ลอยกระทง timeline #นครสวรรค์ สุโขทัย พิษณุโลก ตอนที่ 3 สุโขทัย

[CR] ลอยกระทง timeline #นครสวรรค์ สุโขทัย พิษณุโลก ตอนที่ 3 สุโขทัย

กระทู้รีวิว

สุโขทัย timeline

30 พฤศจิกายน 2563 16.39 น.

คือเวลาที่เราได้เข้าไปเช็คอินที่ ไทยไทย สุโขทัย รีสอร์ท ที่อยู่ห่างจากทางเข้าอุทยานประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นสถานที่ที่จัดงานลอยกระทงมรดกโลกปีนี้ ราว 2 กิโลเมตร โดยทางโรงแรมแนะนำข้อมูลต่างๆ ให้จนครบ โดยเฉพาะวิธีการเดินทางไปอุทยานประวัติศาสตร์ที่มีแนะนำให้ 2 วิธีหลักๆ คือ 1. เรียกรถตุ๊กตุ๊กสุโขทัยมารับที่โรงแรม ค่ารถคันละเที่ยวละ 60 บาท และ 2. นำรถส่วนตัวไปจอดยังที่จอดรถที่ผู้จัดงานจัดให้ ซึ่งห่างจากโรงแรมประมาณ 500 เมตร แล้วนั่งรถบริการฟรีของทางงานเข้าไป ซึ่งรถบริการมีเป็นระยะๆ ประมาณ 15 นาทีต่อเที่ยว โดยไม่แนะนำให้นำรถเข้าไปเองเพราะจะมีปัญหาเรื่องการจราจรอย่างมากจะทำให้เที่ยวไม่สนุกเสียก่อน

30 พฤศจิกายน 2563 17.06 น.

สารภาพตามตรงเลยครับว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงอายุเลยหลักสี่ไปแล้ว การเที่ยวงานลอยกระทงแบบงานใหญ่มีธีมที่ชัดเจนและเป็นงานลอยกระทงในมโนภาพของเราในครั้งนี้ มันคือการเที่ยวงานลอยกระทงครั้งที่ 1 .. ใช่ครับ คือครั้งแรกของเรา งานลอยกระทงที่เป็นการเป็นงานหน่อยก็คงแค่งานวัดแถวบ้าน หรืองานลอยกระทงแบบเด็กๆ ตอนใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยแบบนักศึกษาที่อยู่หอใน

เราถึงหน้างานที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย (มรดกโลก) ก็ราวห้าโมงเย็นเศษ มีการตรวจคัดกรองอุณหภูมิและการกำชับให้สวมใส่หน้ากากอนามัยที่หน้างาน ห้าโมงเย็นคือเวลาที่ยังไม่ใช่ช่วงพีคของการเที่ยวงานลอยกระทงของวัยรุ่นและคนทั่วไป แต่เราเลือกไปช่วงนี้เพื่อให้ได้รูปถ่ายที่แสงเย็นกำลังพอดี และคนไม่มากเกินไป รวมทั้งไม่ได้วางแผนจะอยู่จนถึงเวลาที่เขาแสดงแสงสีเสียงหรือพลุดอกไม้ไฟหรอกครับ สักหนึ่งทุ่มถึงหนึ่งทุ่มครึ่งก็วางแผนจะออกจากงานเพื่อทานอาหารเย็นและกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมแล้ว

งานส่วนใหญ่จัดบริเวณด้านหน้าของบริเวณที่เรารู้จักกันในนามอุทยานประวัติศาสตร์ฯ และวัดมหาธาตุ รวมทั้งบริเวณอนุเสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ในงานมีร้านทั้ง OTOP และของดีประจำจังหวัดสุโขทัย รวมทั้งร้านอาหารท้องถิ่น ขนมไทย และการออกร้านจากหน่วยงานราชการในจังหวัด

