ่ง" (ข้อคิดจากคุณย่า)

3. ครอบครัวคือพลังแห่งชีงิต
นักเขียนปาร์คเฮรยอน ยังคงใส่เรื่องราวความรัก ความอบอุ่นจากครอบครัวได้อย่างแยบยล
ในวันที่คุณท้อ วันที่คุณหมดพลังงานในตัว ความรักความอบอุ่นจากครอบครัวนี่แหละ จะเติมพลังให้คุณเอง

❤️ พาร์ทความรัห ❤️

4. ไม่อยากให้เธอเห็นฉันในสภาพนี้
ดัลมีรู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพช ไม่อยากให้โดซานที่ประสบความสำเร็จ มาเห็นเธอในสภาพนี้ และไม่อยากเป็นตัวถ่วงในชีวิตเขา
โดซานยังคงฝังใจกับถ้อยคำของดัลมีเมื่อ 3 ปีก่อน "นายไม่ใช่โดซานในจดหมาย" ทำให้เขาเลือกออกเดินทางเพื่อลบเธออกจากใจ



5. My Dear Love
โดซานเลือกเดินทางอย่างยากลำบากเพื่อลบดัลมีออกจาใจ
ดัลมีเลือกเดินทางอย่างยากลำบากเพื่อไปตามหาโดซาน
เพลง My Dear Love ที่ร้องโดยซูจี (ดัลมี) ถูกถ่ายทอดผ่านฉากที่ดัลมีหลับและซบลงที่ไหล่ของโดซาน
โดซานได้นำโปรเจค Trazan ขึ้นมาอ่าน ซึ่งชื่อโปรเจคนี้ ดัลมีได้ไอเดียมาจากการที่โดซานอธิบายเรื่องราวของ Machine learning ให้ดัลมีฟัง
และ Trazan นี่แหละทีทำให้พวดเขาทั้งคู่รู้สึก "หวั่นไหว" กันและกัน



6. จีพบองอยากลองแกว่งไม้ตีดูบ้าง

จีพบองอยากลองแกว่งไม้ตีดูบ้าง ถึงจะสู้แล้วแพ้ก็ยังดีกว่า แพ้โดยไม่ได้แม้แต่ออกแรงแกว่งไม้
แต่เขาก็ยังคงเล่มเกมแบบ Play safe อยู่ เพราะเขารู้ดีว่าในใจของดัลมีคือโดซาน และสิ่งที่ดัลมีแสดงออกมาต่อเขา คือความรู้สึก ห่วงใยและขอบคุณ
"ผมสู้สุดความสามารถ และยอมรับความจริงเมื่อแพ้" จีพยองกล่าว



7. 100%

การที่เธออุตส่าห์มาถึงนี่ = 30% ที่เธอยังมีใจให้โดซาน
ถ้าเราบอกว่าโดซานไม่อยู่ แต่เธอยืนกรานจะไปหา = 50%
การไปบ้านคุณอาทั้งไกลและลำบาก ถ้าสุดท้ายเธอไปหาถึงที่นั่น = 70%
30% ที่เหลืออยู่กับโดซาน
ถ้าโดซานไม่สนใจและกลับมาคนเดียว = พวดเขาย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว
ถ้าทั้งสองคนกลับมาด้วยกัน = น่าจะ 100%


8. มันคือเรื่องบังเอิญ ??

มันไม่มีหรอกดความบังเอิญ มันคือความตั้งใจล้วน ๆ



9.  We are Back


การกลับมารวมกันของแก๊ง Samsan tech อีกครั้ง มันเกิดจากคำพูดที่สั้นและมีพลังโน้มน้าว เสมือนเวลาสั้น ๆ ที่ขึ้นหรือลงลิฟท์


Follow Your Dream
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่