.
2 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก
“ลูกโป๊ยต่อไปนี้ไม่ต้องอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ อีกแล้วนะลูก แม่กับพ่อพามาอยู่บ้านใหม่แล้ว เจ้าของเขาใจดี” แป้งจับลูกแมวเปอร์เซียขึ้นมาหอมที่แก้มของมันอย่างเอ็นดู พร้อมพูดคุยกับมันอย่างกับเป็นมนุษย์คนหนึ่ง และหวังว่ามันจะเข้าใจที่เธอพูด
เธอกับสามีไปรับโป๊ยเซียนมาเลี้ยงเองอีกครั้ง หลังจากที่นำไปฝากพ่อกับแม่ไว้ที่ต่างจังหวัดเป็นเวลาสองปีได้ เพราะถูกเจ้าของหอจับได้ว่าพวกเธอแอบเลี้ยงแมว พวกเธอจึงนำมันกลับไปเลี้ยงที่บ้าน
ตอนนี้เธอกับสามีย้ายหอพักใหม่ อยู่ที่ ๆ สามารถเลี้ยงแมวได้ และที่สำคัญย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ บ้านของทับทิมด้วย ซึ่งก็เลี้ยงแมวไอ้เจ้าแบล็คกี้นั่นแหละ
มันเป็นแมวลายขาวดำที่อ้วนมาก ๆ สีดำมีเยอะกว่าสีขาว มันถึงได้ชื่อแบล็คกี้ไงล่ะ ถึงจะขัดใจนิดหน่อยที่พาลูกมาอยู่ใกล้กับแมวบ้าน ซึ่งพวกมันเคยคบกัน จะทำไงได้หอพักนี้เขาให้เลี้ยงสัตว์ได้ก็ต้องจำใจ สามีของเธอชอบหอพักนี้ซึ่งมันก็ใหม่และดูดีสะอาดสะอ้านพอสมควร
“เมี๊ยว” โป๊ยเซียนร้องตอบอย่างกับเข้าใจภาษาคน
“แต่แม่ไม่ชอบอยู่อย่างค่ะ ตรงที่ลูกโป๊ยได้มาอยู่ใกล้ ๆ ไอ้แบล็คกี้แมวน้องมินตรานี่สิ หึ! แม่ไม่ชอบเลย”
แป้งพูดกับแมวตัวเองเป็นตุเป็นตะบนที่นอน ซึ่งมันก็ไม่ยอมห่างไปไหนเหมือนกัน ทั้งคนและแมวต่างคิดถึงกันมาก หลังจากห่างกันตั้งสองปี วันนี้ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่จึงไม่ยอมห่างไปไหนเลย
“เมี๊ยว เมี๊ยว” โป๊ยเซียนร้องตอบสองรอบ อย่างกับรับรู้ถึงการได้อยู่ใกล้แบล็คกี้ ดิ้นไปดิ้นมาเหมือนดีใจ
“แหม! ลูกโป๊ย พูดถึงไอ้แบล็คกี้ไม่ได้เลยนะ สะดีดสะดิ้งใหญ่เลย” แป้งตีไปที่ตัวของลูกแมวเบา ๆ แกล้งดุไปอย่างนั้นเอง ถึงยังไงเธอก็ไม่ยอมให้ลูกสาวของเธอมีสามีแน่นอน และถึงจะมีก็ไม่ใช่ไอ้แบล็คกี้ของน้องมินตราลูกพี่ทับทิมหรอก
จากนั้นแป้งก็ลุกไปเทอาหารให้ลูกสาว หยิบขนมเปียกออกมาให้กินด้วย โป๊ยเซียนทานอย่างเอร็ดอร่อย ในใจลึก ๆ หวังว่าสักวันจะได้เจอกับแบล็คกี้ สักวันแม่ต้องพาไปเจอเขาแน่นอน หรือไม่ก็แอบหวังว่าแบล็คกี้จะเดินผ่านมาแถวนี้
ในใจลึก ๆ แอบคิดว่าเขาคงจะมีแฟนใหม่ไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรเธอขอเจอเขาอีกครั้ง อีกครั้งแค่นั้นพอ เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน ตลอดระยะเวลาสองปีที่อยู่บ้านปู่กับย่า ไม่มีวันไหนที่จะไม่คิดถึง
