เรื่องจริง : เมื่อแพทย์ทำแท้งกลับใจ

(ตอนที่ 1)
     สโตแจน อะดาเซวิก (Stojan Adasevic) จะไม่มีวันลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในวันหนึ่งขณะที่ตนเป็นนักศึกษาแพทย์แผนกนรีเวชวิทยา และกำลังจัดเอกสารในห้องที่มีแพทย์กำลังคุยกันถึงประสบการณ์ต่าง ๆของแต่ละคน โดยไม่สนใจนักศึกษาแพทย์ที่กำลังจัดเอกสาร ทางการแพทย์กองใหญ่อยู่ข้างหน้า

     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ ดร.ราโด อีญาโตวิก (Rado Ignatovic) เล่าถึงคนไข้คนหนึ่งที่มาขอให้ตนช่วยทำแท้งทารกที่อยู่ในครรภ์ให้ ท่านทำไม่สำเร็จเพราะไม่สามารถปรับตำแหน่งปากมดลูกให้ตรงได้ กลุ่มนรีแพทย์ในห้องก็ออกความเห็นต่าง ๆ นานาของปัญหาที่เกิดขึ้น พวกเขาพูดกันมาถึงตอนหนึ่ง ซึ่งสโตแจนเมื่อได้ฟังก็รู้สึกตัวแข็งอยู่กับที่ เนื่องจากพวกเขากำลังพูดถึง ทันตแพทย์หญิงคนหนึ่งที่เคยมีที่ทำงาน อยู่ในย่านนั้น เธอเป็นมารดาของเขาเอง และเมื่อแพทย์คนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เธอก็เสียชีวิตไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทารกคนนั้น?” ... สโตแจนไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไปจึงลุกขึ้นและพูดว่า “ผมคือทารกคนนั้นครับ!” ทันทีที่พูดออกไป ทั้งห้องก็เงียบสงัด จากนั้นแพทย์แต่ละคนก็ค่อยๆ เดินออกไปนอกห้อง
หลายปีผ่านไป บัดนี้สโตแจน กลายเป็นนายแพทย์อะดาเซวิก สโตแจนคงได้คิดทบทวนอยู่หลายครั้งจนถึงบัดนั้นว่า ตนเป็นหนี้ชีวิต เพราะการทำแท้งไม่สำเร็จ ฉะนั้นตนจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงอื่นอีก เขากลายเป็นแพทย์ทำแท้งที่มีฝีมือดีที่สุดในกรุงเบลเกรด (ยูโกสลาเวีย) และมีฝีมือเหนือ ดร.ราโด อีญาโตวิก อาจารย์ผู้สอนที่เขาเป็นหนี้ชีวิตด้วย


CR. : https://www.rs21.com.br/noticias/medico-servio-que-fez-mais-de-48-000-abortos-hoje-defende-a-vida/

     นายแพทย์อะดาเซวิก ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้นแก้ได้ด้วยการฝึกฝนบ่อย ๆ” ท่านอ้างสุภาษิตเยอรมันที่ว่า “Übung macht Meister” (การฝึกฝนทำให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ) ท่านฝึกทำวันละ 20-30 ราย และเคยทำสูงสุดได้ถึง 35 รายในหนึ่งวัน นับจนถึงจุดเปลี่ยนเป็นเวลา 26 ปีต่อมาที่ท่านเป็นนรีแพทย์ (gynecologist) คำนวณได้ว่าท่านได้ทำแท้งไปแล้วประมาณ 48,000-62,000 ราย
ระหว่างช่วงเวลา 26 ปีที่ท่านทำแท้งนั้น ท่านเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจจากการเรียนและจากตำราว่า การทำแท้งก็ไม่ต่างอะไรกับการผ่าไส้ติ่งอักเสบ ข้อแตกต่างมีเพียงอย่างเดียวคือการผ่าไส้ติ่งอักเสบเป็นการตัดชิ้นส่วนของลำไส้ออกไป ส่วนการทำแท้งคือการเอาเนื้อเยื่อของตัวอ่อนออกไป อย่างไรก็ตามเมื่อถึงทศวรรษ 1980 วิทยาการด้านอัลตร้าซาวด์เข้ามามีบทบาทในประเทศยูโกสลาเวีย ท่านจึงเห็นภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นครั้งแรก ภาพจากจอมอนิเตอร์ทำให้ท่านทราบว่า ที่จริงในครรภ์ของสตรีที่มาทำแท้งนั้น มีตัวอ่อนที่มีชีวิตกำลังดูดนิ้วหัวแม่มืออยู่ และสามารถขยับเขยื้อนแขนขาได้ ซึ่งบ่อยครั้งท่านได้ใช้คีมคีบออกมาวางไว้บนโต๊ะขณะทำงาน ทุกวันนี้ ท่านกล่าวถึงวันที่เห็นภาพดังกล่าวว่า “ผมได้มองโดยที่ไม่เห็นมาก่อน และนับแต่นั้นมาผมก็เริ่มมีความฝันแปลก ๆ”

