การทำกึ่งรีวิวครั้งแรกในชีวิต... ขออนุญาตเรียกว่ากึ่งรีวิวนะคะ..เพราะว่า..ไม่ได้ให้ข้อมูลการเดินทางไว้ละเอียดมาก..ตั้งใจทำกระทู้เพราะอยากแบ่งปันรูป..ความงดงามของเกาะหลีเป๊ะ...และช่วยเหลือคนคนนึง ผิดพลาดยังไงรบกวนทุกท่านช่วยติชมด้วยนะคะ...
.....ปล.เรายืมล๊อคอินเพื่อนมาใช้ ถ้ามีเรื่องติชม ติชมผ่าน..เจ้าของล๊อคอินได้เลยค่ะ อิอิ ^^
.......เราเริ่มต้นการเดินทางทริปนี้เหมือนเพื่อนหลายๆคนคือ ไปดูโปรโมชั่นและตั้งใจจะจองโรงแรมในงานไทยเที่ยวไทย มีสมาชิกร่วมความตั้งใจทริปนี้ทั้งหมด 5 คน....ตั้งใจจะไปเป็นชาวเกาะกันให้ฟินด้วยเวลา 4 วัน 3 คืน....ในราคาแบบประหยัด......กำหนดวันเดินทางเรียบร้อยคือ 30 มีนาคม - 2 เมษายน 2557 .....เมื่อดูเปรียบเทียบราคาในงานจะพบว่าราคาของบริษัททัวร์มีหลากหลายทั้งถูก..ปานกลาง..ไปจนถึงแพง..ดังนั้นก้ขึ้นอยุ่กันคุณเองแหละค่ะว่า..จะยอมนั่งหลังแข็ง..กางใบปลิว ..เปรียบเทียบราคามั้ย...ซึ่งแน่นอนว่าเรากับเพื่อน..ยอมแน่นอน !!!...555..นั่งกางใบปลิวกันอยุ่สักพัก..ก้พบรีสอร์ทในตำนาน..เป็นรีสอร์ทที่ราคาย่อมเยาว์มากก...555 ...เนื่องจากเพิ่งเปิดใหม่...สุดท้ายเราก้สมหวังได้ห้องพักพร้อมแพคเกจดำน้ำกับรีสอร์ทในราคาที่ต้องการ (ขออนุญาตไม่ระบุตัวเลขนะคะ....หากท่านใดอยากทราบหลังไมค์มาคุยกันได้ค่ะ ^^)..รีสอร์ทของเราชื่อ วาปีรีสอร์ทค่ะ..
........วันเดินทางเราใช้บริการของแอร์เอเชียไปลงที่สนามบินหาดใหญ่...แล้วทางรีสอร์ทจะส่งรถมารับที่สนามบิน..เพื่อไปลงที่ท่าเรือปากบารา..โดยใช้เวลาบนรถยนต์ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วจึงต่อสปีดโบ๊ทอีกประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าเพื่อไปยังเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งส่วนใหญ่ทุกรีสอร์ทและบริษัททัวร์ก็จะใช้วิธีนี้เช่นกัน
...เกาะหลีเป๊ะประกอบด้วย 2 ชายหาดขนาดใหญ่...คือหาดพัทยาและหาดซันไรส์ กับอีก 1 ชายหาดขนาดเล็กคือหาดซันเซ็ท ...ว่ากันว่าหาดพัทยาคือฝั่งรวมแสงสี..ร้านอาหารและรีสอร์ทจำนวนมากตั้งอยุ่บนด้านนี้ค่ะ...แต่สำหรับวาปีรีสอร์ทของเราตั้งอยุ่บนหาดซันไรส์..งซึ่งได้ชื่อว่าเป็นฝั่งสงบเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง
....ก่อนถึงเกาะหลีเปีะ....สปีดโบ๊ทรอบเช้าจะมีการพาเราแวะสองเกาะเล็กๆแต่ถือเป็นสัญลักษณ์ของทะเลสตูลคือเกาะไข่และเกาะตะรุเตา...เพื่อให้เราได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และแชะภาพเป็นที่ระลึกกันค่ะ...ที่เกาะไข่จะมีซุ้มหินซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปลอดและมีความเชื่อว่าจะทำให้สมหวังให้ความรักค่ะ
หลังจากนั้นก้มุ่งหน้าสุ่เกาะหลีเป๊ะ ..เมื่อมาถึงเกาะ..นี่คือภาพแรกที่ทุกคนได้เห็นค่ะ
น้ำใสจนอยากเก็บใสขวดเอากลับมากรุงเทพเลยค่ะ
สปีดโบ๊ทจะส่งเราที่ท่าเรือกลางทะเลแล้วให้เราต่อเรือแท๊กซี่ไปค่ะ
ถึงแล้วค่ะ...วาปีรีสอร์ท...ที่พักตลอด 4 วัน 3 คืนของเรา..
