เกาะหลีเป๊ะ เกาะสวรรค์ของฉันและเธอ><

สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งกับทริปในฝันของเราเองค่ะ นั่นก็คือ การได้ไปเกาะหลีเป๊ะนั่นเอง เกาะหลีเป๊ะขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะที่ไกลจากฝั่งมาก แต่ความสวยนั้นต้องยกนิ้วให้เลยค่ะ บอกเลยว่าประทับใจสุดๆ เกาะหลีเป๊ะเป็นเกาะที่ไปเที่ยวได้ในทุกๆเดือนเลยนะคะ การดำน้ำจะแบ่งโซนเป็นโซนในและโซนนอก ถ้าหน้าโลว์ซีซั่นจะดำน้ำโซนนอก ไฮซีซั่นจะดำน้ำโซนใน ที่แบ่งแบบนี้เพราะกระแสน้ำที่เปลี่ยนไปในแต่ละฤดูและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวค่ะ

สำหรับการเดินทาง เราจองทริปนี้ไว้ตั้งแต่เดือน 6 แต่ตั้งใจจะมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน เพราะถือว่าเป็นหน้าไฮซีซั่นแล้ว แต่ดันนนน มาชนกับวันหยุดใหม่ที่รัฐบาลประกาศ คนเลยออกจะเยอะๆซักหน่อยค่ะ แต่ก็ดูทำให้หลีเป๊ะครึกครื้นขึ้นมาเลย
ส่วนการเดินทาง เราเลือกจองแพ็กเกจกับ lipe lover ไปซึ่งเราสามารถจองทั้งรถ เรือ ที่พักและทัวร์ดำน้ำได้ในราคาเดียวค่ะและถือว่าเป็นราคาที่โอเคเลยนะคะ ราคาจะแปรผันตามที่พักเป็นหลักค่ะ ว่าเราเลือกพักที่ไหน แนะนำให้สอบถามและจองตั้งแต่เนิ่นๆถ้าจะไปนะคะ คนใช้บริการค่อนข้างเยอะ พี่ๆพนักงานน่ารักทุกคนเลยค่ะ 
 
เราเริ่มออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่ flight เช้าเพื่อให้ไปถึงที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ก่อน 9 โมงเช้าค่ะ เนื่องจากว่า ถ้าเราสามารถไปเรือรอบ 11.30 ได้ ทางเรือจะพาเราไปแวะเที่ยวอุทยานแห่งชาติตะรุเตาและเกาะไข่ก่อนที่จะพาไปถึงหลีเป๊ะค่ะ 

แต่เนื่องจากเราไปชนกับวันหยุด เราเลยไปไม่ถึงตะรุเตา เพราะเรือไม่มีที่จอดค่ะ ได้แวะแค่เกาะไข่ แต่ก็... 
ตามรูปเลยค่ะ55555555 เราก้เลยเดินถ่ายรูปเล่นรอบๆแทน ไม่อยากเข้าไปแย่งตรงอุโมงค์นั้นกับคนอื่น 
น้ำใสมากกกกกก
จากนั้นนั่งเรือต่อมาประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็ถึงแล้วคร้า เกาะหลีเป๊ะ น้ำสวยและใสมากก สมการรอคอยเลย เราขึ้นที่ท่าฝั่งหาดพัทยาค่ะ จะมีโป๊ะลอยๆอยู่ นั่งเรือมานานมาก ไม่เมาเรือเลย แต่พอเจอโป๊ะนี่เข้าไป ดมยาดมกันทั้งแก๊งค์เลยค่ะ555555
ส่วนที่พักนั้น เราเลือกพักที่วาปี รีสอร์ทค่ะ อยู่ฝั่งหาดซันไรส์ อ้อออ เราลืมอธิบายค่ะ บนเกาะจะมีอยู่ 3 หาดหลักๆค่ะ หาดแรกคือหาดพัทยาหรือหาดบันดาหยา ที่เรามาลงเรือกัน หาดต่อมาคือหาดซันไรส์(sunrise) เป็นหาดที่พระอาทิตย์จะขึ้นในตอนเช้า ที่พักจะอยู่ฝั่งนี้เยอะพอสมควรเลยค่ะ และอีกหาดนึงคือหาดซันเซ็ท(sunset)หรืออ่าวประมง หาดที่พระอาทิตย์ตกในตอนเย็นนั่นเองค่ะ ทั้งสามหาดจะมีที่พักหมดเลยนะคะแล้วแต่เลือกเลยว่าจะเลือกพักที่ไหน 
 