และงานก็ดูเหมือนจะดำเนินไปอย่างราบรื่น โต๊ะอาหารพร้อมเก้าอี้ที่มีผ้าสีขาวคลุมไว้ถูกจัดวางไว้ในบริเวณที่จะเห็นการแสดงแสงสีเสียงได้อย่างชัดเจนที่สุด ทางงานจำหน่ายบัตรทานอาหารแบบบุฟเฟต์พร้อมชมการแสดงแสงสีเสียง ฉากหน้าเป็นสระบัวบริเวณหน้าวัดมหาธาตุ ส่วนฉากหลังคือพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดใหญ่ศิลปะสุโขทัยและเจดีย์ทรงยอดดอกบัวตูมหรือเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์

เจดีย์ทรงยอดดอกบัวตูมหรือเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นเอกลักษณ์ของเจดีย์สมัยสุโขทัยและศิลปะไทย เพราะช่างสุโขทัยได้คิดขึ้นเองจนเกิดเป็นรูปแบบใหม่ ได้แก่ ส่วนฐานบัวลูกแก้วอกไก่พัฒนามาจากศิลปะล้านนา ส่วนเรือนธาตุพัฒนามาจากปราสาทเขมร และส่วนยอดที่เป็นทรงพุ่มคล้ายดอกบัวตูมน่าจะมาจากศิลปะพุกาม ส่วนกรอบซุ้มเป็นแบบหน้านางที่ได้รับมาจากศิลปะลังกา มีส่วนที่ช่างสุโขทัยดัดแปลเพิ่มขึ้น คือ ส่วนฐานเขียงที่ทำเป็นแท่งสูงหลายชั้นจนทำให้เจดีย์ทรงนี้สูงชะลูดขึ้น เจดีย์ทรงยอดดอกบัวตูมนิยมใช้เป็นเจดีย์ประธานของวัดขนาดใหญ่และมีความสำคัญ นอกจากนี้ยังพบตามเมืองสำคัญที่เป็นเมืองบริวารของสุโขทัยโดยนิยมสร้างในสมัยสุโขทัยเท่านั้น หลังจากสิ้นสุดสมัยสุโขทัยไม่พบว่ามีการสร้างเจดีย์ทรงยอดดอกบัวตูมอีกเลย

(ศักดิ์ชัย สายสิงห์, ศาสตราจารย์ ดร. เจดีย์ในประเทศไทย : รูปแบบ พัฒนาการ และพลังศรัทธา. พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2560. สำนักพิมพ์เมืองโบราณ. หน้าที่ 70.)

ส่วนเจดีย์ทรงระฆังแบบสุโขทัย พัฒนามาจากเจดีย์แบบลังกา มีลักษณะสำคัญได้แก่ มีฐานบัวคว่ำ-บัวหงายในผังสีเหลี่ยมจัตุรัส และกลุ่มหนึ่งนิยมประดับช้างล้อมที่ฐาน มีส่วนรองรับองค์ระฆังที่เป็นบัวถลา 3 ชั้น มีบัลลังสี่เหลี่ยม โดยเฉพาะบัวถลา 3 ชั้น ถือเป็นลักษณะเฉพาะของเจดีย์ทรงระฆังสมัยสุโขทัยอย่างแท้จริง น่าจะรับมาโดยตรงจากศิลปะลังกา

หลายคนที่มาชมงานในวันนี้ (30 ตุลาคม 2563) ต่างแต่งชุดไทยให้เข้ากับบรรยากาศ และถ่ายรูปในธีมเทศการวันลอยกระทง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ภายใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงสีทองในเวลาที่ใกล้จะอัสดง ก้อนเมฆลอยกระจายไปทั่วท้องฟ้าโดยอนุญาตให้แสงพระอิตย์ส่องลงมายังพื้นดินเป็นครั้งคราว จนเวลาเกือบจะ 6 โมงเย็น ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของทางงานกำลังเตรียมพื้นที่และบรรดาเอฟเฟ็คประกอบการแสดงแสงสีเสียง ในขณะที่นักท่องเที่ยวทยอยกันเดินออกจากบริเวณวัดมหาธาตุนั้น สายฝนที่เกิดจากอิทธิพลของพายุลูกใหญ่ก็เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ทุกคนต่างหาที่หลบฝนอย่างทุลักทุเล ร่มผ้าใบระหว่างแผงขายอาหารที่ตั้งเรียงเป็นทางยาวกลายเป็นร่มหลบฝนอย่างดีที่สุด ณ เวลานั้น แทบไม่มีใครเตรียมร่มมา นักท่องเที่ยวบางคนเกรี้ยวกราดกับการพยากรณ์อากาศของแอพพลิเคชั่นชื่อดังที่มีอยู่ในมือถือสมาร์ทโฟนของเกือบทุกคน แต่ ณ เวลานั้นก็ทำได้แค่ยืนรอให้ฝนซาและหยุดลง ท่ามกลางละอองฝน และยุงตัวเล็กๆที่เริ่มจะเข้ามาซ้ำเติมวิบากกรรม ไม่มีแม่ค้าคนใดเตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนมาขาย มีเพียงผ้าพลาสติกขนาดเล็กที่เตรียมไว้ขายเพื่อเอาไว้รองนั่งเท่านั้นซึ่งบางคนก็ซื้อพลาสติกชิ้นนี้มาดัดแปลงเป็นอุปกรณ์กันฝนเพื่อให้ได้ไปต่อ เรานึกไปถึงตอนไปเที่ยวจางเจี่ยเจี้ย ประเทศจีน

