JJNY : 4in1 กังวลVSอดตาย/พลทหารป่วย เล่าความยากลำบาก/ภูมิธรรมแนะวิธีแก้รธน.ให้เป็นปชต./ทนายคริสพา3ผู้เคราะห์ร้ายแจ้งความ

กังวล VS อดตาย - เปิดประเทศรับ นทท.ต่างชาติ ไทยพร้อมหรือยัง ?
https://voicetv.co.th/read/D9otNot7K
 

 
ฟังเสียงผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยว จี้รัฐเร่งเปิดประเทศรับต่างชาติโดยเร็ว หวั่นธุรกิจเดินต่อไม่ได้ ด้านรายเล็ก-รายใหญ่ ยังเห็นแย้ง ปมกักตัว-ไม่กักตัว
 
เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ หรือ Special Tourist VISA (STV) สามารถเข้ามาพำนักแบบระยะยาว (ลองสเตย์) ได้แล้วบางส่วน ตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ทว่าการจะเปิดรับนักท่องเที่ยว 'แบบปกติ' ดูเหมือนจะยังอีกยาวไกล ท่ามกลางเสียงเรียกร้อง เพรียกหารายได้ที่ขาดหาย จากฝั่งผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยว
 
‘กังวล’ แต่ไม่เท่ากลัว ‘อดตาย’
 
สาเหตุหลักที่ผู้ประกอบการบอกเป็นเสียงเดียวกันถึงความต้องการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ คือ ความกังวลว่าธุรกิจจะเข้าสู่สถานะ ‘ล้มละลาย
 
อำพร วาคาบายาชิ ผู้ประกอบการร้านนวดแผนไทยย่านห้วยขวาง บอกกับ 'วอยซ์' ว่า ปัจจุบันธุรกิจย่ำแย่มาก กำไรไม่ต้องพูดถึง เนื่องจากที่ผ่านมาพึ่งพาลูกค้าชาวต่างชาติเกือบ 100% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนและไต้หวัน
 
ขณะนี้ต้องฝืนเดินหน้าธุรกิจต่อ เพราะมีทางเลือกไม่มากและไม่รู้ว่าจะมีคนไทยเข้ามาเมื่อไหร่ ดังนั้นจึงค่อนข้างเป็นกังวลว่าธุรกิจจะอยู่ต่อได้ไม่ถึงสิ้นปีนี้
 
หนึ่งในความต้องการเดียว คืออยากให้มีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเร็วที่สุด แม้ส่วนตัวจะกลัวโควิด-19 แต่ก็กลัวอดตายมากกว่า
 
    “เมื่อก่อนกลัวมาเลยโควิด ไปทำประกันโน่นนี่นั่น พักหลังกลัวอดตายยิ่งกว่าโควิดแล้ว เพราะอันไหนก็ตายเหมือนกัน อดก็ตาย โควิดก็ตาย โควิดอาจจะรอดก็ได้ อดตายนี่ตายแน่นอนไม่มีจะกิน” อำพร กล่าว
 
หวังเปิดประเทศ ทำการค้าคึกคัก-จ้างงานเพียบ
 
เช่นเดียวกับ จินดา ล่อเจริญ และ นพรดา วาวีเจริญสิน ผู้ประกอบการร้านอาหารที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก บอกว่า อยากให้เปิดประเทศโดยเร็ว เพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้นและมีกำลังใจในการทำงาน
 
ทั้งคู่บอกว่าขณะนี้พยายามปรับตัวเพื่อรองรับลูกค้าคนไทยมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้คึกคักเหมือนเมื่อก่อน จะขายราคาแพงก็ไม่ได้ ต้องยอมขาดทุนเพื่อให้ธุรกิจยังพอเดินหน้าได้ อย่างไรก็ตามหากกินเวลานานกว่านี้ก็คงรับไม่ไหว
 
    “เรื่องโควิดก็ยังกังวลบ้าง แต่คิดว่าไม่ร้ายแรงเหมือนเมื่อก่อน ปล่อยให้เข้ามาได้แล้ว ถ้าอย่างนี้ต่อไปก็จะยิ่งแย่ลง ทุกๆ คนจะว่างงานขึ้นเยอะ” 
 
กักตัว-ไม่กักตัว?
 
