ขอออกตัวก่อนว่าไม่เคยดูซีรีส์เกาหลีเรื่องไหนมาก่อนเลย ตั้งแต่ยุคแดจังกึม ลีซาน ฯลฯ ที่ได้ดูเรื่องนี้เพราะช่วงนี้ว่าง และอยากรู้ว่าที่ประเทศที่เป็น Innovative-Driven จะมีมุมมองต่อ Start up อย่างไร
ปรากฏดูแล้วชอบมาก ประทับใจการเขียนบทที่ลึกและกระชับ มีความหมายทุก Dialogue ทุกตัวละคร แม้แต่ Theme ของแต่ละ EP ก็ดึงมาผสมผสานกับชื่อตอนได้ลงตัว ภาพสวย เพลงประกอบไพเราะ นักแสดงเล่นได้ดีเยี่ยม สรุปประทับใจทั้งหมดครับ
เลยอยากเชิญชวนให้แฟนซีรีส์เรื่องนี้มาร่วมวิเคราะห์ EP 11 - 16 กัน ทั้งทีมโดซานและทีมจีพยอนครับ อิอิ (ส่วนตัวผมเอียงไปทางจีพยอนนะครับ)
------------------------------------------------------ เริ่มวิเคราะห์ -------------------------------------------------------
[ เรื่อง ความรัก - ใครจะได้ดัลมีไปครอบครอง ]
- จาก EP 1 - 10 ในมุมมองคนดู มาถึงนาทีนี้ ผมว่าเส้นเรื่องชงไปทางโดซานค่อนข้างชัด โดยเฉพาะน้ำหนักบทที่แสดงให้เห็นพัฒนาการของตัวละครที่ชัดเจนกว่า และมีเวลาที่ได้ถ่ายทอดความรู้สึกต่อดัลมีมากกว่ามาก ถ้าวัดเป็นคะแนนตอนนี้โดซานคงมีแต้มต่อมากกว่าจีพยอน 7 : 3 เห็นจะได้ อย่างไรก็ตาม จากที่สังเกต Dialogue และ Theme ในแต่ละ EP ตามที่ได้เกริ่นไว้ว่าคนเขียนบทสามารถคุมให้เนื้อเรื่องและพัฒนาการของตัวละครดำเนินไปตาม Theme ของแต่ละ EP อย่างลงตัว โดยผูกซ่อนความหมายไว้ในภาพหรือใน Dialogue หรือแม้แต่ดนตรีประกอบอย่างลึกซึ้ง
ถ้าเราคัดเฉพาะความหมายที่ซ่อนอยู่มาคาดเดาในมุมมองของคนเขียนบท ว่าปลายทางตัวละครแต่ละตัวจะเติบโตไปถึงจุดไหน ผมว่ายังออกได้ทั้งสองหน้า โดยแต้มต่อ โดซาน vs จีพยอน น่าจะเหลือแค่ 6 : 4 หรืออาจจะ 50 : 50 ด้วยซ้ำ ถ้าพิจารณาจากบทใน EP 1 - 10 ที่ชงมาทางโดซานอย่างจงใจ ขัดกับความละเมียดละไมของส่วนอื่นๆ ในบทดราม่า เช่น ความผูกพันของจีพยอนกับคุณย่า, ปมขัดแย้งพ่อลูกโดซาน (ซึ่งตามบทค่อยๆ เปิดเผยอย่างใจเย็น) เป็นต้น
EP ที่ใบ้เรื่องราวปลายทางของความรักไว้มากที่สุด น่าจะเป็น EP 7 : Burn Rate ที่ไม่ได้พูดถึงแค่เรื่อง Burn Rate ในมุมของ Start up (ซึ่งทีมต้องวางแผนการ Scaling หรือ Raise Fund ให้สอดคล้องกับทรัพยากร (เงิน) ที่มีให้ทัน ยิ่ง Burn Rate สูง ระยะเวลาที่ทนได้ยิ่งสั้น) แต่มีนัยยะถึงเรื่องความรู้สึกที่จีพยอนและโดซานมีต่อดัลมีเช่นกัน
ใน EP 7 ความเป็นศัตรูหัวใจระหว่างจีพยอนกับโดซานเริ่มชัดเจน โดยดูผิวเผินจะเริ่มจากฉากระหว่างโดซานกับจีพยอนที่ข่มกันบนโต๊ะ ที่กล่าวถึงว่าโดซานต้องการที่จะปลดเปลื้องความลับที่แบกไว้ด้วยการบอกความจริงเรื่องจดหมายจะเป็นการเข้า Theme Burn Rate ครั้งแรก (โดซานทนไม่ได้แล้วที่จะปลอมเป็นโดซานในจดหมาย) แต่ที่จริง การดึงเข้า Theme เกิดขึ้นตั้งแต่ฉากก่อนหน้านั้น จาก Dialogue ของจีพยอนกับผู้ช่วยพัค ที่พูดถึงการที่จีพยอนเลือกที่จะเป็นพี่เลี้ยงที่เคยสนับสนุนโดยเต็มใจ ทั้งที่รู้ว่าเป็นเส้นทางที่ทรมาน (ผู้แปลใน Netflix ใช้คำว่าพี่เลี้ยง ซึ่งไม่แน่ใจว่าตามต้นฉบับหมายถึง Mentor หรือ Supporter เพราะสื่อความหมายคนละแบบ และคำแปลว่าทรมาน ต้นฉบับอาจหมายถึง เส้นทางที่เหนื่อยยากแสนสาหัส หรือเหนื่อยโดยที่ไม่ได้อะไรตอบแทน)