นี่ค่ะบ้านของพวกเรา...
ภายในบ้านพักค่ะ
วันแรกหลังจากเก็บของเรียบร้อย..พวกเราก้หลับพักผ่อนเอาแรง...555 ...ตกเย็นก็ลุยเล่นน้ำทะเลกัน และไปทานข้าวเย็นกันที่ร้านอาหารใน walking street ฝั่งหาดพัทยาที่ทางรีสอร์ทให้คูปองไว้ค่ะ ..
เช้าวันที่ 2 ..พวกเราตื่นนอนกันแต่เช้า...เพื่อมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดซันไรส์...ตามที่เค้าบอกกันไว้ว่าสวยงามสมชื่อหาด..และแล้วก้จริงๆค่ะ...สวยงามเกินคำบรรยาย
ต้องบอกว่าพระอาทิตย์ที่นี่ขึ้นเร็วจริงๆค่ะ...จากรูปเมื่อกี้ต่างกันไม่ถึง 15 นาที...สว่างโร่ แสงจ้าแล้วค่ะ...
ชมความงามพระอาทิตย์เสร็จ...พวกเราก้แยกย้ายทำธุระส่วนตัว..ออกมารับประทานอาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทจัดไว้...แล้วก้เตรียมตัวลุยทริปดำน้ำ วันที่ 1 ค่ะ...สำหรับทริป 4 วัน 3 คืน..ทางรีสอร์ทเกือบทุกที่จะแบ่งการดำน้ำออกเป็นสองวัน..คือจุดดำน้ำใกล้และจุดดำน้ำไกล...ให้เราเลือกเอาว่าจะไปจุดไหนก่อน....โดยพวกเราขอเลือกจุดดำน้ำใกล้ก่อนค่ะ..เพื่อไม่ให้เป็นการล้ามาก ตามคำแนะนำของน้องพนักงานรีสอร์ท จุดดำน้ำใกล้ของทริปจะประกอบด้วย เกาะอาดัง เกาะหินงาม เกาะราวี
ร่องน้ำจาบัง และเกาะยาง...พวกเราได้ไปด้วยกันในเรือลำเดียว...กับไกด์ชาวท้องถิ่นสองพ่อลูกที่น่ารัก
เราแวะที่แรกที่เกาะอาดัง..ซึ่งอยุ่ไม่ไกลจากหลีเป๊ะ...ต่อด้วยเกาะหินงาม..งามสมชื่ออีกแล้วค่ะ..