เมื่ออิ่มแล้วโป๊ยเซียนเดินไปนอนในเบาะที่แม่จัดให้แบบเหงา ๆ ปนดีใจ ถึงจะยังไม่ได้เจอกัน อย่างน้อยเธอก็ได้อยู่ใกล้ ๆ เขา ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง แม้อาจจะผิดหวังก็ตาม แม้เขาอาจจะมีครอบครัวไปแล้วก็ตาม สุดท้ายเธอก็ผล็อยหลับไปในที่สุด
คืนนี้ตลอดทั้งคืนเขานอนไม่หลับ แมวบ้านตัวเขื่องสีดำเดินวนไปวนมาภายในบ้าน ตอนนี้ปิดไฟมืดสนิทไปแล้ว เขาได้กลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นตัวที่หอมนี้มันคุ้น ๆ มันเคยเป็นกลิ่นของนางอันเป็นที่รักยิ่งของเขา แต่จะใช่ได้อย่างไรเมื่อโป๊ยเซียนกลับไปอยู่ต่างจังหวัดแล้ว
กลิ่นหอมกลิ่นนี้ทำให้เขานอนไม่หลับ กลิ่นเหมือนอยู่ใกล้ ๆ บริเวณแถวนี้ แบล็คกี้เดินวนไปวนมา ไม่สามารถหลับตาลงได้ ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ไอ้เจ้ากลิ่นหอมนี้มันทำให้คิดถึงเธอ คิดถึงเธอมาก ๆ แทบอยากร้องไห้ ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่งงานมีลูกกี่ตัวแล้ว แค่คิดน้ำตาก็จะไหล
หรือว่าพรุ่งนี้เขาจะลองเดินตามกลิ่นนี้ไป บางทีอาจจะเป็นเธอก็ได้ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร ต้องขอบใจเจ้าของกลิ่นเสียด้วยซ้ำ ที่ทำให้เขารู้ว่าไม่เคยลืมโป๊ยเซียนเลย
สุดท้ายก็หลับไปด้วยความง่วงสุดขีด แม้หัวใจยังร่ำร้องหาโป๊ยเซียน เพราะกลิ่นที่คุ้นเคยนี้มากวนใจ นานแล้วที่ไม่เคยได้สัมผัสกลิ่นหอม แต่วันนี้มันกลับได้สัมผัสอีกครั้ง จะไม่ให้คิดถึงโป๊ยเซียนได้อย่างไร นี่มันกลิ่นหอมของตัวเธอชัด ๆ
เช้าวันใหม่แบล็คกี้รีบตื่นแต่เช้าตรู่ หวังจะลองเดินตามกลิ่นหอมนี้ไป เด็กหญิงมินตราตื่นอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนแต่เช้าเช่นกัน แต่ก่อนจะอาบน้ำได้ก็ต้องแวะมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเขาเสียก่อนเป็นประจำทุกวัน
แบล็คกี้ปล่อยให้เจ้านายน้อยกอดรัดฟัดเหวี่ยงตัวเองได้ตามสบายใจ รอให้ถึงเวลาทุกคนไม่อยู่บ้าน เจ้านายน้อยไปโรงเรียน พ่อแม่ไปทำงานเขาจะออกตามหากลิ่นนี้ ลึก ๆ ในใจภาวนาขอให้เป็นเธอ เธออันเป็นที่รักยิ่งของเขา จิตใต้สำนึกมันบอกว่านี่คือกลิ่นของเธอที่เขาได้สัมผัสเมื่อสองปีก่อนนู้น
แบล็คกี้เดินตามกลิ่นนี้มาเรื่อย ๆ เดินวนหาจุดของกลิ่นว่ามาจากตรงไหน สุดท้ายก็มาหยุดยืนที่หน้าตึกใกล้บ้านของตนนี่เอง ภาพเหตุการณ์ที่คุ้นตาก็ผุดขึ้น ทว่าแค่คนละที่เท่านั้นเอง
เขารอจังหวะเดินขึ้นตึกไปจนได้ ค่อย ๆ ใช้จมูกสูดดมไปทีละห้อง ๆ ชั้นสองผ่านไป ชั้นสามชั้นสี่ค่อย ๆ ผ่านไป เขาก็ไม่ละความพยายาม ถ้าหาต้นตอเจอ อย่างน้อยก็ได้รู้ จะได้ไม่ต้องกระวนกระวายใจ คิดไปเอง