ที่พักของทางวาปี รีสอร์ทจะเป็นบังกะโลเรียงๆกันไป มีกลายราคาให้เลือกเช่นกันค่ะ แต่ของเราน่าจะถูกสุดค่ะ แบบว่าอยาก save cost แต่ที่พักถือว่าโอเคเลยนะคะ เดินนิดเดียวก็ถึงทะเล ห้อง beach front ก้มีค่ะ เปิดประตูมาเจอทะเลเลย 
สำหรับวันแรก เรามาถึงที่วาปีประมาณ 15.30 น. เลยไปหาอะไรกินใกล้ๆรีสอร์ท ที่พี่พนักงานแนะนำว่าอร่อย นั่นก็คือร้านข้าวต้มไทยเดิมค่ะ มีขายทั้งอาหารจานเดียวและกับข้าว ซึ่งอร่อยจริงๆค่ะ อร่อยจนลืมถ่ายรูป55555555
 
เมื่ออิ่มท้องแล้ว เราก็ไปเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวไปเล่นน้ำกันคร้าา สำหรับที่วาปี รีสอร์ทและอีกหลายๆโรงแรมฝั่งซันไรส์ จะมีเรือคายัคไว้ให้พายเล่นได้นะคะ แต่ว่าอาจจะต้องพลัดๆกันเล่นซักหน่อย เพราะว่ามีจำนวนจำกัดและที่วาปีมีเสื้อชูชีพ ตีนกบและสน็อกเกิ้ลให้ยืมด้วยนะคะ 
 
เรากับเพื่อนเลยออกไปพายเรือเล่นกันค่ะ ซึ่งถ้าเรานอนฝั่งซันไรส์ เราจะสามารถพายเรือไปยังเกาะกละได้ เป็นเกาะน้อยๆที่อยู่ติดกับหลีเป๊ะค่ะ 
 
เรียกว่าสามารถพายไปถ่ายรูปแบบชิวๆ(เอ๊ะหรือไม่ชิวเพราะเหนื่อย55555) ระดับความใสของน้ำนั้น ต้องพูดเลยว่า ระหว่างที่เราพายเรือ เราสามารถมองเห็นปลาและหอยเม่นที่อยู่ในทะเลได้เลยค่ะ แต่เนื่องจากกลัวว่าโทรศัพท์จะร่วงเลยไม่กล้าเอาขึ้นมาถ่ายเลย 
 
เมื่อถึงเกาะกละ เราจะเจอกับหาดน้อยๆค่ะ แต่ว่า เขาเขียนป้ายว่า ห้ามเดินบนหาดเพราะเปลือกหอยปะการังอาจบาดเท้าได้ แล้วเรากับเพื่อนไม่ได้เอารองเท้าไป ก็เลยตกลงว่าจะไม่ลงกันเพราะกลัวว่าถ้าโดนเปลือกหอยบาดเท้า วันรุ่งขึ้นจะไปดำน้ำไม่สนุกและตกลงกันว่า วันรุ่งขึ้นค่อยมาใหม่แล้วเอารองเท้ามาด้วย ก็เลยถ่ายรูปเล่นบนเรือและพายกลับไปเล่นน้ำที่หาดหน้ารีสอร์ทแทน 
หันหัวเรือเข้าเกาะ ดูพระอาทิตย์ตกได้เลยน้าา
พอเล่นน้ำกันเสร็จ เราก็ไปอาบน้ำและออกไปหาอะไรกินกันที่ walking streetกันค่ะ พี่ที่รีสอร์ทบอกว่า ที่ถนนคนเดินอาจยังเงียบๆอยู่ซักหน่อย เพราะพิษโควิดที่ทำนักท่องเที่ยวที่เป็นต่างชาติหายไป เหลืออยู่น้อยมากๆ หลายร้านจึงต้องปิดตัวลงหรือยังไม่พร้อมที่จะกลับมาเปิดอีกครั้งในช่วงนี้ค่ะ แอบเสียดายมาก เราตั้งใจตามรีวิวไปกินพิซซ่าร้าน paolo italian แต่ร้านก็ยังไม่เปิดเช่นกันค่ะ แงงง 
 ถนนคนเดินจะยาวลงไปถึงหาดบันดาหยา มีร้านอาหารและร้านขายของฝากมากมายค่ะ เราเลยแวะทานที่ร้านศรีหลีเป๊ะ แต่เนื่องจากคนเยอะมากก เราเลยต้องสั่งอาหารไว้ก่อนแล้วรอโต๊ะ เรากับเพื่อนเลยลงไปเดินเล่นที่หาดบันดาหยาค่ะ 
 