เราแวะทานข้าวกลางวันกันที่เกาะราวี...หาดทรายที่นี่..ขาวจนอยากเก็บกลับกทม.อีกแล้ว 5555
หลังมื้อกลางวัน...เราก็มาต่อกันที่ร่องน้ำจาบัง...ที่นี่น้ำค่อนข้างแรงค่ะ..ไกด์จะให้พวกเราลอยตัวไปตามเชือกเส้นยาวที่ผูกไว้กับทุ่นแต่ขอบอกว่า..ประการังที่นี่..เรายกให้เป็นที่สุดของทริปนี้จริงๆค่ะ
กลับจากดำน้ำถึงรีสอร์ทประมาณ 4 โมงเย็น..พวกเราก็เลยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า...แล้วก็ตั้งใจกันว่าวันนี้พวกเราจะไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่หาดซันเซทค่า
อยากที่บอกไปตอนต้นว่าหาดซันเซทเป็นหาดขนาดเล็ก..อยู่ถัดจากหาดพัทยา...การลงไปที่หาดซันเซทจึงดูสมบุกสมบันนิดนึงเพราะต้องปีนป่าย แต่เมื่อไปถึงเราก้ได้เห็นสิ่งนี้ค่ะ
วันที่ 3 เราตื่นนอนกันเช้าเหมือนเดิม...เดินเที่ยวกันไปเรื่อยๆตามชายหาดซันไรส์...ทำให้เรารู้ว่า..บนเกาะมีวัดซึ่งตั้งอยุ่บนเขา ทำให้ทุกเช้าจะมีพระสงฆ์มาออกบิณฑบาตรค่ะ
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ...วันนี้พวกเราต้องเตรียมตัวออกเดินทางไกลค่ะ...ดำน้ำไกลอีกประมาณ 7 จุด..วันนี้จุดที่เราจะไปประกอบด้วย เกาะหินซ้อน เกาะไม้ไผ่ เกาะดง เกาะผึ้ง อ่าวลิง และเกาะรอกลอย..
ที่แรกเกาะหินซ้อน...
จุดดำน้ำที่นี่น้ำค่อนข้างเชี่ยวและลึกค่ะ...เราต้องโหนตัวไปตามเชือกเหมือนเดิม..เล่นเอาเกือบหมดแรง..และวันนี้สมาชิกหลายๆคนก็เริ่มมีอาการเมาเรือให้เห็นแล้ว..เนื่องจากคลื่นลมค่อนข้างแรง..ยาดมจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวันนี้เลยค่ะ ><
......ตัดมาที่อ่าวลิงนะคะ จุดนี้เป็นจุดที่พวกเราสมาชิกลงความเห็นว่าเป็นจุดฟินอีกจุดนึงค่ะ เนื่องจากเป็นจุดดำน้ำตื้น ซึ่งเราสามารถดำได้จากบริเวณใกล้ชายหาด..และที่สำคัญมีน้องปลานีโมเยอะแยะเลยค่ะ
หลังเดินทางกลับจากดำน้ำไกล..วันนี้เราก็จะไปทานข้าวเย็นกันที่ Walking street กันอีกเช่นเคยค่ะ ตามคูปองที่ทางรีสอร์ทให้มา ร้านวันนี้ชื่อร้าน Banana tree ซึ่งจากที่เราไปเดิน walking street มา 2 วันแล้ว ทำให้เราช่วยกันสังเกตได้ว่าร้านนี้โดยปกติลูกค้าน้อยมากกกกกกกกก
...จนพวกเรายังแอบนินทากันว่าจะอร่อยเหรอวะ...แต่ก็เอาในเมื่อเค้าจัดให้มาพวกเราก็ลองไปดู...วันนี้ก็เหมือนเมื่อ 2 วันที่เราเดินผ่านมาอ่ะคะ..คือลูกค้าในร้านน้อยมาก..มีฝรั่งคู่นึง 1 โต๊ะแล้วก็โต๊ะของพวกเรา...บรรยากาศเงียบเหงา..พวกเราก็นั่งคุยไปกันไป..จนอาหารมาเสริฟ..อื้อหื้ออ ..หน้าตาดีเชียวคะ