สุดท้ายก็เจอต้นตอของกลิ่นเมื่อมาถึงชั้นห้า 6/5 ห้อง 6 ชั้นที่ 5 กลิ่นมันยิ่งแรงและชัดเจน ใช่แน่ ๆ ต้นตอของกลิ่นแมวตัวเมียต้องมาจากห้องนี้ แต่จะใช่เธอคนที่เขาฝากหัวใจไว้หรือเปล่า
แบล็คกี้แทบน้ำตาไหล หากมีใครโกหกเขาว่าโป๊ยเซียนอยู่ในนี้เขาก็จะเชื่อ เพราะกลิ่นตัวที่หอมของเธอมันชัดเจนเหลือเกิน แบล็คกี้สำรวจดูหน้าห้อง พอที่จะมีช่องให้พูดคุยกันหรือเปล่า เขาอยากรู้ว่าแมวที่อยู่ด้านในเป็นใคร ยังพอมีหน้าต่างให้คุยเหมือนเดิม กั้นด้วยมุ้งลวดและเหล็กดัดเช่นเดิม
สุดท้ายก็ตัดสินใจลองเรียกดู เขาจะลองเรียกชื่อโป๊ยเซียน หากไม่ใช่ก็แค่โดนปฏิเสธไป
แบล็คกี้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะตัดสินใจเรียกแมวที่อยู่ด้านใน “โป๊ยเซียน ใช่โป๊ยมั้ยที่อยู่ข้างในห้อง เมี๊ยว ” เขาร้องเรียกเธออยู่ด้านนอก
ด้านโป๊ยเซียนนอนจมอยู่กับความคิดถึงในตะกร้า ไม่ยอมลุกไปไหน ทว่าได้ยินเสียงใครเรียก มันช่างคล้ายเสียงของแบล็คกี้เหลือเกิน นี่เธอคิดถึงเขามากจนหูฝาดเลยหรือ เมื่อคิดแบบนี้น้ำตาก็ไหลโดยไม่รู้ตัว แบล็คกี้อยู่ไหน ทำอะไรอยู่
“โป๊ยเซียน! ใช่โป๊ยมั้ยที่อยู่ข้างในนั้น” เขาเรียกเธออีกครั้ง
“แบล็คกี้! “ เธอจำเสียงที่คุ้นเคยได้ โป๊ยเซียนรีบลุกขึ้น วิ่งกระโดดขึ้นไปยืนอยู่คอนโดแมวตรงริมหน้าต่าง โชคดีที่พ่อของเธอนำมาวางไว้ตรงนี้พอดี และเปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้
“เมี๊ยว! แบล็คกี้! แบล็คกี้จริง ๆ ด้วย” โป๊ยเซียนพูดด้วยความดีใจ และไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง เธอไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย “เมี๊ยว ๆ” โป๊ยเซียนนั่งบนคอนโดแมว ยื่นมือไปเกาะหน้าต่างมุ้งลวดเอาไว้ เห็นแมวตัวสีดำอยู่ด้านนอกระเบียงหน้าห้อง
แบล็คกี้เมื่อได้เห็นแมวที่อยู่ในห้อง เขาก็ดีใจไม่แพ้กัน เดินวนไปวนมาด้วยอาการตื่นเต้น กลิ่นหอมที่คุ้นเคยกลิ่นนี้เป็นโป๊ยเซียนจริง ๆ ขอบคุณที่เธอกลับมา ขอบคุณพรมลิขิตที่พาเธอกลับมาหาเขา
“โป๊ยเซียน! เป็นโป๊ยจริง ๆ ด้วย เมี๊ยว ๆ “ แบล็คกี้กระโดดขึ้นมานั่งขอบหน้าต่างด้านนอก มันยังพอนั่งได้ ใบหน้าของเขาชนกับใบหน้าของเธอ มีเพียงมุ้งลวดและเหล็กดัดกั้นระหว่างเขาสองตัวเท่านั้น
เขามองสำรวจตัวของเธอ โป๊ยเซียนยังขนขาวปุกปุยเหมือนเดิม สะอาดสะอ้านกลิ่นหอมเหมือนเดิม แม่ของเธอติดกิ๊บที่ผมให้เหมือนเดิม เธอใส่เสื้อกล้ามสีแดงลายคิตตี้ เธอดูอ้วนขึ้นมานิดหน่อย ยังไงก็น่ารักสำหรับเขา มีเรื่องเดียวในใจที่อยากถาม
“โป๊ย...”