ในขณะที่จีพยอนซึ่งยังไม่รู้ใจตัวเองก็เริ่มที่จะหึงอย่างชัดเจนใน EP นี้ (ผู้แปลใน Netflix ใช้คำว่าอิจฉา ซึ่ง Jealous สามารถแปลว่า หึง ได้ ตามบริบท ใน Dialogue ที่จีพยอนถกเถียงกับ Robot ซึ่งสุดท้าย Robot เป็นผู้ทำให้จีพยอนฉุกคิดได้ว่าตัวเองไม่ได้แค่หึง แต่ชอบหรือรักดัลมีเข้าแล้ว) จีพยอนเมื่อรู้สึกตัวแล้วว่าความรักที่ดัลมีมีต่อโดซานตัวจริงกำลังจะชนะโดซานในจดหมาย ก็เริ่มทนไม่ได้เช่นกัน ซึ่งถ้าวัดในมุมคนดู จีพยอนจะถูกตีความเป็นฝ่ายตามจากฉากแบ่งปลาที่ต่อเนื่องตามมา (ซึ่งต้องไม่ลืมว่า ณ ขณะนั้น ดัลมียังไม่รู้ความจริงเรื่องจดหมาย)
ใน EP 7 แทบทุกฉากมี Dialogue ที่ใบ้และแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างโดซานกับจีพยอนได้ คล้ายกับฉากที่คุณย่าถามจีพยอนว่าชอบดัลมีหรือเปล่า (ที่ขณะที่จีพยอนตอบว่า "ไม่" โดซานตอบว่า "ชอบ") ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจของนางเอกในอนาคตแน่นอน เช่น ฉากที่นางเอกเดินออกมาส่งทั้งคู่หน้าบ้าน จีพยอนเริ่มสำทับเป็นนัยถึงดัลมีต่อหน้าโดซานว่าส่งอีเมล์ 461 ฉบับให้แล้ว สื่อถึงเรื่องราวของจดหมาย 15 ปีก่อน (จีพยอนให้ความสำคัญกับจดหมายของดัลมี สอดคล้องกับฉากที่ยังเก็บจดหมายทุกฉบับของดัลมีไว้ ซึ่งจะบอกว่าจีพยอนในวัยเด็กไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อดัลมีคงไม่ได้) ในฉากนั้นจีพยอนเห็นเศษด้ายติดผมนางเอก แต่ไม่กล้าที่จะไปดึงออกให้ ในขณะที่ Dialogue กำลังพูดถึงเรื่องของการทำตัวเป็นประธานที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะหวังแค่โดดเด่นน่าจดจำอย่างเดียวไม่ได้ ต้องลงมือทำด้วย จึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งต่อเนื่องกัน โดซานเดินเข้าไปหาดัลมี ขวางทางสายตาระหว่างจีพยอนและดัลมี โดยพูดถึงเรื่องหุ้นส่วน 71% ซึ่งมันคือ 64% (ของโดซาน) + 7% (ของดัลมี) โดซานกล้าเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจ ว่าสำหรับโดซาน ดัลมีคือส่วนหนึ่งของชีวิต แล้วใช้มือหยิบเศษด้ายที่ติดอยู่ออก
