ผ่าตัด
•เราจะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการผ่าตัดกระดูกสันหลังคดให้ฟัง
•เราคดเป็นตัวs. ด้านบน35องศา ด้านล่าง40องศาผ่าตั้งแต่T5ถึงL3 ผ่าตอนอายุ16 วันที่4/11/63
•เรารู้ว่ากระดูกสันหลังเราคดตอนอายุม.3เทอมแรก แต่พ่อเราผิดสังเกตตั้งแต่เราอยู่ป.6 ว่าทำไมสะโพกเรามันนูน ไปคลินิกแถวบ้านหมอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร เลยไม่ได้สนใจ จนมาม.3พ่อแม่บอกเราเดินเอียง เดินให้มันตรงๆหน่อยไรประมาณนี้ หลายวันต่อมาเราก็พยายามเดินให้ไหล่มันตรงแต่มันก็ไม่ตรงอยู่ดี แล้วสักพักก็มีข้อมูลเกี่ยวกับกระดูกสันหลังคดขึ้นมาในเฟสแม่เรา แม่เราเลยดูอาการ สรุปแล้วเราตรงกับโรคกระดูกหลังคดทุกอย่าง พ่อแม่พาเราไปหาหมอเพื่อx-rey ที่รพ.ประจำจังหวัด สรุปเราหลังคดจริงๆ แต่เราไม่ตื่นเต้นไม่รู้ทำไม555. แล้วรพ.นี้คือไม่วัดองศาให้เราด้วยแต่ปริ้นใส่กระดาษa4ออกมา เราแบบอิหยังวะมันควรจะเป็นแผ่นฟิล์มเว้ย ต่อมาเราก็ไปกายภาพบำบัดใส่เสื้อเกราะอันนี้เราคิดว่าเราทนไม่ไหวแน่ๆเพราะว่าต้องใส่มากกว่า18ชั่วโมงขึ้นไป เล่นโยคะ(หลายเดือน)แต่เรารู้สึกว่าโยคะช่วยไม่ค่อยได้มันช่วยแค่ทำให้กระดูกไม่คดไปมากกว่าเดิม ถ้าเราหยุดเล่นไปมันก็กลับมาคดเหมือนเดิมอยู่ดี
•ต่อมาเราก็คิดว่าลองไปโรงบาลอื่นที่ดีกว่านี้แม่ก็ช่วยหาให้ จนเจอรพ.นึง เราก็รีบไปทันที โหพอมารพ.นี้ตรงข้ามกับรพ.ที่แล้วเลย คือแบบแค่เครื่องx-reyก็รู้แล้วว่าอันไหนมีคุณภาพกว่ากัน (แต่ขอบอกก่อนว่าที่เรามารพ.นี้เพราะแม่หาเจอว่าหมอที่นี่เก่งมากๆ). เราx-reyเสร็จ ก็พบหมอ omggg หมออายุ80แล้วทู๊กกคนนน แต่ว่าเครื่องมือที่รพ.นี้ดีจริงๆ คอมพิวเตอร์สามารถวัดองศาของกระดูกได้เลย นั่นแหละ รพ.นี้ดีมากก!!!! หมอก็เก่งสมคำร่ำลือ เขียนภาษาอังกฤษ พิมพ์ภาษาอังกฤษทุกอย่าง เราตัดสินใจผ่าตัด...
•แต่อุปสรรคมันอยู่ตรงนี้ทุกคน ช่วงที่เราจะผ่าตรงกับช่วงโควิดพอดี!เราเลยขอเลื่อนผ่าไปหลายเดือนเลย
•จนในที่สุดเราก็ได้วันผ่าซึ่งมันตรงกับพุธแรกที่เราปิดเทอมพอดี(หมอผ่าทุกวันพุธ)แล้วคือเราจะมีเวลาพักฝื้นแค่1เดือนเท่านั้นเพราะรร.เราปิดเทอม1เดือน หมอก็บอกว่าคนอื่นเค้าผ่ากันได้2อาทิตย์เค้าก็ไปรร.กันแล้ว เราอึ้งไปสักพัก
•หมอนัดเราตรวจสุขภาพก่อนผ่าตัด10วัน ตรวจเลือด(เพื่อจองเลือด) ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
•วันผ่าเราผ่าตอน16:30 เรามาเตรียมตัวที่รพ.ตอน9:00. แน่นอนทุกคนห้องพักสะอาดเรียบหรูมาก เข้ามาเราก็เปลี่ยนชุดเลย 12:00เราไปx-rey(ลืมไปอดข้าวตั้งแต่8:30นะ) เพื่อจะได้ใช้ดูตอนผ่าตัด ทีมแพทย์ที่ผ่าเรามีหมอ3คน หมอคนที่จัดท่าxreyให้เรามีทั้งหมด2ท่า 1.ตัวตรงแต่เค้าดึงกรามกับเท้าเราให้กระดูกมันยืด โอโฮ้!!!ตรงนี้แหละโคตรรรเจ็บ555. 2.ให้เอียงหัวกับเท้าไปทางเดียวกันมีทั้งซ้ายและขวา. พอxreyเสร็จเราก็กลับขึ้นมาบนห้อง จนในที่สุด15:45. ก็มีรถมารับเราไปห้องผ่าตัด omggใครจะไปคิดว่าจะมารับเร็วขนาดนี้ ผ่า16:30ไม่ใช่เหรอ นั่นแหละ...
