ขออนุญาติเกริ่นนำก่อนเลยนะครับว่าผมไม่เคยเขียนกระทู้มาก่อน
และสมัครสมาชิกเข้ามาเพื่อเขียนกระทู้นี้โดยเฉพาะครับ (ก็คนมันคันปากอยากเล่าอะเนาะ)
สรุปเนื้อหาของเรื่อง(เอาตามเนื้อเรื่องในหนังเลยนะครับ ผมไม่เคยอ่านนิยายมาก่อน)
The Empty Man เป็นปีศาจชนิดหนึ่ง ซึ่งภายใน 500 ปี มันจะโผล่ออกมา
แค่ครั้งเดียว มันไม่มีร่างกาย มันไม่มีตัวตน แต่คนจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันได้จากจิตใจ
โดยที่มันจะต้องมีร่างกายหลักที่ใช้ในการสิงสถิตย์ และคนที่มันจะเลือกมาเป็นเหยื่อนั้น
ในอดีตมักจะเป็นคนที่เคยทำบาปหยาบช้ามาก่อน และจะถูกเรื่องราวในอดีตนั้น ตามหลอกหลอน
จนอยู่ไม่เป็นสุข เมื่อมันเจอเหยื่อแล้วมันก็จะใช้หลักปรัชญา การปล่อยวางมาเป่าหูเหยื่อ
อย่างเช่นว่า "ทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดถูก และผิด เพราะทุกสิ่งเป็นเรื่องสมมุติไม่มีอยู่จริง
เจ้าจงปล่อยวางเสียเถอะมนุษย์เอ๋ย แล้วเจ้าจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป"
และเมื่อเหยื่อปล่อยวางเรื่องราวในอดีตตามที่มันบอกแล้ว ก็จะถูกมันเข้าสิง เข้าครอบงำ
ใช้เป็นร่างหลักในการสะกดจิตคนรอบข้าง ให้ไปฆ่าคน หรือฆ่าตัวตายครับ
และนี่ก็เป็นที่มาของชื่อ The Empty Man ของมัน เพราะมันไม่มีตัวตนครับ
และข้อความที่ผมจะเขียนต่อไปนี้จะเป็นการวิจารณ์หนังเรื่องนี้ในเชิญลบ ขอให้ผู้อ่านเข้าใจว่า
ผมมิได้มีอคติกับหนังเรื่องนี้ ให้ถือว่าเป็นการโปรโมทด้วยการด่าก็แล้วกันนะครับ
เพราะอย่างไรก็ตาม การที่ท่านผู้อ่านจะรู้ได้ว่า ข้อความที่ผมวิจารณ์
มันเป็นความจริงหรือไม่นั้น ท่านผู้อ่านต้องกลับไปชมไปพิจารณากันเอาเองครับ
1) เอาข้อดีของหนังเรื่องนี้ก่อนเลยละกัน
งานภาพสวย โปรดักชั่น อลังการ นักแสดงเข้าถึงอารมณ์ได้ดีมาก
บรรยากาศในหนัง ชวนให้น่าติดตาม ให้ความรู้สึกระทึกขวัญได้ดีมาก
2) เนื้อเรื่องการเขียนบท
ข้อนี้ผมก็สงสัยนะว่า ตกลงมันเป็นผมเองที่เข้าไม่ถึงบท หรือบทมันเข้าไม่ถึงคนดูกันแน่
หรือแกจะมาแนวโนแลน ผมลองเข้าไปเสิรช์หา ผลงานเก่าๆของผู้กำกับท่านนี้ดูแล้ว
พบว่าปกติแกไม่ได้ทำหนังออกมาแนวนี้ครับ ปกติแล้วแกจะทำหนังแอคชั่น
หรือหนังอะไรที่มันเป็นกระแสมากกว่า หนังแนวปรัชญาแบบนี้ มันไม่ใช่งานถนัดของแกเลยครับ
เนื้อเรื่องตั้งต้นจนจบ มันให้ความรู้สึกแบบว่า "นี่กูดูเชี่ยอะไรอยู่วะเนี่ย" คืองงมาก อยากจะบอกว่า
ถ้าจะดูเอาความบันเทิง ดูไปเถอะครับ แต่ถ้าจะดูเอาเนื้อหา เอาปรัชญา ขอบอกก่อนว่าอย่าดูเลย
เพราะปรัชญาในเนื้อเรื่องมันกลวงมาก ถึงจะบอกว่ามันเป็นแค่ปรัชญาของลัทธิประหลาดก็เถอะ