สอดคล้องกับฉากที่ดัลมีเคยบอกโดซานว่าชอบมือของโดซานมากที่สุด ซึ่งมีนัยยะถึงการลงมือทำ อิทธิพลของตัวละครดัลมีส่งผลให้โดซานเติบโต จากขี้ยอมแพ้ เป็นอยากสู้เพื่อชนะ ซึ่งสอดคล้องกับฉากที่โดซานเปลี่ยนใจไม่บอกความจริงเรื่องจดหมายและการเลือกทำ App ช่วยคนพิการด้านสายตา (ถึงตรงนี้ อาจมีคนถกเถียงว่าโดซานน่าจะแค่หวังดีล้วนๆ ไม่มีคิดว่าจะใช้ข้อมูลเรื่องสายตาของคุณย่าเป็นจุดได้เปรียบ ก็อาจเป็นไปได้ แต่อยากให้สังเกตถึงฉากหลังจากที่กลับจากบ้านดัลมี ความรู้สึกขณะนั้นของโดซานคืออารมณ์โกรธหรือถูกกดดันจากจีพยอนแน่นอน เพราะโดซานถักไหมพรมก่อนที่จะปิ๊งไอเดียว่าจะทำ App ด้านนี้ ซึ่งข้อมูลที่ว่าโดซานจะถักไหมพรมเมื่อกำลังโกรธ ก็มาจาก EP 7 เช่นเดียวกัน ในฉากบนดาดฟ้า ที่โดซานขอให้ดัลมีลืมโดซานในจดหมาย) สื่อถึงพัฒนาการในตัวละครของโดซาน เพราะถ้าไม่มีความรักต่อดัลมี เขาจะตัดสินใจอีกแบบ ซึ่งใน EP 10 ก็ย้ำจุดนี้ ตอนที่โดซานแสดงออกว่าไม่อยากเป็นทางเลือกหากนางเอกเกิดล้มเหลวในทางแรก
แต่บุคลิกของตัวละครโดซานในอนาคตเมื่อพัฒนาเป็นตัวตนสมบูรณ์แล้วจะเป็นคนในแบบที่ดัลมีชอบจริงหรือเปล่า ย่อมน่าคิด
เพราะจากฉากบนดาดฟ้าของ EP 7 ที่จีพยอนเห็นสองคนจู๋จี๋กันแล้วถอดใจ (สอดคล้องกับฉากวันถัดๆ มาหลังไปกินข้าวบ้านดัลมี ที่ดัลมีส่งอีเมล์หรือส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ) รวมถึงฉากต่อเนื่องที่ดัลมีบอกว่าโดซานตอนนี้ยังเหมือนกับโดซาน 15 ปีก่อน ที่เข้าใจและสนับสนุนตัวเองในทุกเรื่อง (สอดคล้องกับตอนต้น EP ที่จีพยอนพูดถึงการยอมเลือกที่จะเป็นพี่เลี้ยงคอยสนับสนุน ซึ่งจะเจ็บปวดกว่า) ตามด้วยฉากที่โดซานพูดถึงฉายาพระพุทธเจ้าที่ยังมีชีวิต สุดท้ายเราต้องไม่ลืมว่าในบริบทของความรัก จีพยอนต่างหากที่เป็นพระพุทธเจ้าที่ยังมีชีวิต และต่อเนื่องกัน เป็นฉากที่จีพยอนถอดใจและนำต้นไม้อวยพรที่ดัลมีให้โดซานไปทิ้ง สื่อถึงการยอมแพ้ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม และในบทยังมี Dialogue ที่เล่นคำ (เล่นคำว่า Burn) ด้วยฉากต่อเนื่องถัดมา ที่มีการพูดถึงถุงขยะที่ไม่ติดไฟ ซึ่งมีนัยยะถึงจีพยอน ผู้ที่เหมือนกระถางที่ถูกทิ้งและไม่เคยมีไฟที่จะสู้เรื่องความรัก ซึ่งสุดท้ายคนที่หาถุงขยะที่ไม่ติดไฟมาให้และทำให้จีพยอนต้องใช้มันออกไป (เอามันออกไป) ก็คือดัลมีนั่นเอง
นาทีนี้จีพยอนเริ่มถูก Burn แล้ว นอกจากจะไม่ทิ้งต้นไม้ไป ยังซื้อปุ๋ยมาบำรุงต้นไม้ด้วย ซึ่งสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของโดซานในจดหมาย ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตลอด 15 ปี คือการเป็นพี่เลี้ยงคอยสนับสนุนเคียงข้างดัลมีเสมอ
ใน EP 7 ฉากที่แม่นางเอกต้องเริ่มไปนอนค้างคืนตามร้านอินเตอร์เน็ต ก็เป็นนัยยะที่สื่อถึงเรื่องของสายป่านกับ Burn Rate เช่นกัน
ขณะที่ EP 10 : Demo Day ซึ่งหมายถึงวันที่ผู้ประกอบการธุรกิจ Start up จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ออกสื่อสาธารณะ เหมือนเป็น Grand Pitching ส่วนใหญ่เพื่อ Raise Fund ใน Series ถัดไป
ตาม Theme คนเขียนบทเขียนให้ EP นี้ ทุกตัวละครเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจออกสู่สาธารณะ เช่น
- จีพยอน ยังเลือกที่จะเป็นทางเลือกหากผิดหวังในทางแรกให้กับดัลมี