     ความฝันของ ดร อะดาเซวิก เป็นความฝันซ้ำ ๆ ที่หลอกหลอนท่านอยู่ทุกคืนเป็นแรมเดือนหลังจากที่ทำงานแต่ละวัน ท่านฝันเห็นตัวเองกำลังเดินอยู่บนสนามหญ้าที่มีแสงแดดส่อง มีดอกไม้สวยงามอยู่ทั่วไป อากาศอบอุ่นและน่ารื่นรมย์ แต่ตัวเองกลับรู้สึกมีความกังวลอยู่ในใจ ทันใดนั้นก็มีเด็กเล็กๆ มากมายวิ่งกรูกันออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะที่เบิกบาน เด็กทุกคนกำลังเล่นลูกบอลกันอย่างสนุกสนาน พวกเขามีอายุตั้งแต่ 3-4 ขวบไปจนถึงประมาณ 20 ปี ท่านรู้สึกคุ้นหน้าอย่างประหลาดกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งและเด็กผู้หญิงอีก 2 คน เมื่อท่านพยายามไปพูดด้วย เด็กทุกคนก็ส่งเสียงกรีดร้อง และวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ภายใต้สายตาของบุรุษผู้หนึ่งสวมชุดสีดำที่กำลังเฝ้ามองทุกสิ่งอยู่อย่างเงียบ ๆ

     ทุกคืน ดร.อะดาเซวิก จะตกใจตื่นและนอนไม่หลับจนถึงเช้า ท่านพยายามบำบัดด้วยยาทุกชนิดทั้งสมุนไพรและยาแผนใหม่ แต่ก็ไม่เป็นผล อยู่มาคืนหนึ่งท่านรู้สึกหัวเสียมากในความฝัน และเริ่มวิ่งไล่จับพวกเด็ก ๆ ท่านจับตัวเด็กมาได้คนหนึ่งที่ร้องตะโกนว่า “ช่วยด้วย! ฆาตกร! ช่วยด้วยอย่าให้ฆาตกรฆ่าหนู!” ตอนนั้นเอง ที่บุรุษในชุดดำแปลงร่างเป็นนกอินทรีบินโฉบลงมาและคว้าตัวเด็กไปจากมือของท่าน ท่านตกใจตื่น หัวใจเต้นแรงเหมือนถูกค้อนทุบซี่โครง อากาศในห้องก็เย็นดีอยู่แต่ท่านกลับรู้สึกร้อนจนเหงื่อไหลท่วมตัว เช้าวันนั้นท่านตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ แต่ยังพบไม่ได้ทันที เพราะต้องจองคิวเพื่อการนัดหมาย

     อย่างไรก็ตาม ก่อนนอนค่ำวันนั้น ท่านตั้งใจว่าท่านจะถามบุรุษที่เห็นในฝันผู้นั้นว่าเป็นใคร... และก็เป็นไปตามที่ตั้งใจ ในฝันตอบท่านว่า “ถึงแม้จะบอกชื่อให้ ก็คงไม่มีความหมายอะไรกับคุณ” แต่เมื่อคุณยืนยันต้องการทราบ บุรุษผู้นั้นจึงตอบว่า “ฉันชื่อโทมัส อะไควนัส” (Thomas Aquinas : 1225-1274 : นักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร) ซึ่งเป็นชื่อที่ดร.อะดาเซวิก ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต บุรุษชุดดำจึงพูดต่อไปว่า “ทำไมคุณถึงไม่ถามล่ะว่า เด็กพวกนั้นเป็นใคร คุณจำพวกเขาไม่ได้หรือ?”— เมื่อท่านตอบปฏิเสธไปว่าไม่รู้จักพวกเขา บุรุษผู้นั้นจึงพูดว่า “ไม่จริงหรอก คุณรู้จักพวกเขาดีทีเดียวเลย พวกเขาก็คือเด็ก ๆ ที่คุณฆ่าตอนทำแท้งไงล่ะ”—ท่านจึงแย้งว่า “เป็นไปได้อย่างไร เด็กพวกนี้เป็นเด็กโต และฉันก็ยังไม่เคยฆ่าเด็กที่คลอดออกมาแล้วแม้แต่คนเดียว”--- โทมัสจึงตอบว่า “คุณไม่รู้หรือว่าในดินแดนแห่งนี้เด็กๆ ยังโตต่อได้? --- ท่านยังไม่ยอมแพ้และกล่าวว่า “แต่ฉันไม่เคยฆ่าเด็กอายุ 20 ปีเลย”—“คุณฆ่าเขาเมื่อ 20 ปีก่อนไงล่ะ ตอนนั้นเขาเพิ่งมีอายุได้ 3 เดือน”


CR. : http://www.pagadiandiocese.org/2015/11/23/stojan-adasevic-a-communist-abortionist-turned-pro-life-after-a-saint-visited-him-in-a-dream/

     ถึงตอนนี้ท่านจึงนึกใบหน้าของเด็กหนุ่มที่มีอายุ 20 ปีและเด็กหญิง 2 คนนั้นออก พวกเขามีใบหน้าเหมือนกับคนที่ท่านรู้จักดีที่ท่านเป็นคนทำแท้งให้ เด็กหนุ่มคนนั้นมีใบหน้าเหมือนเพื่อนสนิทของเขาที่พาภรรยามาให้เขาทำแท้งให้เมื่อ 20 ปีก่อน ส่วนเด็กหญิง 2 คนนั้น ท่านรู้จักแม่ของทั้งสองดี และแม่ของคนหนึ่งก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านเอง เมื่อตื่นขึ้นมาท่านตัดสินใจว่าจะเลิกทำแท้งอย่างเด็ดขาด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่