แต่ภายในหนังมันก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า "เฮ้ย ไอ้ความเชื่อของลัทธินอกรีต ผิดมนุษย์มนานี้
มันเป็นความจริงนะ ไม่ใช่แค่เรื่องมโนโกหกแต่อย่างใด"
3) ปรัชญาหลักของหนังเรื่องนี้คือ The Empty Man
ภายในเรื่องได้อธิบายไว้ว่า ต้นตอหลักของความเชื่อนี้มันมาจากศาสนาพุทธ
และคำอธิบายขยายความของ The Empty Man ในเรื่องนี้มันดันไปตรงกับ
หลักความเป็นอนัตตา ต้องขอบอกก่อนเลยว่า มันมั่วมาก เพราะ คำว่า Empty นั้น
มันก็คือความว่างเปล่า ถ้าคุณจะอธิบายความหมาย ของคำว่า Empty ตามหลักศาสนาพุทธ
คุณต้อง ยกหลักความเป็นสุญญตามาอธิบาย แต่คุณจะเอา Definition ความเป็นอนัตตา
มาอธิบายโยงกับ คำว่า Empty ไม่ได้ เพราะมันคนละหลัก คนละเรื่อง คนละประเด็นกัน
4) ไม่ว่าจะเป็น หลักสุญญตา(ความว่างเปล่า)หรือหลักอนัตตา(ความไร้ตัวตน)
ทั้งสองหลักนี้มีไว้เพื่อเข้าใจ แต่ไม่ได้มีไว้เพื่อเข้าถึง เพราะไม่ว่าคุณจะเข้าใจ
หรือไม่เข้าใจก็ตาม ทั้งสองหลักนี้มันก็มีของมันตามธรรมชาติอยู่แล้ว
คุณไม่ต้องพยายามเพื่อเข้าถึงความเป็นอนัตตา เพราะตัวคุณมันเป็นอนัตตาตั้นแต่แรกอยู่แล้ว
คุณแค่ทำความเข้าใจและยอมรับมันก็พอ และเมื่อคุณยอมรับมันได้ คุณก็จะรู้จักปล่อยวาง
และไม่เป็นทุกข์กับสิ่งเลวร้ายที่เข้ามากระทบคุณอีก
5) คนที่เข้าถึงหลักสัจธรรมแล้วมักจะใช้ชีวิตตามปกติ และไม่ได้ทำตัวแปลกประหลาด
ถึงหลักของศาสนาพุทธจะสอนให้คุณปล่อยวาง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องปล่อยวาง
จนไม่เอาอะไร ปล่อยวางจนคุยกับชาวบ้านไม่รู้เรื่องนะครับ เพราะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่
คนบรรลุธรรมแล้วจะปล่อยวางไม่ได้ จนกว่าจะดับขันธ์ปรินิพพาน นั่นก็คือโลกบัญญัติครับ
ยกตัวเช่น พระพุทธเจ้าก็แล้วกัน พระองค์เป็นสัพพัญญู รู้แจ้งหมดทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่พระองค์กลับถามพระภิกษุที่มาจากต่างเมืองว่าเธอสบายดีไหม ความเป็นอยู่เป็นอย่างไร
เวลามีคนมาเล่าเรื่องอะไรก็ตามให้พุทธเจ้าฟัง พระองค์ก็จะฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
ทั้งๆที่พระองค์ก็รู้อยู่แล้วว่าคู่สนทนาของพระองค์จะพูดอะไร นี่เป็นการทำตามมารยาท
ของชาวโลกครับ ธรรมเนียมใดใดที่ชาวโลกยังยึดถือ ก็ยังคงยึดถืออยู่ตามเดิมครับ
ยึดถือก็สักแต่ว่ายึดถือ แต่มิได้ยึดติดครับ ต้องแยกแยะด้วย
6) หลักปรัชญาของ The Empty Man สอนให้ปล่อยวาง แต่ตัวละครแต่ละตัวในเรื่อง
กลับมีอัตตาที่แรงกล้าเสียเหลือเกิน มันไม่มีเหตุผล มันไม่เม้กเซ้นเลยครับ
7) หนังไม่ได้บอกว่า The Empty Man จะฆ่าคนไปทำไม และตัวมันจริงๆแล้ว
