🔴มาลาริน/7ธ.ค.ไทยพบโควิด 21ราย จากตปท./บิ๊กตู่ยันไทยไม่ระบาดระลอกสอง/สธ.เอาอยู่โควิดเชียงใหม่-เชียงราย/กทม.คุมเข้มโควิด

🔴ยอดพุ่ง 21 ราย! ศบค.รายงานผู้ป่วยโควิด-19 วันนี้ มาจากต่างประเทศทั้งหมด



วันนี้ (7 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายงานถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า
ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ (7 ธ.ค.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 21 ราย
ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,107 ราย หายป่วยแล้ว 3,868 ราย โดยยังมีผู้ป่วยที่รักษาอาการอยู่ 179 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม มีผู้เสียชีวิตรวม 60 ราย
ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine ดังนี้....🔻

เมียนมา 9 ราย
สหราชอาณาจักร 4 ราย
สหรัฐอเมริกา 2 ราย
สิงคโปร์ 2 ราย
เอสโตเนีย 1 ราย
อินเดีย 1 ราย
เยอรมนี 1 ราย
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย



https://www.sanook.com/news/8311234/

🔴'บิ๊กตู่'ยันไทยไม่ระบาดโควิดระลอกสอง สั่งจัดหนักขบวนการลักลอบพาคนข้ามแดน
วันจันทร์ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2563, 14.04 น.



“นายกฯ” ยันไทยไม่ระบาดโควิดระลอกสอง ไม่ใช่ซูเปอร์สเปรดเดอร์ แจงเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ขอปชช.อย่าตื่นตระหนก ประสานเพื่อนบ้านสกัดคนเข้าช่องทางธรรมชาติ ขู่โทษหนักขบวนการลักลอบ-จนท.เอี่ยว
 
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.เวลา 12.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกรายการรูปแบบเล่าเรื่อง ในหัวข้อ “การรับมือกับโควิด-19” ผ่านแอพพลิเคชั่น พอดแคสต์ไทยคู่ฟ้า ว่า วันนี้ต้องติดตามการชี้แจงทั้งในส่วนของรัฐบาล ศบค.และกระทรวงสาธารณสุข และเราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีการลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ โดยผ่านด่านตรวจ ซึ่งส่วนที่ผ่านมาทางด่านตรวจเราได้นำเข้าสถานที่กักตัวของรัฐเรียบร้อยแล้ว แต่ปัญหาสำคัญคือ ไม่เข้ามาทางช่องทางที่ถูกต้อง แต่เข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ  จึงมีการวางแนวทาง คือ แนวทางที่หนึ่ง ตามแนวชายแดน ตนได้สั่งการให้ ทหาร ตำรวจ และกองกำลังต่างๆ มีมาตราในการสร้างเครื่องกีดขวางในระยะที่หนึ่ง เพิ่มการลาดตระเวน 24 ชั่วโมง แต่ก็อาจจะมีการเล็ดลอดเข้ามาได้   แนวทางที่สอง คือ พื้นที่กระทรวงมหาดไทย พื้นที่ตอนในเข้ามา ที่จะต้องมีการสกัดกั้น ตั้งจุดสกัดต่างๆให้มีความพร้อมในการตรวจบุคคลเหล่านี้ที่จะเข้ามา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า  และแนวทางที่สาม คือ ประชาชนในพื้นที่ต้องสังเกตคนที่เข้ามาในหมู่บ้าน แม้จะเป็นคนที่เคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน แต่อย่าลืมว่าเขาไปทำงานที่ต่างประเทศ  จึงขอให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ  ทั้งนี้ ผู้ที่ละเมิดเข้ามาหากมีความจำเป็นเราต้องบังคับใช้กฎหมายในการลงโทษ เพราะถือว่าไม่รับผิดชอบต่อคนอื่น และสังคมโดยรวม  ส่วนสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศนั้น สถานการณ์ในประเทศไม่ได้อยู่ในขั้นเลวร้าย ถึงแม้ว่าจะมีการลักลอบเข้ามา แต่เราสามารถควบคุม ติดตาม และดูแลรักษาได้อยู่ที่เราทุกคนต้องช่วยกัน  และไม่ได้เรียกว่าการแพร่ระบาดระลอกที่สอง หรือไม่ใช่ซูเปอร์สเปรดเดอร์ เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล  ซึ่งส่วนใหญ่ที่ตรวจพบในตอนนี้มีการลักลอบเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเรามีการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านไปแล้วในการตรวจสอบคัดกรอง ช่วยกันสกัดกั้นช่องทางธรรมชาติทั้งฝั่งประเทศเราและประเทศเพื่อนบ้าน
 