ไม่ได้หน้าตาดีอย่างเดียวนะคะ...พอทานจริงๆก็รุ้ว่า..เห้ยยยยยย...รสชาติเยี่ยม..แอบอร่อยกว่าร้านเมื่อวาน..ซึ่งเป็นร้านชื่อดังบนเกาะ..ที่เค้าจัดให้เราไปกินอีก..ทานไปกันไป..เม้ากันไป...จนฝรั่งคู่นั้นเช็คบิล...ก้เลยเหลือแต่พวกเราในร้าน..(ระหว่างนี้ยังไม่มีลูกค้าโต๊ะใหม่เข้ามาเลย T___T) คุณลุงที่หน้าตาดูเหมือนเจ้าของก็ออกมานั่งหน้าร้าน....ยิ้มกันไป..มองกันมากับพวกเรา...จนสุดท้ายแกก็เลยถามพวกเราว่า..อร่อยมั้ยครับ..พวกเราก็แทบจะแย่งกันตอบ..โอ้ยยอร่อยมากเลยค่ะ...แกก็ยิ้มอีกที..แล้วก็ว่า..นั่นสิ..ผมก็ว่าฝีมือผมก็โอเค..ไม่รุ้ทำไม...ลูกค้าไปไหนหมด..(เอาละสิ..ดราม่าป่าววะ ??)...คราวนี้ก็เลยได้คุยกันยาว..แกเล่าว่าพื้นเพแกเป็นคนโคราช...เคยทำงานเป็นเชฟอยุ่โรงแรมในเกาะภูเก็ต..แต่เจ้านายแกย้ายมาเปิดรีสอร์ทที่นี่แกเลยตามมา..ตั้งแต่ก่อนเกิดซึนามิ...แกว่าแกอยุ่ที่นี่จนเป็นบ้านแกแล้ว...พอเจ้านายแกเลิกทำรีสอร์ท..แกก็เลยเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง...เมื่อก่อนร้านแก..ตั้งอยุ่อีกมุมนึงของ walking street ตอนนั้นขายดี...ลูกค้าเยอะ...แต่ตอนหลังหมดสัญญาเช่าที่...เจ้าของที่จึงขอที่คืน..แกเลยต้องย้ายมาอยู่ที่นี่..ตั้งแต่นั้นมาร้านแกก้ลูกค้าลดลง..แกก้พยายามหาสาเหตุ...นิมนต์พระมาทำบุญเพราะตอนแกถมร้าน..แกว่าแกเจอไม้ตะเคียนโบราณ..แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น..แกเล่าไปก็ทำท่าจะร้องไห้...จนพวกเราก็พลอยน้ำตาซึม..แกว่าพวกคุณมาจากไหนกัน..เราก็บอกว่ากรุงเทพ..แกบอกถ้าอร่อย..ช่วยบอกต่อให้ผมหน่อยนะครับ..ผมเล่นอินเตอร์เน็ทก็ไม่เป็น..เลยไม่รุ้จะประชาสัมพันธ์ยังไง..ก็เลยเป็นที่มาของการทำกึ่งรีวิวในครั้งนี้แหละค่ะ...ยังไงรบกวนเพื่อนๆชาวบลูทุกท่านนะคะ..ถ้ามีโอกาสไปหลีเป๊ะ ลองแวะไปเยี่ยมร้านคุณลุงแก..ราคาย่อมเยาวน์ค่ะ..เราเปรียบเทียบมาแล้ว...ร้านตั้งอยุ่ใน walking street เลยค่ะ เดินเรื่อยๆเดี๋ยวก้เจอป้ายร้าน ตามรูปที่ลง..ต้องขอโทษจริงๆที่เราถ่ายรูปมาน้อย..ไม่ได้ตั้งใจจะทำแต่อยากช่วยคนทำมาหากิน...มีคำพูดนึงของคุณลุงที่พวกเราประทับใจมาก..คือ..ผมไม่ยอมแพ้หรอก..ผมจะสู้..ยังไงก็จะตายที่นี่..ให้มันรู้ไปว่าอร่อยขนาดนี้ยังขายไม่ได้... เราเลยตัดสินใจเหมือนกันว่าจำรีวิวช่วยแก..ให้มันรู้ไปว่าทำครั้งแรกจะทำไม่ได้....5555
อาจจะดูเป็นกึ่งรีวิวที่งงๆ..แต่ก็ขอบคุณทุกท่านนะคะที่ตามอ่านกันมา...วันที่เหลือพวกเราก้เล่นน้ำ ถ่ายรูปกันตามประสา กิจกรรมที่น่าสนใจทั้งหมดของทริปนี้..เราก็แนะนำไปแล้ว..คอนเฟิร์มเลยค่ะว่า..หลีเปีะ เป๊ะจริง !!!