•พอเค้าเข็นเตียงเราลงมาโซนผ่าตัด พ่อแม่ก็ลงมาด้วย จนต้องแยกจากกันมีพี่พยาบาลคนนึงบอกไม่ต้องกลัวหรอก เอาจริงๆเราไม่ได้กลัวนะ เพราะหมอเค้าเก่งมากจริงๆประสบการณ์เยอะ แต่เราตื่นเต้นที่จะได้เห็นห้องผ่าตัดมากกว่าว่าเหมือนในซีรีส์เกาหลีไหม5555. เค้าก็เข็นเรามาตามทาง(ตอนนี้เข้ามาในแผนกผ่าตัดแล้วนะ). เข็นมาเรื่อยลึกลับซับซ้อนมากแต่ประตูเจ๋งดีเปิดเองได้ลมหนาวพัดใส่หน้า ฟิลได้มากอ่ะ555 พอถึงห้องผ่าตัดเราได้ผ่าห้อง5. พอเข้าไปมันก็เหมือนซีรีส์เกาหลีนะ แต่ว่าห้องสว่างมากๆๆๆๆ ขนาดห้องก็ประมาณห้องเรียนเราแต่เป็นห้องวงกลมนะ มีพยาบาลประมาณ8-10คนเตรียมของกับอย่างกระฉับกระเฉง เราก็ยังนอนอยู่ตรงรถเดิม เตียงผ่าตัดเราว่ามันแปลกๆน่าจะออกแบบมาเพื่อผ่ากระดูกสันหลังโดยเฉพาะเตียงมันแบ่งเป็นสองท่อนอ่ะ(หรือสามนี่แหละ)(หรือเราตามัวมองมั่วไปเอง...5555) เรามองไปทั่วห้อง ถามว่าหนาวไหม ไม่มากขนาดนั้นนะแต่ก็หนาวประมาณ18องศามั้ง(มั่ว). แต่ไม่หนาวหรอกเพราะตอนเข้ามาที่แผนก พยาบาลห่มผ้าที่ร้อนๆให้เรา สักพักพอเข้าไปในห้องผ่าตัด5นาทีเค้าเอาหมวกมาให้เราใส่ หมอก็เอาอีที่ครอบจมูกมาใส่ให้เรา เราก็ถามว่ายาสลบเหรอคะ?! หมอบอกป่าวมันคือออกซิเจน เราไม่เชื่อ. แล้วเราก็เริ่มตามัวคิดในใจแบบ(ไหนบอกออกซิเจนไงงง เราจะสลบแล้วสินะะะะ). หลับไปเลยจร้าาา ..............