หาดบันดาหยาในยามค่ำคืนจะแตกต่างกับตอนกลางวันมากก เป็นหาดที่ครึกครื้น เต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านนั่งชิว มีโชว์ควงกระบองไฟด้วยนะคะ 
เดินเล่นไปซักพักนึงเราก็กลับมาทานอาหารที่ร้านศรีหลีเป๊ะค่ะ ถือว่าอร่อยใช้ได้เลยค่ะ สั่งปลาเผามา ตอนแรกนึกว่าจะเป็นปลาทั่วๆไปที่เรารู้จัก สรุปที่ได้มาคือ ปลาตะมะ ซึ่งมันอร่อยมากกก อร่อยจนเรียกได้ว่าติดใจเลยค่ะ แต่ก็นั่นแหละค่ะ หิวจนลืมถ่ายปลาอีกแล้ว55555555
ตอนนั้นถามว่าอิ่มมั้ย ตอบเลยว่าอิ่มมาก แต่อีกหนึ่งสิ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมากินกันนั่นก็คือ โรตีค่ะ ถามว่าเรากินกันต่อมั้ย ไม่ ไม่พลาดค่ะ55555555 มีดักตลอดทาง ไม่มีทางที่จะรอดผ่านไปได้เลยค่ะ
ระหว่างทางเราก็แวะซื้อของฝากและกลับที่พัก เพื่อเตรียมชาจพลังกับวันรุ่งขึ้นคร้า
 
เช้าวันต่อมา ถือว่าเป็นโชคดีของเราที่ตื่นมาแล้วท้องฟ้าแจ่มใส แดดแรงๆกำลังรอต้อนรับทริปดำน้ำที่เรารอคอยค่ะ เนื่องจากเรานอนฟังซันไรส์ พระอาทิตย์ขึ้นทางฝั่งตามชื่อหาดเลย เลยได้เห็นน้ำใสๆสีฟ้าแบบที่เราอยากเห็นเลยค่ะ 
ในตอนเช้า ทางวาปีรีสอร์ทมีอาหารเช้าให้ทานนะคะ อาหารที่ให้รับประทานอาจไม่ได้เยอะมากแต่ไม่แย่เลยค่ะ 
เมื่อถึงเวลา 9.30 เรือที่จะพาเราไปดำน้ำก็มารับเราที่หาดหน้ารีสอร์ทเลย อาจจะเป็นเพราะเรากับเพื่อนรวมกัน 4 คน ซึ่งหมายถึง คนที่จะไปดำน้ำครึ่งนึงของเรือ ทางทัวร์เลยมารับเราที่หน้าหาด และไปรับคนที่จะมาดำน้ำมาที่รีสอร์ทเราแทนค่ะ
 