มันทำให้เรายอมรับในการเป็นพ่อค้าแม้ค้าโดยสัญชาตญาณของคนจีน หลายปีมาแล้วเราไปจางเจี่ยเจี้ย ที่ซึ่งธรรมชาติสามารถแหกกฎคำพยากรณ์อากาศของทุกๆ สำนัก สถานการณ์วันนั้นเป็นเหมือนวันนี้ที่สุด ทุกคนเดินเที่ยวกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางแดดอ่อนยามเช้า แต่ความสดใสนั้นก็ถูกทำลายลงด้วยเม็ดฝนใหญ่บ้างเล็กบ้าง และเหมือนไม่มีวี่แววจะหยุดลงง่ายๆ แล้วใครจะเตรียมอุปกรณ์กันฝนได้ทันเล่า ... แต่ใครจะไปรู้ จริงๆ แล้วแค่เพียงละอองฝนเม็ดแรกหยดลงสู่พื้นดิน ก็เหมือนเป็นตัวกระตุ้นพ่อค้าแม้ค้าชาวจีนให้ออกจากที่ตั้ง พร้อมนำเสนอสินค้าต่อทุกๆ คนอย่างรวดเร็ว มีทุกอย่างที่เกี่ยวกับการที่จะไม่เปียกฝน ไม่ว่าจะเป็น ร่ม เสื้อกันฝน ถุงรองเท้าแบบสั้น แบบยาว ซองพลาสติกไสใส่โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ และอีกสารพัด นำเสนอถึงมือ ราคาจับต้องได้ (แต่สถานการณ์แบบนั้น ไม่ได้ก็ต้องจับละครับ)

และสุดท้ายฝนสุโขทัยก็ซาลง พวกเรารวมทั้งทุกคนก็ต้องเดินเที่ยวงานแบบที่ต้องย่ำไปบนพื้นที่ฉ่ำไปด้วยน้ำบ้าง โคลนบ้าง แต่ไม่อยากนึกต่อไปเลยว่าในวันแรกที่สถานที่แห่งนี้ปราศจากงานเทศกาลแล้ว สนามหญ้าที่พวกเรากำลังเหยียบย่ำและเจิ่งนองไปด้วยน้ำแห่งนี้ จะต้องใช้เวลาฟื้นฟูสักนานเท่าไหร่

30 ตุลาคม 2563 19.31 น.

ที่หน้างาน แถวรอคิวเพื่อตรวจคัดกรองเข้างานค่อนข้างยาวในระดับที่เราคิดว่าถ้ามาต่อคิวคัดกรองเข้างานเวลานี้ อาจต้องใช้เวลาอย่างนักสัก 10 นาทีสำหรับการรอผ่านการคัดกรอง เราเรียกตุ๊กตุ๊กเพื่อให้ไปส่งที่โรงแรมเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชื้น ล้างเท้าที่เลอะไปด้วยเศษใบหญ้าและโคลน หลังจากนี้ก็เป็นเวลาของอาหารเย็นที่ร้านสินวนา ร้านนี้ร่วมโครงการเที่ยวด้วยกันครับ