•ผ่าตัดเสร็จล้าวววว เราอยู่ในห้องicu1คืน อือหื้อตอนตื่นคือ21:00หมอใช้เวลาผ่าตัดเราแค่4ชม.เอง16:30-20:20. พอฝื้นขึ้นมาอยู่ในห้องicuก็รส.แบบเย้ผ่าเสร็จแล้วปลอดภัยยย แต่ประเด็นคือเจ็บแบบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก. มีสายตรงจมูก ตรงหลัง ตรงแขนสองข้าง สายฉี่ และเราก็ปากบวมมากรส.จะเป็นเพราะเค้าใส่ท่ออะไรให้เราตอนผ่าตัดเนี่ยแหละ. เราคือคิดถึงพ่อกับแม่มากกก เจ็บปวดมากกแต่ร้องไห้ไม่ออกอ่ะ555. ห้องicuคือเป็นห้องส่วนตัวมากๆมีพยาบาลน่าร้ากกๆๆ เฝ้าอยู่หน้าห้องตลอด ใจดีมาก พ่อแม่มาเยี่ยมเราในicuได้สองครั้ง ครั้งละ15นาที เราตื่นมาสักพักเราก็หลับ หลับเสร็จก็ตื่นมาขอพี่พยาบาลกินน้ำ เรากินน้ำไปประมาณ5รอบ.แล้วเราก็ได้กินน้ำข้าวต้มกับน้ำซุป. พอได้กินแล้วเรายิ้มคุยเล่นกับพี่พยาบาลเลย อร่อย555. มีแปรงฝันให้ด้วย และแล้วเราก็ได้ออกจากห้องicu. ในตอนเช้าประมาณเที่ยงๆมั้ง55(ไม่รู้เวลาเลยเอาจริงๆ555). ตอนผ่าตัดเราใช้เลือดไป 1ถุง
•วันที่1ที่ออกมามันทรมานมาก ปวดหลังสองข้างหนึบๆ จะพลิกตะแคงข้างทีนี่อือหื้ออ (เรานอนหงายนะ) แต่พี่พยาบาลมียาให้นะแก้ปวดที่เค้าบอกกันว่าคล้ายมอฟีนแต่ๆไม่ใช่ มันคือmo.... อะไรสักอย่าง พอฉีดทีนึงนี่แบบโอโฮ้ เหมือนขึ้นสวรรค์ สบายมากกกกกกกก อยากจะกราบเท้าคนคิดยานี้ขึ้นมา พอฉีดแล้วมันจะรู้สึกแบบ เย็นๆสมองโล่ง หายปวดแบบไม่ปวดเลยสักนิด สบายกว่าตอนธรรมดาๆอีกอ่ะ. ง่วงนอน หลับ แต่ตื่นขึ้นมาก็เจ็บอยู่ดี5555
•วันที่สองนอนหลับอย่างเดียวเลยจร้าามีเจาะเลือด และก็มีให้เลือดเพิ่มอีก2ถุง
•วันที่3. ก็หลับจร้า555รึป่าวอ่ะจำไม่ค่อยได้555. มีเจาะเลือด. อ๋อ!มีถ่ายเลือดออกจากหลังประมาณ350mlมั้ง มันดูดเลือดเสียออกอ่ะ โหอันนี้เจ็บ และก็มีอีก1อุปสรรคเพิ่มขึ้นมาทุกคนคือสายฉี่อ่ะมันไม่ทำงานเว้ยคือใส่ไปมันก็ปวดฉี่อยู่ดี เราเรียกพยาบาล พยาบาลก็ไม่รู้สาเหตุ สรุปคือต้องถอดออกแล้วต่อไปนี้คือต้องเรียกพยาบาลทุกครั้งเวลาปวดฉี่เพราะเค้าจะเอากระโถนให้ฉี่บนเตียงเลย
•วันที่4 มีถ่ายเลือดเสียออก280ml และก็ลงไปหาหมอผ่าตัด เผื่อทำแผล แต่ทุกคนมันไม่ใช่แค่ทำแผล คือทุกคนจำท่อที่ถ่ายเลือดเสียที่หลังได้ป้ะ นั่นแหละเค้าจะเอาออกวันนี้เว้ยแล้วคือไม่ทันได้เตรียมใจ หมอก็ดึงท่อนั้นออกมาจากหลังเราซึ่งมันเจ็บมากกกกก เจ็บกว่าตอนผ่าเสร็จแรกๆอีกตอนดึงออกเหมือนมีคนเอาครีมมาบิดเนื้อ บิดลวดในตัวเรา เจ็บมากกกก. แม่บอกน่ากลัวมากเพราะแม่เรายืนดูอยู่ ท่อยาวประมาณ30ซมในหลังเรา แต่ทุกคนนพอถอดท่อออกแล้วเจ็บน้อยลงเยอะมากจริงๆ ลดลงเท่าตัวเลย
•วันที่5มีหมอกายภาพเอาเสื้อเกราะมาให้ฝึกลุก ฝึกเดิน ฝึกนั่งแล้ว. วันนี้มีลงไปล้างแผลด้วย วัดส่วนสูงเราสูงขึ้นแค่4เซนเอง จาก168-172 น้ำหนักเราลดไป3โล 56-52.7
•วันที่6. ฝึกกายภาพ ลุกเดินได้แล้ว ให้ลุกไปเข้าห้องน้ำเองแต่ต้องใส่เสื้อเกราะแต่ต้องมีคนประคอง
•วันสุดท้ายยย มีล้างแผล ติดพลาสเตอร์แบบกันน้ำได้ กลับบ้านได้...