“อะไรเหรอแบล็คกี้” เธอยิ้มให้กับเขา รอยยิ้มที่หวานละมุน อยากจะเอาปากเข้าไปสัมผัสเหลือเกิน เธอเอียงคอถามด้วยความสงสัย
“โป๊ยมีครอบครัวหรือยัง ไม่เจอกันสองปีโป๊ยลืมเราหรือยัง” ถามแต่แววตาเศร้า กลัวได้รับคำตอบที่ไม่อยากได้ยิน
โป๊ยเซียนยิ้ม “เรายังไม่มีใคร แม่ไม่ให้เรามีแฟน แม่กำชับย่าด้วยว่าห้ามให้เรามีแฟน เรามีแบล็คกี้ตัวเดียวในใจเสมอมานะ ขณะที่อยู่ที่นู่นน่ะ แบล็คกี้ล่ะ แบล็คกี้คงมีครอบครัว มีลูกหลายตัวแล้วสิ” เป็นรอยยิ้มที่เศร้าเหมือนกัน
“เปล่าเลย! เราก็ยังไม่มีใคร เรารอโป๊ยกลับมาทุกวัน เราคิดถึงโป๊ย ฝันถึงโป๊ยทุกวันเลย เราก็ไม่คิดไม่ฝันว่าเราจะได้เจอโป๊ยอีก หัวใจและชีวิตของเราให้โป๊ยตัวเดียว” เขานั่งบนขอบหน้าต่าง ยกมือขึ้นไปแตะมือของโป๊ยผ่านมุ้งลวด ทว่าพวกเขาก็มีความสุข
“จริงเหรอ เมี๊ยว”
“จริง เมี๊ยว”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่”
“ฮา ไม่อยากจะพูด เราจำกลิ่นโป๊ยได้...”
ภาพแมวสองตัวเกาะหน้าต่างคุยกัน เป็นที่ตลกของลูกหอแห่งนี้ที่เดินผ่านมาพบเห็น แต่ไม่มีใครว่าอะไร เจ้าของหออนุญาตให้เลี้ยงแมวได้
“เฮ้ยแบล็คกี้! ใกล้ถึงเวลาพ่อกับแม่จะกลับมาแล้ว แบล็คกี้กลับไปก่อนนะแล้วค่อยเจอกันใหม่”
“ได้! แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะโป๊ย” จากนั้นแบล็คกี้ก็กระโดดลงจากขอบหน้าต่าง วิ่งลงบันไดไป สวนทางกับพ่อแม่ของเธอพอดี แต่ทั้งสองไม่ได้สนใจเขา เดินผ่านไปอย่างคนไม่รู้จัก “พรุ่งนี้เจอกันนะโป๊ยเซียน จะมาหาแต่เช้าเลย” เขาหันไปมองห้องของเธอก่อนจะเดินจากไปด้วยความสุขท้วมท้น
จบ...