มันก็เชื่อในหลักการนี้เหมือนกัน หรือว่ามันแค่เอาหลักการมาหลอกใช้คนกันแน่
ผมคิดว่านี่เป็นช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดของหนังเรื่องนี้เลยครับ
8) หนังเรื่องนี้ทำความเข้าใจได้ยากเกินไป จะทำแนวสยองขวัญก็ไม่เชิงน่ากลัว
จะทำแนวปรัชญาก็ไม่ได้ประเทืองปัญญาอะไร สรุปคือไปไม่สุดซักแนว
9) เนื้อหาในหนังเรื่องนี้ บิดเบือนคำสอนของศาสนาพุทธอย่างชัดเจน
ภายในเรื่องเปิดเผยไว้อย่างชัดเจนว่า คำสอนของลัทธิประหลาดนี้
มีต้นทางมาจากศาสนาพุทธ ลัทธิประหลาดนี้สอนว่า จะทำอะไรก็ไม่บาป
เพราะทุกๆอย่างบนโลกนี้มันไม่ได้มีอยู่จริง ไม่ว่าในอดีตคุณจะทำชั่วทำบาป
หรือผิดศีลข้อไหนมาก็ตาม แค่คุณรู้จักปล่อยวางคุณก็จะพ้นทุกข์
และเข้าถึงความเป็น The Empty Man ความว่างเปล่าเท่านั้น
คือพระนิพพานของลัทธิประหลาดนี้
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วศาสนาพุทธ ไม่ได้สอนแบบนั้นเลย ข้อนี้ผมมองว่า
คนที่ไม่ได้เข้าใจศาสนาพุทธ อย่างถ่องแท้ ถ้ามาดูหนังเรื่องนี้แล้ว
อาจเกิดความเข้าใจผิดในหลักคำสอนได้ครับ
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านนะครับ ที่อ่านจนจบ
ถ้าความคิดเห็นไม่ตรงกัน ติได้ ชมได้ ด่าได้นะครับ ไม่โกรธไม่เคือง
ขอบคุณครับ
โดนัท
[CR] The Empty Man (2020) เป่าเรียกผี : เมื่อฝรั่งเอาปรัชญาของศาสนาพุทธมายำมั่ว [มีสปอย]
และสมัครสมาชิกเข้ามาเพื่อเขียนกระทู้นี้โดยเฉพาะครับ (ก็คนมันคันปากอยากเล่าอะเนาะ)
สรุปเนื้อหาของเรื่อง(เอาตามเนื้อเรื่องในหนังเลยนะครับ ผมไม่เคยอ่านนิยายมาก่อน)
The Empty Man เป็นปีศาจชนิดหนึ่ง ซึ่งภายใน 500 ปี มันจะโผล่ออกมา
แค่ครั้งเดียว มันไม่มีร่างกาย มันไม่มีตัวตน แต่คนจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันได้จากจิตใจ
โดยที่มันจะต้องมีร่างกายหลักที่ใช้ในการสิงสถิตย์ และคนที่มันจะเลือกมาเป็นเหยื่อนั้น
ในอดีตมักจะเป็นคนที่เคยทำบาปหยาบช้ามาก่อน และจะถูกเรื่องราวในอดีตนั้น ตามหลอกหลอน
จนอยู่ไม่เป็นสุข เมื่อมันเจอเหยื่อแล้วมันก็จะใช้หลักปรัชญา การปล่อยวางมาเป่าหูเหยื่อ
อย่างเช่นว่า "ทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดถูก และผิด เพราะทุกสิ่งเป็นเรื่องสมมุติไม่มีอยู่จริง
เจ้าจงปล่อยวางเสียเถอะมนุษย์เอ๋ย แล้วเจ้าจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป"
และเมื่อเหยื่อปล่อยวางเรื่องราวในอดีตตามที่มันบอกแล้ว ก็จะถูกมันเข้าสิง เข้าครอบงำ
ใช้เป็นร่างหลักในการสะกดจิตคนรอบข้าง ให้ไปฆ่าคน หรือฆ่าตัวตายครับ
และนี่ก็เป็นที่มาของชื่อ The Empty Man ของมัน เพราะมันไม่มีตัวตนครับ