- โดซาน ตัดสินใจเลือกสู้เต็มที่เพื่อเป็นทางแรกให้กับดัลมี ไม่ยอมที่จะเป็นเพียงทางเลือก
- ดัลมี ยังไม่เลือกว่าจะรักใคร แต่หากโดซานเป็นโดซานในจดหมายได้ ก็คงรัก (ซึ่งตรงนี้น่าห่วงตัวละครโดซาน ว่าจะตีความผิด คิดว่าการประสบความสำเร็จบนเส้นทาง Start up คือตัวตนที่ดัลมีจะรักหรือเปล่า เพราะใน EP 9 มันคือสิ่งที่โดซานนำไปเปรียบเทียบกับจีพยอน)
- ดัลมีไม่เอาการหลอกลวง (ฉากที่ดัลมีไม่อยากกินข้าวร่วมโต๊ะกับจีพยอน ฉากที่โกรธอินแจที่สวมรอย ฉากที่ไม่รอโดซานที่ชิงช้า ซึ่งนัยยะของบทสื่อถึงโดซานตีความครั้งแรกผิด ว่าการแต่งสูทเท่ห์ๆ มาในวันที่ตกต่ำที่สุด คือสิ่งที่ดัลมีต้องการ แต่ดัลมีไม่ได้ต้องการ เพราะมันคือโดซานที่หลอกลวง)
- ยงซาน เปิดเผยปมความแค้น
- ประธานฯ Sandbox เปิดเผยว่าปมความแค้นของยงซาน น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด (สอดคล้องกับฉากที่จีพยอนซ้อมคำถามให้โดซานนำกลับไปเตรียมทีม ยงซานเห็นคำถามแล้วจึงคิดว่าคนที่ถามคำถามจนเป็นสาเหตุให้พี่ชายฆ่าตัวตาย น่าจะเป็นจีพยอน) ซึ่งหากเป็นเรื่องอื่นที่ไม่ใช่จากเหตุการณ์ Demo Day ก็ยังเป็นไปได้ว่าหนุ่มแว่นรองแชมป์โอลิมปิกคนนั้น อาจเป็นพี่ชายของยงซาน (แทนที่จะเป็น Alex) ซึ่งจะว่าไป หน้าก็เหมือนกันพอสมควร และมีฉากจงใจให้ยงซานสวมแว่นตอนเสนอ Idea ทำ App และหากเป็นกรณีนี้ ยงซานก็น่าจะเป็นคนปล่อย Ransomware ใส่บริษัทของชอลซานด้วย
- ชอลซาน สารภาพรักกับซาฮา
- อินแจ เปิดเผยตัวตนว่ายอมใช้วิธีสกปรกในการเอาชนะคู่แข่ง (แต่ก็อาจกลับเป็นคนดีในภายหลังได้ จากเส้นเรื่องที่เน้นความผูกพันของคนในครอบครัว)
- แม่อินแจ ยอมถอดเปลือก
- โดซานกับพ่อ เปิดเผยปมในอดีตที่มีต่อกัน ซึ่งเคยกดโดซานไว้ในฐานะอัจฉริยะจอมปลอม (โดซานตีตราตัวเอง) และในฐานะคนไม่ทะเยอทะยาน (ในมุมมองจากพ่อ)
- Alex เปิดเผยความสนใจในตัวโดซาน ไม่ใช่สนใจในทีมหรือผลิตภัณฑ์ แต่เป็นตัวโดซาน
เราจึงสามารถใช้ EP 10 ในการคาดเดา EP 11 - 16 ได้ เพราะทุกคน Demonstrate ตัวตนออกมาเกือบหมดแล้วใน EP นี้
(หากจะมีอะไรที่พลิก ก็ต้องพลิกจากตัวละครที่ยังไม่เปิดเผยแรงจูงใจ เช่น ปมของสองพี่น้องฝาแฝด, ปมของ Alex ฯลฯ หรือเหตุการณ์ในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น (หากมี) เช่น ยงซานกระจาย Ransomware ผ่าน App เพื่อทำลาย Samsan หรือ Sandbox ซึ่งเรื่องจะพลิก เพราะในวันที่ดัลมีตกต่ำ โดซานกำลังจะต้องไป Silicon Valley, การ Blackmail พ่อโดซานจากอินแจ บานปลายเป็นจุดพลิกนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในตัวโดซานทางลบ, ประธานฯ Sandbox มีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากความประทับใจที่มีต่อพ่อดัลมี ที่ทำให้ก่อตั้ง Sandbox, คุณย่าสูญเสียตา, จีพยอนเปิดเผยความสามารถด้านการ Coding (อย่าลืมว่าจีพยอนเคยทำ Algorithm เทรดหุ้นชนะสมัยเป็นเยาวชนเช่นกัน) ฯลฯ)