* เช็ดตัวให้ทุกเช้าเย็น ตอนแรกๆต้องฉี่บนเตียงนะ แล้วสามวันแรกคือท้องอืดด้วยสำไส้ไม่ค่อยทำงานเรามาถ่ายตอนวันที่4เพราะว่าเราได้ลุกเดินลำไส้เลยทำงานมั้ง. พยาบาลที่นี่ดีมากกก ใจดี เราเรียกพยาบาลประมาณ10-15รอบต่อวันอ่ะ5555. มีวัดไข้วัดความดันทุกวันน.
*ยาแก้ปวดmo... ไม่ได้มีทุกวันนะเพราะว่าถ้าฉีดไปเยอะๆมันจะเสพติด เราฉีดแค่3วันแรกเองประมาณ15เข็ม(ทุก6ชม). วันหลังๆเราขอแต่หมอไม่ให้แล้วอ่ะเสียใจ555
*หมอก็มาเยี่ยมแทบทุกวันเลย มาวันละคน(มีสามคนที่ผ่าเรา หมอหลักคือคนที่ดึงท่อออกจากหลัง). หมอใจดีมากกก อายุ50ขึ้นทุกคน มีแค่หมอหัวใจที่แลยัง30อยู่(ไม่ได้ผ่าด้วย) หมอให้กำลังใจเก่งมากก ใจดีมากๆๆๆๆๆๆๆทั้งสามคนเลย. หมอทำแผลให้เราสวยมากๆๆตรงเป๊ะ
*ข้าวเป็นข้าวต้มทั้งหมด20มื้อเลยจร้าาาแต่ว่าความจริงวันที่4หมอก็บอกว่า กินอะไรก็ได้เลย. Omggเราดีใจ สั่งไก่บอนชอน ต๊กบอกกี ชีส ชาเขียวบุก ขนมอีกมากมาย555 ยกเว้นของดองอย่างเดียว(ไข่กินได้นะหมอบอก กินแล้วดีด้วยเพราะสารอาหารมันเยอะ)
*แผลมันปวดมากเลยนะแต่มันก็จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆจนถึงวันออกก็ยังปวดอยู่จี๊ดๆ555
(เราอาจจะเขียนแปลกๆวนไปวนมานะเพราะกลัวจำไม่ได้555)
*ที่ปวดมากๆอีกอย่างนึงคือ การที่เราไอ จาม หัวเราะ ไรงี้โคตรเจ็บเลย55555
*ตอนจะเดินลุกนั่งเราต้องใส่เสื้อเกราะในช่วงเดือนแรกๆนะ(ตลอดเวลาที่ไม่ได้นอนกับอาบน้ำ) เสื้อเกราะก็ใส่ยากนิดนึง555
*ลืมบอกว่า3วันแรกเค้ามีผ้าพันขาเราสองข้างเลยเพื่อไม่ให้ขาบวม แต่บางคนหมอก็ใช้เครื่องกระตุ้นให้ แต่ของเราใช้แค่ผ้าพันไว้
*ความรู้สึกที่หลังเรายังปกติดีนะ. เย็นๆตอนล้างแผล เคยอ่านเจอว่าถ้าผ่าแล้วตรงแผลผ่าเนื้อจะตาย แล้วไม่รู้สึก เรามีแค่ช่วงบนๆที่ไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่. เย้!
