รีวิวหนัง Pulp Fiction (1994)
ผู้กำกับ: Quentin Tarantino
ผู้เขียนบท: Quentin Tarantino, Roger Avary
นักแสดงนำ: John Travolta, Samuel L. Jackson, Uma Thurman, Bruce Willis
ดูได้ที่: Netflix (เคยมี😭)
หลายคนอาจยกให้ The Godfather ภาค 1,2 เป็นหนัง Crime ที่ดีที่สุด แต่ส่วนตัวผมยกให้ Pulp Fiction เป็น the best ครับ เพราะสไตล์การเล่าเรื่องแบบ Non-Linear (สลับ timeline) ที่ดูจะมั่วๆ แต่ทุกอย่างกลับเกี่ยวข้องและเชื่อมถึงกันได้อย่างมีชั้นเชิง แถมยังทำให้เราเดาทางของหนังไม่ถูกเลย เพราะการเล่าแบบนี้มันทิ้งคำใบ้ว่าอะไรจะเกิดไว้น้อยมาก กว่าจะรู้ถึงคำใบ้นั้นก็เป็นช่วงที่หนังเล่าย้อนอดีต ทำให้เนื้อเรื่ององค์รวมของหนังที่ดูจะธรรมดามันกลับพีคและคาดเดายากจนเราต้องอึ้งสุดๆ
อีกส่วนที่สำคัญเลยคือ Dialogue (บทสนทนา) ในตัวหนัง เพราะมันเต็มไปด้วยความเฉพาะตัว, ตลกร้าย, นอกเรื่อง แต่กลับฟังแล้วเพลิดเพลินและรู้สึกว่ามันเท่มาก แถมยังส่งเสริม character ของตัวละครในเรื่องให้ดูมีเอกลักษณ์และน่าจดจำสุดๆ อยากจะบอกว่าการเขียน Dialogue ให้ดีและลื่นไหลมันยากกว่าการคิด Plot การดำเนินเรื่องอีกนะ (ไม่รู้ผมเป็นคนเดียวรึป่าว แต่ผมลองเขียนนิยายละรู้สึกแบบนั้น)
ส่วนในเรื่องของความตลกร้ายมันก็จะถูกใส่เข้ามาแบบนิ่งๆเป็นตลกหน้าตาย หรือในบางฉากก็จะถูกใส่เข้ามาให้คนดูช็อคและขำกรามค้างในเวลาเดียวกัน
และที่สำคัญอีกอย่างเลยคือ แม้หนังเรื่องนี้จะ slow burn (เนิบๆเนือยๆ) แต่มันกลับไม่ทำให้เราเบื่อหรือง่วงเลย หากใครเคยดู The Godfather จะรู้ว่าถึงแม้เนื้อเรื่อง, บทพูด, การกำกับจะอยู่ในขั้นที่สุดยอดขนาดไหน แต่ความ slow burn ของมันก็มีโอกาสทำให้บางคนง่วงอยู่ดี แต่กับ Pulp Fiction มันไม่ใช่ครับ เพราะ slow burn ของมันเป็นอะไรที่โคตรเรียล แถมยังทำให้คนดูลุ้นระทึกและฮาไปกับทุกซีนแบบที่ตัวละครในเรื่องรู้สึกเป๊ะๆ ซึ่งส่วนนี้ก็ต้องยกเครดิตให้การกำกับของ Quentin ด้วยเช่นกัน
เรื่องนี้ผมให้ 10/10 แบบไม่ต้องสงสัยจริงๆครับ👍👍 (สำหรับใครที่ยังไม่ดูก็มาร่วมภาวนาให้เรื่องนี้กลับมาฉายใน streaming ด้วยกันนะครับ55)
รีวิวหนัง Pulp Fiction(1994)
ผู้กำกับ: Quentin Tarantino
ผู้เขียนบท: Quentin Tarantino, Roger Avary
นักแสดงนำ: John Travolta, Samuel L. Jackson, Uma Thurman, Bruce Willis
ดูได้ที่: Netflix (เคยมี😭)
หลายคนอาจยกให้ The Godfather ภาค 1,2 เป็นหนัง Crime ที่ดีที่สุด แต่ส่วนตัวผมยกให้ Pulp Fiction เป็น the best ครับ เพราะสไตล์การเล่าเรื่องแบบ Non-Linear (สลับ timeline) ที่ดูจะมั่วๆ แต่ทุกอย่างกลับเกี่ยวข้องและเชื่อมถึงกันได้อย่างมีชั้นเชิง แถมยังทำให้เราเดาทางของหนังไม่ถูกเลย เพราะการเล่าแบบนี้มันทิ้งคำใบ้ว่าอะไรจะเกิดไว้น้อยมาก กว่าจะรู้ถึงคำใบ้นั้นก็เป็นช่วงที่หนังเล่าย้อนอดีต ทำให้เนื้อเรื่ององค์รวมของหนังที่ดูจะธรรมดามันกลับพีคและคาดเดายากจนเราต้องอึ้งสุดๆ
อีกส่วนที่สำคัญเลยคือ Dialogue (บทสนทนา) ในตัวหนัง เพราะมันเต็มไปด้วยความเฉพาะตัว, ตลกร้าย, นอกเรื่อง แต่กลับฟังแล้วเพลิดเพลินและรู้สึกว่ามันเท่มาก แถมยังส่งเสริม character ของตัวละครในเรื่องให้ดูมีเอกลักษณ์และน่าจดจำสุดๆ อยากจะบอกว่าการเขียน Dialogue ให้ดีและลื่นไหลมันยากกว่าการคิด Plot การดำเนินเรื่องอีกนะ (ไม่รู้ผมเป็นคนเดียวรึป่าว แต่ผมลองเขียนนิยายละรู้สึกแบบนั้น)
ส่วนในเรื่องของความตลกร้ายมันก็จะถูกใส่เข้ามาแบบนิ่งๆเป็นตลกหน้าตาย หรือในบางฉากก็จะถูกใส่เข้ามาให้คนดูช็อคและขำกรามค้างในเวลาเดียวกัน
และที่สำคัญอีกอย่างเลยคือ แม้หนังเรื่องนี้จะ slow burn (เนิบๆเนือยๆ) แต่มันกลับไม่ทำให้เราเบื่อหรือง่วงเลย หากใครเคยดู The Godfather จะรู้ว่าถึงแม้เนื้อเรื่อง, บทพูด, การกำกับจะอยู่ในขั้นที่สุดยอดขนาดไหน แต่ความ slow burn ของมันก็มีโอกาสทำให้บางคนง่วงอยู่ดี แต่กับ Pulp Fiction มันไม่ใช่ครับ เพราะ slow burn ของมันเป็นอะไรที่โคตรเรียล แถมยังทำให้คนดูลุ้นระทึกและฮาไปกับทุกซีนแบบที่ตัวละครในเรื่องรู้สึกเป๊ะๆ ซึ่งส่วนนี้ก็ต้องยกเครดิตให้การกำกับของ Quentin ด้วยเช่นกัน
เรื่องนี้ผมให้ 10/10 แบบไม่ต้องสงสัยจริงๆครับ👍👍 (สำหรับใครที่ยังไม่ดูก็มาร่วมภาวนาให้เรื่องนี้กลับมาฉายใน streaming ด้วยกันนะครับ55)