[Spoiler - Start up] ใครดู EP 1 - 10 กันแล้ว มาเดาเนื้อเรื่องด้านความรัก EP 11 - 16 กันครับ
ปรากฏดูแล้วชอบมาก ประทับใจการเขียนบทที่ลึกและกระชับ มีความหมายทุก Dialogue ทุกตัวละคร แม้แต่ Theme ของแต่ละ EP ก็ดึงมาผสมผสานกับชื่อตอนได้ลงตัว ภาพสวย เพลงประกอบไพเราะ นักแสดงเล่นได้ดีเยี่ยม สรุปประทับใจทั้งหมดครับ
เลยอยากเชิญชวนให้แฟนซีรีส์เรื่องนี้มาร่วมวิเคราะห์ EP 11 - 16 กัน ทั้งทีมโดซานและทีมจีพยอนครับ อิอิ (ส่วนตัวผมเอียงไปทางจีพยอนนะครับ)
------------------------------------------------------ เริ่มวิเคราะห์ -------------------------------------------------------
[ เรื่อง ความรัก - ใครจะได้ดัลมีไปครอบครอง ]
- จาก EP 1 - 10 ในมุมมองคนดู มาถึงนาทีนี้ ผมว่าเส้นเรื่องชงไปทางโดซานค่อนข้างชัด โดยเฉพาะน้ำหนักบทที่แสดงให้เห็นพัฒนาการของตัวละครที่ชัดเจนกว่า และมีเวลาที่ได้ถ่ายทอดความรู้สึกต่อดัลมีมากกว่ามาก ถ้าวัดเป็นคะแนนตอนนี้โดซานคงมีแต้มต่อมากกว่าจีพยอน 7 : 3 เห็นจะได้ อย่างไรก็ตาม จากที่สังเกต Dialogue และ Theme ในแต่ละ EP ตามที่ได้เกริ่นไว้ว่าคนเขียนบทสามารถคุมให้เนื้อเรื่องและพัฒนาการของตัวละครดำเนินไปตาม Theme ของแต่ละ EP อย่างลงตัว โดยผูกซ่อนความหมายไว้ในภาพหรือใน Dialogue หรือแม้แต่ดนตรีประกอบอย่างลึกซึ้ง ถ้าเราคัดเฉพาะความหมายที่ซ่อนอยู่มาคาดเดาในมุมมองของคนเขียนบท ว่าปลายทางตัวละครแต่ละตัวจะเติบโตไปถึงจุดไหน ผมว่ายังออกได้ทั้งสองหน้า โดยแต้มต่อ โดซาน vs จีพยอน น่าจะเหลือแค่ 6 : 4 หรืออาจจะ 50 : 50 ด้วยซ้ำ ถ้าพิจารณาจากบทใน EP 1 - 10 ที่ชงมาทางโดซานอย่างจงใจ ขัดกับความละเมียดละไมของส่วนอื่นๆ ในบทดราม่า เช่น ความผูกพันของจีพยอนกับคุณย่า, ปมขัดแย้งพ่อลูกโดซาน (ซึ่งตามบทค่อยๆ เปิดเผยอย่างใจเย็น) เป็นต้น
EP ที่ใบ้เรื่องราวปลายทางของความรักไว้มากที่สุด น่าจะเป็น EP 7 : Burn Rate ที่ไม่ได้พูดถึงแค่เรื่อง Burn Rate ในมุมของ Start up (ซึ่งทีมต้องวางแผนการ Scaling หรือ Raise Fund ให้สอดคล้องกับทรัพยากร (เงิน) ที่มีให้ทัน ยิ่ง Burn Rate สูง ระยะเวลาที่ทนได้ยิ่งสั้น) แต่มีนัยยะถึงเรื่องความรู้สึกที่จีพยอนและโดซานมีต่อดัลมีเช่นกัน
ใน EP 7 ความเป็นศัตรูหัวใจระหว่างจีพยอนกับโดซานเริ่มชัดเจน โดยดูผิวเผินจะเริ่มจากฉากระหว่างโดซานกับจีพยอนที่ข่มกันบนโต๊ะ ที่กล่าวถึงว่าโดซานต้องการที่จะปลดเปลื้องความลับที่แบกไว้ด้วยการบอกความจริงเรื่องจดหมายจะเป็นการเข้า Theme Burn Rate ครั้งแรก (โดซานทนไม่ได้แล้วที่จะปลอมเป็นโดซานในจดหมาย) แต่ที่จริง การดึงเข้า Theme เกิดขึ้นตั้งแต่ฉากก่อนหน้านั้น จาก Dialogue ของจีพยอนกับผู้ช่วยพัค ที่พูดถึงการที่จีพยอนเลือกที่จะเป็นพี่เลี้ยงที่เคยสนับสนุนโดยเต็มใจ ทั้งที่รู้ว่าเป็นเส้นทางที่ทรมาน (ผู้แปลใน Netflix ใช้คำว่าพี่เลี้ยง ซึ่งไม่แน่ใจว่าตามต้นฉบับหมายถึง Mentor หรือ Supporter เพราะสื่อความหมายคนละแบบ และคำแปลว่าทรมาน ต้นฉบับอาจหมายถึง เส้นทางที่เหนื่อยยากแสนสาหัส หรือเหนื่อยโดยที่ไม่ได้อะไรตอบแทน)