-----ตอนนี้ผ่านมา1ปีกว่าแล้วว(มั้ง)--------
1.ชีวิตดีกว่าเดิมเยอะมากเพราะไม่ต้องมากังวล+ไม่ปวดหลังแล้ว+บุคลิกดีขึ้น
2.เอวกับไหล่ที่เคยไม่เท่ากันก็ค่อยๆดีขึ้นแต่ไม่100%แน่นอน
3.แรกๆใส่ถุงเท้าตัดเล็บเท้าลำบากหน่อย แต่ก็ทำได้แน่นอน
4.ออกกำลังกายอะไรได้ปกติเลย เต้นไรแบบนี้แต่ก็ขึ้นยุกลับเวลาว่าเราไหวตอนไหน ไหวแค่ไหน(แต่เราไม่ออกกำลังกายเลยเพราะขก)
5.บางครั้งนอนผิดท่าก็มีปวดหลังบ้างแต่ก็ไม่ได้ปวดมากขนาดนั้น
6.ยกของหนักๆก้ยกได้นะ แต่ก็ต้องดูร่างกายตัวเองด้วยว่าไหวแค่ไหน
ประสบการณ์ผ่าตัดกระดูกสันหลังคด2020
•เราจะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการผ่าตัดกระดูกสันหลังคดให้ฟัง
•เราคดเป็นตัวs. ด้านบน35องศา ด้านล่าง40องศาผ่าตั้งแต่T5ถึงL3 ผ่าตอนอายุ16 วันที่4/11/63
•เรารู้ว่ากระดูกสันหลังเราคดตอนอายุม.3เทอมแรก แต่พ่อเราผิดสังเกตตั้งแต่เราอยู่ป.6 ว่าทำไมสะโพกเรามันนูน ไปคลินิกแถวบ้านหมอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร เลยไม่ได้สนใจ จนมาม.3พ่อแม่บอกเราเดินเอียง เดินให้มันตรงๆหน่อยไรประมาณนี้ หลายวันต่อมาเราก็พยายามเดินให้ไหล่มันตรงแต่มันก็ไม่ตรงอยู่ดี แล้วสักพักก็มีข้อมูลเกี่ยวกับกระดูกสันหลังคดขึ้นมาในเฟสแม่เรา แม่เราเลยดูอาการ สรุปแล้วเราตรงกับโรคกระดูกหลังคดทุกอย่าง พ่อแม่พาเราไปหาหมอเพื่อx-rey ที่รพ.ประจำจังหวัด สรุปเราหลังคดจริงๆ แต่เราไม่ตื่นเต้นไม่รู้ทำไม555. แล้วรพ.นี้คือไม่วัดองศาให้เราด้วยแต่ปริ้นใส่กระดาษa4ออกมา เราแบบอิหยังวะมันควรจะเป็นแผ่นฟิล์มเว้ย ต่อมาเราก็ไปกายภาพบำบัดใส่เสื้อเกราะอันนี้เราคิดว่าเราทนไม่ไหวแน่ๆเพราะว่าต้องใส่มากกว่า18ชั่วโมงขึ้นไป เล่นโยคะ(หลายเดือน)แต่เรารู้สึกว่าโยคะช่วยไม่ค่อยได้มันช่วยแค่ทำให้กระดูกไม่คดไปมากกว่าเดิม ถ้าเราหยุดเล่นไปมันก็กลับมาคดเหมือนเดิมอยู่ดี
•ต่อมาเราก็คิดว่าลองไปโรงบาลอื่นที่ดีกว่านี้แม่ก็ช่วยหาให้ จนเจอรพ.นึง เราก็รีบไปทันที โหพอมารพ.นี้ตรงข้ามกับรพ.ที่แล้วเลย คือแบบแค่เครื่องx-reyก็รู้แล้วว่าอันไหนมีคุณภาพกว่ากัน (แต่ขอบอกก่อนว่าที่เรามารพ.นี้เพราะแม่หาเจอว่าหมอที่นี่เก่งมากๆ). เราx-reyเสร็จ ก็พบหมอ omggg หมออายุ80แล้วทู๊กกคนนน แต่ว่าเครื่องมือที่รพ.นี้ดีจริงๆ คอมพิวเตอร์สามารถวัดองศาของกระดูกได้เลย นั่นแหละ รพ.นี้ดีมากก!!!! หมอก็เก่งสมคำร่ำลือ เขียนภาษาอังกฤษ พิมพ์ภาษาอังกฤษทุกอย่าง เราตัดสินใจผ่าตัด...
•แต่อุปสรรคมันอยู่ตรงนี้ทุกคน ช่วงที่เราจะผ่าตรงกับช่วงโควิดพอดี!เราเลยขอเลื่อนผ่าไปหลายเดือนเลย
•จนในที่สุดเราก็ได้วันผ่าซึ่งมันตรงกับพุธแรกที่เราปิดเทอมพอดี(หมอผ่าทุกวันพุธ)แล้วคือเราจะมีเวลาพักฝื้นแค่1เดือนเท่านั้นเพราะรร.เราปิดเทอม1เดือน หมอก็บอกว่าคนอื่นเค้าผ่ากันได้2อาทิตย์เค้าก็ไปรร.กันแล้ว เราอึ้งไปสักพัก
•หมอนัดเราตรวจสุขภาพก่อนผ่าตัด10วัน ตรวจเลือด(เพื่อจองเลือด) ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
•วันผ่าเราผ่าตอน16:30 เรามาเตรียมตัวที่รพ.ตอน9:00. แน่นอนทุกคนห้องพักสะอาดเรียบหรูมาก เข้ามาเราก็เปลี่ยนชุดเลย 12:00เราไปx-rey(ลืมไปอดข้าวตั้งแต่8:30นะ) เพื่อจะได้ใช้ดูตอนผ่าตัด ทีมแพทย์ที่ผ่าเรามีหมอ3คน หมอคนที่จัดท่าxreyให้เรามีทั้งหมด2ท่า 1.ตัวตรงแต่เค้าดึงกรามกับเท้าเราให้กระดูกมันยืด โอโฮ้!!!ตรงนี้แหละโคตรรรเจ็บ555. 2.ให้เอียงหัวกับเท้าไปทางเดียวกันมีทั้งซ้ายและขวา. พอxreyเสร็จเราก็กลับขึ้นมาบนห้อง จนในที่สุด15:45. ก็มีรถมารับเราไปห้องผ่าตัด omggใครจะไปคิดว่าจะมารับเร็วขนาดนี้ ผ่า16:30ไม่ใช่เหรอ นั่นแหละ...