หนึ่งในแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 สิ่งที่ผู้ประกอบการเห็นตรงกันว่าหากต้องเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวควรยังต้องมีการ ‘กักตัว’ อย่างน้อย 3 วัน หรือ 1 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อให้แน่ใจว่าการควบคุมโรคจะยังสามารถทำได้ เพราะหากปิดประเทศรอบสอง โอกาสที่ธุรกิจจะเดินต่อก็เป็นไปได้ยาก
 
    “ถ้าจะเปิดรับเข้ามาจริงๆ ก็เปิดได้ค่ะ แต่อยากให้ตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่มีโรค เราก็พร้อมรับนักท่องเที่ยวเสมอ แต่ขอให้เป็นตามมาตรการตรวจให้เช็กดีๆ ค่ะ”
 
ในขณะที่ วิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ระบุว่า ต้องการให้รัฐบาลพิจารณาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไปจากประเทศหรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงโควิดต่ำมากกว่า 60 วันขึ้นไป เช่น จีน และไต้หวัน เข้ามาเที่ยวเมืองไทย ‘แบบไม่กักตัว’ เพราะถ้ายังกำหนดให้มีการกักตัว คงไม่มีนักท่องเที่ยวทั่วไปคนใดอยากมาเที่ยว โดยสามารถใช้มาตรการดูแลอย่างคุมเข้ม กำหนดให้มีการเดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวเท่านั้น ควบคุมพื้นที่ที่พานักท่องเที่ยวไปเที่ยว และสามารถติดตามตัวได้
 
แม้ว่าล่าสุดตามที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะส่งสัญญาณแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวโดยปกติ ลดระยะเวลาการกักตัวเหลือเพียง 10 วัน แต่จนถึงขณะนี้เรื่องก็เงียบหายไป ดังนั้นคำถามที่ว่าพร้อมหรือยังกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ท้ายที่สุดก็คงต้องรอฝ่ายบริหารเป็นผู้ตัดสินใจเด็ดขาด ซึ่งผู้ประกอบการก็ต่างหวังเล็กๆ ว่าจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยเร็ว
 

 
พลทหารป่วยโรคเกี่ยวกับหัวใจ เล่าความยากลำบาก แพทย์สั่งปลด แต่ระบบราชการสุดล่าช้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_2454894
 
พลทหาร ป่วยโรคหัวใจฯ เล่าความยากลำบาก แพทย์สั่งให้ปลด แต่ระบบราชการสุดล่าช้
 
เมื่อวันที่ 23 พ.ย. โลกออนไลน์ มีการแชร์โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของพลทหารรายหนึ่ง ซึ่งป่วยเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจขังหวะ
 
สวัสดีครับ ผมพลทหาร…. ผมไม่ได้โพสใน facebookมานาน ผมมีเรื่องราวอยากจะเล่าอาจจะยาวนิดนึงนะครับ ขออนุญาติเริ่มเลยนะครับ …
 
ย้อนกลับไปราว 6-7ปี ตัวผมได้ป่วยตรวจพบเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ จึงได้เข้ารับการรักษาโดยการผ่าตัดสอดกล้องทำการจี้คลื่นไฟฟ้าบริเวณหัวใจ ซึ่งหลังจากทำการรักษายังมีอาการกำเริบเป็นระยะๆ(ซึ่งในกฎหมายการที่ป่วยเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจต้องถูกละเว้นเพราะเป็นโรคที่อันตรายต่อการฝึก) เมื่อครบอายุหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย ผมก็ได้เข้าตรวจคัดกองทหารกองเกิน พร้อมนำเอกสารใบรับรองเเพทย์เเละประวัติการรักษาครบถ้วน ในการตรวจคัดกองปีเเรกผมยื่นใบรับรองถูกนำเเยกเป็นประเภทที่ 3 ซึ่งหมายความว่าเป็นโรคที่รักษาหายได้ภายใน1ปี จะต้องกลับมาทำการตรวจคัดกรองในปีถัดไป ต่อมาในปีถัดมาผมก็ได้เข้ามาตรวจคัดกรองเหมือนปีก่อน ซึ่งในรอบนี้ผมตัดสินใจเเล้วว่าจะจับใบดำใบเเดง เพราะไม่อยากที่จะยื่นใบรับรองเเพทย์เเล้วต้องกลับมาในปีถัดไปอีก
  
ด้วยเรื่องอายุเเละการงานที่ต้องรับผิดชอบ จึงตัดสินใจจับใบดำใบเเดง ผลคือจับได้ใบเเดง ทหารเรือผลัด 4 ประจำปี 63 ต้องเข้ารับราชการในปีถัดไปซึ่งผมมีเวลาเตรียมตัวก่อนเข้ารับราชการนาน 9 เดือน เมื่อถึงเวลาเข้ารับราชการทหารกองประจำการผมได้เตรียมเอกสารใบรับรองเเพทย์เเละประวัติการรักษาไปด้วย เมื่อผมได้เข้าไปอยู่ศูนย์ฝึกสัตหีบ ระยะเวลา 40 วันผมได้ยกมือทุกครั้งที่มีการถามว่าใครมีโรคประจำตัว จนผมได้เข้ารับการตรวจซ้ำที่ รพ.สิริกิติ์ เเพทย์ด้านหัวใจจึงลงความเห็นให้นำปลดเพราะเป็นโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหาร
 