เอาจริงๆค่ะ การดำน้ำครั้งนี้คือการดำน้ำจริงๆ ไม่เหมือนครั้งก่อนที่ไปพีพี ที่แทบไม่ได้ดำน้ำ ถ่ายรูปกันรัวๆ ทริปนี้นับว่าได้ดำน้ำแบบสะใจมากกกกก เลยไม่ได้มีรูปเยอะมากนัก มีแค่รูปถ่ายระหว่างทางและแอบถ่ายเพื่อนค่ะ สำหรับเกาะที่เราได้ไปคือเกาะโซนในคือ ร่องน้ำจาบัง เกาะอาดัง เการาวี เกาะหินงาม และที่ที่เราจำชื่อไม่ได้ค่ะ55555555
เพื่อนผู้เอ็นจอยกับการดำน้ำค่ะ55555
เกาะหินงามที่หินงามสมชื่อเลยค่ะ
ในส่วนของโลกใต้ทะเล อาจจะไม่ได้มีภาพให้ชม แต่เราขอบอกเลยว่า เราประทับใจที่นี่มาก ที่นี่ปะการังยังคงความสวยงาม สีสันแปลกตาที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนและรอให้เรายลโฉมในทุกวัน มีปลามากมายทั้งที่เราเคยเห็นจากในหนังและไม่เคยเห็นเลย มาแหวกว่ายโชว์ตัวให้เราดูตลอดเวลาที่เราดำน้ำเลยค่ะ
 
ทัวร์ที่พาเราไปดำน้ำคือ Be nice ที่ทาง lipe จัดหาให้ค่ะ สำหรัยคนขับเรือนั้น ยังเป็นน้องๆ ยังดูเด็กอยู่เลย แต่น้องๆเก่งมากกก พาเราไปดูอันนู้นอันนี้ ชี้ให้ดู เรียกให้ดูตลอดทาง ถามอะไรก็ตอบได้หมดเลย ดูเอ็นจอยกว่าคนไปดำน้ำอีกค่ะ555555

แวะทานข้าวที่เกาะราวีค่ะ วิวสวยๆกับท้องฟ้าที่ยังไม่มีเมฆครึ้มๆ
เกาะอาดังน้ำจะสีออกเขียวๆหน่อยเพราะมีน้ำจืดผสมอยู่ด้วยค่ะ
ส่วนตัวเราไม่กล้อง Gopro เลยไม่มีโอกาสได้ถ่ายใต้น้ำเลย สัญญาว่า ถ้าไปครั้งหน้าจะเช่าหรือซื้อ Gopro แล้วเอาลงน้ำค่ะ แงงงง
 
เราดำน้ำกันเสร็จประมาณ 15.30 น.ค่ะ จากที่พูดไว้ว่า ถ้ายังไม่หมดแรง เราจะพายเรือพายัคกลับไปเกาะกละอีกครั้งเพื่อปีนขึ้นไปถ่ายรูปบนยอดเกาะค่ะ พอกลับมาถึงแล้วเราก็รีบพายเรือกันไปเลย เพราะว่าฝนเริ่มตั้งเค้ามาแล้ว
 
เมื่อเรามาถึงเกาะกละ เราก็ปีนขึ้นไปข้างบนยอดเกาะ เราจะเห็นหาดทรายสีขาวของเกาะกละที่จะโผล่มาเวลาน้ำลดหรือยังขึ้นไม่เต็มที่ค่ะ ถือว่าเป็น secret beach ที่ถ้าเราไม่นั่งเรือผ่านหรือไม่ขึ้นมาบนเกาะ มองจากทางหลีเป๊ะก็แทบไม่เห็นค่ะ 
ส่วนอีกฝั่งนึงคือฝั่งที่เราเอาเรือมาจอดไว้นั่นเองค่ะ อย่าลืมนะคะ ถ้าจะมาลงฝั่งนี้แนะนำให้เอารองเท้ามาด้วย เปลือกหอยค่อนข้างคมค่ะอยู่ข้างบนไปได้แปปเดียว เมฆฝนก็เริ่มไล่มาจากทางกาะอาดัง เราก็ใจคอไม่ค่อยดีกันเพราะไม่อยากติดฝนอยู่กลางทะเล กลายเป็นว่า พายเรือกันไม่คิดชีวิตเลยค่ะ นับว่าเป็นช่วงเวลาพีคๆที่ตลกกันมาก กลัวก็กลัว ขำกันก็เหนื่อย ดีนะคะ ฝนมาลงเม็ดตอนใกล้ถึงฝั่ง ไม่งั้นเคว้งคว้างกลางทะเลแน่นอน55555
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่