ในขณะที่จีพยอนซึ่งยังไม่รู้ใจตัวเองก็เริ่มที่จะหึงอย่างชัดเจนใน EP นี้ (ผู้แปลใน Netflix ใช้คำว่าอิจฉา ซึ่ง Jealous สามารถแปลว่า หึง ได้ ตามบริบท ใน Dialogue ที่จีพยอนถกเถียงกับ Robot ซึ่งสุดท้าย Robot เป็นผู้ทำให้จีพยอนฉุกคิดได้ว่าตัวเองไม่ได้แค่หึง แต่ชอบหรือรักดัลมีเข้าแล้ว) จีพยอนเมื่อรู้สึกตัวแล้วว่าความรักที่ดัลมีมีต่อโดซานตัวจริงกำลังจะชนะโดซานในจดหมาย ก็เริ่มทนไม่ได้เช่นกัน ซึ่งถ้าวัดในมุมคนดู จีพยอนจะถูกตีความเป็นฝ่ายตามจากฉากแบ่งปลาที่ต่อเนื่องตามมา (ซึ่งต้องไม่ลืมว่า ณ ขณะนั้น ดัลมียังไม่รู้ความจริงเรื่องจดหมาย)
ใน EP 7 แทบทุกฉากมี Dialogue ที่ใบ้และแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างโดซานกับจีพยอนได้ คล้ายกับฉากที่คุณย่าถามจีพยอนว่าชอบดัลมีหรือเปล่า (ที่ขณะที่จีพยอนตอบว่า "ไม่" โดซานตอบว่า "ชอบ") ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจของนางเอกในอนาคตแน่นอน เช่น ฉากที่นางเอกเดินออกมาส่งทั้งคู่หน้าบ้าน จีพยอนเริ่มสำทับเป็นนัยถึงดัลมีต่อหน้าโดซานว่าส่งอีเมล์ 461 ฉบับให้แล้ว สื่อถึงเรื่องราวของจดหมาย 15 ปีก่อน (จีพยอนให้ความสำคัญกับจดหมายของดัลมี สอดคล้องกับฉากที่ยังเก็บจดหมายทุกฉบับของดัลมีไว้ ซึ่งจะบอกว่าจีพยอนในวัยเด็กไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อดัลมีคงไม่ได้) ในฉากนั้นจีพยอนเห็นเศษด้ายติดผมนางเอก แต่ไม่กล้าที่จะไปดึงออกให้ ในขณะที่ Dialogue กำลังพูดถึงเรื่องของการทำตัวเป็นประธานที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะหวังแค่โดดเด่นน่าจดจำอย่างเดียวไม่ได้ ต้องลงมือทำด้วย จึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งต่อเนื่องกัน โดซานเดินเข้าไปหาดัลมี ขวางทางสายตาระหว่างจีพยอนและดัลมี โดยพูดถึงเรื่องหุ้นส่วน 71% ซึ่งมันคือ 64% (ของโดซาน) + 7% (ของดัลมี) โดซานกล้าเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจ ว่าสำหรับโดซาน ดัลมีคือส่วนหนึ่งของชีวิต แล้วใช้มือหยิบเศษด้ายที่ติดอยู่ออก
สอดคล้องกับฉากที่ดัลมีเคยบอกโดซานว่าชอบมือของโดซานมากที่สุด ซึ่งมีนัยยะถึงการลงมือทำ อิทธิพลของตัวละครดัลมีส่งผลให้โดซานเติบโต จากขี้ยอมแพ้ เป็นอยากสู้เพื่อชนะ ซึ่งสอดคล้องกับฉากที่โดซานเปลี่ยนใจไม่บอกความจริงเรื่องจดหมายและการเลือกทำ App ช่วยคนพิการด้านสายตา (ถึงตรงนี้ อาจมีคนถกเถียงว่าโดซานน่าจะแค่หวังดีล้วนๆ ไม่มีคิดว่าจะใช้ข้อมูลเรื่องสายตาของคุณย่าเป็นจุดได้เปรียบ ก็อาจเป็นไปได้ แต่อยากให้สังเกตถึงฉากหลังจากที่กลับจากบ้านดัลมี ความรู้สึกขณะนั้นของโดซานคืออารมณ์โกรธหรือถูกกดดันจากจีพยอนแน่นอน เพราะโดซานถักไหมพรมก่อนที่จะปิ๊งไอเดียว่าจะทำ App ด้านนี้ ซึ่งข้อมูลที่ว่าโดซานจะถักไหมพรมเมื่อกำลังโกรธ ก็มาจาก EP 7 เช่นเดียวกัน ในฉากบนดาดฟ้า ที่โดซานขอให้ดัลมีลืมโดซานในจดหมาย) สื่อถึงพัฒนาการในตัวละครของโดซาน เพราะถ้าไม่มีความรักต่อดัลมี เขาจะตัดสินใจอีกแบบ ซึ่งใน EP 10 ก็ย้ำจุดนี้ ตอนที่โดซานแสดงออกว่าไม่อยากเป็นทางเลือกหากนางเอกเกิดล้มเหลวในทางแรก
แต่บุคลิกของตัวละครโดซานในอนาคตเมื่อพัฒนาเป็นตัวตนสมบูรณ์แล้วจะเป็นคนในแบบที่ดัลมีชอบจริงหรือเปล่า ย่อมน่าคิด
เพราะจากฉากบนดาดฟ้าของ EP 7 ที่จีพยอนเห็นสองคนจู๋จี๋กันแล้วถอดใจ (สอดคล้องกับฉากวันถัดๆ มาหลังไปกินข้าวบ้านดัลมี ที่ดัลมีส่งอีเมล์หรือส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ) รวมถึงฉากต่อเนื่องที่ดัลมีบอกว่าโดซานตอนนี้ยังเหมือนกับโดซาน 15 ปีก่อน ที่เข้าใจและสนับสนุนตัวเองในทุกเรื่อง (สอดคล้องกับตอนต้น EP ที่จีพยอนพูดถึงการยอมเลือกที่จะเป็นพี่เลี้ยงคอยสนับสนุน ซึ่งจะเจ็บปวดกว่า) ตามด้วยฉากที่โดซานพูดถึงฉายาพระพุทธเจ้าที่ยังมีชีวิต สุดท้ายเราต้องไม่ลืมว่าในบริบทของความรัก จีพยอนต่างหากที่เป็นพระพุทธเจ้าที่ยังมีชีวิต และต่อเนื่องกัน เป็นฉากที่จีพยอนถอดใจและนำต้นไม้อวยพรที่ดัลมีให้โดซานไปทิ้ง สื่อถึงการยอมแพ้ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม และในบทยังมี Dialogue ที่เล่นคำ (เล่นคำว่า Burn) ด้วยฉากต่อเนื่องถัดมา ที่มีการพูดถึงถุงขยะที่ไม่ติดไฟ ซึ่งมีนัยยะถึงจีพยอน ผู้ที่เหมือนกระถางที่ถูกทิ้งและไม่เคยมีไฟที่จะสู้เรื่องความรัก ซึ่งสุดท้ายคนที่หาถุงขยะที่ไม่ติดไฟมาให้และทำให้จีพยอนต้องใช้มันออกไป (เอามันออกไป) ก็คือดัลมีนั่นเอง
นาทีนี้จีพยอนเริ่มถูก Burn แล้ว นอกจากจะไม่ทิ้งต้นไม้ไป ยังซื้อปุ๋ยมาบำรุงต้นไม้ด้วย ซึ่งสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของโดซานในจดหมาย ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตลอด 15 ปี คือการเป็นพี่เลี้ยงคอยสนับสนุนเคียงข้างดัลมีเสมอ
ใน EP 7 ฉากที่แม่นางเอกต้องเริ่มไปนอนค้างคืนตามร้านอินเตอร์เน็ต ก็เป็นนัยยะที่สื่อถึงเรื่องของสายป่านกับ Burn Rate เช่นกัน
ขณะที่ EP 10 : Demo Day ซึ่งหมายถึงวันที่ผู้ประกอบการธุรกิจ Start up จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ออกสื่อสาธารณะ เหมือนเป็น Grand Pitching ส่วนใหญ่เพื่อ Raise Fund ใน Series ถัดไป ตาม Theme คนเขียนบทเขียนให้ EP นี้ ทุกตัวละครเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจออกสู่สาธารณะ เช่น
- จีพยอน ยังเลือกที่จะเป็นทางเลือกหากผิดหวังในทางแรกให้กับดัลมี