ปอลอ...ลืมบอกอาวุธที่ใช้ในการเก็บควาทรงจำในทริปนี้ค่ะ...Canon EOS 550D และกล้องใต้น้ำ FUJI XP 60
ปอลอ 2 ...ขออนุญาตแท๊กห้องรูปและก้นครัวนะคะ..ถ้าใครสนใจช่วยคุณลุงก๊อบรูปไปได้เลยค่า..ไม่ว่ากัน..ขอบคุณทุกคนค่า ^^
[CR] [CR]..กึ่งรีวิว..เกาะหลีเป๊ะ..4 วัน 3 คืน..ที่สุดแห่งความงามของอันดามัน
.....ปล.เรายืมล๊อคอินเพื่อนมาใช้ ถ้ามีเรื่องติชม ติชมผ่าน..เจ้าของล๊อคอินได้เลยค่ะ อิอิ ^^
.......เราเริ่มต้นการเดินทางทริปนี้เหมือนเพื่อนหลายๆคนคือ ไปดูโปรโมชั่นและตั้งใจจะจองโรงแรมในงานไทยเที่ยวไทย มีสมาชิกร่วมความตั้งใจทริปนี้ทั้งหมด 5 คน....ตั้งใจจะไปเป็นชาวเกาะกันให้ฟินด้วยเวลา 4 วัน 3 คืน....ในราคาแบบประหยัด......กำหนดวันเดินทางเรียบร้อยคือ 30 มีนาคม - 2 เมษายน 2557 .....เมื่อดูเปรียบเทียบราคาในงานจะพบว่าราคาของบริษัททัวร์มีหลากหลายทั้งถูก..ปานกลาง..ไปจนถึงแพง..ดังนั้นก้ขึ้นอยุ่กันคุณเองแหละค่ะว่า..จะยอมนั่งหลังแข็ง..กางใบปลิว ..เปรียบเทียบราคามั้ย...ซึ่งแน่นอนว่าเรากับเพื่อน..ยอมแน่นอน !!!...555..นั่งกางใบปลิวกันอยุ่สักพัก..ก้พบรีสอร์ทในตำนาน..เป็นรีสอร์ทที่ราคาย่อมเยาว์มากก...555 ...เนื่องจากเพิ่งเปิดใหม่...สุดท้ายเราก้สมหวังได้ห้องพักพร้อมแพคเกจดำน้ำกับรีสอร์ทในราคาที่ต้องการ (ขออนุญาตไม่ระบุตัวเลขนะคะ....หากท่านใดอยากทราบหลังไมค์มาคุยกันได้ค่ะ ^^)..รีสอร์ทของเราชื่อ วาปีรีสอร์ทค่ะ..
........วันเดินทางเราใช้บริการของแอร์เอเชียไปลงที่สนามบินหาดใหญ่...แล้วทางรีสอร์ทจะส่งรถมารับที่สนามบิน..เพื่อไปลงที่ท่าเรือปากบารา..โดยใช้เวลาบนรถยนต์ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วจึงต่อสปีดโบ๊ทอีกประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าเพื่อไปยังเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งส่วนใหญ่ทุกรีสอร์ทและบริษัททัวร์ก็จะใช้วิธีนี้เช่นกัน
...เกาะหลีเป๊ะประกอบด้วย 2 ชายหาดขนาดใหญ่...คือหาดพัทยาและหาดซันไรส์ กับอีก 1 ชายหาดขนาดเล็กคือหาดซันเซ็ท ...ว่ากันว่าหาดพัทยาคือฝั่งรวมแสงสี..ร้านอาหารและรีสอร์ทจำนวนมากตั้งอยุ่บนด้านนี้ค่ะ...แต่สำหรับวาปีรีสอร์ทของเราตั้งอยุ่บนหาดซันไรส์..งซึ่งได้ชื่อว่าเป็นฝั่งสงบเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง
....ก่อนถึงเกาะหลีเปีะ....สปีดโบ๊ทรอบเช้าจะมีการพาเราแวะสองเกาะเล็กๆแต่ถือเป็นสัญลักษณ์ของทะเลสตูลคือเกาะไข่และเกาะตะรุเตา...เพื่อให้เราได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และแชะภาพเป็นที่ระลึกกันค่ะ...ที่เกาะไข่จะมีซุ้มหินซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปลอดและมีความเชื่อว่าจะทำให้สมหวังให้ความรักค่ะ
หลังจากนั้นก้มุ่งหน้าสุ่เกาะหลีเป๊ะ ..เมื่อมาถึงเกาะ..นี่คือภาพแรกที่ทุกคนได้เห็นค่ะ
น้ำใสจนอยากเก็บใสขวดเอากลับมากรุงเทพเลยค่ะ
สปีดโบ๊ทจะส่งเราที่ท่าเรือกลางทะเลแล้วให้เราต่อเรือแท๊กซี่ไปค่ะ
ถึงแล้วค่ะ...วาปีรีสอร์ท...ที่พักตลอด 4 วัน 3 คืนของเรา..