เรื่องสั้น : เพราะเราคู่กัน
.
2 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก
“ลูกโป๊ยต่อไปนี้ไม่ต้องอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ อีกแล้วนะลูก แม่กับพ่อพามาอยู่บ้านใหม่แล้ว เจ้าของเขาใจดี” แป้งจับลูกแมวเปอร์เซียขึ้นมาหอมที่แก้มของมันอย่างเอ็นดู พร้อมพูดคุยกับมันอย่างกับเป็นมนุษย์คนหนึ่ง และหวังว่ามันจะเข้าใจที่เธอพูด
เธอกับสามีไปรับโป๊ยเซียนมาเลี้ยงเองอีกครั้ง หลังจากที่นำไปฝากพ่อกับแม่ไว้ที่ต่างจังหวัดเป็นเวลาสองปีได้ เพราะถูกเจ้าของหอจับได้ว่าพวกเธอแอบเลี้ยงแมว พวกเธอจึงนำมันกลับไปเลี้ยงที่บ้าน
ตอนนี้เธอกับสามีย้ายหอพักใหม่ อยู่ที่ ๆ สามารถเลี้ยงแมวได้ และที่สำคัญย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ บ้านของทับทิมด้วย ซึ่งก็เลี้ยงแมวไอ้เจ้าแบล็คกี้นั่นแหละ
มันเป็นแมวลายขาวดำที่อ้วนมาก ๆ สีดำมีเยอะกว่าสีขาว มันถึงได้ชื่อแบล็คกี้ไงล่ะ ถึงจะขัดใจนิดหน่อยที่พาลูกมาอยู่ใกล้กับแมวบ้าน ซึ่งพวกมันเคยคบกัน จะทำไงได้หอพักนี้เขาให้เลี้ยงสัตว์ได้ก็ต้องจำใจ สามีของเธอชอบหอพักนี้ซึ่งมันก็ใหม่และดูดีสะอาดสะอ้านพอสมควร
“เมี๊ยว” โป๊ยเซียนร้องตอบอย่างกับเข้าใจภาษาคน
“แต่แม่ไม่ชอบอยู่อย่างค่ะ ตรงที่ลูกโป๊ยได้มาอยู่ใกล้ ๆ ไอ้แบล็คกี้แมวน้องมินตรานี่สิ หึ! แม่ไม่ชอบเลย”
แป้งพูดกับแมวตัวเองเป็นตุเป็นตะบนที่นอน ซึ่งมันก็ไม่ยอมห่างไปไหนเหมือนกัน ทั้งคนและแมวต่างคิดถึงกันมาก หลังจากห่างกันตั้งสองปี วันนี้ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่จึงไม่ยอมห่างไปไหนเลย
“เมี๊ยว เมี๊ยว” โป๊ยเซียนร้องตอบสองรอบ อย่างกับรับรู้ถึงการได้อยู่ใกล้แบล็คกี้ ดิ้นไปดิ้นมาเหมือนดีใจ
“แหม! ลูกโป๊ย พูดถึงไอ้แบล็คกี้ไม่ได้เลยนะ สะดีดสะดิ้งใหญ่เลย” แป้งตีไปที่ตัวของลูกแมวเบา ๆ แกล้งดุไปอย่างนั้นเอง ถึงยังไงเธอก็ไม่ยอมให้ลูกสาวของเธอมีสามีแน่นอน และถึงจะมีก็ไม่ใช่ไอ้แบล็คกี้ของน้องมินตราลูกพี่ทับทิมหรอก
จากนั้นแป้งก็ลุกไปเทอาหารให้ลูกสาว หยิบขนมเปียกออกมาให้กินด้วย โป๊ยเซียนทานอย่างเอร็ดอร่อย ในใจลึก ๆ หวังว่าสักวันจะได้เจอกับแบล็คกี้ สักวันแม่ต้องพาไปเจอเขาแน่นอน หรือไม่ก็แอบหวังว่าแบล็คกี้จะเดินผ่านมาแถวนี้
ในใจลึก ๆ แอบคิดว่าเขาคงจะมีแฟนใหม่ไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรเธอขอเจอเขาอีกครั้ง อีกครั้งแค่นั้นพอ เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน ตลอดระยะเวลาสองปีที่อยู่บ้านปู่กับย่า ไม่มีวันไหนที่จะไม่คิดถึง