และข้อความที่ผมจะเขียนต่อไปนี้จะเป็นการวิจารณ์หนังเรื่องนี้ในเชิญลบ ขอให้ผู้อ่านเข้าใจว่า
ผมมิได้มีอคติกับหนังเรื่องนี้ ให้ถือว่าเป็นการโปรโมทด้วยการด่าก็แล้วกันนะครับ
เพราะอย่างไรก็ตาม การที่ท่านผู้อ่านจะรู้ได้ว่า ข้อความที่ผมวิจารณ์
มันเป็นความจริงหรือไม่นั้น ท่านผู้อ่านต้องกลับไปชมไปพิจารณากันเอาเองครับ
1) เอาข้อดีของหนังเรื่องนี้ก่อนเลยละกัน
งานภาพสวย โปรดักชั่น อลังการ นักแสดงเข้าถึงอารมณ์ได้ดีมาก
บรรยากาศในหนัง ชวนให้น่าติดตาม ให้ความรู้สึกระทึกขวัญได้ดีมาก
2) เนื้อเรื่องการเขียนบท
ข้อนี้ผมก็สงสัยนะว่า ตกลงมันเป็นผมเองที่เข้าไม่ถึงบท หรือบทมันเข้าไม่ถึงคนดูกันแน่
หรือแกจะมาแนวโนแลน ผมลองเข้าไปเสิรช์หา ผลงานเก่าๆของผู้กำกับท่านนี้ดูแล้ว
พบว่าปกติแกไม่ได้ทำหนังออกมาแนวนี้ครับ ปกติแล้วแกจะทำหนังแอคชั่น
หรือหนังอะไรที่มันเป็นกระแสมากกว่า หนังแนวปรัชญาแบบนี้ มันไม่ใช่งานถนัดของแกเลยครับ
เนื้อเรื่องตั้งต้นจนจบ มันให้ความรู้สึกแบบว่า "นี่กูดูเชี่ยอะไรอยู่วะเนี่ย" คืองงมาก อยากจะบอกว่า
ถ้าจะดูเอาความบันเทิง ดูไปเถอะครับ แต่ถ้าจะดูเอาเนื้อหา เอาปรัชญา ขอบอกก่อนว่าอย่าดูเลย
เพราะปรัชญาในเนื้อเรื่องมันกลวงมาก ถึงจะบอกว่ามันเป็นแค่ปรัชญาของลัทธิประหลาดก็เถอะ
แต่ภายในหนังมันก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า "เฮ้ย ไอ้ความเชื่อของลัทธินอกรีต ผิดมนุษย์มนานี้
มันเป็นความจริงนะ ไม่ใช่แค่เรื่องมโนโกหกแต่อย่างใด"
3) ปรัชญาหลักของหนังเรื่องนี้คือ The Empty Man
ภายในเรื่องได้อธิบายไว้ว่า ต้นตอหลักของความเชื่อนี้มันมาจากศาสนาพุทธ
และคำอธิบายขยายความของ The Empty Man ในเรื่องนี้มันดันไปตรงกับ
หลักความเป็นอนัตตา ต้องขอบอกก่อนเลยว่า มันมั่วมาก เพราะ คำว่า Empty นั้น
มันก็คือความว่างเปล่า ถ้าคุณจะอธิบายความหมาย ของคำว่า Empty ตามหลักศาสนาพุทธ
คุณต้อง ยกหลักความเป็นสุญญตามาอธิบาย แต่คุณจะเอา Definition ความเป็นอนัตตา
มาอธิบายโยงกับ คำว่า Empty ไม่ได้ เพราะมันคนละหลัก คนละเรื่อง คนละประเด็นกัน
4) ไม่ว่าจะเป็น หลักสุญญตา(ความว่างเปล่า)หรือหลักอนัตตา(ความไร้ตัวตน)
ทั้งสองหลักนี้มีไว้เพื่อเข้าใจ แต่ไม่ได้มีไว้เพื่อเข้าถึง เพราะไม่ว่าคุณจะเข้าใจ
หรือไม่เข้าใจก็ตาม ทั้งสองหลักนี้มันก็มีของมันตามธรรมชาติอยู่แล้ว
คุณไม่ต้องพยายามเพื่อเข้าถึงความเป็นอนัตตา เพราะตัวคุณมันเป็นอนัตตาตั้นแต่แรกอยู่แล้ว
คุณแค่ทำความเข้าใจและยอมรับมันก็พอ และเมื่อคุณยอมรับมันได้ คุณก็จะรู้จักปล่อยวาง
และไม่เป็นทุกข์กับสิ่งเลวร้ายที่เข้ามากระทบคุณอีก
5) คนที่เข้าถึงหลักสัจธรรมแล้วมักจะใช้ชีวิตตามปกติ และไม่ได้ทำตัวแปลกประหลาด