•พอเค้าเข็นเตียงเราลงมาโซนผ่าตัด พ่อแม่ก็ลงมาด้วย จนต้องแยกจากกันมีพี่พยาบาลคนนึงบอกไม่ต้องกลัวหรอก เอาจริงๆเราไม่ได้กลัวนะ เพราะหมอเค้าเก่งมากจริงๆประสบการณ์เยอะ แต่เราตื่นเต้นที่จะได้เห็นห้องผ่าตัดมากกว่าว่าเหมือนในซีรีส์เกาหลีไหม5555. เค้าก็เข็นเรามาตามทาง(ตอนนี้เข้ามาในแผนกผ่าตัดแล้วนะ). เข็นมาเรื่อยลึกลับซับซ้อนมากแต่ประตูเจ๋งดีเปิดเองได้ลมหนาวพัดใส่หน้า ฟิลได้มากอ่ะ555 พอถึงห้องผ่าตัดเราได้ผ่าห้อง5. พอเข้าไปมันก็เหมือนซีรีส์เกาหลีนะ แต่ว่าห้องสว่างมากๆๆๆๆ ขนาดห้องก็ประมาณห้องเรียนเราแต่เป็นห้องวงกลมนะ มีพยาบาลประมาณ8-10คนเตรียมของกับอย่างกระฉับกระเฉง เราก็ยังนอนอยู่ตรงรถเดิม เตียงผ่าตัดเราว่ามันแปลกๆน่าจะออกแบบมาเพื่อผ่ากระดูกสันหลังโดยเฉพาะเตียงมันแบ่งเป็นสองท่อนอ่ะ(หรือสามนี่แหละ)(หรือเราตามัวมองมั่วไปเอง...5555) เรามองไปทั่วห้อง ถามว่าหนาวไหม ไม่มากขนาดนั้นนะแต่ก็หนาวประมาณ18องศามั้ง(มั่ว). แต่ไม่หนาวหรอกเพราะตอนเข้ามาที่แผนก พยาบาลห่มผ้าที่ร้อนๆให้เรา สักพักพอเข้าไปในห้องผ่าตัด5นาทีเค้าเอาหมวกมาให้เราใส่ หมอก็เอาอีที่ครอบจมูกมาใส่ให้เรา เราก็ถามว่ายาสลบเหรอคะ?! หมอบอกป่าวมันคือออกซิเจน เราไม่เชื่อ. แล้วเราก็เริ่มตามัวคิดในใจแบบ(ไหนบอกออกซิเจนไงงง เราจะสลบแล้วสินะะะะ). หลับไปเลยจร้าาา ..............