“วันนี้ผมได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาใช้ภาพถ่ายทางอากาศ หรือจากโดรนดูว่าช่องทางใหม่ที่ใช้เข้ามามีช่องทางไหนอีกหรือไม่ เพื่อวางเครื่องกีดขวางและวางกำลังเพิ่มเติม นอกจากนี้ ผมขอเตือนผู้ที่อยู่ในขบวนการลักลอบไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คนเหล่านี้จะต้องถูกลงโทษตามกฎหมายอย่างหนัก เพราะถือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายลักลอบพาคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทางช่องทางธรรมชาติ ส่วนเจ้าหน้าที่หากใครมีส่วนร่วมผมถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรงจำเป็นจะต้องโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ขออย่าตื่นตระหนก ถ้าตื่นตระหนกมากไปปัญหาของเราจะเกิดขึ้นทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การท่องเที่ยว การจองโรงแรม  หรือมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน เกิดปัญหาทั้งหมดทำให้เศรษฐกิจระดับล่างมีปัญหา มาตรการต่างๆที่ออกมาแล้วกำลังได้ผล มีคนจำนวนหนึ่งทำให้เกิดปัญหา เราต้องหาต้นตอปัญหานี้ให้เจอ และหาวิธีการแก้ปัญหาอย่างไม่นิ่งนอนใจ และสถานการณ์โควิดปีหน้าจะดีขึ้น จากการติดตามเรื่องวัคซีน เรามีความหวังและคาดหวัง เราทำทุกอย่างอย่างดีที่สุด  ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนที่ทำหน้าที่อย่างหนัก ถ้าช่วยกันแบบนี้แก้ปัญหากันได้หมดทุกเรื่อง”นายกฯกล่าว

https://www.naewna.com/politic/536949

🔴เอาอยู่! สธ.แถลงยืนยันควบคุมสถานการณ์โควิด-19 เชียงใหม่-เชียงรายได้แล้ว
วันจันทร์ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2563, 13.45 น.



เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ธันวาคม 2563 ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อหารือถึงกรณีที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากการลักลอบเข้าเมือง และการผ่อนคลายมาตรการการออกวีซ่าของกระทรวงการต่างประเทศ โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
 
จากนั้นเวลา 12.20 น. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่า สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยในปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักกัน ส่วนที่มีการติดเชื้อภายในประเทศถือว่าน้อยมาก อย่างกรณีมีผู้ติดเชื้อจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ส่วนใหญ่ลักลอบไปทำงานที่ท่าขี้เหล็กและลักลอบเข้ามาที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นจะเดินทางท่องเที่ยวและกลับบ้านที่ จ.เชียงใหม่ พิจิตร ราชบุรี กทม. เป็นต้น และมีอาการป่วย เมื่อพบแล้วเราได้ดำเนินการสอบสวนโรคว่าไปพบใครบ้าง ช่วงเวลาไหน ใครที่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย พูดคุยกันเกิน 5 นาที หรืออยู่ในยานพาหนะเดียวกันเกิน 15 นาที จะถือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง กลุ่มพวกนี้จะถูกกักตัว 14 วัน
 
อีกส่วนคือ ใกล้ชิดผู้ป่วย แต่ไม่เข้าเกณฑ์เสี่ยงสูง จะเรียกว่าผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จะกักตัว 14 วันเช่นกัน ที่ผ่านมาเรามีผู้ติดเชื้อจากท่าขี้เหล็กจำนวน 32 ราย แบ่งเป็น เชียงราย 20 ราย เชียงใหม่ 5 ราย จังหวัดอื่นๆ จังหวัดละ 1 ราย จำนวนนี้มีเพียง 2 รายเท่านั้นที่ติดเชื้อภายในประเทศคือที่ จ.เชียงใหม่ ที่เป็นเพื่อนกับผู้ป่วยที่มาจากท่าขี้เหล็ก กินและเที่ยวด้วยกัน เราตรวจพบได้เร็วทำให้ไม่มีการแพร่ระบาดเพิ่มเติม อีกรายเป็นผู้ป่วยที่ จ.สิงห์บุรี เดินทางเที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยจากท่าขี้เหล็ก คาดว่าติดเชื้อกันที่สนามบิน เพราะนั่งติดกัน สวมหน้ากากอนามัยต่ำกว่าปาก โดยเราวางมาตรการให้คนไทยที่อยู่ท่าขี้เหล็กกลับมาช่องทางถูกกฎหมาย เพื่อมาอยู่สถานกักกันตัวที่ จ.เชียงราย ซึ่งในระยะหลังจะเข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย
 
นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่ จ.เชียงราย ควบคุมสถานการณ์ได้ ถ้าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่จะอยู่ในสถานกักกันตัว ส่วน จ.เชียงใหม่ ไม่พบผู้ติดเชื้อจากท่าขี้เหล็กมาหลายวันแล้ว หรือแม้แต่ กทม. พิจิตร พะเยา สิงห์บุรี ราชบุรี ไม่พบผู้ป่วยเพิ่มเติม จึงถือว่ากรณีท่าขี้เหล็กทุกจังหวัดควบคุมสถานการณ์ได้ดี แต่ขอเน้นย้ำประชาชนว่าการ์ดอย่าตก และสิ่งที่อยากขอให้ประชาชนช่วยภาครัฐ เจ้าของบ้านเช่า เจ้าของบ้านพัก เจ้าของโรงแรม เจ้าของสถานประกอบการ เจ้าของสถานบันเทิง หากพบใครกลับมาจากท่าขี้เหล็กแล้วยังไม่ผ่านการกักตัว ขอให้แจ้งหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทันทีเพื่อตรวจสอบ ส่วนกรณีที่มีข่าวทางโซเชียลมีเดียว่าห้ามไปจังหวัดต่างๆ นั้นไม่เป็นความจริง กรุณาอย่าแชร์ต่อข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง เพราะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ขอให้ติดตามข้อมูลจากส่วนราชการเท่านั้น

นพ.โอภาส กล่าวว่า ขอย้ำว่าจังหวัดต่างๆ สามารถควบคุมโรคได้ดี ปลอดภัย สามารถเดินทางไปได้ ท่องเที่ยวได้ทั้งเชียงใหม่และเชียงราย และมั่นใจว่ากรณีนี้เราควบคุมสถานการณ์ได้ และหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะจบก่อนเทศกาลปีใหม่ ส่วนกรณีที่มีเอกชนบางรายออกมาตรการให้พนักงานที่ไปท่องเที่ยวเชียงใหม่และเชียงรายต้องกักตัวนั้น การติดเชื้อจะเกิดจากการสัมผัสกับผู้ที่มีเชื้อโรค ถ้าไม่ได้ไปสัมผัสกับเขาหรืออยู่ในสถานที่เวลาเดียวกันกับเขาก็ไม่มีความเสี่ยง คนที่ไปเชียงใหม่ เชียงราย สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ยังเข้า-ออกจังหวัดได้ตามปกติ ไม่มีการปิดจังหวัด ไม่มีการปิดอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าเอกชนที่ไหนจะให้กักตัว 14 วัน เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ตนเห็นว่าเป็นมาตรการที่เกินความจำเป็น
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่ลักลอบเข้ามาแบบผิดกฎหมาย จะต้องถูกดำเนินคดีหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ต้องดูตามสาระที่เขาทำ ใครทำผิดกฎหมายข้อไหน ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง โดยเฉพาะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ผิดชัดเจนและมีโทษค่อนข้างหนัก จะมีการดำเนินการตามสาระของแต่ละคน เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง

ด้านนายจาตุรนต์ ไชยะคำ รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า  ตั้งแต่เดือนก.ค. 63 ได้มีการผ่อนคลายมาตรการให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศเป็นระยะจากนักธุรกิจ ครอบครัวคนไทย และผู้ที่เข้ามารักษาพยาบาล ที่ผ่านมาเราได้ออกเอกสารอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ หรือ Certificate of Entry  (COE) จนถึงเมื่อวานนี้ (6 ธ.ค.) รวมจำนวน 6,700 ราย
“สำหรับวันนี้ (7 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ให้นโยบายและสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้เพิ่ม โดยทางกระทรวงฯได้นำเสนอที่ประชุม เพื่อให้นายกฯเห็นชอบเพิ่มเติมกรณีของผู้ที่เข้ามาเพื่อการท่องเที่ยว เดิมอนุญาตให้เข้ามา 30 วัน จาก 56 ประเทศ รวมถึงประเทศรัสเซีย ที่ประชุมได้เสนอให้อยู่ในประเทศไทยได้ 45 วัน โดยใน 45 วันนี้ได้รวมระยะเวลาในการกักตัว 14 วันด้วย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เรามีความมั่นใจว่ามาตรการสาธารณสุขของไทยว่าสามารถควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้”

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า  ปัจจุบันในเขตกทม.มีโรงแรมรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 15,000 ห้อง จึงเพียงพอที่จะรับนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละ 1,000 คน แม้ว่าจะไม่ได้ทำวีซ่าเข้าประเทศ  เราก็มีพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่กำหนดให้คนที่จะเดินทางเข้ามาต้องผ่านการตรวจโรคและเข้ามากักตัว พร้อมกับการขอเอกสาร COE ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้มีระบบขอเอกสารทางออนไลน์แล้วเพื่ออำนวยความสะดวกให้คนต่างชาติขอเอกสารเข้าประเทศไทยได้ง่ายขึ้น โดยจะดำเนินการและมีผลภายในวันนี้ คนที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยสามารถเตรียมตัวได้เลย อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีคนต่างชาติเข้ามาประเทศไทยรวม 45,000 คน เราหวังว่าจากมาตรการนี้จะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้เดือนละมากกว่า 20,000 คน

https://www.naewna.com/local/536942

🔴'อัศวิน' สั่งตรวจเข้มจุดเสี่ยง 'สถานบันเทิง-สนามมวย' สกัด 'โควิด' ระบาด



https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/911374

ระมัดระวังตัวค่ะ

ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่