นี่ค่ะบ้านของพวกเรา...
ภายในบ้านพักค่ะ
วันแรกหลังจากเก็บของเรียบร้อย..พวกเราก้หลับพักผ่อนเอาแรง...555 ...ตกเย็นก็ลุยเล่นน้ำทะเลกัน และไปทานข้าวเย็นกันที่ร้านอาหารใน walking street ฝั่งหาดพัทยาที่ทางรีสอร์ทให้คูปองไว้ค่ะ ..
เช้าวันที่ 2 ..พวกเราตื่นนอนกันแต่เช้า...เพื่อมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดซันไรส์...ตามที่เค้าบอกกันไว้ว่าสวยงามสมชื่อหาด..และแล้วก้จริงๆค่ะ...สวยงามเกินคำบรรยาย
ต้องบอกว่าพระอาทิตย์ที่นี่ขึ้นเร็วจริงๆค่ะ...จากรูปเมื่อกี้ต่างกันไม่ถึง 15 นาที...สว่างโร่ แสงจ้าแล้วค่ะ...
ชมความงามพระอาทิตย์เสร็จ...พวกเราก้แยกย้ายทำธุระส่วนตัว..ออกมารับประทานอาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทจัดไว้...แล้วก้เตรียมตัวลุยทริปดำน้ำ วันที่ 1 ค่ะ...สำหรับทริป 4 วัน 3 คืน..ทางรีสอร์ทเกือบทุกที่จะแบ่งการดำน้ำออกเป็นสองวัน..คือจุดดำน้ำใกล้และจุดดำน้ำไกล...ให้เราเลือกเอาว่าจะไปจุดไหนก่อน....โดยพวกเราขอเลือกจุดดำน้ำใกล้ก่อนค่ะ..เพื่อไม่ให้เป็นการล้ามาก ตามคำแนะนำของน้องพนักงานรีสอร์ท จุดดำน้ำใกล้ของทริปจะประกอบด้วย เกาะอาดัง เกาะหินงาม เกาะราวี
ร่องน้ำจาบัง และเกาะยาง...พวกเราได้ไปด้วยกันในเรือลำเดียว...กับไกด์ชาวท้องถิ่นสองพ่อลูกที่น่ารัก
เราแวะที่แรกที่เกาะอาดัง..ซึ่งอยุ่ไม่ไกลจากหลีเป๊ะ...ต่อด้วยเกาะหินงาม..งามสมชื่ออีกแล้วค่ะ..
เราแวะทานข้าวกลางวันกันที่เกาะราวี...หาดทรายที่นี่..ขาวจนอยากเก็บกลับกทม.อีกแล้ว 5555
หลังมื้อกลางวัน...เราก็มาต่อกันที่ร่องน้ำจาบัง...ที่นี่น้ำค่อนข้างแรงค่ะ..ไกด์จะให้พวกเราลอยตัวไปตามเชือกเส้นยาวที่ผูกไว้กับทุ่นแต่ขอบอกว่า..ประการังที่นี่..เรายกให้เป็นที่สุดของทริปนี้จริงๆค่ะ
กลับจากดำน้ำถึงรีสอร์ทประมาณ 4 โมงเย็น..พวกเราก็เลยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า...แล้วก็ตั้งใจกันว่าวันนี้พวกเราจะไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่หาดซันเซทค่า
อยากที่บอกไปตอนต้นว่าหาดซันเซทเป็นหาดขนาดเล็ก..อยู่ถัดจากหาดพัทยา...การลงไปที่หาดซันเซทจึงดูสมบุกสมบันนิดนึงเพราะต้องปีนป่าย แต่เมื่อไปถึงเราก้ได้เห็นสิ่งนี้ค่ะ
วันที่ 3 เราตื่นนอนกันเช้าเหมือนเดิม...เดินเที่ยวกันไปเรื่อยๆตามชายหาดซันไรส์...ทำให้เรารู้ว่า..บนเกาะมีวัดซึ่งตั้งอยุ่บนเขา ทำให้ทุกเช้าจะมีพระสงฆ์มาออกบิณฑบาตรค่ะ
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ...วันนี้พวกเราต้องเตรียมตัวออกเดินทางไกลค่ะ...ดำน้ำไกลอีกประมาณ 7 จุด..วันนี้จุดที่เราจะไปประกอบด้วย เกาะหินซ้อน เกาะไม้ไผ่ เกาะดง เกาะผึ้ง อ่าวลิง และเกาะรอกลอย..