ถึงหลักของศาสนาพุทธจะสอนให้คุณปล่อยวาง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องปล่อยวาง
จนไม่เอาอะไร ปล่อยวางจนคุยกับชาวบ้านไม่รู้เรื่องนะครับ เพราะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่
คนบรรลุธรรมแล้วจะปล่อยวางไม่ได้ จนกว่าจะดับขันธ์ปรินิพพาน นั่นก็คือโลกบัญญัติครับ
ยกตัวเช่น พระพุทธเจ้าก็แล้วกัน พระองค์เป็นสัพพัญญู รู้แจ้งหมดทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่พระองค์กลับถามพระภิกษุที่มาจากต่างเมืองว่าเธอสบายดีไหม ความเป็นอยู่เป็นอย่างไร
เวลามีคนมาเล่าเรื่องอะไรก็ตามให้พุทธเจ้าฟัง พระองค์ก็จะฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
ทั้งๆที่พระองค์ก็รู้อยู่แล้วว่าคู่สนทนาของพระองค์จะพูดอะไร นี่เป็นการทำตามมารยาท
ของชาวโลกครับ ธรรมเนียมใดใดที่ชาวโลกยังยึดถือ ก็ยังคงยึดถืออยู่ตามเดิมครับ
ยึดถือก็สักแต่ว่ายึดถือ แต่มิได้ยึดติดครับ ต้องแยกแยะด้วย
6) หลักปรัชญาของ The Empty Man สอนให้ปล่อยวาง แต่ตัวละครแต่ละตัวในเรื่อง
กลับมีอัตตาที่แรงกล้าเสียเหลือเกิน มันไม่มีเหตุผล มันไม่เม้กเซ้นเลยครับ
7) หนังไม่ได้บอกว่า The Empty Man จะฆ่าคนไปทำไม และตัวมันจริงๆแล้ว
มันก็เชื่อในหลักการนี้เหมือนกัน หรือว่ามันแค่เอาหลักการมาหลอกใช้คนกันแน่
ผมคิดว่านี่เป็นช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดของหนังเรื่องนี้เลยครับ
8) หนังเรื่องนี้ทำความเข้าใจได้ยากเกินไป จะทำแนวสยองขวัญก็ไม่เชิงน่ากลัว
จะทำแนวปรัชญาก็ไม่ได้ประเทืองปัญญาอะไร สรุปคือไปไม่สุดซักแนว
9) เนื้อหาในหนังเรื่องนี้ บิดเบือนคำสอนของศาสนาพุทธอย่างชัดเจน
ภายในเรื่องเปิดเผยไว้อย่างชัดเจนว่า คำสอนของลัทธิประหลาดนี้
มีต้นทางมาจากศาสนาพุทธ ลัทธิประหลาดนี้สอนว่า จะทำอะไรก็ไม่บาป
เพราะทุกๆอย่างบนโลกนี้มันไม่ได้มีอยู่จริง ไม่ว่าในอดีตคุณจะทำชั่วทำบาป
หรือผิดศีลข้อไหนมาก็ตาม แค่คุณรู้จักปล่อยวางคุณก็จะพ้นทุกข์
และเข้าถึงความเป็น The Empty Man ความว่างเปล่าเท่านั้น
คือพระนิพพานของลัทธิประหลาดนี้
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วศาสนาพุทธ ไม่ได้สอนแบบนั้นเลย ข้อนี้ผมมองว่า
คนที่ไม่ได้เข้าใจศาสนาพุทธ อย่างถ่องแท้ ถ้ามาดูหนังเรื่องนี้แล้ว
อาจเกิดความเข้าใจผิดในหลักคำสอนได้ครับ
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านนะครับ ที่อ่านจนจบ
ถ้าความคิดเห็นไม่ตรงกัน ติได้ ชมได้ ด่าได้นะครับ ไม่โกรธไม่เคือง
ขอบคุณครับ
โดนัท
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้