เมื่ออิ่มแล้วโป๊ยเซียนเดินไปนอนในเบาะที่แม่จัดให้แบบเหงา ๆ ปนดีใจ ถึงจะยังไม่ได้เจอกัน อย่างน้อยเธอก็ได้อยู่ใกล้ ๆ เขา ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง แม้อาจจะผิดหวังก็ตาม แม้เขาอาจจะมีครอบครัวไปแล้วก็ตาม สุดท้ายเธอก็ผล็อยหลับไปในที่สุด
คืนนี้ตลอดทั้งคืนเขานอนไม่หลับ แมวบ้านตัวเขื่องสีดำเดินวนไปวนมาภายในบ้าน ตอนนี้ปิดไฟมืดสนิทไปแล้ว เขาได้กลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นตัวที่หอมนี้มันคุ้น ๆ มันเคยเป็นกลิ่นของนางอันเป็นที่รักยิ่งของเขา แต่จะใช่ได้อย่างไรเมื่อโป๊ยเซียนกลับไปอยู่ต่างจังหวัดแล้ว
กลิ่นหอมกลิ่นนี้ทำให้เขานอนไม่หลับ กลิ่นเหมือนอยู่ใกล้ ๆ บริเวณแถวนี้ แบล็คกี้เดินวนไปวนมา ไม่สามารถหลับตาลงได้ ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ไอ้เจ้ากลิ่นหอมนี้มันทำให้คิดถึงเธอ คิดถึงเธอมาก ๆ แทบอยากร้องไห้ ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่งงานมีลูกกี่ตัวแล้ว แค่คิดน้ำตาก็จะไหล
หรือว่าพรุ่งนี้เขาจะลองเดินตามกลิ่นนี้ไป บางทีอาจจะเป็นเธอก็ได้ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร ต้องขอบใจเจ้าของกลิ่นเสียด้วยซ้ำ ที่ทำให้เขารู้ว่าไม่เคยลืมโป๊ยเซียนเลย
สุดท้ายก็หลับไปด้วยความง่วงสุดขีด แม้หัวใจยังร่ำร้องหาโป๊ยเซียน เพราะกลิ่นที่คุ้นเคยนี้มากวนใจ นานแล้วที่ไม่เคยได้สัมผัสกลิ่นหอม แต่วันนี้มันกลับได้สัมผัสอีกครั้ง จะไม่ให้คิดถึงโป๊ยเซียนได้อย่างไร นี่มันกลิ่นหอมของตัวเธอชัด ๆ
เช้าวันใหม่แบล็คกี้รีบตื่นแต่เช้าตรู่ หวังจะลองเดินตามกลิ่นหอมนี้ไป เด็กหญิงมินตราตื่นอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนแต่เช้าเช่นกัน แต่ก่อนจะอาบน้ำได้ก็ต้องแวะมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเขาเสียก่อนเป็นประจำทุกวัน
แบล็คกี้ปล่อยให้เจ้านายน้อยกอดรัดฟัดเหวี่ยงตัวเองได้ตามสบายใจ รอให้ถึงเวลาทุกคนไม่อยู่บ้าน เจ้านายน้อยไปโรงเรียน พ่อแม่ไปทำงานเขาจะออกตามหากลิ่นนี้ ลึก ๆ ในใจภาวนาขอให้เป็นเธอ เธออันเป็นที่รักยิ่งของเขา จิตใต้สำนึกมันบอกว่านี่คือกลิ่นของเธอที่เขาได้สัมผัสเมื่อสองปีก่อนนู้น
แบล็คกี้เดินตามกลิ่นนี้มาเรื่อย ๆ เดินวนหาจุดของกลิ่นว่ามาจากตรงไหน สุดท้ายก็มาหยุดยืนที่หน้าตึกใกล้บ้านของตนนี่เอง ภาพเหตุการณ์ที่คุ้นตาก็ผุดขึ้น ทว่าแค่คนละที่เท่านั้นเอง
เขารอจังหวะเดินขึ้นตึกไปจนได้ ค่อย ๆ ใช้จมูกสูดดมไปทีละห้อง ๆ ชั้นสองผ่านไป ชั้นสามชั้นสี่ค่อย ๆ ผ่านไป เขาก็ไม่ละความพยายาม ถ้าหาต้นตอเจอ อย่างน้อยก็ได้รู้ จะได้ไม่ต้องกระวนกระวายใจ คิดไปเอง