- โดซาน ตัดสินใจเลือกสู้เต็มที่เพื่อเป็นทางแรกให้กับดัลมี ไม่ยอมที่จะเป็นเพียงทางเลือก
- ดัลมี ยังไม่เลือกว่าจะรักใคร แต่หากโดซานเป็นโดซานในจดหมายได้ ก็คงรัก (ซึ่งตรงนี้น่าห่วงตัวละครโดซาน ว่าจะตีความผิด คิดว่าการประสบความสำเร็จบนเส้นทาง Start up คือตัวตนที่ดัลมีจะรักหรือเปล่า เพราะใน EP 9 มันคือสิ่งที่โดซานนำไปเปรียบเทียบกับจีพยอน)
- ดัลมีไม่เอาการหลอกลวง (ฉากที่ดัลมีไม่อยากกินข้าวร่วมโต๊ะกับจีพยอน ฉากที่โกรธอินแจที่สวมรอย ฉากที่ไม่รอโดซานที่ชิงช้า ซึ่งนัยยะของบทสื่อถึงโดซานตีความครั้งแรกผิด ว่าการแต่งสูทเท่ห์ๆ มาในวันที่ตกต่ำที่สุด คือสิ่งที่ดัลมีต้องการ แต่ดัลมีไม่ได้ต้องการ เพราะมันคือโดซานที่หลอกลวง)
- ยงซาน เปิดเผยปมความแค้น
- ประธานฯ Sandbox เปิดเผยว่าปมความแค้นของยงซาน น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด (สอดคล้องกับฉากที่จีพยอนซ้อมคำถามให้โดซานนำกลับไปเตรียมทีม ยงซานเห็นคำถามแล้วจึงคิดว่าคนที่ถามคำถามจนเป็นสาเหตุให้พี่ชายฆ่าตัวตาย น่าจะเป็นจีพยอน) ซึ่งหากเป็นเรื่องอื่นที่ไม่ใช่จากเหตุการณ์ Demo Day ก็ยังเป็นไปได้ว่าหนุ่มแว่นรองแชมป์โอลิมปิกคนนั้น อาจเป็นพี่ชายของยงซาน (แทนที่จะเป็น Alex) ซึ่งจะว่าไป หน้าก็เหมือนกันพอสมควร และมีฉากจงใจให้ยงซานสวมแว่นตอนเสนอ Idea ทำ App และหากเป็นกรณีนี้ ยงซานก็น่าจะเป็นคนปล่อย Ransomware ใส่บริษัทของชอลซานด้วย
- ชอลซาน สารภาพรักกับซาฮา
- อินแจ เปิดเผยตัวตนว่ายอมใช้วิธีสกปรกในการเอาชนะคู่แข่ง (แต่ก็อาจกลับเป็นคนดีในภายหลังได้ จากเส้นเรื่องที่เน้นความผูกพันของคนในครอบครัว)
- แม่อินแจ ยอมถอดเปลือก
- โดซานกับพ่อ เปิดเผยปมในอดีตที่มีต่อกัน ซึ่งเคยกดโดซานไว้ในฐานะอัจฉริยะจอมปลอม (โดซานตีตราตัวเอง) และในฐานะคนไม่ทะเยอทะยาน (ในมุมมองจากพ่อ)
- Alex เปิดเผยความสนใจในตัวโดซาน ไม่ใช่สนใจในทีมหรือผลิตภัณฑ์ แต่เป็นตัวโดซาน
เราจึงสามารถใช้ EP 10 ในการคาดเดา EP 11 - 16 ได้ เพราะทุกคน Demonstrate ตัวตนออกมาเกือบหมดแล้วใน EP นี้
(หากจะมีอะไรที่พลิก ก็ต้องพลิกจากตัวละครที่ยังไม่เปิดเผยแรงจูงใจ เช่น ปมของสองพี่น้องฝาแฝด, ปมของ Alex ฯลฯ หรือเหตุการณ์ในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น (หากมี) เช่น ยงซานกระจาย Ransomware ผ่าน App เพื่อทำลาย Samsan หรือ Sandbox ซึ่งเรื่องจะพลิก เพราะในวันที่ดัลมีตกต่ำ โดซานกำลังจะต้องไป Silicon Valley, การ Blackmail พ่อโดซานจากอินแจ บานปลายเป็นจุดพลิกนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในตัวโดซานทางลบ, ประธานฯ Sandbox มีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากความประทับใจที่มีต่อพ่อดัลมี ที่ทำให้ก่อตั้ง Sandbox, คุณย่าสูญเสียตา, จีพยอนเปิดเผยความสามารถด้านการ Coding (อย่าลืมว่าจีพยอนเคยทำ Algorithm เทรดหุ้นชนะสมัยเป็นเยาวชนเช่นกัน) ฯลฯ)