เวลา 40 วันที่อยู่ด้านในผมได้ไปอยู่กองร้อยพยาบาลซึ่งเป็นที่ศูนย์รวมของทหารป่วย สิ่งที่ผมเจอคือมีผู้คนมากมาย ที่เป็นโรคร้ายเเรง เช่น วัณโรค , เอดส์ , หอบ . จิตเวช , กระดูกสันหลังทับเส้นประสาท , ผ่าตัดคอที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ คนหลายคนอาจจะเป็นชาวบ้านที่ไม่มีความรู้เรื่องการเตรียมเอกสาร บางคนถูกเลือกมาเป็นเพราะเขตนั้นๆ ขาดกำลังพล(ยัด…..สัสดีจนเต็ม)จึงต้องนำคนป่วยหนักมาเป็นทหาร เหตุการณ์ที่เจอคือมีคนเสียชีวิตในวันเเรกหลังลงจากรถบัสเพราะป่วยหนักเเต่ต้องออกจากโรงพยาบาลมารับใช้ชาติ
 
ผมอยากฝากถึงหน่วยงานราชการจากเรื่องราวของผมเป็นประชาชนคนนึงที่ถูกช่องว่างของระบบราชการไทยเล่นงานเเละละเมิดสิทธิความเป็นประชาชนคนนึงของ(เขตสายไหม)กรุงเทพ ซึ่งเพื่อนผมหลายคนไม่โชคดีเเบบผมที่สามารถลากลับมาเพื่อรักษาตัวเพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินเเพทย์ทหารไม่สามารถมีเครื่องมือช่วยชีวิตหรืออุปกรณ์การรักษาโรคหัวใจได้ทัน ณ วันนี้อีกราวๆ 2 เดือนกว่าผมจะครบอายุราชการ ไม่มีหน่วยงานใดหรือฝ่ายใดตามเรื่องนำปลดซึ่งเเพทย์ได้เซ็นปลดเป็นเวลาราว 7 เดือน ผมเองก็ติดต่อเองทุกช่องทางอาจจะด้วยเอกสารมากมาย หรือเหตุใดก็เเล้วเเต่จึงทำให้สิทธิมนุษย์คนนึงจึงถูกมองข้าม
 
ผมอยากพูดเเทนใครหลายคนที่ถูกระบบราชการที่มีช่องโหว่เล่นงานเเบบไม่เป็นธรรมเเบบผม เเละไม่มีโอกาสที่จะสามารถเอาตัวเองเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลซ้ำเเบบผม ณ วันที่อยู่ในกรมกอง
 
สุดท้ายนี้อยากเล่าให้เห็นภาพสั้นๆถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพลทหารที่ป่วยหนักๆมากกว่าผม พวกเข้าไม่ได้รับการดูเเลอย่างถูกวิธีเเละสุขอนามัยในกรมกองต่ำกว่าสิ่งที่เขาควรจะได้รับเพื่อรักษาตัว กับข้าวอาหารต่างๆ ไม่ได้สวยหรูอย่างที่เป็นข่าวที่สื่อออกทางโทรทัศน์
 
ผมเป็นหนึ่งคนที่หมดหวังกับระบบราชการไทยซึ่งไม่มีความเป็นธรรมให้กับประชาชน ง่ายๆ คือคนรวยรอดไป คนจนใช้กรรมเเทน จะให้ง่ายกว่านั้นก็คือรับเงินคนรวยนำคนป่วยหรือคนไม่มีโอกาสเเละฐานะการเงินเป็นเเทน การทุจริตเกิดขึ้นจริงเเละวันคัดกรองผมเห็นกับตาว่าหลายคน…..เดินไปหาเเละคนเหล่านั้นกลับบ้านหลังจากนั้น…..เท่านี้เเหละครับ
  
ด้านพล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และอดีตประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก กรณีดังกล่าว ระบุว่า
 
เรื่องทหารกองประจำการ (เกณฑ์) ป่วยในลักษณะที่ขัดต่อการรับราชการทหารนั้นมีได้เป็นปกติ
 
แต่ที่ไม่ปกติคือการจำหน่ายปลดจากการรับราชการทหารที่ใช้เวลานานเกินไป
 
มองอย่างง่าย ๆ คือเป็นภาระของทางราชการ ไม่น้อยไปกว่าความเสี่ยงและโอกาสของกำลังพลที่จะรักษาตัว
 
ฝากไปยังกองทัพเรือครับ
 
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3626056510792353&id=100001641182657
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่