สุดท้ายก็เจอต้นตอของกลิ่นเมื่อมาถึงชั้นห้า 6/5 ห้อง 6 ชั้นที่ 5 กลิ่นมันยิ่งแรงและชัดเจน ใช่แน่ ๆ ต้นตอของกลิ่นแมวตัวเมียต้องมาจากห้องนี้ แต่จะใช่เธอคนที่เขาฝากหัวใจไว้หรือเปล่า
แบล็คกี้แทบน้ำตาไหล หากมีใครโกหกเขาว่าโป๊ยเซียนอยู่ในนี้เขาก็จะเชื่อ เพราะกลิ่นตัวที่หอมของเธอมันชัดเจนเหลือเกิน แบล็คกี้สำรวจดูหน้าห้อง พอที่จะมีช่องให้พูดคุยกันหรือเปล่า เขาอยากรู้ว่าแมวที่อยู่ด้านในเป็นใคร ยังพอมีหน้าต่างให้คุยเหมือนเดิม กั้นด้วยมุ้งลวดและเหล็กดัดเช่นเดิม
สุดท้ายก็ตัดสินใจลองเรียกดู เขาจะลองเรียกชื่อโป๊ยเซียน หากไม่ใช่ก็แค่โดนปฏิเสธไป
แบล็คกี้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะตัดสินใจเรียกแมวที่อยู่ด้านใน “โป๊ยเซียน ใช่โป๊ยมั้ยที่อยู่ข้างในห้อง เมี๊ยว ” เขาร้องเรียกเธออยู่ด้านนอก
ด้านโป๊ยเซียนนอนจมอยู่กับความคิดถึงในตะกร้า ไม่ยอมลุกไปไหน ทว่าได้ยินเสียงใครเรียก มันช่างคล้ายเสียงของแบล็คกี้เหลือเกิน นี่เธอคิดถึงเขามากจนหูฝาดเลยหรือ เมื่อคิดแบบนี้น้ำตาก็ไหลโดยไม่รู้ตัว แบล็คกี้อยู่ไหน ทำอะไรอยู่
“โป๊ยเซียน! ใช่โป๊ยมั้ยที่อยู่ข้างในนั้น” เขาเรียกเธออีกครั้ง
“แบล็คกี้! “ เธอจำเสียงที่คุ้นเคยได้ โป๊ยเซียนรีบลุกขึ้น วิ่งกระโดดขึ้นไปยืนอยู่คอนโดแมวตรงริมหน้าต่าง โชคดีที่พ่อของเธอนำมาวางไว้ตรงนี้พอดี และเปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้
“เมี๊ยว! แบล็คกี้! แบล็คกี้จริง ๆ ด้วย” โป๊ยเซียนพูดด้วยความดีใจ และไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง เธอไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย “เมี๊ยว ๆ” โป๊ยเซียนนั่งบนคอนโดแมว ยื่นมือไปเกาะหน้าต่างมุ้งลวดเอาไว้ เห็นแมวตัวสีดำอยู่ด้านนอกระเบียงหน้าห้อง
แบล็คกี้เมื่อได้เห็นแมวที่อยู่ในห้อง เขาก็ดีใจไม่แพ้กัน เดินวนไปวนมาด้วยอาการตื่นเต้น กลิ่นหอมที่คุ้นเคยกลิ่นนี้เป็นโป๊ยเซียนจริง ๆ ขอบคุณที่เธอกลับมา ขอบคุณพรมลิขิตที่พาเธอกลับมาหาเขา
“โป๊ยเซียน! เป็นโป๊ยจริง ๆ ด้วย เมี๊ยว ๆ “ แบล็คกี้กระโดดขึ้นมานั่งขอบหน้าต่างด้านนอก มันยังพอนั่งได้ ใบหน้าของเขาชนกับใบหน้าของเธอ มีเพียงมุ้งลวดและเหล็กดัดกั้นระหว่างเขาสองตัวเท่านั้น
เขามองสำรวจตัวของเธอ โป๊ยเซียนยังขนขาวปุกปุยเหมือนเดิม สะอาดสะอ้านกลิ่นหอมเหมือนเดิม แม่ของเธอติดกิ๊บที่ผมให้เหมือนเดิม เธอใส่เสื้อกล้ามสีแดงลายคิตตี้ เธอดูอ้วนขึ้นมานิดหน่อย ยังไงก็น่ารักสำหรับเขา มีเรื่องเดียวในใจที่อยากถาม
“โป๊ย...”