•ผ่าตัดเสร็จล้าวววว เราอยู่ในห้องicu1คืน อือหื้อตอนตื่นคือ21:00หมอใช้เวลาผ่าตัดเราแค่4ชม.เอง16:30-20:20. พอฝื้นขึ้นมาอยู่ในห้องicuก็รส.แบบเย้ผ่าเสร็จแล้วปลอดภัยยย แต่ประเด็นคือเจ็บแบบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก. มีสายตรงจมูก ตรงหลัง ตรงแขนสองข้าง สายฉี่ และเราก็ปากบวมมากรส.จะเป็นเพราะเค้าใส่ท่ออะไรให้เราตอนผ่าตัดเนี่ยแหละ. เราคือคิดถึงพ่อกับแม่มากกก เจ็บปวดมากกแต่ร้องไห้ไม่ออกอ่ะ555. ห้องicuคือเป็นห้องส่วนตัวมากๆมีพยาบาลน่าร้ากกๆๆ เฝ้าอยู่หน้าห้องตลอด ใจดีมาก พ่อแม่มาเยี่ยมเราในicuได้สองครั้ง ครั้งละ15นาที เราตื่นมาสักพักเราก็หลับ หลับเสร็จก็ตื่นมาขอพี่พยาบาลกินน้ำ เรากินน้ำไปประมาณ5รอบ.แล้วเราก็ได้กินน้ำข้าวต้มกับน้ำซุป. พอได้กินแล้วเรายิ้มคุยเล่นกับพี่พยาบาลเลย อร่อย555. มีแปรงฝันให้ด้วย และแล้วเราก็ได้ออกจากห้องicu. ในตอนเช้าประมาณเที่ยงๆมั้ง55(ไม่รู้เวลาเลยเอาจริงๆ555). ตอนผ่าตัดเราใช้เลือดไป 1ถุง
•วันที่1ที่ออกมามันทรมานมาก ปวดหลังสองข้างหนึบๆ จะพลิกตะแคงข้างทีนี่อือหื้ออ (เรานอนหงายนะ) แต่พี่พยาบาลมียาให้นะแก้ปวดที่เค้าบอกกันว่าคล้ายมอฟีนแต่ๆไม่ใช่ มันคือmo.... อะไรสักอย่าง พอฉีดทีนึงนี่แบบโอโฮ้ เหมือนขึ้นสวรรค์ สบายมากกกกกกกก อยากจะกราบเท้าคนคิดยานี้ขึ้นมา พอฉีดแล้วมันจะรู้สึกแบบ เย็นๆสมองโล่ง หายปวดแบบไม่ปวดเลยสักนิด สบายกว่าตอนธรรมดาๆอีกอ่ะ. ง่วงนอน หลับ แต่ตื่นขึ้นมาก็เจ็บอยู่ดี5555
•วันที่สองนอนหลับอย่างเดียวเลยจร้าามีเจาะเลือด และก็มีให้เลือดเพิ่มอีก2ถุง
•วันที่3. ก็หลับจร้า555รึป่าวอ่ะจำไม่ค่อยได้555. มีเจาะเลือด. อ๋อ!มีถ่ายเลือดออกจากหลังประมาณ350mlมั้ง มันดูดเลือดเสียออกอ่ะ โหอันนี้เจ็บ และก็มีอีก1อุปสรรคเพิ่มขึ้นมาทุกคนคือสายฉี่อ่ะมันไม่ทำงานเว้ยคือใส่ไปมันก็ปวดฉี่อยู่ดี เราเรียกพยาบาล พยาบาลก็ไม่รู้สาเหตุ สรุปคือต้องถอดออกแล้วต่อไปนี้คือต้องเรียกพยาบาลทุกครั้งเวลาปวดฉี่เพราะเค้าจะเอากระโถนให้ฉี่บนเตียงเลย
•วันที่4 มีถ่ายเลือดเสียออก280ml และก็ลงไปหาหมอผ่าตัด เผื่อทำแผล แต่ทุกคนมันไม่ใช่แค่ทำแผล คือทุกคนจำท่อที่ถ่ายเลือดเสียที่หลังได้ป้ะ นั่นแหละเค้าจะเอาออกวันนี้เว้ยแล้วคือไม่ทันได้เตรียมใจ หมอก็ดึงท่อนั้นออกมาจากหลังเราซึ่งมันเจ็บมากกกกก เจ็บกว่าตอนผ่าเสร็จแรกๆอีกตอนดึงออกเหมือนมีคนเอาครีมมาบิดเนื้อ บิดลวดในตัวเรา เจ็บมากกกก. แม่บอกน่ากลัวมากเพราะแม่เรายืนดูอยู่ ท่อยาวประมาณ30ซมในหลังเรา แต่ทุกคนนพอถอดท่อออกแล้วเจ็บน้อยลงเยอะมากจริงๆ ลดลงเท่าตัวเลย
•วันที่5มีหมอกายภาพเอาเสื้อเกราะมาให้ฝึกลุก ฝึกเดิน ฝึกนั่งแล้ว. วันนี้มีลงไปล้างแผลด้วย วัดส่วนสูงเราสูงขึ้นแค่4เซนเอง จาก168-172 น้ำหนักเราลดไป3โล 56-52.7
•วันที่6. ฝึกกายภาพ ลุกเดินได้แล้ว ให้ลุกไปเข้าห้องน้ำเองแต่ต้องใส่เสื้อเกราะแต่ต้องมีคนประคอง
•วันสุดท้ายยย มีล้างแผล ติดพลาสเตอร์แบบกันน้ำได้ กลับบ้านได้...