ที่แรกเกาะหินซ้อน...
จุดดำน้ำที่นี่น้ำค่อนข้างเชี่ยวและลึกค่ะ...เราต้องโหนตัวไปตามเชือกเหมือนเดิม..เล่นเอาเกือบหมดแรง..และวันนี้สมาชิกหลายๆคนก็เริ่มมีอาการเมาเรือให้เห็นแล้ว..เนื่องจากคลื่นลมค่อนข้างแรง..ยาดมจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวันนี้เลยค่ะ ><
......ตัดมาที่อ่าวลิงนะคะ จุดนี้เป็นจุดที่พวกเราสมาชิกลงความเห็นว่าเป็นจุดฟินอีกจุดนึงค่ะ เนื่องจากเป็นจุดดำน้ำตื้น ซึ่งเราสามารถดำได้จากบริเวณใกล้ชายหาด..และที่สำคัญมีน้องปลานีโมเยอะแยะเลยค่ะ
หลังเดินทางกลับจากดำน้ำไกล..วันนี้เราก็จะไปทานข้าวเย็นกันที่ Walking street กันอีกเช่นเคยค่ะ ตามคูปองที่ทางรีสอร์ทให้มา ร้านวันนี้ชื่อร้าน Banana tree ซึ่งจากที่เราไปเดิน walking street มา 2 วันแล้ว ทำให้เราช่วยกันสังเกตได้ว่าร้านนี้โดยปกติลูกค้าน้อยมากกกกกกกกก
...จนพวกเรายังแอบนินทากันว่าจะอร่อยเหรอวะ...แต่ก็เอาในเมื่อเค้าจัดให้มาพวกเราก็ลองไปดู...วันนี้ก็เหมือนเมื่อ 2 วันที่เราเดินผ่านมาอ่ะคะ..คือลูกค้าในร้านน้อยมาก..มีฝรั่งคู่นึง 1 โต๊ะแล้วก็โต๊ะของพวกเรา...บรรยากาศเงียบเหงา..พวกเราก็นั่งคุยไปกันไป..จนอาหารมาเสริฟ..อื้อหื้ออ ..หน้าตาดีเชียวคะ
ไม่ได้หน้าตาดีอย่างเดียวนะคะ...พอทานจริงๆก็รุ้ว่า..เห้ยยยยยย...รสชาติเยี่ยม..แอบอร่อยกว่าร้านเมื่อวาน..ซึ่งเป็นร้านชื่อดังบนเกาะ..ที่เค้าจัดให้เราไปกินอีก..ทานไปกันไป..เม้ากันไป...จนฝรั่งคู่นั้นเช็คบิล...ก้เลยเหลือแต่พวกเราในร้าน..(ระหว่างนี้ยังไม่มีลูกค้าโต๊ะใหม่เข้ามาเลย T___T) คุณลุงที่หน้าตาดูเหมือนเจ้าของก็ออกมานั่งหน้าร้าน....ยิ้มกันไป..มองกันมากับพวกเรา...จนสุดท้ายแกก็เลยถามพวกเราว่า..อร่อยมั้ยครับ..พวกเราก็แทบจะแย่งกันตอบ..โอ้ยยอร่อยมากเลยค่ะ...แกก็ยิ้มอีกที..แล้วก็ว่า..นั่นสิ..ผมก็ว่าฝีมือผมก็โอเค..ไม่รุ้ทำไม...ลูกค้าไปไหนหมด..(เอาละสิ..ดราม่าป่าววะ ??)...คราวนี้ก็เลยได้คุยกันยาว..แกเล่าว่าพื้นเพแกเป็นคนโคราช...เคยทำงานเป็นเชฟอยุ่โรงแรมในเกาะภูเก็ต..