“อะไรเหรอแบล็คกี้” เธอยิ้มให้กับเขา รอยยิ้มที่หวานละมุน อยากจะเอาปากเข้าไปสัมผัสเหลือเกิน เธอเอียงคอถามด้วยความสงสัย
“โป๊ยมีครอบครัวหรือยัง ไม่เจอกันสองปีโป๊ยลืมเราหรือยัง” ถามแต่แววตาเศร้า กลัวได้รับคำตอบที่ไม่อยากได้ยิน
โป๊ยเซียนยิ้ม “เรายังไม่มีใคร แม่ไม่ให้เรามีแฟน แม่กำชับย่าด้วยว่าห้ามให้เรามีแฟน เรามีแบล็คกี้ตัวเดียวในใจเสมอมานะ ขณะที่อยู่ที่นู่นน่ะ แบล็คกี้ล่ะ แบล็คกี้คงมีครอบครัว มีลูกหลายตัวแล้วสิ” เป็นรอยยิ้มที่เศร้าเหมือนกัน
“เปล่าเลย! เราก็ยังไม่มีใคร เรารอโป๊ยกลับมาทุกวัน เราคิดถึงโป๊ย ฝันถึงโป๊ยทุกวันเลย เราก็ไม่คิดไม่ฝันว่าเราจะได้เจอโป๊ยอีก หัวใจและชีวิตของเราให้โป๊ยตัวเดียว” เขานั่งบนขอบหน้าต่าง ยกมือขึ้นไปแตะมือของโป๊ยผ่านมุ้งลวด ทว่าพวกเขาก็มีความสุข
“จริงเหรอ เมี๊ยว”
“จริง เมี๊ยว”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่”
“ฮา ไม่อยากจะพูด เราจำกลิ่นโป๊ยได้...”
ภาพแมวสองตัวเกาะหน้าต่างคุยกัน เป็นที่ตลกของลูกหอแห่งนี้ที่เดินผ่านมาพบเห็น แต่ไม่มีใครว่าอะไร เจ้าของหออนุญาตให้เลี้ยงแมวได้
“เฮ้ยแบล็คกี้! ใกล้ถึงเวลาพ่อกับแม่จะกลับมาแล้ว แบล็คกี้กลับไปก่อนนะแล้วค่อยเจอกันใหม่”
“ได้! แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะโป๊ย” จากนั้นแบล็คกี้ก็กระโดดลงจากขอบหน้าต่าง วิ่งลงบันไดไป สวนทางกับพ่อแม่ของเธอพอดี แต่ทั้งสองไม่ได้สนใจเขา เดินผ่านไปอย่างคนไม่รู้จัก “พรุ่งนี้เจอกันนะโป๊ยเซียน จะมาหาแต่เช้าเลย” เขาหันไปมองห้องของเธอก่อนจะเดินจากไปด้วยความสุขท้วมท้น
จบ...