* เช็ดตัวให้ทุกเช้าเย็น ตอนแรกๆต้องฉี่บนเตียงนะ แล้วสามวันแรกคือท้องอืดด้วยสำไส้ไม่ค่อยทำงานเรามาถ่ายตอนวันที่4เพราะว่าเราได้ลุกเดินลำไส้เลยทำงานมั้ง. พยาบาลที่นี่ดีมากกก ใจดี เราเรียกพยาบาลประมาณ10-15รอบต่อวันอ่ะ5555. มีวัดไข้วัดความดันทุกวันน.
*ยาแก้ปวดmo... ไม่ได้มีทุกวันนะเพราะว่าถ้าฉีดไปเยอะๆมันจะเสพติด เราฉีดแค่3วันแรกเองประมาณ15เข็ม(ทุก6ชม). วันหลังๆเราขอแต่หมอไม่ให้แล้วอ่ะเสียใจ555
*หมอก็มาเยี่ยมแทบทุกวันเลย มาวันละคน(มีสามคนที่ผ่าเรา หมอหลักคือคนที่ดึงท่อออกจากหลัง). หมอใจดีมากกก อายุ50ขึ้นทุกคน มีแค่หมอหัวใจที่แลยัง30อยู่(ไม่ได้ผ่าด้วย) หมอให้กำลังใจเก่งมากก ใจดีมากๆๆๆๆๆๆๆทั้งสามคนเลย. หมอทำแผลให้เราสวยมากๆๆตรงเป๊ะ
*ข้าวเป็นข้าวต้มทั้งหมด20มื้อเลยจร้าาาแต่ว่าความจริงวันที่4หมอก็บอกว่า กินอะไรก็ได้เลย. Omggเราดีใจ สั่งไก่บอนชอน ต๊กบอกกี ชีส ชาเขียวบุก ขนมอีกมากมาย555 ยกเว้นของดองอย่างเดียว(ไข่กินได้นะหมอบอก กินแล้วดีด้วยเพราะสารอาหารมันเยอะ)
*แผลมันปวดมากเลยนะแต่มันก็จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆจนถึงวันออกก็ยังปวดอยู่จี๊ดๆ555
(เราอาจจะเขียนแปลกๆวนไปวนมานะเพราะกลัวจำไม่ได้555)
*ที่ปวดมากๆอีกอย่างนึงคือ การที่เราไอ จาม หัวเราะ ไรงี้โคตรเจ็บเลย55555
*ตอนจะเดินลุกนั่งเราต้องใส่เสื้อเกราะในช่วงเดือนแรกๆนะ(ตลอดเวลาที่ไม่ได้นอนกับอาบน้ำ) เสื้อเกราะก็ใส่ยากนิดนึง555
*ลืมบอกว่า3วันแรกเค้ามีผ้าพันขาเราสองข้างเลยเพื่อไม่ให้ขาบวม แต่บางคนหมอก็ใช้เครื่องกระตุ้นให้ แต่ของเราใช้แค่ผ้าพันไว้
*ความรู้สึกที่หลังเรายังปกติดีนะ. เย็นๆตอนล้างแผล เคยอ่านเจอว่าถ้าผ่าแล้วตรงแผลผ่าเนื้อจะตาย แล้วไม่รู้สึก เรามีแค่ช่วงบนๆที่ไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่. เย้!
-----ตอนนี้ผ่านมา1ปีกว่าแล้วว(มั้ง)--------
1.ชีวิตดีกว่าเดิมเยอะมากเพราะไม่ต้องมากังวล+ไม่ปวดหลังแล้ว+บุคลิกดีขึ้น
2.เอวกับไหล่ที่เคยไม่เท่ากันก็ค่อยๆดีขึ้นแต่ไม่100%แน่นอน
3.แรกๆใส่ถุงเท้าตัดเล็บเท้าลำบากหน่อย แต่ก็ทำได้แน่นอน
4.ออกกำลังกายอะไรได้ปกติเลย เต้นไรแบบนี้แต่ก็ขึ้นยุกลับเวลาว่าเราไหวตอนไหน ไหวแค่ไหน(แต่เราไม่ออกกำลังกายเลยเพราะขก)
5.บางครั้งนอนผิดท่าก็มีปวดหลังบ้างแต่ก็ไม่ได้ปวดมากขนาดนั้น
6.ยกของหนักๆก้ยกได้นะ แต่ก็ต้องดูร่างกายตัวเองด้วยว่าไหวแค่ไหน