แต่เจ้านายแกย้ายมาเปิดรีสอร์ทที่นี่แกเลยตามมา..ตั้งแต่ก่อนเกิดซึนามิ...แกว่าแกอยุ่ที่นี่จนเป็นบ้านแกแล้ว...พอเจ้านายแกเลิกทำรีสอร์ท..แกก็เลยเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง...เมื่อก่อนร้านแก..ตั้งอยุ่อีกมุมนึงของ walking street ตอนนั้นขายดี...ลูกค้าเยอะ...แต่ตอนหลังหมดสัญญาเช่าที่...เจ้าของที่จึงขอที่คืน..แกเลยต้องย้ายมาอยู่ที่นี่..ตั้งแต่นั้นมาร้านแกก้ลูกค้าลดลง..แกก้พยายามหาสาเหตุ...นิมนต์พระมาทำบุญเพราะตอนแกถมร้าน..แกว่าแกเจอไม้ตะเคียนโบราณ..แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น..แกเล่าไปก็ทำท่าจะร้องไห้...จนพวกเราก็พลอยน้ำตาซึม..แกว่าพวกคุณมาจากไหนกัน..เราก็บอกว่ากรุงเทพ..แกบอกถ้าอร่อย..ช่วยบอกต่อให้ผมหน่อยนะครับ..ผมเล่นอินเตอร์เน็ทก็ไม่เป็น..เลยไม่รุ้จะประชาสัมพันธ์ยังไง..ก็เลยเป็นที่มาของการทำกึ่งรีวิวในครั้งนี้แหละค่ะ...ยังไงรบกวนเพื่อนๆชาวบลูทุกท่านนะคะ..ถ้ามีโอกาสไปหลีเป๊ะ ลองแวะไปเยี่ยมร้านคุณลุงแก..ราคาย่อมเยาวน์ค่ะ..เราเปรียบเทียบมาแล้ว...ร้านตั้งอยุ่ใน walking street เลยค่ะ เดินเรื่อยๆเดี๋ยวก้เจอป้ายร้าน ตามรูปที่ลง..ต้องขอโทษจริงๆที่เราถ่ายรูปมาน้อย..ไม่ได้ตั้งใจจะทำแต่อยากช่วยคนทำมาหากิน...มีคำพูดนึงของคุณลุงที่พวกเราประทับใจมาก..คือ..ผมไม่ยอมแพ้หรอก..ผมจะสู้..ยังไงก็จะตายที่นี่..ให้มันรู้ไปว่าอร่อยขนาดนี้ยังขายไม่ได้... เราเลยตัดสินใจเหมือนกันว่าจำรีวิวช่วยแก..ให้มันรู้ไปว่าทำครั้งแรกจะทำไม่ได้....5555
อาจจะดูเป็นกึ่งรีวิวที่งงๆ..แต่ก็ขอบคุณทุกท่านนะคะที่ตามอ่านกันมา...วันที่เหลือพวกเราก้เล่นน้ำ ถ่ายรูปกันตามประสา กิจกรรมที่น่าสนใจทั้งหมดของทริปนี้..เราก็แนะนำไปแล้ว..คอนเฟิร์มเลยค่ะว่า..หลีเปีะ เป๊ะจริง !!!
ปอลอ...ลืมบอกอาวุธที่ใช้ในการเก็บควาทรงจำในทริปนี้ค่ะ...Canon EOS 550D และกล้องใต้น้ำ FUJI XP 60
ปอลอ 2 ...ขออนุญาตแท๊กห้องรูปและก้นครัวนะคะ..ถ้าใครสนใจช่วยคุณลุงก๊อบรูปไปได้เลยค่า..ไม่ว่ากัน..ขอบคุณทุกคนค่า ^^